Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์ หมอหนุ่มนักบินอวกาศ สุดฮ็อต ปี 50

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

 ข่าว บทความ หนุ่มหล่อ ชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์ หมอหนุ่ม นักบินอวกาศ กลายเป็นหนุ่มสุดฮอตประจำปี 2550 ซะแล้ว หลายคนอยากรู้ว่า หนุ่มหล่อ ชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์ เป็นใครมาจากไหน วันนี้เรามี ข่าว บทความ ประวัติ รูปภาพ หนุ่มหล่อ ชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์ มาฝากค่ะ อยากรู้คลิกอ่านที่นี่เลย


          ถ้าต้องให้บรรดาสาวๆ คิดว่าใครควรจะครองตำแหน่งหนุ่มฮ็อตประจำปี 2550 ชื่อ ชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์ ต้องแวบเข้ามาในความคิดของหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย หลายคนอาจงง-เขาเป็นใครกัน?

          หากยังจำกันได้ เมื่อราว 2 เดือนที่แล้ว มาเลเซีย ประเทศบ้านชิดติดเมืองไทย มีข่าวดีข่าวใหญ่ให้คนในชาติได้ชื่นชมและร่วมเฉลิมฉลอง ด้วยมี นักบินอวกาศ คนแรกของ ประเทศ ขึ้นไปสำรวจอวกาศ ไม่ใช่ใคร...เป็น มุสซาฟาร์ นั่นเอง

          แรกเริ่มเดิมทีอาจยังไม่ค่อยมีใครรู้จักชื่อเสียงเรียงนามหรือเห็นหน้าค่าตาของเขาเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศ ชื่อเสียงของมุสซาฟาร์ก็โด่งดังไปทั่วโลก

          ความสามารถที่ถึงขั้นเป็นนักบินท่องอวกาศ แถมด้วยหน้าตาที่ดูดีแทบไม่เป็นสองรองใคร ทำให้มุสซาฟาร์กลายเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก

          ชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์-หนุ่มโสดที่สาวๆ ไม่ว่าจะวัยไหนหรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกันต่างยกนิ้วให้ในความหล่อ-คมเข้ม คนนี้ เป็นชาวมาเลย์โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2515 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

          หลังเรียนจบชั้นมัธยมในมาเลเซีย มุสซาฟาร์ก็สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยการแพทย์คัสเตอร์บา ประเทศอินเดีย จากนั้นกลับมาเรียนต่อเฉพาะทางด้านออร์โธปิดิค ที่มหาวิทยาลัยเคบังซาน ในมาเลเซีย

          ใครว่าหล่อเป็นอย่างเดียวเห็นทีต้องขอเถียง เพราะมุสซาฟาร์ยังมีจิตใจดีอีกด้วย เพราะได้ข่าวว่า ในปี 2545 มุสซาฟาร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือผู้คนที่ประเทศอัฟกานิสถาน ส่วนปี 2546 ก็เข้าไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่ประเทศกัมพูชา

          เรียนจบแล้ว มุสซาฟาร์มีอาชีพเป็น "นายแพทย์" ด้านออร์โธปิดิค และเป็นอาจารย์หมอสอนนักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคบังซาน

          ส่วนงานรองคือ...นายแบบ!! ยิ้มแต่ละทีสาวๆ เห็นแล้วแทบละลาย

          หากพอมีเวลาว่างจากการทำงานเป็นหมอหรือถ่ายแบบ หมอหนุ่มมุสซาฟาร์ก็จะใช้ไปกับการออกกำลังกายและเล่นกีฬา อย่าง โยคะ ดำน้ำ (สกูบา ไดฟ์วิ่ง) ว่ายน้ำ ขี่ม้า และบันจี้ จัมพ์

          แล้วมาเป็นนักบินอวกาศได้อย่างไร?

          ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน มาเลเซียกับรัสเซียมีข้อตกลงความร่วมมือทางด้านอวกาศ จนปี 2530 รัสเซียก็เสนอจะฝึกนักบินอวกาศให้กับมาเลเซีย แต่มาเลเซียยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ

          กระทั่งปี 2545 นายกรัฐมนตรี มหาธีร์ มูฮัมหมัด ของมาเลเซีย เดินทางเยือนรัสเซีย หนึ่งในประเด็นที่ทั้ง 2 ประเทศพูดคุยกัน คือ เรื่องการส่งชาวมาเลย์ไปฝึกเป็นนักบิน

          อวกาศที่รัสเซีย ความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างกันจึงค่อยก่อตัวเป็นเค้าราง หนึ่งปีให้หลัง วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เดินทางเยือนมาเลเซีย ซึ่งในที่สุดก็มีการลงนามในข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศเรื่องความร่วมมือทางด้านอวกาศ

          เนื้อหาคือ รัสเซียจะช่วยฝึกนักบินอวกาศชาวมาเลย์ และจะให้ร่วมเดินทางกับนักบินอวกาศชาวรัสเซีย เพื่อไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ เป็นการแลกเปลี่ยนกับที่มาเลเซียจัดซื้อเครื่องบินรบ 18 ลำของรัสเซีย มูลค่าเกือบหนึ่งพันล้านดอลลาร์ แต่มาเลเซียก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการให้คนของประเทศตนขึ้นท่องอวกาศด้วย จำนวน 25 ล้านดอลลาร์

          ไม่ได้คิดไกลตัวโดยไม่มีรากฐาน เพราะมาเลเซียได้ตั้งองค์กรด้านอวกาศขึ้นในปี 2545 เรียก มาเลเชียน เนชั่นแนล สเปซ เอเจนซี่ เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับอวกาศของมาเลเซีย

          เมื่อ มาเลเชียน เนชั่นแนล สเปซ เอเจนซี่ เปิดรับสมัครประชาชนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปและมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อเข้ารับการคัดเลือกตัวเป็นนักบินอวกาศ ก็ปรากฏว่ามีชาวมาเลย์ที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายแห่กันมาสมัครอย่างล้นหลามมากกว่า 10,000 คน!!

          แน่นอนว่า คนที่ฝันอยากจะเป็นนักบินอวกาศมาตั้งแต่เด็กอย่าง มุสซาฟาร์ ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสดีอย่างนี้หลุดลอย

          เพราะเขามีคติประจำใจที่ว่า แค่เชื่อว่าทำได้...ก็ไม่มีขีดจำกัดใดในชีวิต

          ผ่านบททดสอบเข้าขั้นหินแล้ว ราวต้นปี 2549 มุสซาฟาร์และชาวมาเลย์อีก 3 คน ก็ได้รับการคัดเลือก เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมเบื้องต้นที่ สตาร์ ซิตี้ ประเทศรัสเซีย

          เมื่อเสร็จสิ้น ก็มีเพียงมุสซาฟาร์ และ ฟาอีซ คาลีด เท่านั้นที่ผ่านเข้าสู่การฝึกอบรมแบบเข้มข้นที่ใช้เวลาถึง 18 เดือน

          ในที่สุด มุสซาฟาร์ ก็ได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศ

          วันที่ 10 ตุลาคม 2550 กลายเป็นวันที่ชาวมาเลย์ทั้งประเทศจะไม่มีวันลืม เมื่อยานโซยูซ ทีเอ็มเอ-11 พา มุสซาฟาร์ และนักบินอวกาศอีก 2 คน คือ เพ็กกี้ วิทสัน ชาวอเมริกัน และ ยูริ มาเลนเชนโก ชาวรัสเซียน ทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ จากฐานบินอวกาศไบโคนูร์ ประเทศคาซักสถาน

          ความสุขเข้าปกคลุมมาเลเซียทั้งประเทศ ผู้คนทุกเพศทุกวัยต่างเฝ้ารอดูมุสซาฟาร์ขึ้นท่องอวกาศด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม

          "ผมภูมิใจอย่างมากที่เรามีนักบินอวกาศคนแรกของประเทศ และได้ไปปฏิบัติภารกิจในอวกาศ นับเป็นช่วงเวลาที่น่าปลาบปลื้มและน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับประเทศชาติ" อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย บอกไว้ตอนนั้น

         ภารกิจของมุสซาฟาร์ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ในยานอวกาศ และที่สถานีอวกาศนานาชาติ คือ การทำวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของสภาวะไร้น้ำหนักและคลื่นในอวกาศที่มีต่อเซลล์ต่างๆ และทดสองสารประกอบโปรตีน เพื่อพัฒนาเป็นวัคซีนต้านเชื้อเอชไอวี

          มุสซาฟาร์ไม่ใช่ชาวมุสลิมคนแรกที่เป็นนักบินอวกาศ แต่เขาเป็นชาวมุสลิมคนแรกที่ขึ้นสู่อวกาศในช่วงเทศกาล "รอมฎอน" หรือเทศกาลถือศีลอดตามศาสนาอิสลาม

          เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกันบ้าง โดยหน่วยงานด้านศาสนาอิสลามแห่งมาเลเซียได้ออกหนังสือคู่มือ 18 หน้า ว่าด้วยการปฏิบัติตนตามศาสนาอิสลาม ระหว่างอยู่ในสถานีอวกาศนานาชาติ เล่มแรกของโลกขึ้น เรียกว่า หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาเพื่อมุสซาฟาร์เป็นการเฉพาะก็ว่าได้

          ในคู่มือบอกถึงวิธีการละหมาดในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง วิธีการหาทิศของเมกกะเมื่ออยู่ที่สถานีอวกาศนานาชาติ วิธีในการหาเวลาในการละหมาด เพราะสถานีอวกาศนานาชาติโคจรรอบโลกวันละ 16 ครั้ง เป็นต้น

          มุสซาฟาร์ใช้เวลาอยู่ที่สถานีอวกาศนานาชาติอยู่หลายวัน กระทั่งเดินทางกลับถึงพื้นโลกอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ท่ามกลางความดีใจของเพื่อนร่วมชาติ

          "นี่เป็นก้าวเล็กๆ ของผม แต่เป็นก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ของชาวมาเลเซีย" มุสซาฟาร์บอกด้วยความภาคภูมิใจ

          คำพูดของเขาอาจฟังดูคล้ายคลึงกับที่ นีล อาร์มสตรอง นักบินอวกาศชาวอเมริกันซึ่งเคยไปเหยียบดวงจันทร์เคยกล่าวไว้เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน

          แต่ไม่ว่าจะฟังเมื่อไหร่ก็เป็นการเติมพลังและความหวังให้มนุษย์ตัวเล็กบนโลกได้เสมอ

          เหตุการณ์ที่มาเลเซียต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ผ่านพ้นไปได้ 2 เดือนแล้ว แต่กระแสความนิยมในตัวมุสซาฟาร์ในฐานะฮีโร่คนหนึ่งของประเทศยังไม่จางหาย

          ทุกวันนี้เขาต้องเดินทางไปสถานที่หลายแห่งในมาเลเซีย เพื่อแจกลายเซ็น บรรยาย และพูดคุยถึงประสบการณ์ล้ำค่าที่ได้รับจากการขึ้นไปยังอวกาศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปสักครั้งในชีวิต

          มุสซาฟาร์กระตือรือร้นและจริงจังกับการบรรยายแต่ละครั้ง เพราะเขาเชื่อว่า สิ่งที่ทำจะเป็นการจุดประกายให้ชาวมาเลเซียสนใจเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และอวกาศมากขึ้น

          ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ อย่างนี้ จะไม่ยกตำแหน่งหนุ่มสุดฮ็อตประจำปีให้ได้อย่างไรไหว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-
22 ปีที่รอคอย มาเลเซีย เยือน อวกาศ สำเร็จ


ข้อมูลและภาพประกอบจาก
  


http://hilight.kapook.com/view/18555
โดย สุทธาสินี จิตรกรรมไทย


PS.  #จงฝันให้สูงถึง...>>>*พระจันทร์ แต่ถ้าหากผิดหวัง ? ก็ยังอยู่ท่ามกลาง+++[ดวงดาว]+++

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น