Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นิทานเวตาล (วรรณกรรม ที่มีอะไรมากกว่าสาระ)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
นิทานเวตาล
      เป็นนิทานที่ใครหลายคนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เราเรียนกันในโรงเรียน จริงๆ ไม่ได้มีสาระอะไรขนาดนั้น คือหมายความว่าความสนุกนี่ก็มีอยู่กับเค้าเหมือนกัน
      Rhizobium_จะมาเล่าให้ทุกคนฟังละกันนะ เอาเป็นภาษาง่ายๆ
     ต้นเรื่อง
           เรื่องมีอยู่ว่า พระราชาวิกรมาทิตย์ แห่งกรุงอุชชยินี มีความคิดว่า น่าจะลองเดินทางไปดูบ้านเมืองของคนอื่นเค้าหน่อย เผื่อว่าจะได้เมืองคนอื่นมาเป็นเมืองขึ้น จึงทิ้งเมืองให้ลูกชายคนโต ชื่อพระภรรตฤราช รักษาการแทน แล้วออกเดินทางไปกับลูกชายคนเล็ก ชื่อ ธรรมธวัช แต่ไปได้ไม่นานก็ต้องกลับเข้าเมืองมา เหตุก็เพราะพระ ภรรตฤราช ทิ้งเมืองไปบวชเป็นฤาษี

>>(ต่อจากนี้จะเล่าเรื่องของพระภรรตฤราช ถ้าใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไปได้)
           พระ ภรรตฤราช ในกาลก่อนนั้นมีชายาผู้เป็นที่รักยิ่งอยู่คนหนึ่ง ระหว่างที่พระองค์ประพาสป่า ได้เห็นหญิงหม่ายเดินเข้ากองไฟตามสามีที่ตายไปแล้ว ทรงทราบซึ่งจึงกลับมาเล่าให้พระชายาฟัง แต่พระชายากลับตอบว่า "หญิงดีย่อมจะสิ้นชีวิตด้วยเพลิงเห่งความทุกข์ หาต้องตายในกองเพลิงซึ่งเผาศพสามีไม่" พระ ภรรตฤราช ได้ยินดังนั้นก็กลับไปคิดหนัก วันรุ่งขึ้นเมื่อเสด็จประพาสป่าอีกครั้ง ก็สั่งให้ทหารเอาเสื้อผ้าฉีกขาดของตนไปให้พระชายาดู แสร้งว่าตายไปแล้ว ปรากฎว่า พระชายานั้นเศร้าโศกเป็นอันมาก เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย นับแต่นั้นพระ ภรรตฤราช ก็เสียใจเป็นนักหนา แม้นจะมีชายาอีกหลายองค์ ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์ดีขึ้นเลย เมื่อได้รับมอบให้ครองเมือง ก็ทรงครองด้วยพระทัยที่เศร้าหมอง ทำงานอย่างไม่มีกระจิตกระใจจะทำ
         กามเทพเห็นอย่างนี้ จึงแผลงศรให้ตกหลุมรักหญิงผู้มีหน้ากลมดังพระจันทร์ พระ ภรรตฤราช จึงรับนางนั้นเข้าเป็นชายา ทว่านางกลับไปมีใจให้อำมาตหนุ่ม ซึ่งพระ ภรรตฤราช ก็ไม่ทรงทราบเลย วันหนึ่งมีสามีภรรยาพราหมณ์คู่หนึ่ง นำผลไม้อำมฤต ที่จำทำให้คนกินเป็นอมตะ มาถวายให้พระ ภรรตฤราช  พระองค์ก็เอาไปให้นางผู้มีหน้าเหมือนพระจันทร์ นางนั้นเอาไปให้อำมาตซึ่งตนพิศวาส แต่อำมาตนั้นกลับเอาไปให้นางสนมที่ตนแอบชอบอีก นางสนมผู้ไม่รู้ที่มาที่ไป ก็นำผลไม้นั้นไปถวายพระ ภรรตฤราช  และแล้วเรื่องก็เกิด พระ ภรรตฤราช  เดินทางไปที่ที่ตำหนักนาง ผู้มีหน้าเหมือนพระจันทร์ ถามว่าทานผลไม้นั้นแล้วหรือ นางนั้นตอบว่า "เหตุใดจึงถาม ท่านเห็นข้าพเจ้าสวยน้อยลงหรือ ข้าพเจ้าต้องท่านแล้วเป็นแน่" พระ ภรรตฤราช ชูผลไม้นั้นให้นางดู แล้วบอกวิธีตัดหัวของนางอย่างละเอียด ก่อนที่จะเสวยผลไม้นั้น แล้วออกผนวชเป็นฤาษีไป
         ระหว่างที่เมืองไม่มีคนดูแล เรื่องก็ร้อนพระอินทร์ พระอินทร์จึงได้ส่งอสูรปัถพีบาลมาดูแลเมือง ระหว่างที่พระวิกรมาทิตย์ยังไม่กลับ...........>>(ไว้ค่อยมาเล่าต่อนะคะ)

++++ถ้กใครสงสัยอะไรก็ถามได้นะคะ อ้อ! ฉบับที่เล่านี้เอามาจากของ นมส. ค่ะ


(มาเล่าต่อนะคะ...)
          ระหว่างที่เมืองไม่มีคนดูแล เรื่องก็ร้อนพระอินทร์ พระอินทร์จึงได้ส่งอสูรปัถพีบาลมาดูแลเมือง ระหว่างที่พระวิกรมาทิตย์ยังไม่กลับ พระวิกรมาทิตย์อยู่ไกลบ้านเมือง แต่ก็ได้ข่าวมาว่าลูกชายทิ้งเมืองไปแล้ว จึงชวนลูกชายคนเล็กกลับเมือง เมื่อกลับมาถึงเมือง ก็ได้พบกับอสูรปัถพีบาล และได้ต่อสู้กันเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า พระองค์คือพระราชาวิกรมาทิตย์จริง เมื่อปัถพีบาลเสียที พระวิกรมาทิตย์ก็ก็เอามือจิกที่กระบอกตา ตรัสว่า ถ้าไม่ยอมแพ้จะควักลูกตาออกเสีย แต่ปัถพีบาลกลับกล่าวว่า "พระองค์ได้ทีแล้ว ข้าพเจ้ายอมถวายชีวิตของพระองค์แก่พระองค์" พระวิกรมาทิตย์งุนงงไป จึงถามว่าเหตุได้จึงกล่าวเช่นนั้น ผิดถนัดแล้ว ปัถพีบาลก็ตอบว่า "ข้าพระเจ้าจะช่วยพระองค์ ให้รอดตาย คือถวายชีวิตของพระองค์แก่พระองค์" แล้วอสูรก็เล่าว่า....

       >> ในเมืองนี้มีคนที่เกิดพร้อมกัน 3 คน คือโยคี, ลูกคนค้าน้ำมัน และพระองค์ โยคีจะฆ่าคน เท่าทีจะฆ่าได้ เพื่อบูชานางทุรคา บัดนี้ลูกคนค้าน้ำมันได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว ทั้งบุตรของโยคีนั้นก็ถูกฆ่าแล้วด้วย คนต่อไปเห็นจะเป็นพระองค์ เนื่องด้วยพระบิดาของพระองค์ เคยมีเรื่องหมางใจกับโยคีตนนี้มาก่อน
        เมื่อพระวิกรมาทิตย์สงสัยว่าเหตุใดโยคีจึงมีบุตร อสูรก็เล่าต่อไปว่า
       >>ในสมัยที่พ่อของพระองค์ครองราช ทรงพบโยคีตนหนึ่งนั่งถือพรต(คล้ายๆบำเพ็ญตบะ เช่นอดอาหาร)อยู่ในป่า มีปลวกขึ้นตามตัว มีแมลงไต่มากมายแต่โยคีก็มิได้ขยับเลย พระราชาเห็นแปลกดี จึงกลับมาประกาศในเมืองว่า หากใครสามารถนำโยคีเข้ามาในเมืองได้โดยใช้เพียงคำชักชวน (ก็คือไม่ใช้กำลัง) จะมีรางวัลตอบแทนให้ นางวสันตเสนา ผู้ที่ถูกบรรยายไว้ว่า "มีชื่อเสียงชำนาญการร้องรำทำเพลงยิ่งกว่าสามารถสำรวมฤดี" ก็เข้ามาเฝ้าพระราชา เสนอว่า ตนจะนำโยคีเข้าเมืองมาให้ได้ และให้แบกทารกของโยคีนั้นมาด้วย แม้พระราชาจะสงสัยว่านางจะทำได้จริงหรือไม่ แต่ก็ได้ทำสัญญากับนางวสันตเสนาอย่างไม่เป็นทางการไว้ด้วยเรื่องที่นางเสนอมานี้
           นางวสันตเสนา เดินเข้าป่าไปก็พบโยคีนั่งกระหายอยู่(เนื่องจากอดอาหาร บำเพ็ญตบะ) นางก็หาน้ำมากรอกปาก หาอาหารที่ประกอบด้วยรสทั้ง 6 มากรอกปาก จนโยคีได้สติดี ก็ถามนางว่ามาที่นี่ทำไม นางหลอกว่าเป็นลูกสาวเทวดา มาถือพรตที่นี่ โดยพรตที่นางถือ จะต้องเสวยอาหารอร่อย ต้องแต่งกายสวยงาม และอยู่ในที่ซึ่งดีที่สุด แล้วนางก็ชวนโยคีเข้ากระท่อมซึ่งนางได้เตรียมไว้แล้ว นางปรนนิบัตอย่างดี จนโยคีหันมานับถือพรตเดียวกับนาง แล้วก็อยู่กินฉันสามีภรรยา จนนางคลอดบุตรออกมา วันหนึ่ง นางวสันตเสนาเห็นเป็นโอกาสดี จึงชวนสามีเข้าเมือง โยคีนั้นก็เห็นชอบ แบกทารกเข้าเมืองไปด้วย พระราชาเห็นก็ทึ่ง และหัวเราะด้วยชอบใจ อำมาตก็พากันหัวเราะกล่าวว่า "หญิงคนนี้กล่าวเช่นใดก็ทำเช่นนั้นทุกประการ" โยคีโกรธมาก ได้สาบแช่งพระราชาและเมืองนั้นไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะได้เสียตบะไปแล้ว โยคีกลับไปฆ่าบุตรชาย แล้วก็เริ่มต้นบำเพ็ญตบะใหม่ ใจหมายจะแก้แค้นพระราชาเสมอมา
         บัดนี้ พระราชาองค์นั้นได้ตายไปแล้ว โยคีหมายจะฆ่าพระองค์ผู้เป็นบุตรของราชาผุ้เป็นศัตรู เพื่อแก้แค้นและบูชานางทุรคา จากนี้ไปถ้าทรงสงสัยผู้ใด ให้ตัดคอผู้นั้นเสีย ปัถพีบาลเตือนแล้วก็กลับสวรรค์ไป

         >> หลังจากวันนั้นพระวิกรมาทิตย์ก็ตั้งตนอยู่ในความระมัดระวังเรื่อยมา...............>>(ไว้ค่อยมาเล่าต่อนะคะ)


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 19 มีนาคม 2552 / 14:24

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

star_star 18 มี.ค. 52 เวลา 14:01 น. 1
เรื่องราวน่าติดตามค่ะ

เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือค่ะ

มาเล่าต่อเร็วๆนะค่ะ
0
๛•๏�มๅSบูsWๅน้o€�๏•๛ 20 มี.ค. 52 เวลา 05:44 น. 3

อ่านจบแล้ว แต่ก็เริ่มลืมๆไปบ้าง ผ่านมาเกือบ 5 ปีและอ่ะ

อยากบอกว่าเวตาลกวนมั่กๆ แต่ก็สนุกดี


PS.  เข้มแข็งแต่อ่อนโยน....อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
0