Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ตำนานพระนางเลือดขาว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตำนานพระนางเลือดขาว


เมื่อประมาณ 200 ปีก่อน "วันดารุส" โอรสของเจ้าเกาะลังกาวีพบรักกับสาวงามบุตรชาวนา "มะซูรีย์" จนเมื่อทั้งคู่มีทายาทเป็นเจ้าชายนาม "วันฮาเกม" วันดารุสต้องออกไปรบ ระหว่างนั้น ผู้ไม่หวังดีกล่าวหาว่าเจ้าหญิงมะซูรีย์คบชู้ นางโดนพิพากษาให้ประหารชีวิตโดยไม่มีการไตร่สวน ก่อนถูกปลิดชีพด้วยกริชประจำตระกูล นางตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ถ้าหากนางบริสุทธิ์ เลือดที่ออกมาจงเป็นสีขาว และขอให้เกาะลังกาวีจงประสบหายนะ 7 ชั่วอายุคน  
เมื่อเจ้าชายวันดารุสกลับมาทราบเรื่อง จึงตัดสินใจสละบัลลังก์ อพยพมาอยู่เกาะภูเก็ต ประเทศไทย และเกาะแห่งนี้ก็ประสบความยากเข็ญ ปลูกพืชหาปลาไม่ได้นานถึงขนาดนั้นจริงๆ
จากคำบอกเล่าของ สุรีย์ ยายี นับจากรุ่น "วันดารุส" และ "วันมะซูรีย์" แล้ว ก็เป็นรุ่น "วันฮาเกม" สู่รุ่น "วันฮาเก" สู่รุ่น "วันฮูเซน" สู่รุ่น "วันฮาเฉน" สู่รุ่น "วันนาวาวี" โดย 6 ชั่วคนนี้ สืบทอดเชื้อสายเป็น 4 ตระกูล คือ "ยายี" "ดุมลักษณ์" "สังวาล" และ"แสงทอง" จวบจนมีหนังสือพิมพ์มาเลเซียพบว่า "ศิรินทรา ยายี" เป็นทายาทรุ่นที่ 7
และทุกวันนี้ ครอบครัวยายียังรักษากริชประจำตระกูลไว้ ขณะที่พิพิธภัณฑ์บริเวณสุสานของพระนางมะซูรีย์ อ้างว่า นำของประจำตระกูลรวมทั้งกริชเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เช่นกัน.


เกาะลังกาวี หรือ ไทรบุรี เคยเป็นเกาะที่อยู่ในอาณาเขตประเทศสยามก่อนสงครามโลก ปัจจุบันอยู่ในรัฐเคดาห์ ของมาเลเซีย ซึ่งนับเป็นเกาะพี่เกาะน้องกับเกาะตะรุเตาของไทย เพราะอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 8กิโลเมตรเท่านั้น
ลังกาวี หมายถึงนกอินทรีย์สีน้ำตาลแกมแดง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ ที่นี่มีตำนานที่อยู่ในจิตใจของชาวลังกาวีทุกคน คือ ตำนานพระนางเลือดขาว หรือ พระนางมะซูรีย์





"ทายาทรุ่นที่ 7 พระนางมะซูรีย์" พระนางเลือดขาว
  


  


  เช้าตรู่วันที่ 8 เดือน 8 พ.ศ. 2528 เด็กหญิงตัวน้อยๆ ลืมตาดูโลกที่โรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต น่าประหลาดที่ท้องฟ้าซึ่งกระจ่างใสอยู่ดีๆ กลับมืดครึ้ม ฝนเทกระหน่ำ ยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นทั้งวันในโรงพยาบาลไม่มีเด็กคนไหนคลอดอีกเลย กว่าจะมีเสียงอุแว้ของทารกคนต่อไป ก็จวบจนเวลาเที่ยงคืนขึ้นวันใหม่ไปแล้ว.
นั่นคือต้นกำเนิดของเด็กสาว "เมย์" ศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางเลือดขาว "มะซูรีย์" เจ้าของตำนานเลือดสีขาวผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยไร้ความผิดและร่ายคำสาปให้เกาะลังกาวีตกอยู่ในความทุกข์เข็ญมานานถึง 7 ชั่วคน เมื่อลังกาวีค่อยๆฟื้นชีพจากเกาะอันแร้นแค้นกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซียแน่นอนว่าคนมาเลย์ต่างพากันกล่าวขานว่าเป็นเพราะการมาถึงของน้องเมย์นั่นเอง.
หากยังจำข่าวเกรียวกราวเมื่อหลายปีก่อนได้ หลายคนคงทราบว่า หลังจากศิรินทราและครอบครัวเข้ารับพิธีขอขมาลาโทษจากเกาะลังกาวี ตั้งแต่ครั้งที่เธออายุ 14 ปี และได้รับคำเชิญจากรัฐบาลให้ไปเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ทั้งยังได้เข้าเฝ้าฯ สุลต่านรัฐเกดะห์แล้วนั้น ก็ดูเหมือนชีวิตของสาวน้อยธรรมดาๆ จะพลิกผันสู่ฐานะเจ้าหญิงในมาเลเซีย.
เมย์ได้รับทุนการศึกษาให้เล่าเรียนจนจบมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์และยังมีคำชวนให้เมย์และครอบครัวไปปักหลักที่นั่น โดยจะมอบบ้านพร้อมที่ดินให้ ไหนจะมีงานสัมภาษณ์ตามสื่อ งานถ่ายแบบนิตยสารมาเลเซียเรียงรายเข้ามาให้เลือก
แต่ ณ ปัจจุบัน เมย์ ได้ลาออกจากการเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว 2 ปีแล้ว หลังจากมีปัญหากับบริษัทหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในมาเลเซียซึ่งให้เธอเซ็นสัญญามอบอำนาจในการดูแลผลประโยชน์ให้ โดยขณะนี้ เมย์ศึกษาคณะมนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
จากคำบอกเล่าของคุณแม่ของน้องเมย์ สุนี ยายี ผู้ถือเป็นหนึ่งในเชื้อสายทายาทรุ่นที่ 6ของพระนางเลือดขาว รวมทั้งตัวน้องเมย์เอง พบว่า ขณะที่เมย์เรียนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติอยู่นั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมย์กลับภูเก็ตเพื่อมาเยี่ยมครอบครัว และมาช่วยจังหวัดประชาสัมพันธ์งาน "ฮาลาล ฟู้ด" แต่บริษัทสื่อดังกล่าวเข้าใจว่า เมย์รับเงินค่าตัวโดยไม่แจ้งให้ทราบ จึงไม่ยอมให้ค่าใช้จ่ายในการเรียนรวมถึงค่าที่พัก ครอบครัวจึงต้องส่งเงินไปให้ และรับตัวน้องเมย์กลับมาเรียนเมืองไทยในเวลาต่อมา
ด้วยอาชีพขับรถให้นักท่องเที่ยวของคุณพ่อ สุวรรณ ยายี ก็ถือว่าช่วยให้ครอบครัวนี้พอมีกินมีใช้ รวมทั้งส่งเสียให้น้องเมย์เล่าเรียนได้ไม่เดือดร้อน เมย์จึงเลือกเรียน ม.รามคำแหง โดยเลิกพึ่งพิงทุนการศึกษาจากมาเลเซีย ถึงแม้จะมีจดหมายและการติดต่อเรียกร้องให้เธอกลับไปเรียนตามเดิมก็ตาม
"เราก็อยู่อย่างปกติธรรมดามาตั้งแต่ยังเด็กๆ ถึงเขาจะเสนอบ้าน เสนอที่ดินให้เราไปอยู่ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าจะให้จริงหรือไม่อย่างไร ตอนนั้นเราก็เสียใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นกับเราเอาผลประโยชน์จากเราไปตั้งเยอะ พาไปถ่ายแบบ แต่ไม่ให้ค่าตัว คุณพ่อเลยมารับเมย์กลับบ้าน เมย์คงไม่เอาแล้ว อยู่เมืองไทยดีกว่า" เป็นคำบอกเล่าจากเมย์
ทายาทพระนางเลือดขาวรุ่นที่ 7 บอกด้วยว่า ที่ผ่านมาตำนานเรื่องพระนางมะซูรีย์บรรพบุรุษของเธอ เป็นที่เล่าสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นอยู่แล้ว และมาเลเซียก็มีความพยายามในการตามหาทายาทของพระนางมาโดยตลอด จนเมื่อสืบทราบและค้นพบหลักฐานว่าตระกูลของเธอคือทายาทตัวจริงเสียงจริง ทำให้ครอบครัวของเธอเป็นที่สนใจของคนมาเลย์โดยตลอด ก่อนหน้านี้ คุณน้าของเมย์ก็เคยโดนคนมาเลเซียชวนให้ไปเรียนที่โน่น แต่เมื่อไปจริงๆ ก็กลับโดนยึดพาสปอร์ต ทำให้เข้าประเทศมาเลย์ไม่ได้อยู่หลายปี
แม้เมื่ออยู่ในเมืองมาเลย์ เมย์จะเป็นคนดัง ได้รับความสนใจอยู่ตลอด ไปไหนมาไหนต้องมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย แต่เมย์ก็ยืนยันว่า การได้อยู่เมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอนนี่ล่ะ คือสิ่งที่ดีที่สุด
"จะว่าเสียดายก็เสียดาย แต่ก็ไม่เป็นไร การไปเรียนที่นั่น ช่วยสอนอะไรเราเยอะมาก สอนให้เราช่วยตัวเอง ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ถ้าหากจะไปเที่ยว เราก็ยังอยากไปอยู่เมย์ไปที่นั่นบ่อยมากๆ ตั้งแต่สุสานของพระนางมะซูรีย์ยังเล็กๆ อยู่ เดี๋ยวนี้เขามีการขยายใหญ่ขึ้น มีการตั้งโรงละครด้วย ที่กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์เขาก็ดูเจริญกว่าบ้านเรา สนามบินไฮเทค ไปไหนมาไหนสะดวก มีรถไฟฟ้ารอบเมือง แต่อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา คนไทยจริงใจ ไปอยู่ที่โน่นก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แม่สอนเสมอว่าให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ทุกวันนี้ก็พอใจกับที่เป็นอยู่อยู่แล้ว" เมย์ กล่าว
ขณะที่คุณแม่ของเมย์ เสริมว่า เธอวางอนาคตแค่ว่าขอเพียงให้ลูกสาวเป็นคนดีก็พอ เพราะว่าเมื่อเป็นคนดีแล้ว จะไปอยู่ตรงไหนก็ได้ ทุกวันนี้ครอบครัวยายีก็ยังไปเที่ยวมาเลเซียอยู่เสมอ แต่ก็ไปอย่างเป็นส่วนตัว แม้ถ้าหากแจ้งทางลังกาวีไป จะมีการจัดโรงแรมที่พัก มีการ์ดมาคอยดูแลห้อมล้อมก็ตาม
"เราจะสอนลูกว่า อย่าไปฟุ้งเฟ้อ ไม่ต้องไปดูคนที่รวยล้นฟ้า ให้ดูคนที่เขาใกล้เคียงกับเราก็พอ แค่มีกินมีใช้ อย่าไปยึดติดกับอะไร เมื่อตายไป เราก็เอาไปได้แค่ผ้าขาวห่อศพเท่านั้น" เป็นคำทิ้งท้ายจากคุณแม่
อย่างไรก็ดี ในฐานะที่เป็นทายาทพระนางมะซูรีย์รุ่นที่ 7 เมย์ ยืนยันว่า เมื่อมีลูกมีหลาน ก็จะขอเล่าเรื่องพระนางเลือดขาวสืบต่อไป เพราะนี่คือเรื่องราวประจำตระกูลที่ถ่ายทอดมาแล้วถึง 7 ชั่วอายุคนนั่นเอง.

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

kakao 5 ก.ค. 52 เวลา 19:44 น. 1

 อย่าไปฟุ้งเฟ้อ ไม่ต้องไปดูคนที่รวยล้นฟ้า ให้ดูคนที่เขาใกล้เคียงกับเราก็พอ 

แค่มีกินมีใช้ อย่าไปยึดติดกับอะไร เมื่อตายไป เราก็เอาไปได้แค่ผ้าขาวห่อศพเท่านั้น

ได้ใจอะ TT'


PS.  ถึ งภ ายนอก ' จ ะดูเย็ นชา * แต่ภ ายในกลั บอ่ อนโย น ,,
0
POPKI 5 ก.ค. 52 เวลา 20:57 น. 4

สงสารพระนางจังเลยค่ะ ทั้งที่ บริสุทธิ์แต่ต้องโดนแบบนี้


PS.  SARANHHAE " SUJU " YOUR[S] IN MY HEART !!! SARANHHAE " YAOI "
0
เตย 17 ส.ค. 52 เวลา 16:07 น. 5

เราไปมาเลย์เเล้วนะที่นั้นสบายมากเเละได้ไปที่สุสาน&nbsp พิทิตะพัน&nbsp  กระเช้าลอยฟ้า อีกมากมาย

0