วิธีกินจุอย่างเซียนในทีวีแชมเปี้ยน
ตั้งกระทู้ใหม่
เราก็เลยมองว่า ก๊าก อะไรของมัน ตลกสิ้นดี 5555+ นางเอกน่ารัก พระเอกน่าหยิก
แต่ที่ญี่ปุ่นเขามองว่าเป็นเรื่องจริงจังนะค่ะ
ยังไงเหรอ? ตามมาดูดีกว่าค่ะ
แข่งกินของพี่ยุ่นมีอะไรบ้าง?
1.แข่งกินเร็ว -- กินให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่เร็วที่สุด (หนูกวางเคยลองสูตรกินเร็วไปใช้แล้วทำชาวบ้านตกใจ ทางที่ดีทำคนเดียวนะค่ะ T\\\T)
2.แข่งกินจุ -- ภายในเวลาที่กำหนดต้องกินให้ได้มากที่สุด เผินๆเหมือนจะคล้ายอันบน แต่ทรมานกว่าเยอะเค้าบอก
ความเป็นมา...ไม่ใช่เล่นๆ
การกินจุเป็นมายาคติที่สัมพันธ์ที่มีพิธีกรรมที่มีในยุคการนับถือเทพเจ้ามาแต่ครั้งโบราณ
ทั้งตำนานเทพทาจิคาราโอะ (ไม่ใช่คาราโอเกะนะ) เปิดประตูหินที่ปิดถ้ำที่เทพอามาเทราสึไปซ่อนตัวไว้
แสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ท่านเทพบริโภคอาหารเป็นจำนวนมาก
รวมถึงการแข่งขันซูโม่ต่อหน้าพระจักรพรรดิ โดยการเปรียบเทียบซูโม่ทั้งสองว่า
"คนที่มีพละกำลังหรือคนที่กินเยอะนั้น แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลในสมัยนั้น"
จึงเป็นที่มาของวัฒนธรรมหม่ำจุเจ้าค่ะ ^o^ -- เหลือเชื่อนึกว่ามาจากหัวคิดตะกละชะอีก
ใครอยากแข่งกิน...เชิญทางนี้
ก่อนอื่นคุณต้องถามตัวเองก่อนนะค่ะ ว่าตัวเองเอ็นจอยอีตติ้งมากน้อยแค่ไหน รักการกินเป็นอย่างยิ่งหรือไม่ (วี่แววว่าจะเยอะ ฮ่า) แล้วก็ทดสอบตัวเองก่อนว่าชอบแบบไหนมากกว่ากันระหว่างกินจุกับกินเร็วอย่างที่ว่าไป ให้ลองเอาขนมปังแถวยาวมากินก่อนนะค่ะ ^o^
เอาละ มาดูกันเลย ว่าเราต้องทำยังไงต่อ
1.ปรับกระเพาะตัวเอง หรือขยายกระเพาะนั่นเอง...คุณสามารถทำได้โดยการเพิ่มอาหารไปทีละนิดทีละหน่อยก่อนวันแข่งขัน เพื่อให้กระเพาะยืดตัวขึ้น ขอแนะนำให้อาหารที่เพิ่มเป็นอาหารรสชาติอ่อนและขยายกระเพาะก่อนวันกินแหลกอย่างน้อย 3 วันค่ะ (ไม่ต้องเวอร์ขนาดเตรียมขยายกระเพาะเป็นเดือนเป็นปี อ่ะ...เกินไป๊)
2.เรียนรู้การทำงานของกระเพาะ จำเป็นอย่างยิ่งยวดมากๆ เราเคยเข้าใจผิดว่าการทำให้ท้องว่างก่อนเตรียมกินมื้อใหญ่จะทำให้กินได้มาก แต่แท้จริงแล้วไม่มีอะไรตกท้องมาก่อนเลยจะทำงานได้ไม่ดีเท่ารองท้องมาแล้ว เพราะถ้ามีอะไรลงท้องแล้วปุ๊บกระเพาะเราจะตื่นตัวค่ะ และก็ขยายพื้นที่เตรียมต้อนรับแขกรายใหญ่อย่างดี ดีกว่ากระเพาะที่อืดเฉยอยู่ เหมือนกับวอร์มอัพกระเพาะก่อนใช้แข่งประลองนั่นแหล่ะค่ะว่าง่ายๆ อีกอย่างนักแข่งท้องว่างมักจะอิ่มง่ายเสียด้วย จานสองก็เริ่มไม่ไหว ฝืดคอต้องดื่มน้ำ พอน้ำเข้าท้องหน่อยกรดกระเพาะก็เจือจางยิ่งอิ่มว่าเก่าค่ะ
แนะนำรองท้องด้วยนมสักแก้วนะค่ะ ^ ^
3.เรียนรู้ระบบย่อยอาหาร อาหารแต่ละประเภทใช้เวลาย่อยต่างกันมากมาย เราต้องรู้จักเลือกว่าจะตักอะไรเข้าปากก่อนเอ่ย?
--อาหารพวกแป้งทั้งเส้นทั้งข้าว เวลาตกท้องจะค่อยๆไปย่อยที่ลำไส้ค่ะ พื้นที่กระเพาะจะมากขึ้น ขณะที่พวกเนื้อจะย่อยยากและจะตกค้างอยู่แต่กระเพาะมากกว่า ไม่ว่าเราจะหั่นให้เล็กเท่าไหนก็ตาม
--หูรูดกระเพาะก็สำคัญค่ะ หากฝึกกินจุบ่อยๆส่วนนี้จะทำงานดีขึ้นค่ะ กล้ามเนื้อจะฟิตพอขับเคลื่อนอาหารเข้าสู่ลำไส้เร็วขึ้น
--รู้จักเรียงลำดับชนิดอาหารที่ทำให้อิ่มเร็วและช้า เมื่อไขมันเข้าปากสมองเราจะตื่นตัวสั่งการระบบข้างใน ขณะที่คาร์โบไฮเดรตทิ่มปากทีเดียวจะทำให้ค่าน้ำตาลในเลือดสูงจนรู้สึกอิ่มตื้อชะงั้น ดังนั้นควรเลือกอาหารเส้นใยสูงมากินก่อนนะค่ะ ผักนั่นไง แต่แนะนำอะไรหน่อยนะค่ะถ้าเป็นสลัด ให้กินน้ำสลัดที่ผสมน้ำส้มสายชูเยอะค่ะ มันจะบำรุงกระเพาะได้อย่างดีค่ะ
--อย่าหยุดพัก กินไปเรื่อยๆ ไม่งั้นได้อิ่มสนิทแน่
4.รู้จักดูแลตัวเอง ข้อนี้อย่าละเลย เทคแคร์ตัวเองทั้งกายและใจ จะได้สวาปามอร่อยๆไปนานๆ
--หาข้อมูลอาหารก่อนลงแข่ง เป็นต้นว่าราเม็งร้อนเท่านี้ ลิ้นเรารับได้หรือไม่ แฮมเบอร์เกอร์ใช้ขนมปังนี้แข็งไปไหม
--อย่ากินของร้อจนทำให้ลิ้นพอง แล้วแข่งไม่ได้
--อย่าเป็นหวัดค่ะ เดี๋ยวกินไม่ลง คงทราบดีนะค่ะ โรคอักเสบก็อีกโรคหนึ่งที่เข้าข่ายด้วยนะค่ะ
เคล็ดลับหม่ำจุในบางเมนู
ซาลาเปาไส้หมูร้อนๆจ้า
--ถึงจะร้อนก็อย่าปล่อยให้เย็น เพราะเย็นๆแป้งจะแข็งมันฝืดคอแย่ เวลาเราฝืดคอมักจะดื่มน้ำตามไปทำให้ยิ่งอิ่มไปใหญ่
--แบ่งซาลาเปาออกมาครึ่งหนึ่ง จิบน้ำเย็นแก้ลวกปาก (ไม่ใช่เพื่อดื่ม)
--ซาลาเปาเริ่มเย็นแล้วค่อยๆกินไปเรื่อยๆในเวลาที่สม่ำเสมอ
--อย่าฝืนหากไม่ไหว นี่คือเพื่อแข่งขันไม่ใช่เพื่อทรมาน (ถูก!)
ราเม็งสองชามยักษ์
ในการแข่งกินราเม็ง ผู้แข่งส่วนใหญ่มักสั่งมาทีเดียวสองชาม จริงๆแล้วนั่นนะผิด เพราะพอราเม็งเย็นลงเส้นก็จะอืด
คงทราบนะคะว่าเส้นอืดๆว่ากินเข้าไปจะอิ่ม ไม่อร่อย อาจจะฝืดคอได้
เคล็ดลับกินแฮมเบอร์เกอร์ให้ได้มากๆ
--แฮมเบอร์เกอร์ไม่ว่าจะกี่อันๆๆๆ ก็จะมีรสชาติเดิมทำให้เบื่อง่าย
--แฮมเบอร์เกอร์ที่เอาไปใช้ในการแข่งกินมักจะทำมาก่อนแล้วทั้งนั้น ซึ่งมักจะเย็นชืดด้วย ขนมปังก็จะแข็งทำให้กินแล้วฝืดคอจนต้องดื่มน้ำตามมาเยอะๆ (ทำให้อิ่มเร็วขึ้น) ดังนั้นเราควรรู้ข้อจำกัดของแฮมเบอร์เกอร์ก่อนลงมือสวาปามด้วยนะค่ะ
อ่ะ เหลือเชื่อไหมคะท่านผู้ชม ไม่นึกเลยว่าบ้านคิคุซังจะเข้าใจศึกษาชะละเอียดซับซ้อนจนเป็นศาสตร์แขนงเล็กขนาดนี้
เรื่องสนุกๆเล่นๆในสายตาเรา เค้ากลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ จริงจังซีเรียสได้ใจจัง
คนญี่ปุ่นทุ่มเทกับสิ่งที่ตนเองสนใจอะไรขนาดนั้นเชียว (นึกถึงเซ็นเซย์ที่มาโรงเรียนหนูกวาง เค้าตั้งใจเรียนภาษาไทยเต็มที่จนเห็นแล้วอึ้ง)
ที่มา -- บ้าน > ชั้นสอง > ห้องนอน > โต๊ะเขียนหนังสือ > หนังสือ"ญี่ปุ๊น...ญี่ปุ่น"
PS. เลิฟอิงแลนด์หมดจายยยยยย
17 ความคิดเห็น
อาริงาโตะ นะค่ะ เดี๋ยวจะลองทําดู (จะไหวไหมเรา-_-)
เอาเรื่องน่าสนใจมาลงทั้งนั้นเลย
ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ ^^
PS. My dream come true..
ชอบมากเลยค่ะ ไม่เคยคิดว่าเค้าจะจริงจังกันขนาดนี้
เอิ๊กกก~ ขออนุญาตินำออกไปที่อื่นนะคะ(+เครดิต)
จะให้เพื่อนอ่านด้วย 55
อยากได้วิธี กินให้น้อยลงมากกว่าอะ
><  ตอนนี้  กินโคตร จุเลย
PS. เมื่อไหร่ .. จะเลิกอืดด ด สักทีนะ
แค่นี้ก็อ้วนพอแล้ว
กินอีกก็...
เอามาจากการ์ตูน ใช้ป่าว กระเพาะเหล็กอะไรเนี่ยใช้ป่าว
เอามาจากในการ์ตูนนิ
ใช่มนี่
ยุทธภูมิกระเพาะเหล็ก ชิมิหละ !!!!
เจ๋งสุดๆผมชอบ
ที่ว่าๆมาเนี่ย เอามาจาก หนังสือการ์ตูนเรื่อง
กระเพาะเหล็ก รึป่าวครับ พระอกชื่อ มังทาโร่ *0*
ผมเคยลองทำตามหนังสือการ์ตูนหน่ะ
กิน รามเมง ได้มากสุด 8ก้อน ที่ร้าน ฮาจิบัง เป็นบะหมี่เย็น 7 ก้อน แล้ว ตบท้ายด้วยบะหมี่น้ำชาชู อีก 1
เออๆ....มังท่าโร่
ราเม็ง 2 ชาม
ตะเกียบ คีบค้างไว้ข้างนึง  คีบใส่ปากข้างนึง
เพื่อไม่ให้ราเม็งลวกปาก - -
55555++
อ่าน มา แล้ว
By ฮันเตอร์ โจจิ
ชอบจังคับน่าสนุกดี
อยากอ่านตอนที่บอกว่ามี มาสะ จอมพลังอะแล้วก็ตั้งแต่เล่มที่1 3 4 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19
ผมเคยกิน 4 จาน ประมาณ 2 ช.ม. กว่าจะหมด
สถิติผมกินซูชิที่ร้านชาบูชิได้ 150 ก้อนใน 40 นาทีอ่ะ ตอนนี้สูง 180 หนัก 57 เอง ไม่อ้วนเพราะนักกินจุจะมีระบบเผาผลาญดีกว่าคนทั่วไป 1.5 เท่า ไม่อ้วนน เย้ๆ >________<
ผมไม่ได้ฝึกนะตอนนี้ผมอยู่ป.6 ตอนนี้กินได้มากที่สุดในครอบครัว พ่อเราหนัก89
ยังตกใจอะ
ตอนนี้กินshabushi 160 นาที 1-3 กิโลอะ
อยากกินจุๆแล้วไม่อ้วน ตอนนี้แค่ดมก้อน้ำหนักขึ้นแล้ว เปนคนกินน้อยแต่กินทั้งวี่ทั้งวัน55555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?