Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คลิปรูปภาพเรือไททานิคของจริง เมื่อ100กว่าปี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ซึ้งมากเลยอ่ะ 


แถมคลิปเพลงให้ไปซึ้งบ่อน้ำตาแตกกันต่อ

หลายคนคงยังจำหนังโรแมนติกอย่าง "ไททานิก" ได้ดี หนังเรื่องนี้เป็นฝีมือกำกับฯ ของเจมส์ คาเมอรอน ผู้เคยฝากผลงานอันลือลั่นไว้หลายเรื่อง แม้ว่าคาเมอรอนจะปิดฉากตำนานรักระหว่างแจ๊คกับโรสในไททานิกไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังมีบางอย่างที่ค้างคาใจ เพราะสร้างหนังเรื่องนี้จนสำเร็จ หากทว่าไม่เคยได้สัมผัสหรือเห็นตัวจริงของนาวาลำนี้เลย จินตนาการของเขานั้นมันถูกต้องกับของจริงหรือเปล่า  ดังนั้น คาเมอรอน จึงจัดทีมงาน ดำลงไปสำรวจซากเรือยักษ์ใต้สมุทรลำนี้ในเวลาต่อมา

ไททานิกชนภูเขาน้ำแข็งและอับปางลงในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 หรือกว่า 80 ปีมาแล้ว ซากเรือลำนี้จมอยู่ใต้ความลึกถึง 12,500 ฟุต (ราว 4 กิโลเมตร) ซึ่งความลึกขนาดนี้จะมีแรงอัดมหาศาลถึง 5,500 ปอนด์ต่อ ตารางนิ้ว ด้วยเหตุนี้การดำลงไปสำรวจจึงต้องใช้ยานพิเศษที่ชื่อว่า เมียร์ (MIR) ซึ่งสามารถดำได้ลึกถึง 20,000 ฟุต และให้แสงสว่างที่ทำให้เห็นอะไรต่ออะไรได้ เนื่องจากใต้สมุทรนั้นมืดมิดไร้แสงใดๆ นอกจากนี้ ยังมีสายเคเบิลไฟเบอร์ออพติกพ่วงโยงไปยังเรือบนผิวน้ำ เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ระหว่างการสำรวจด้วย ซึ่งก็เป็นที่หวั่นเกรงกันนักหนาว่า ถ้าหากสายเคเบิลอันยาวเหยียดนี้ขาดผึงลง ก็อาจม้วนพันรัดเอายานเมียร์จมดิ่งอยู่ใต้สมุทรตลอดกาล


ขอย้อนเล่าถึงความหายนะที่เกิดขึ้นนิดนึง เมื่อตอนที่เรือสำราญสุดหรู ขนาด 46,000 ตัน แล่นชนภูเขาน้ำแข็งนั้น รูทะลุที่เกิดขึ้นไม่ใช่สาเหตุสำคัญ ของการจม แต่เป็นเพราะแผ่นเหล็ก ลำเรือที่ทยอยกันฉีกขาด และทำให้น้ำทะเล ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็ว อันที่จริงไททานิกได้ป้องกันไว้แล้ว โดยสร้างห้องเก็บน้ำเป็นช่องๆ หากน้ำทะลักเข้ามาใน 2 ห้องด้านหน้า หรือแม้แต่ใน 4 ห้องแรกก็ไม่เป็นไร แต่รอยทะลุเกิดขึ้นในห้องที่ 5 จึงต้องอับปางลง 

ขณะที่จมดิ่งลงมาลึกราว 300 เมตร ลำเรือก็แตกร้าวเป็นสองท่อน ด้านหัวเรือซึ่งยาวกว่าพุ่งนำลงมาก่อน ลากเอาส่วนท้ายตามลงมาในแนวดิ่ง แล้วก็หักหลุดจากกัน ท่อนหัวดำดิ่งพุ่งลิ่วยังกับตอร์ปิโด โครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่ว แล้วหัวเรือก็ปักจมลงไปในโคลนใต้สมุทรลึกประมาณตึก 6 ชั้น
และซากส่วนนี้แหละที่คาเมอรอนกับคณะสนใจสำรวจ

เอกลักษณ์อันติดตรึงใจของไททานิกก็คือ บันไดใหญ่หรือแกรนด์สแตร์เคส (The Grand Staircase )ที่สร้างอย่างอลังการ ด้วยไม้โอ๊คแกะสลักบันไดนี้ทอดยาวจากชั้นดาดฟ้า A จนถึง E รวมหกชั้นด้วยกัน ประดับด้วยราวทองเหลืองและบรอนซ์เป็นมันแวววาว อภิมหาบันไดนี้ เป็นที่สงสัยกันมานานถึงชะตากรรมที่บังเกิดกับมันว่าเป็นฉันใด


แต่แรกนั้นเข้าใจกันว่าแกรนด์ บันไดนี้คงพังพินาศอยู่กับใจกลางเรือ หากทว่าคณะสำรวจกลับไม่เห็น ร่องรอยของมัน แม้ว่าจะมีเศษไม้ และราวเหล็กเกลื่อนกลาด แต่ก็เป็นชิ้นส่วนที่ตกลงมาจากเพดานห้อง ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าบันไดยักษ์นี้ หลุดออกจากฐาน และลอยขึ้นสู่เหนือน้ำทั้งแผง แต่มีข้อมูลจากผู้รอดตาย หรือไม่ว่าได้พบเห็นบันไดนี้ลอยขึ้นมา

แจ๊ค ธาเยอร์ หนึ่งในผู้รอดชีวิตให้การว่า เขาเห็นส่วนหัวเรือลอยอยู่เหนือน้ำ (ซึ่งแท้จริงยังจมอยู่ใต้โคลน) ดังนั้น เป็นไปได้ไหมว่า สิ่งที่เขาเห็นนั้นคือ ซากของบันได นอกจากนี้ ยังมีรายหนึ่งซึ่งเกาะท่อนไม้ล่องลอยอยู่จนมีเรือมาช่วยไว้ แต่ก็อีกนั่นแหละ เราไม่อาจรู้แน่ชัดว่าไม้ท่อนนั้นเป็นเศษของบันไดหรือไม่



Wallace Hartley
คณะสำรวจมุ่งต่อไปยังดาดฟ้าที่ไว้เรือชูชีพ ณ ที่นั้นคือ ฉากสุดยอดแห่งความโกลาหลวุ่นวายที่เกิดขึ้นในระหว่างเรือใกล้จม ที่นี่มีเสาห้อยเรือบดซึ่งสูงราว 4 เมตร ส่วนเรือบดหรือเรือชูชีพนั้นยาวลำละ 10 เมตร มีอยู่ 4 ลำ ซึ่งผู้โดยสารที่เหลือคงจะรุมล้อมแหงนมองมันอย่างมิรู้จะทำฉันใด

และที่ดาดฟ้านี่เอง ที่มีเหตุการณ์อันเหลือเชื่อ นั่นคือ นักดนตรีทั้งหลายแห่ง วงออร์เคสตราได้ร่วมใจ กันขึ้นมาบรรเลงเพลง เพื่อให้ผู้โดยสาร ที่ตื่นตระหนกได้สงบลง เพลงสุดท้ายเป็นเพลงช้าๆ ที่คาดกันว่าชื่อ Nearer My God To Thee ผู้กำกับวงที่มีนามว่า วอลเลซ ฮาร์ทลีย์ ได้รับความยกย่องในสมาธิ และความกล้าหาญที่คุมวงบรรเลง จนหยดสุดท้าย นักดนตรีทั้งหมดเสียชีวิต และได้พบร่างของฮาร์ทลีย์ในภายหลัง เขาได้รับพิธีฝังเยี่ยงวีรบุรุษ



จุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ ห้องวิทยุ นับเป็นโชคดีที่ยุคนั้นได้มีการสื่อสาร แบบไร้สายกันแล้ว โดย มาร์โคนี เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องส่งวิทยุขึ้น ซึ่งถ้าหากไททานิกไม่ได้ส่งสัญญาณวิทยุ ไปยังเรือต่างๆ ให้มาช่วย โดยเฉพาะเรือคาร์พาเธียแล้วละก้อ คงมีผู้เสียชีวิตกลางทะเล มากกว่านี้อย่างแน่นอน


จากซ้าย Jack Pillipis (ตายในคืนนั้น) Harold Birde (ตายในปี 1956)
ในห้องส่งวิทยุนี้ คณะสำรวจพบอุปกรณ์ ต่างๆ ยังอยู่เกือบครบครัน นับตั้งแต่ไดนาโม ที่มีมอเตอร์ต้นกำเนิดพลังงานที่ใช้ส่งวิทยุ แผงสวิตช์ต่างๆ ซึ่งตำนานไททานิกในเรื่องนี้มีระบุว่าคืนก่อนหน้าความหายนะ อุปกรณ์ส่งสัญญาณวิทยุเกิดขัดข้อง แต่เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่ล้วนเป็นเศรษฐี และต้องการที่จะสื่อสารไปยังครอบครัวเพื่อเล่าถึงการเดินทางอันสุดแสนประทับใจนี้ ดังนั้น จึงมีหนุ่มน้อยสองคนขันอาสาเข้าแก้ไขอุปกรณ์ และหลังจากปลุกปล้ำอยู่นานถึง 6 ชั่วโมง แจ๊ค ฟิลลิปส์ กับ ฮาโรลด์ ไบรด์ ก็พบสายไฟลัดวงจรต้นเหตุ แล้วจึงจัดการซ่อมแซมจนสำเร็จใช้งานได้



 
ซ้าย : ภาพจำลองเครื่องยนต์ของเรือไททานิก    ขวา : ภาพถ่ายจริงของเครื่องยนต์ 

ต่อข้อสงสัยว่าพนักงานวิทยุ ได้อยู่ปฏิบัติการจนวาระสุดท้าย ของเรือหรือไม่ ข้อนี้ไบรด์กล่าวว่า พนักงานยังคงอยู่อย่างกล้าหาญ ไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ ผู้ที่รอดชีวิต 703 คนนั้น ล้วนเป็นหนี้บุญคุณ เครื่องส่งวิทยุชิ้นนี้

มีความลับหนึ่งซึ่งผู้โดยสารไม่เคยล่วงรู้ นั่นคือได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ในห้องเครื่องของ ไททานิก เพลิงได้ลุกไหม้ ในกองเก็บถ่านหิน ซึ่งอยู่ระหว่างหม้อไอน้ำสองหม้อ เหตุนี้อาจเกิดขึ้นก่อนออกเดินทาง แต่ลูกเรือไม่สามารถดับไฟได้ จึงต้องใช้วิธีโกยถ่านที่ลุกแดงโยนเข้าเตาไฟ และสุดท้ายก็ควบคุมเพลิงไว้ได้ในคืนก่อนหน้าการอับปาง พวกเขาเอาน้ำมันดำทาบริเวณที่ถูกไฟไหม้เพื่อปิดบังร่องรอย แต่ลูกเรือสองคนให้การในภายหลังว่า ผนังห้องเครื่องระหว่างห้องหม้อไอน้ำ 5 กับ 6 โก่งบิดอย่างเห็นได้ชัด เหตุการณ์นี้ทำให้บางคนเชื่อว่าส่งผลให้ลำเรือชำรุด และมีส่วนในการที่จมลงอย่างรวดเร็ว


ท้ายที่สุด คาเมอรอนกับคณะก็ได้สำรวจถึงส่วนนันทนาการของผู้โดยสารไททานิก มีบริการให้ครบถ้วนเหมือนสปอร์ตคลับ ไม่ว่าจะเป็นเตอร์กิชบาธ หรือสปาในปัจจุบันนั่นเอง เมื่อ 80 ปีก่อนโน้นสปาเป็นที่นิยมกันมาก ค่าเตอร์กิชบาธ บนไททานิกก็เพียงแค่ 1 เหรียญ แต่ถ้าคุณสมัครใจจะว่ายน้ำในสวิมมิงพูลก็ 24 เซนต์ ค่าเล่นสควอช 50 เซนต์ ต่อชั่วโมง (ในขณะที่ค่าโดยสารห้องสวีต พิเศษสุด 3,300 เหรียญ หรือราว 130,000 บาท และชั้นต่ำสุดแค่ 33 เหรียญ)

คณะสำรวจต้องตื่นตะลึง เมื่อเห็นภายในห้อง เตอร์กิชบาธอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก ทั้งนี้เพราะวัสดุที่ใช้ล้วนเป็น ประเภทที่ไม่ถูกน้ำทะเลกัดกร่อน (ดังเหล็ก) อาทิ ไม้สัก เครื่องเซรามิก พรมน้ำมัน โคมไฟ บรอนซ์ ฯลฯ


สิ่งที่น่าแปลกใจอีกอย่างหนึ่งคือ เฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องประดับใหญ่ๆ จะพินาศมากกว่าชิ้นเล็กๆ เช่นว่า แกรนด์เปียโน จะคว่ำเค้เก้อยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง ในขณะที่แก้วน้ำแบบบาง บนหิ้งกลับไม่กระทบกระเทือน ไม่มีแม้แต่รอยร้าว!?

และนี่ก็คือเรื่องราวความลับใต้สมุทรของซากเรืออับปางที่เรียกขานกันว่า "ไม่มีวันจม"

 เครติด: youtube และ http://artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=5262

และขอบคุณทุกคนที่สละเวลาเข้ามาด้วยนะ

***********************************************************************************************

แถม

  • "You jump, I jump"
    "ถ้าคุณโดด ผมโดด"
    (แจ็คพูดกับโรสตอนที่กำลังจะโดดจากท้ายเรือไททานิค) 
  • "When you got nothing you got nothing to lose."
    "ยามเราสิ้นไร้ไม้ตอก ก็ไม่มีอะไรจะเสีย"
    (แจ็คพูดกับฟาบริซิโอตอนกำลังพนันเอาตั๋วเรือไททานิค) 

  • "Well right now my address is the RMS Titanic. After that I'm on god good's humor."
    "ขณะนี้ที่อยู่ของผมคือเรือเดินสมุทรไททานิค หลังจากนั้นก็เป็นไปตามอารมณ์ขันของพระเจ้า"
    (แจ็คตอบคำถามแม่ของโรสในงานเลี้ยงที่ชั้นหนึ่งของเรือ) 

  • "She may be mine on paper, but in the eyes of god she belong to Thomas Andrews."
    "เรือ (she) เป็นของผมตามเอกสาร แต่ในสายตาของพระเจ้า เรือ (she) เป็นของโทมัส แอนดรูวส์"
    (บรูซกล่าวกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ในงานเลี้ยงที่ชั้นหนึ่งของเรือ) 

  • "I figure life's gift and I don't intend on wasting it."
    "ชีวิตก็คือของขวัญ ผมไม่ต้องการเสียมันไปเปล่าๆ"
    (แจ็คกล่าวกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ในงานเลี้ยงที่ชั้นหนึ่งของเรือ)
     
  • "They've got you trapped Rose, and you'll die if you don't break free."
    "พวกเขาทำให้คุณติดกับนะโรส และคุณจะต้องตาย ถ้าคุณไม่หนีออกมา"
    (แจ็คพูดกระตุ้นให้โรสรู้สึกตัว) 

  • "We are dressed in our best and prepared to go down as gentleman"
    "เราแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อจะจมลงไปเฉกเช่นสุภาพบุรุษ"
     

  • "A women's heart is a deep ocean of secrets."
    "หัวใจหญิงเปรียบเสมือนมหาสมุทรแห่งความลับ"
    (โรสในวัยชรากล่าวแก่ทุกๆ คน) 

  • "Three years I have thought of nothing except Titanic but I never got it I never let it in."
    "สามปีที่ผมเฝ้าคิดถึงแต่ไททานิค แต่ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยเข้าถึงเลย"

    เครดิต
    http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5359350&Ntype=3


    มาไขข้อกระจ่าง เห็นถกเถียงว่า แจ็คกับโรสมีตัวตนหรือไม่?

    วันนี้มีคำตอบมาบอก

       ไททานิก (Titanic) เป็นชื่อ
    ภาพยนตร์ของของสหรัฐอเมริกา ออกฉายในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) ผลิตโดย ทเวนตีส์เซ็นจูรีฟ็อกซ์ และ พาราเมาต์พิกเจอร์ นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ และ เคต วินสเลต กำกับโดย เจมส์ คาเมรอน โดยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ ทั้งหมด 1,848,813,795เหรียญสหรัฐ ทั่วโลก

     เนื้อเรื่อง(ในหนัง)

        เริ่มเรื่องขึ้นเมื่อมีการพบซากเรือที่มหาสมุทรแอตแลนติคเหนือ ปี 1985 บร๊อค โลเวต   นักสำรวจชาวอเมริกัน ได้ดำลงไปสำรวจหาซากเรือเพื่อหาสมบัติอันล้ำค่า แต่กลับได้พบภาพวาดลายเส้น รูปหญิงสาวเปลือยกายที่สวม สร้อยคอและจี้เพชรเท่านั้น ผู้ที่เป็นแบบในภาพวาดก็คือ โรส และเธอได้เล่าเหตุการณ์ให้ทุกคนฟัง แจ๊ค ดอว์สัน (Jack Dawson) (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) เด็กหนุ่มเต็ดเตร่ชาวอเมริกันได้โชคเป็นตั๋วโดยสารเรือไททานิกชั้น 3 จากการเล่นโป๊กเกอร์ นั่นทำให้เขาได้พบ โรส เดวิด บูเกเตอร์ (Rose DeWitt Bukater) (เคท วินสเลต)โรส ดิววิท บูเคเตอร์ (Kate Winslet) สาวงามผู้เป็นบุตรีจากครอบครัวชั้นสูงและคุณหนูผู้ดีมีตระกูล ได้เดินทางมากับเรือไททานิกพร้อมแม่ และคู่หมั้นหนุ่ม คาล ฮ๊อคลี่ย์ มหาเศรษฐีผู้เย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจตัวเอง ทั้งคู่จะเข้าพิธีแต่งงาน หลังเดินทางถึงฟิลลาเดลเฟีย โรสมีความอึดอัดในการใช้ชีวิตแบบสังคมชั้นสูงจากการบังคับของแม่และ คาร์ล ฮ็อกลี่ย์ (บิลลี่ แซน)และ ไม่พอใจที่ถูกบีบบังคับ และทนรับชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายและบีบคั้นไม่ไหว ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เธอวิ่งไปที่ด้านท้ายเรือและพยายามที่จะฆ่าตัวตาย แต่แล้วโรสก็พบกับ แจ๊ค (Leonardo DiCaprio) ชายหนุ่มยากไร้ ผู้มีชีวิตเป็นอิสระ ได้เห็นเหตุการณ์ และเขาได้ช่วยชีวิตเธอไว้ทันท่วงที นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดขึ้น คาร์ล ฮ็อกลี่ย์ (บิลลี่ แซน)ได้ตอบแทนแจ๊ค ด้วยการชวนขึ้นไปร่วมดินเนอร์กับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง แจ๊คโดนเยาะเย้นถากถางในระหว่างดินเนอร์ แต่เขาก็ตอบได้อย่างชาญฉลาดและเป็นตัวของเขาเอง ทำให้โรสประทับใจตัวแจ๊คมากขึ้น แจ๊คพาเธอไปรู้จักชีวิตอีกด้านที่เป็นอิสระของเขา สาวน้อยได้รับในสิ่งที่เธอขาดมาตลอด นั่นคือความเป็นอิสระในการได้ทำทุกอย่างที่ใจต้องการ โรสใช้ชีวิตที่สนุกสนานในส่วนของผู้โดยสารชั้นสาม ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคู่หมั้นหนุ่มเลวร้ายลง ในขณะที่ความสัมพันธ์กับแจ๊คได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ สร้างความริษยาให้กับ ฮ๊อคลี่ย์ จนตัดสินใจใส่ร้ายแจ๊ค และจับไปคุมขังที่ใต้ท้องเรือจนกระทั่งวาระสุดท้ายของไททานิกมาถึง

         ในคืนนั้นไททานิกก็พบกับความหายนะเมื่อ พุ่งเข้าชนภูเขาน้ำแข็ง จนบริเวณใต้ท้องเรือเกิดความเสียหายจนไม่สามารถแก้ไขได้ ความโกลาหลวุ่นวายได้เกิดขึ้น เพราะทุกชีวิตต่างดิ้นรนที่จะเอาตัวรอด ในที่สุดเรือไททานิกที่ยิ่งใหญ่ และเคยถูกเชื่อว่าไม่มีวันจม ก็ดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึกพร้อมผู้โดยสารอีกเกือบ 1500 ชีวิต ... ในขณะที่แจ๊คและโรสกำลังลอยอยู่กลางมหาสมุทรอันหนาวเย็น ท่ามกลางความมืด และความฝันที่กำลังสูญสิ้น

         โดยทั้งหมดผ่านการเล่าเรื่องจากโรสในวัยชรา ผู้โดยสารไททานิกที่รอดชีวิตคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ (แสดงโดยกลอเรีย สจ๊วต)

          แต่ในความเป็นจริง ผู้โดยสารชั้น Third Class ไม่ได้ถูกกักขัง หรือล็อกไว้ในเวลาที่เรือกำลังจม

     ไททานิกในเมืองไทย

        ไททานิก ได้เข้าฉายในประเทศไทย ในวันแรกคือวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2540 (แต่ทุกโรงได้ฉายก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน คือวันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม เว้นแต่ในโรงเครืออีจีวีที่ฉายตามกำหนดเดิม) โดยไม่มีชื่อเป็นภาษาไทย และเมื่อฉายแล้วก็ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในสังคม จนเป็นคำที่พูดติดปากกันว่า "แจ๊คกับโรส" และโดยเฉพาะในหมู่เด็กสาว ๆ ที่คลั่งไคล้ดารานำชาย คือ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เหมือนกับหลายประเทศที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย โดยสื่อต่าง ๆ และสังคมมีการนำเสนอแง่มุมหรือเรื่องราวต่าง ๆ ของดารานำชายผู้นี้อย่างกว้างขวาง

         เพลงประกอบภาพยนตร์ "มายฮาร์ตวิลโกออน" (My Heart Will Go On) ซึ่งประพันธ์โดยวิลล์ เจนนิง (Will Jenning) อำนวยเพลงโดยเจมส์ ฮอร์เนอร์ (James Horner) และวอลเตอร์ เอฟฟานาซีฟ (Walter Effanasif) ขับร้องโดยเซลีน ดิออน (Celine Dion) ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยได้รับการเปิดออกอากาศทางสถานีวิทยุนานนับเดือน กับทั้งยังส่งผลต่อฉบับลอกแบบอื่น ๆ ที่ตามอีกด้วย เช่น ฉบับบรรเลงโดย เคนนี จี หรือฉบับภาษาไทยที่มีผู้ลักลอบแปลและบันทึกเสียงออกจำหน่าย

     ตัวละคร

     ตัวละครสมมติ (ไม่มีจริง)

    ตัวละครรับบทโดย
    แจ๊ค ดอว์สัน (Jack Dawson)ลีโอนาโด ดิคาปริโอ
    โรส เดวิท บูเคเตอร์ (Rose DeWitt Bukater)เคท วินสเลท (Kate Winslet)
    เซลดอน นาธาน ฮ็อกลีย์ (Caledon Nathan Hockley) คู่หมั้นเดิมของโรสบิลลี่ เซน (Billy Zane)
    รูธ เดวิท บูเคเตอร์ (Ruth DeWitt Bukater) แม่ของโรสฟรานเซส ฟิชเช่อร์ (Frances Fisher)
    สไปเซอร์ เลิฟจอย (Spicer Lovejoy) คนใช้ผู้ซื่อสัตย์ ของฮ็อกลี่ย์เดวิด วอร์เนอร์ (David Warner)
    ฟาบริซิโอ เดอ รอสซี (Fabrizio De Rossi) เพื่อนของแจ๊คแดนนี นุคคิ (Danny Nucci)
    ทอมมี ไรอัน (Tommy Ryan) เพื่อนของแจ๊คเจสัน แบร์รี (Jason Barry)
    บร็อค เลิฟเว็ตต์ (Brock Lovett) นักล่าสมบัติในยุคปัจจุบัน ผู้ที่เจอกับโรสในตอนที่โรสแก่บิลล์ แพ็กซ์ตัน (Bill Paxton)
    เลวิส โบดีน (Lewis Bodine) เพื่อนของบร็อค เลิฟเว็ตต์เลวิส อเบอร์นาธี (Lewis Abernathy)
    โรสตอนแก่กลอเรีย สจวต (Gloria Sturt)
    ลิซซี คาลเวิร์ต (Lizzy Calvert) หลานของโรสซูซี อมิส (Suzy Amis)

     ตัวละครที่มีตัวตนจริง

    ตัวละครรับบทโดย
    มาร์กาเร็ต บราวน์ (Margaret Brown) มอลลีผู้ไม่มีวันจมเคธี เบตส์ (Kathy Bates)
    โธมัส แอนดรูวส์ (Thomas Andrews) ผู้ออกแบบเรือวิคเตอร์ การ์เบอร์ (Victor Garber)
    เอ็ดเวิร์ด จอห์น สมิธ (Edward John Smith) กัปตันเรือเบอร์นาร์ด ฮิลล์ (Bernard Hill)
    โจเซฟ บรูซ อิสเมย์ (Joseph Bruce Ismay) เจ้าของเรือโจนาธาน ไฮด์ (Jonathan Hyde)
    วอลเลซ ฮาร์ทลีย์ (Wallace Hartley) หัวหน้าวงออเคสตร้าโจนาธาน อีแวน-โจนส์ (Jonathan Evan-Jones)
    วิลเลียม เมอร์ดอช (William Murdoch) เจ้าหน้าที่เรือ(ที่ฆ่าทอมมี ไรอัน ในภาพยนตร์)อีแวน สจวต (Ewan Stewart)
    ฮาโรลด์ โลวอ์ (Harold Lowe) เจ้าหน้าที่เรือที่รอด และสั่งการให้นำเรือสำรองมาช่วยผู้โดยสารที่ลอยคอหลังเรือจมไอโอน กรัฟฟัดด์ (Ioan Gruffudd)
    เจมส์ มูดดี (James Moody) เจ้าหน้าที่เรือที่รับแจ๊คและฟาบริซิโอขึ้นเรือ และรับโทรศัพท์ในตอนที่ยามเสากระโดงพบภูเขาน้ำแข็งเอ็ดเวิร์ด เฟลตเชอร์ (Edward Fletcher)


    มาดูตัวละครบ้างนะคะ

    เนื้อหาของหนังนั้น ต้นเรื่องมาจนกลางเรื่องก่อนที่เรือไททานิคจะจมจะเป็นบทประพันธ์ที่แต่งเติมขึ้นมาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง หนุ่มแจ๊ค สาวโรส เซลดอน นาธาน ฮ็อกลี่ย์ หรือแคลคู่หมั้นของโรส แม่ของโรส ตัวประกอบอื่นๆ รวมถึงเพชรที่ชื่อหัวใจมหาสมุทรล้วนเป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งสิ้น มีตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงปลากฎตัวประกอบเรื่องบ้าง เช่น กัปตันสมิท, วิศวกรแอนดรูว์, มอลลี่ บราวน์ ซึ่งขออธิบายถึงตัวจริงของคนเหล่านี้หน่อยนะครับ

    จากซ้ายไปขวา Leonardo DiCaprio รับบท Jack, Kate Winslet รับบท Rose วัยสาว และ Gloria Stuart เป็น Rose วัยชรา (ไม่มีตัวตนจริงๆเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมา)

    มากาเร็ต โทบิน บราวน์ (Magaret Tobin Brown) หรือฉายามอลลี่ผู้ไม่มีวันจม จัดเป็นพวกเศรษฐีใหม่ในยุคนั้นได้ร่วมเดินทางไปกับเรือไททานิคครั้งนั้นด้วย (ในภาพยนตร์ เธอมีบทบาทในการช่วยหาชุดแต่งกายแบบชนชั้นสูงให้กับแจ็ค)

    กัปตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิท (Edward J. Smith) กัปตันที่ถือว่าเก่งกาจ และมีค่าตัวแพงที่สุดในยุคนั้นเขาได้ มาเป็นกัปตัน เรือไททานิค เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เขาได้ทำการเร่งเครื่องยนต์เรือไททานิกด้วยความเร็ว 21น้อต คือ ครึ่งๆ ของความเร็วเต็มที่ของไททานิค และพอตกเย็น เขาได้รับคำเตือนภูเขาน้ำแข็ง ขณะนั้น คุณบรูซ (เจ้าของเรือไททานิค) ได้สั่งให้เขา เร่งเครื่องยนต์ไททานิคให้เต็มที่ คือ 54 น้อต ตอนแรก กัปตันก็ไม่สนใจ เพราะไม่อยากจะ ฝืนกำลังเครื่องยนต์ แต่ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่กัปตันจะเกษียณแล้ว เลยทำให้เขาชะล่าใจและตกลงเร่งเครื่องให้เต็มพิกัด

    เจ. บรูซ อิสเมย์ (J. Bruce Ismay) หุ้นส่วนผู้หนึ่งของไวต์สตาร์ไลน์ สายการเดินเรือแห่งนี้จึงเริ่มสร้างเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่แบบ 3 ใบเถาขึ้น โดยสร้างขึ้นก่อน 2 ลำในปี ค.ศ. 1908 (พ.ศ.2451) นั่นคือเรือเดินสมุทรโอลิมปิก (Olimpic) และไททานิก (Titanic) และหลังจากนั้นจึงจะสร้างลำที่ 3 ซึ่งตั้งชื่อไว้แล้วว่าไจแกนติก (Gigantic) แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริแทนนิก (Britannic)

    โทมัส แอนดรูวส์ (Thomas Andrews) วิศวกรอาวุโสของอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์และ "วูลฟฟ์" (Wolff) ผู้ออกแบบ และควบคุมการต่อเรือไททานิค แอนดรูวส์ชื่นชมเรือไททานิคว่าเป็นเรือที่สมบรูณแบบที่สุดเท่าที่สติปัญญาของมนุษย์จะทำได้

    พอถึงตอนที่เรือปะทะภูเขาน้ำแข็งและเริ่มจม เนื้อหาของหนังจึงเริ่มเข้าสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงๆ แต่ยังคงความโดดเด่นในบทบาทของ แจ็ค โรส และตัวละครอื่นๆ ไว้อย่างแนบเนียน โดยขออธิบายเหตุการณ์ในหนังเทียบกับเหตุการณ์ที่แท้จริง ดังต่อไปนี้ครับ

    การกักกันผู้โดยสารชั้นสามไว้ที่ใต้ท้องเรือ ไม่มีข้อยืนยันว่าได้มีการกักกันผู้โดยสารชั้นสามไว้ที่ใต้ท้องเรือ แต่มีการจัดระเบียบการอพยพผู้โดยสาร ซึ่งหมายถึงผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่เป็นเด็กและผู้หญิงจะได้สิทธิลงเรือชูชีพไปก่อน ส่วนผู้โดยสารชั้นสามต้องรอทีหลัง แต่ในที่สุด ทุกอย่างก็เป็นไปตามระบบเอาตัวรอดกันแบบตัวใครตัวมัน


    เนื้อหาของหนังนั้น ต้นเรื่องมาจนกลางเรื่องก่อนที่เรือไททานิคจะจมจะเป็นบทประพันธ์ที่แต่งเติมขึ้นมาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง หนุ่มแจ๊ค สาวโรส เซลดอน นาธาน ฮ็อกลี่ย์ หรือแคลคู่หมั้นของโรส แม่ของโรส ตัวประกอบอื่นๆ รวมถึงเพชรที่ชื่อหัวใจมหาสมุทรล้วนเป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งสิ้น มีตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงปลากฎตัวประกอบเรื่องบ้าง เช่น กัปตันสมิท, วิศวกรแอนดรูว์, มอลลี่ บราวน์

    *****************************************************************************************

    นี่เป็นตำนานมัมมี่ที่ว่าเป็นคำสาป



    นอกจากนี้ยังมีตำนานอีกเรื่องเกี่ยวข้องกับการอัปปางของเรือไททานิคในครั้งนั้น เป็นตำนานที่ไม่ทราบที่มา แต่ก็ได้มีการเล่าขานกันมาถึงเรื่องเจ้าหญิงอาเมนรา มัมมี่ที่ได้ถูกขนส่งไปพร้อมกับเรือสุดหรูลำนี้
    หนังสือพิมพ์บางฉบับกล่าวถึงเรื่องการอัปปางของไททานิคว่าเกิดจากคำสาปมัมมี่ที่อยู่ในเรือแห่งนี้ พ่อค้าที่ขาดจิตสำนึก ได้ลอบนำมัมมี่เข้าสู่อเมริกา เพื่อต้องการขายมัมมี่แก่พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ก ตามที่ได้ตกลงราคาเป็นมูลค่าที่สูงถึง 500000ดอลลาร์ เขายังได้ตกลงแบ่งเงินจำนวนนั้นให้แก่หัวขโมยที่ลักลอบโจรกรรมสุสานแห่งนี้ โดยที่การลักลอบโจรกรรมครั้งนี้เทพอนูบิสทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่งจากการที่มเหสีของฟาโรห์ถูกลักลอบขโมยไปและขายให้พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์กสเหมือนเป็นการหมิ่น พระเกียรติฟาโรห์อย่างมหันต์ ดังนั้นเพื่อจัดการทำลายล้างพวกที่ไม่เคารพ เทพอนูบิสจึงจมเรือไททานิคเพื่อให้มัมมี่จมลงสู่ทะเลพร้อมกับเรือแระผู้โดยสารโชคร้ายทุกคน นั่นคืออำนาจคำสาปแห่งเทพเจ้า ยังมีตำนานที่เล่าขานกันเพิ่มเติมว่า มัมมี่ได้ถูกนำขึ้นไปไว้อย่างปลอดภัยบทเรือชูชีพที่ช่วยชีวิตผู้โดยสาร ในขณะที่เรือไททานิคกำลังจมสู่ท้องทะเล จากนั้นได้มีการขนส่งต่อไปยังนิวยอร์ก แต่กลับเกิดเหตุประหลาดมากมาย จนทำให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตักสินใจส่งกลับคืนสู่อียิปต์ด้วยเรือ เอ็กซ์เปรส ออฟ ไอร์แลนด์(Express of Ireland)และสุดท้ายเรือลำนี้ก็ได้จมลงสู่มหาสมุทรพร้อมกับชีวิตของลูกเรือทุกคน การอัปปางครั้งนี้มัมมี่ไม่ได้จมอยู่กับเรือหากแต่สามารถกู้ขึนมาได้โดยเรือชูชีพหลังจากนั้นมีความพยายาม ที่จะส่วมัมมี่กลับสู่อียิปต์อีกครั้งด้วยเรือลูซิทาเนีย ซึ่งก็อัปปางลงอีกจากฝีมือตอร์ปิโดในสงครามโลก แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมัมมี่ที่ดำดิ่งสู่ก้นสมุทรไปพร้อมกับสัมภาระต่างๆของเรือลูซฺทาเนีย ด้วยเหตุนี้จึงมีการพิพากษ์กันว่า เคราะห์กรรมของไททานิคนั้นเนื่องมาจากคำสาปของมัมมี่จนเป็นตำนานที่เล่าขานที่โจษขานกันไม่รู้จบ

    เจ้าหญิงอาเมน-รามีพระชนม์ชีพในช่วงประมาน 1500 ปีก่อน ค.ศ.เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระศพได้รับการบรรจุลงในโกศหรือโลงพระศพไม้ ที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามตระการตา จากนั้นมีการนำไปบรรจุในสุสานหลวงที่ลักซอร์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ จวบจนในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ1890กลุ่มหมาเศรษฐี 4 คน ได้มาเยี่ยมชมอุโมงค์บรรจุพระศพที่ลักซอร์ มีการยื่นเสนอข้อตกลงซื้อขายโลงบรรจพระศพมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-ราที่ประดับตกแต่ง อย่างอลังการนี้

    เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยถูกรางวัลล็อตเตอรี่ได้จ่ายเงินซื้อโลง พระศพมัมมี่เนราคาหลายพันปอนด์และ ได้นำกลับมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่2ชั่วโมงต่อมาเขาได้เดินทางออกไปในทะเลทราย และไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ในวันรุ่งขึ้นหนึ่งในสามเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ถูกคนรับใช้ชาวอียิปต์ยิง โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลที่ถูกยิงตรงแขนข้างหนึ่งของเขาเกิดเป็นแผลร้ายแรงจนต้องตัวแขนทิ้ง เศรษฐีหนุ่มคนที่สามถูกธนาคารยึดเงินฝากของเขาไว้ทั้งหมดเมื่อเดินทางกลับสู่บ้าน เศรษฐีคนสุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายและหมดเนื้อหมดตัว จนต้องออกมาขายไม้ขีดไฟตามท้องถนน

    อย่างไรก็ดี โลงพระศพได้ย้ายมาสู่ประเทศอังกฤษตามคำสั่งซื้อของนักธุรกิจแห่งกรุงลอนดอน โดยที่ระหว่างการขนส่งก็เกิดเหตุประหลาดที่เป็นอุปสรรคตลอดเส้นทางหลังจากที่มัมมี่อยู๋อยู่มาอยู่สมาชิกในบ้านของนักธุรกิจนี้ 3 คนประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและบ้านก็ถูกไฟไหม้ นักธุรกิจผู้นั้นตัดสินใจบริจาคฌลงอาถรรพ์แก่พิพิธพันฑ์อังกฤษ แต่ขณะที่ย้ายลงจากรถบรรทุกในบริเวณสนามของพิพิธภัณฑ์รถก็พลิกคว่ำ แล้วพุ่งเข้าชนผู้คนบริเวณ ละแวกนั้น พอสิ้นความวุ่นวาย และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์2คนกำลังกำลังขนบพระศพขึ้นบันไดนั้น คนหนึ่งเกิดพลาดตกลงมาขาหัก ส่วนอีกคนไม่เป็นอะไรแต่อีก2วันต่อมาเขากลับเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ ครั้นเมื่อพระศพมัมมี่เจ้าหญิงประทับในห้องแสดงอารยธรรมอียิผต์ หายนภัยที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น

    ยามรัษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ได้ยินเสียงกระทุ้งโลงอย่างรุนแรง และมีเสียงกุกกักปึงปังยามค่ำคืนโดยไร้สาเหตุ ยามคนหนึ่งได้ตายระหว่างรักษาการณ์ เป็นเหตุให้ยามคนอื่นๆอยากลาออก แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดพลอยไม่อยากเข้าใกล้โลงพระศพ

    ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์มือบอนคนหนึ่งนำผ้าขี้ริ้ววางปิดภาพใบหน้าที่วาดบนโลงอย่างลบหลู่ หลังจากนั้นลูกของผู้เข้าชมอุตริผู้นั้นตายด้วยโรคหัด ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้เคลื่อนย้ายพระศพมัมมี่ไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดิน ด้วยความคิดที่ไม่ต้องการให้ทำร้ายใครได้อีกต่อไปแต่ในอาทิตย์เดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีส่วนช่วยเคลื่อนย้ายโลงพระศพก็ล้มป่วยลงด้วยอาการขั้นตรีทูต รวมทั้งผู้ดูแลการเคลื่อนย้ายก็เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่านักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยถ่ายรูปโลงมัมมี่เอาไว้แล้วนำไปล้าง ภาพนั้นมีใบหน้ามัมมี่ที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนฝาโลงพระศพ ช่างภาพผู้เคราะห์ร้ายเข้าไปในห้องนอน และยิงตัวตาย ไม่นานจากนั้นทางพิพิธภัณฑ์ได้ขายมัมมี่ให้แก่นักสะสมเอกชน และหลังจากที่เคราะห์ร้ายความตายเกิดขึ้นต่อในครอบครัวทำให้นักสะสมผู้นั้นนำโลง พระศพไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา

    ต่อมา มาดาม เฮเลนนา บลาวาตสกี ผู้วชาญโด่งดังด้านเรื่องเร้นลับได้มาเยือนอาคารที่เก็บมัมมี่อาถรรพ์ ขณะที่เข้าสู่อาคารเฮเลนาเป็นลมจับไข้ตัวสั่นเหมือนโดนผีเข้า จากนั้นจึงค้นหาที่มาของอำนาจชั่วร้ายที่มีพลังรุนแรงอย่างน่ากลัว ในที่สุดเฮเลนาก็มาหยุดอยู่ที่ห้องใต้หลังคาและได้พบกับโลงมัมมี่เจ้าของบ้านขอร้องเธอ ช่วยให้ช่วยขับไล่อำนาจปิศาจมัมมี่ออกไป

    "ปิศาจนั้นย่อมเป็นปิศาจชั่วนิจนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถจัดการได้ ฉันขอให้คุณรีบกำจัดปิศาจร้ายนี้โดยด่วน" ทว่าไม่มีพิพิธภัณฑ์ในอังกฤษแห่งไหนยอมรับมัมมี่เลย เนื่องจากข่าวที่แพร่ว่า มีคนตายถึง20คนแถมยังประสบเหตุเคราะห์ร้ายและหายนะจากการเก็บรักษาหรือ เกี่ยวข้องกับโลงพระศพมัมมี่นี้ตลอม10ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่โจษขานกันถึงอำนาจชั่วร้ายนี้

    ในที่สุดก็มีนักโบราณคดีอเมริกันผู้ไม่เชื่อถือในเรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่ ยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อเคลื่อนย้ายมัมมี่มาที่นครนิวยอร์ก สั่งให้ขนส่งสมบัติชิ้นใหม่นี้มาให้ในเดือนเมษายนปีค.ศ.1912 โดยเรือโดยสารของบริษัทไวท์สตาร์ ลำใหม่ที่หรูหรา นำเจ้าหญิงอาเมน-รามาสู่นครนิวยอร์ก

    ในราตรีของคืนที่14 เมษายนปีนั้นเอง ความหายนะอันน่าสะพรึงอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ปรากฏขึ้น เจ้าหญิงแห่งอาเมน-ราพาผู้โดยสารอีก1500คนสู่ความตาย ในก้นบึ้งมหาสมุทรแอตแลนติกเรือโดยสารลำนี้มีชื่อว่า เรือไททานิค ที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีนั่นเอง


    GET นะ ^ ^


    เครดิต

    แล้วก็นี่จาก คมชัดลึก

    คมชัดลึก :ผู้รอดตายคนสุดท้าย และมีอายุน้อยที่สุดจากเรือไททานิคลาโลกด้วยวัย 97 ปี

    (1มิ.ย.) อลิซาเบ็ธ แกลดีส์ ดีน หรือที่เพื่อนๆเรียกว่า "มิลวิน่า" ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ จากการอัปปางของเรือสำราญ"ไททานิค" ที่พุ่งชนภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรแอลตแลนติคเมื่อคืนวันที่ 14 เมษายน 2455 ซึ่งคร่าชีวิตคนไป 1,517 คน เสียชีวิตแล้วที่บ้านพักคนชราเอกชน ใกล้เมืองแอสเฮิร์สท์ ในเขตแฮมเชียร์ ทางใต้ของอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์

     ดีนคือหนึ่งในคน 706 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กที่รอดชีวิต เธอเป็นผู้โดยสารบนเรือที่มีอายุน้อยที่สุดด้วย โดยเพิ่งอายุได้ 2 เดือนตอนที่เกิดเหตุ เธอถูกห่อตัวด้วยกระสอบและอุ้มออกจากเรือ จอร์แจ็ต อีวา มารดาของเธอ กับพี่ชายคือ เบอร์แทรม ก็รอดชีวิตเช่นกัน แต่เบอร์แทรมแฟรงค์ บิดาของเธอคือหนึ่งในผู้เสียชีวิต หลังจากเขาพาครอบครัวลงเรือที่เมืองเซาแทมตัน มุ่งหน้าจะไปหาชีวิตใหม่ที่รัฐแคนซัส ด้วยความหวังจะเปิดร้านขายยาสูบ

     เรือ RMS ไททานิค คือเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่สุด หรูที่สุด และใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดของโลกจนได้รับการขนานนามว่า" ไม่มีวันจม" (unsinkable) แต่ในการเดินทางเที่ยวแรก เรือใช้เวลาเพียง2 ชั่วโมงกับอีก 40 นาที ก่อนจมหายไปใต้น้ำแข็งเพราะชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเมื่อเวลา 23.40 น. ของคืนวันที่ 14 เมษายน
     
     ดีนถูกพากลับบ้านที่เซาท์แทมตัน และไม่รู้ว่าตัวเองก็เคยอยู่บนเรือไตตานิค จนกระทั่งอายุได้8 ขวบ และมารดาจะแต่งงานใหม่ เธอทำงานเป็นนักเขียนแผนที่ของรัฐบาลสมัยสงครามโลกที่ 2 ก่อนจะไปทำงานให้บริษัทด้านวิศกรรมแห่งหนึ่ง และจู่ๆก็เพิ่งกลายเป็นคนดังหลังมีการพบซากเรือไททานิคเมื่อปี  2528 โดยได้มีส่วนร่วมในการจัดทำสารคดีและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เธอตอบรับคำเชิญให้ขึ้นเรืออลิซาเบ็ธที่สองเดินทางไปสหรัฐฯเมื่อปี 2540 เพื่อสานต่อความฝันของครอบครัวที่จะไปอเมริกา แต่เธอปฏิเสธที่จะไปร่วมการฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนต์เรื่อง"ไททาทิค" เมื่อปี2540 เพราะกลัวจะหดหู่มากเกินไป

     ดีนย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราหลังทำกระดูกสะโพกหักเมื่อ 3 ปีก่อน และดิ้นรนหาค่าใช้จ่ายจนต้องนำของที่ระลึกบางชิ้นออกประมูลขายเมื่อตุลาคม ปีที่แล้ว  ขณะที่เพื่อนๆตั้งกองทุนหาเงินบริจาคเพื่ออนาคตของเธอ ซึ่งผู้บริจาคเงินรวมทั้งเคท วินสเลท , ริโอนาโด ดิคาปริโอ และเจมส์ คาเมรอนดารานำและผู้กำกับภาพยนต์เรื่องไททานิคด้วย

    สำหรับผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายที่เป็นชาวอเมริกัน คือ ลิเลี่ยน แอสพลันด์ เสียชีวิตที่บ้านเมื่อพฤษภาคมปี 2549 ด้วยวัย  99 ปี  เธออายุ 5 ขวบตอนที่ไททานิคอัปปาง

    ****************************************************************

    แจ็คกับโรสจะมีตัวตนจริงๆหรือไม่ แต่ตำนานไททานิคก็ยังอยู่และจะอยู่ตลอดไป

    (จะบอกว่า จขกท.ก็ไม่ใช่แฟนพันธ์ของไททานิค แต่ชอบเลยอยากตั้งกระทู้ประวัติให้ทุกคนได้อ่าน และก็ขอโทษด้วยที่ข้อมูลไม่ชัดเจน หาบทสรุปให้ไม่ได้)

    แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ร่วมแสดงความคิดเห็นนะคะ จะพยายามปรับปรุงเต็มที่  ^ ^

     จากข้อมูลที่เราหาและดูมา หลายแห่งก็บอกไว้ว่าแจ็คกับโรสไม่มีตัวตน แต่ถ้าคุณเข้ามาเพื่อถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็ปิด X ไปเลยค่ะ อย่าให้ ไททานิค กลายเป็นชนวนทะเลาะกันเลย ขอร้อง


    คำตอบจาก ค.ห. 136 ขอบคุณมากๆ

    จะบอกว่าคนที่พึ่งตายคือ Lillian Asplund ซึ่งอายุ 97 ตอนตาย และ ตอนขึ้นเรือเคาเพิ่งอายุ 2 เดือน
    ย้ำ 2 เดือน ไม่ใช่โรสสสสสส

    แ้ล้วโรสตอนแก่ ที่มาเล่าเรื่อง คือ ยายโรส เป็นตัวละครสมมติขึ้นมา เพื่อดำเนินเรื่องว่า สมัยชั้นยังสาวนั้นชั้นเจอแจ็ก บลาๆๆๆ เล่าให้กับนักขุดสมบัติฟัง แล้วเค้าแทนเรื่องเลบ่าด้วยภาพ เปน เคท กับ ลีโอ คือมีตัวละครยายแก่โรสขึ้นมาเพื่อ ดำเนินเรื่อง เค้าอยกาจะเริ่มเื่องแบบนั้นเฉยๆ แทนที่จะเริ่มมาเปน แจ็กชนะพนันเลย แค่นั้น มันไมไ่ด้บอกว่า มีตัวตนจรงิสักหน่อย

    กลับไปดูอีกรอบเลย ว่าโรสตอนแก่ มันเปนส่วนหนึ่งของหนัง ไม่ใช่เป็นภาพข่าวจริง
     


    ถ้าใครยังงงอีก ก็นี่ไปเลยไปอ่านเลยค่ะ 

    http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5359350&Ntype=3


    ช่วยคุณได้!!!!


  • แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 สิงหาคม 2552 / 22:08

    PS.  กงกรรม กงเกวียน

    แสดงความคิดเห็น

    >

    285 ความคิดเห็น

    ZtablE 9 ส.ค. 52 เวลา 18:56 น. 2

    ขนาดตอนผมเด็กๆไม่รู้อะไรมากมาย ยังซึ้งกับหนังรักเรื่องนี้เลยครับ


    PS.  ขอเชิญเพื่อนๆร่วมงานครบรอบวันเกิดร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 157 ปี ภายในงานพบคอนฯ Modern Dog และ Scrubb 2 ชั่วโมงเต็มครับ http://gunnerz157.hi5.com
    0
    Bubbboo 1 ก.พ. 65 เวลา 07:48 น. 4-1

    มีจริงๆค่ะ เคยมีคนเล่าให้เราฟังว่าความจริงแล้วผู้สร้างหนังไททานิกเนี่ยสัมภาษณ์โรสตัวจริงเลยนะคะ

    PS. แต่ไม่มั่นใจนะคะว่าเขาชื่อนี้กันจริงๆมั้ย

    0
    -กระต่ายขาวจอมขี้เกียจ- 9 ส.ค. 52 เวลา 19:28 น. 5

    อ้างอิงจาก 
    http://dek-d.com/board/view.php?id=946413

    ไททานิคล่มเป็นเรื่องจริงค่ะ
    แต่แจ็คกับโรสเป็นตัวละครที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้เรื่องเดินและมีสีสันของความเป็นละครมากขึ้น
    (พูดง่ายๆ ก็คือทำให้มีเส้นเรื่องและมีความน่าดูเพิ่มขึ้นนั้นเอง)

    PS.  กงกรรม กงเกวียน
    0
    Immai 9 ส.ค. 52 เวลา 19:41 น. 6

    ชอบมาก ไททานิค

    ทั้งๆที่ ดูครั้งแรกใน โรงตอนนั้น 4 ขวบ -*-
    ตอนนี้ก็ยังดูอยู่ ชอบมาก


    PS.  *~ SuJu & E.L.F ~* Siwon >
    0
    M๏jii 9 ส.ค. 52 เวลา 19:50 น. 8

    อ่ที่จริงโรสกับแจ๊คอ๊ะมีจริงอยุไม่ใช่หรอค๊ะ

    เค้าก้ออกข่าวกันอยู่โรสยังไม่ตายแต่แจ๊คตายแล้ว

    ปัจจุบันโรสตายแล้วมั้งค๊ะ

    0
    ` Scrαt Ω 9 ส.ค. 52 เวลา 20:07 น. 10

    คิดถึงแจ็คกับโรส

    ดูหนังเรื่องนี้ทีไร ร้องไห้ทุกที...................


    PS.  รักคือการเสียสละ และ หม่อมฉันเลือกที่จะเสียสละเพื่อคนที่หม่อมฉันรัก
    0
    Saibie 9 ส.ค. 52 เวลา 20:17 น. 12

    หนังที่ดูทีไรแล้วร้องไห้...


    เรื่องนี้สงสัยมานานแล้วเหมือนกันขอบคุณมาก


    ดูปีละ2-3รอบ

    เพราะสนุก

    ขอบคุณค่ะ


    PS.  ~รักคิบอม ปลื้มซองมิน ชอบจุนซู แอ้มชางมิน งาบยุนโฮ เหล่ทึกกี้ ฯลฯ แต่ไง ก็งาบทั้ง18คนเลยนะ คิกๆ~
    0
    oOo 9 ส.ค. 52 เวลา 20:43 น. 13

    เรื่องนี้ดูหลายรอบมาก
    ดูกี่ทีก็เศร้าเรียกน้ำตาได้ตลอด




    มาอ่านบอร์ดนี้แล้วได้ความรู้เยอะมาก
    มีหลายเรื่องที่ไม่รู็ก็ได้รู้

    ขอบคุณมากค่ะ





    เห็นแล้วอยากดูไททานิคอีกจัง

    0
    MX.2P 9 ส.ค. 52 เวลา 21:09 น. 14

    ไททานิค

    อ่านะ...โรแมนติก บ่อนำ้ำตาแตก TTOTT

    ไว้ว่างๆไปสืบให้รอไปก่อนซัก สามสิบปีแล้วเราจะไปตามหาแจ็คกะโรส แม้จะเป็นขี้เถ้ามาให้ดู

    (ว่าไปงั้นแหละ ตามหาไม่ได้หรอก ป่านนี้คงเกิดมาเป็นเบบี๋ใครต่อใครแล้วมั้ง เอ๊ะหรือเกิดมาเป็นเรา ฮ่าๆๆ)

    เหอๆ


    PS.  Magazine&XinXin...>.< The world is my mine..
    0
    +0- 9 ส.ค. 52 เวลา 22:36 น. 16

    มั่วจัง

    ตอบให้ แจ๊คกับโรส ไม่มีตัวตนจิงๆค่ะ

    ในหนังมีเพราะให้2คนนี้เป็นตัวดำเนินต่างหาก

    รู้ว่าข้างล่างต้องเถียง

    ชั่งเหอะ

    0
    Sayaimm 10 ส.ค. 52 เวลา 17:23 น. 18

    แจ๊คกะโรสมีตริงนะ
    ก้อตอนก่อนเข้าเรื่อง(ซื้อแผ่นมาดูหน่ะ)ก้อมีผู้หญิงแก่ๆมาพูดก่อนเข้าเรื่อง 
    นั่นแหละ "โรส"

    0
    *~!!Nu[o o u]ka!!~* 10 ส.ค. 52 เวลา 19:55 น. 19

    ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทำรายได้ถล่มหนังเรื่องนี้เลยสักเรื่อง

    ทั้งๆที่หนังเรื่องนี้มันนานมากแล้วจริง

    ชอบมาก^^


    PS.  รั ก เ ธ อ ป ระ เ ท ศ ไ ท ย ! ! ! ~ ~
    0
    NatsuMe 11 ส.ค. 52 เวลา 01:10 น. 20

    โอ้ว  เด็ดมากๆ

    ดูเรื่องนี้ซึ้งอ่ะ ทั้งๆที่เราไม่ชอบหนังรักนะเนี่ย


    PS.  รักเด็ก หลงเด็ก โชตะ บันไซ!!!!
    0