Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(สปอย)บทวิจารณ์เรื่อง เฉือน เรื่องราวของพื้นที่ กระจก และ ความจริงในหน้าจอ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เฉือน

เรื่องราวของพื้นที่ กระจก และ ความจริงในหน้าจอ



(บทความนี้อาจจะสปอยเนื้อหาในภาพยนตร์)

ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอกำลังทำรายได้ถล่มทลายตามโรงภาพยนตร์ต่างๆและสร้างปรากฏการใหม่ๆให้กับ GTH อย่างมากนั้นอีกด้านหนึ่งทางไฟว์สตาร์ก็ได้ส่งภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ สืบสวนสอบสวนออกมาเรื่องหนึ่งโดยฝีมือ กำกับ พี่ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับลองของและหนังดีแต่ไม่ได้เงินอย่างไชยาที่ค้นนักแสดงหลักอย่างเป้ เสล่อและพี่นก ฉัตรชัยมาร่วมประชันบทบาทกัน ซึ่งผลที่ได้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่สามารถทำเงินได้มากนักเนื่องจากสาเหตุหลายอย่างๆซึ่งจะนำมาวิเคราะห์กันต่อไปในบทความหน้า ครั้งนี้เรามาพูดถึงเรื่องเฉือนกันก่อน

เรื่องเฉือนนั้นเริ่มต้นด้วยภาพของกระเป๋าสีแดงที่ลอยอยู่กลางทะเลก่อนจะเริ่มเหตุการณ์ฆาตกรรมโดยฆาตกรในชุดกันฝันสีแดงที่ไล่ฆ่าสังหารเหล่าชายด้วยการฆ่าและตัดอวัยวะเพศของชายและยัดลงในก้นของเหยื่อ เรื่องราวจะตัดมาที่ ไท (นำแสดงโดย เป้ เสล่อ)ที่อยู่ในคุกแห่งหนึ่งที่รู้สึกคุ้นเคยกับการฆาตกรรมนี้ เขาจึงเสนอตัวเองกับป๋า(นก ฉัตรชัย)เพื่อแลกกับอิสรภาพในเวลาสิบห้าวัน เขาต้องจับตัวฆาตกรให้ได้ ทว่ายิ่งสืบมากเพียงใดสิ่งที่เขาได้พบก็คือ อดีตของตัวเองในวัยเด็กกับเด็กชายข้างบ้านที่ชื่อ ว่านัท ผู้ที่คอยติดตามจนกลายเป็นเพื่อนสนิทของเขา และระหว่างที่เขากำลังไล่ล่าตัวฆาตกรนั้นเอง ฆาตกรก็กำลังรุกไล่เข้าหาแฟนของเขาที่ชื่อ ว่า น้อย ทุกที การไล่ล่าที่แข่งกับเวลาจึงเริ่มขึ้น

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องย่อด้านบนแล้ว ทุกคนย่อมคาดหวังจะได้เห็นการฆาตกรรมระดับเดียวกับ ภาพยนตร์เรื่อง เซเว่นหรือ ลึกลับซ่อนเงื่อนแบบ ภาพยนตร์อย่าง Sileance of the lamb แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มอบความน่าสนใจในเรื่องได้เพียงแค่สามสิบนาทีแรกเท่านั้นก่อนที่ภาพยนตร์จะปรับอารมณ์เข้าสู่ภาพยนตร์แนว Nortalgia หรือแนวย้อนความหลังแบบเดียวกับพวกแฟนฉันเพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับไทและนัทว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ และเหตุใดนัทจึงเป็นฆาตกรของเรื่องนี้ไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เราจะเห็นถึงการฆาตกรรมที่มีบางอย่างเชื่อมโยงกันคือ การฆาตกรรมบุคคลที่มีอำนาจ ฆาตกรในเรื่องสังหารคนที่มีอำนาจในทางใดทางหนึ่งเท่านั้นและวิธีการสังหารที่โหดมนั้นบ่งบอกถึง ปมบางอย่างของตัวละครออกมา ในอดีตนัท เพื่อนของไทถูกเรียกโดยเด็กๆในหมู่บ้านว่า ตุ๊ด เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอ้นเกินเด็กทั้วไป เขามาสนิทกับไทด้วยความอยากจะหาเพื่อนเล่นด้วย ทว่าไทก็พยายามจะคบกับเขาห่างๆเพราะไม่ต้องการให้เด็กในหมู่บ้านรู้จนวันที่เขาต้องได้รับการทดสอบจากกลุ่ม สิ่งที่เขาได้รับมาก็คือ การซ้อมนัทจนเกือบตายนั้นเอง ถึงกระนั้นนัทก็ไม่ได้เจ็บใจอะไรและยังมาเล่นกับเขาเรื่อยๆจนความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกับเรื่องราวด้านมืดของนัทที่มากขึ้นเรื่อยๆ นัทมีพ่อเพียงคนเดียวในบ้านและต้องทำหน้าที่เป็นกระสอบทรายให้กับพ่อที่ขี้เมาเป็นนิจ เขามักจะถูกทำร้ายทุกครั้งเมื่อพ่อเมา นอกจากนี้เขายังถูกอาจารย์ในโรงเรียนคุกคามทางเพศด้วยการให้อมนกเขาเนื่องจากแผนการของไทที่ต้องการแก้แค้น นัทเลยรับเคราะห์ไปในขณะที่ไทรอดตัวไป แถมยังโดนกลุ่มเพื่อนของไทแกล้งสารพัด ไทซึ่งสงสารนัทบวกเห็นใจกับชะตากรรมจึงตัดสินตัดขาดกับเพื่อนกลุ่มนั้นและได้เป็นเพื่อนกับนัทจริงๆในที่สุด แต่วิบากกรรมของนัทก็ยังไม่จบสิ้น ไทได้ยินเสียงแปลกๆจากบ้านของนัทในยามวิกาลเขาจึงแอบย่องไปดูและได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อ ภาพพ่อของนัทที่กำลังข่มขืนลูกตัวเอง ไทเข้าไปช่วยนัทเอาไว้แล้วพาหนีออกมาด้วยกัน ทว่าด้วยความจวนตัวนัทก็ใช้มีดฟันหัวพ่อจนแบะเป็นเหตุให้ไทต้องพานัทออกจากหมู่บ้านไปยังพัทยาเพื่อเริ่มต้นความฝันของทั้งสองคน กระนั้นทั้งสองคนก็ยังถูกทำร้ายโดยอันธพาลภาพยใต้การครอบครองอาณษเขตของบุคคลที่เรียกว่า ป๋า ที่ทำหน้าที่ในการส่งเด็กให้กับชาวต่างชาติ และนัทก็เป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้ไปโดยที่ไท ผู้ทำหน้าที่ที่ควรจะปกป้องเพื่อนเป็นคนขายนัทให้กับป๋าเอง แม้ว่าจะสำนึกและกลับไปช่วยก็ตาม มันก็สายไปและจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีก

จากที่เขียนมา เราจะเห็นประเด็นหนึ่ง โผล่ขึ้นมาในหนังเรื่องนี้ ใช่แล้ว การทารุณกรรมเด็กและประเด็นอำนาจมืดในสังคม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพการทารุณเด็กในหลายๆอย่างที่ปรากฏบนจอนั้น ไม่ใช่สิ่งไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยแต่เกิดขึ้นประจำและทุกคนรู้จักมันดี ภาพของเด็กถูกทำร้ายและทารุณกรรมทางเพศเป็นเรื่องที่แฝงอยู่ในสังคมไทยมานานเพียงแต่มันเป็นสิ่งที่คนไทยปฏิเสธอยู่เสมอว่า มันไม่มีจริงและมีโอกาสน้อย เราจะเห็นภาพของผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในสังคมคอยกดขี่ข่มเหงเด็กอยู่เสมอ ในเรื่องเราจะเห็น บุคคลอย่าง พ่อ ครู ตำรวจ ฝรั่งที่มีเงิน ลูกนักการเมือง นักการเมือง และหลายคนในสังคมที่พยายามจะใช้สิ่งที่มีอำนาจกดขี่ข่มเหงผู้น้อย การที่หนังใช้การเล่าเรื่องส่วนนี้ในช่วงย้อนอดีตเป็นหนังแบบระลึกอดีตแบบแฟนฉันทำให้เรารู้สึกได้ถึงความกระอักกระอวนใจของตัวคนดูเอง ใช่ เราพยายามจะปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นในจอว่ามันไม่เป็นจริง ภาพการกลั่นแกล้ง การข่มขืน การทารุณเด็กนาๆชนิดๆถูกปฏิเสธออกจากสายตาของเรา เนื่องจากเราถูกหนัง Feel Good อย่างแฟนฉันครอบงำว่า อดีตที่เกิดขึ้นจะต้องสวยงามทั้งๆที่จริงแล้ว อดีตไม่จำเป็นต้องสวยงามหรืออะไรทั้งสิ้น ดังนั้นภาพของเฉือนในช่วงย้อนอดีตนั้นจึงเป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันออกมาอีกที และสิ่งที่ภาพยนตร์ใส่ลงมาคือ ภาพของผู้มีอำนาจในสังคมที่กำลังใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ภาพของผู้มีอำนาจที่เรียกว่า ป๋า ผู้มีอำนาจสั่งการไทในคุกให้ทำหน้าที่สังหารบุคคลที่กำลังจะขวางทางธุรกิจของตัวเอง ช่างเหมือนกับบุคคลใดบุคคลหนี่งที่มีอำนาจล้นฟ้าในเมืองไทยเสียเหลือเกิน ภาพของพี่นก ฉัตรชัยในผมสีขาว เสื้อสีขาวและสีดอก ช่างตัดกันกับสิ่งที่พี่เขาได้ทำในเรื่องเสียจริงๆ เช่นเดียวกับภาพของนักการเมืองและลูกชายนักการเมืองที่ออกมามองเห็นถึงภาพอำนาจที่บุคคลได้ครองแล้วใช่มันเพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเองและบีบบังคับผู้น้อยให้ทำตาม ช่างเหมือนสังคมไทยในปัจจุบันนี้จริงๆ สิ่งที่ฆาตกรได้บอกกับพระเอกในตอนจบถึงเรื่องราวของอำนาจมืดบางอย่างที่ไม่มีวันถอนมันออกไปได้หมด แม้จะฆ่ามันก็ยังมีสิ่งที่เรียกแบบเดียวกันเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทางเดียวที่ฆาตกรเลือกคือ การทำให้พระเอกไม่ให้กลายเป็นขั้วหนึ่งของมันนั้นเอง

ประเด็นทางการเมืองของเรื่องนี้ยังคงมีอยู่ ภาพของฆาตกรยามใส่เสื้อกันฝนสีแดง ภาพของน้อยที่เอามีดไล่ปาดคอคนในวิกผมสีเหลือง บ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกอย่างในสังคมนี้ ใช่แล้ว เสื้อเหลืองและแดงนั้นเอง หากเรามองแล้วภาพของเสื้อเหลืองคือ ภาพของนัทหรือน้อย ในสังคมที่เร่งรัดและเอารัดเอาเปรียบของเมืองกรุงที่วุ่นวาย ภาพของบุคคลที่จำเป็นต้องปรับตัวให้ตัวเองอยู่ในสังคมนี้กับภาพของน้อยในรูปแบบของนัทในเสื้อกันฝนแดงเป็นตัวแทนภาพของอดีตของเมืองนั้นก็คือ ต่างจังหวัดหรือชนบท ซึ่งก็คือ เสื้อแดงที่ส่วนมากมักจะเป็นคนต่างจังหวัด ทั้งสองสีเป็นสิ่งเดียวกันเพียงแค่ต่างกันที่เหรียญเท่านั้น เหลืองยังไงแดงยังงั้น ภาพของกลุ่มคนที่ถูกผลักออกจนต้องลกขึ้นต่อสู้เพื่อเรียกร้องพื้นที่ของตัวเองปรากฏขึ้นแม้ว่าจะมีจุดประสงค์ที่ต่างกัน แต่จุดประสงค์ของสองสีนั้นก็อยู่อย่างเดียวนั้นก็คือ การหาพื้นที่ของตัวเองนั้นเอง ไทถูกบีบจากสังคมให้กลายเป็นตำรวจที่ต้องถูกโยนลงคุก ในขณะที่นัทถูกบีบจากชนบทที่ตัวเองไม่มีที่ยืนเข้าสู่เมืองแต่ไม่อาจจะนำตัวตนของนัทมาใช้ได้จึงเปลี่ยนเป็นน้อยแทนเพื่อหาที่ยืนของตัวเอง จะเห็นได้ว่าสองคนมีภาพของการเมืองแฝงอยู่อย่างชัดแจ้ง

และเมื่อลองถึงส่วนประกอบต่างๆทั้งการแสดง เป้ทำได้ดีแต่ไม่มากนักกับบทนี้ ส่วนพี่นกยังธรรมดาและยังไม่ค่อยจะได้โชว์ฝีมือการแสดงมากนักนอกจากโชว์ใบหน้าชั้วร้ายออกมาอย่างน่ากลัว ที่น่าสงสัยคือ การนำ สน เดอะสตาร์ ทีมี่ฝีมือในการแสดงมารับบทเล็กๆที่ไม่ได้เอื้ออำนวยกับการแสดงของเขาเลย เรียกได้ว่า ไม่สามารถโชว์ของได้เมือเทียบกับไชยาจึงค่อนข้างผิดหวังที่บทบาทไม่ส่งให้เขาเลย บทภาพยนตร์ขอบอกว่า สอบตกในด้านภาพยนตร์ทริลเลอร์ แต่ดร่ามาก็ค่อนข้างไปได้ สิ่งที่ปรบมือให้คือ การแฝงเรื่องราวมากมายลงไปในภาพยนตร์ที่เหมือนจะไม่มีอะไรเรื่องนี้นั้นเอง ภาพของการเมือง ประเด็นสังคมที่รุนแรง ภาพการเสนอความจริง รูปแบบที่นำเสนอถือว่ากล้าและท้าทายมาก ซึ่งเราจะไม่เห็นภาพยนตร์ออกมาจาก GTH เด็ดขาด แค่ภาพเด็กโดนตบเละเทะนี่ก็แทบไม่เห็นแล้วล่ะ

สุดท้ายสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะสื่อนั้น เขาพูดถึงภาพของเมืองไทยที่เกิดขึ้นในตอนนี้ว่า มันเป็นเช่นไร สังคมไทยป่วยๆที่คนต่างไม่หันมาพูดคุยกัน ต่างคนต่างเดิน ต่างสนใจ รัฐบาล บุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ตำรวจ ทหาร ประชาชน ต่างใช้สิทธิของตัวเองที่จะสร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมาโดยไม่สนใจว่ามันจะทำลายพื้นที่ส่วนตัวของใคร เมื่อพูดถึงตรงนี้ภาพของฐานทัพลับของนัทกับไทใยวัยเด็กที่ยังคงเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ไม่ถูกนายทุนซื้อไปทำอย่างอื่น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันยังคงเป็นพื้นส่วนตัวระหว่างทั้งคู่ ภาพของตำรวจที่บุกมาเพื่อจับทั้งคู่ไม่ได้ลุกล่ำอาณาเขตเข้ามายังที่นี่ เปรียบเหมือนพื้นที่ของสังคมของคนชนบท แม้ว่าสังคมเมืองจะรุกล่ำไปได้ขนาดไหน สิ่งที่ยังคงอยู่และเป็นพื้นที่ของประชาชนทุกคนได้นั้น ก็มีเพียงสิ่งเดียว

ไม่มีอะไรรุกล่ำเข้าไปในหัวใจของเราได้หรอก เราก็ยังเป็นเรา พื้นที่เล็กๆที่ไม่มีวันถูกรุกล่ำในสังคมที่ทุกคนกำลังแย่งกันเพื่อหาพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น

ใครยังไม่ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ รีบไปหาดูนะค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง แต่ถ้าหวังไปโหดแบบซอว์หรือเซเว่นอาจจะเป็นแบบเซจังค่ะ
PS.  ผลักดันดาร์คแฟนตาซี ต่อต้านกองเซ็นเซอร์ เบื่อพันธมิตร ขับไล่ประชาธิปปัตย์ เอวังกับนิยายแนวโรงเรียน สิ้นชีพเพราะสัปดาห์หนังสือ เดินหน้าสู่ด้านมืด...

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

Deta 8 พ.ย. 52 เวลา 15:38 น. 3

ด...ดราม่า... *-*!!

(จนบัดนี้ก็ยังไม่คิดจะย่างกรายไปโรงหนัง - -"" เลยไม่ได้ดู)


PS.  [สถานะ:: กรุเปล่าเกรียนนะ แสรดดดด]// ข้าน้อยไม่ชอบสบู่ก้อน เพราะงั้นข้าน้อยไม่ก้มเก็บสบู่หรอกนะ =w=~ เมี้ยว~ // โฮะ! อะไรกัน? ท่านที่ทำสบู่ตกแบบนั้น หมายความว่ายังไงกันนะ? ลัลลา~~
0