ความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวร ในหลักฐานต่างชาติ
ตั้งกระทู้ใหม่
ความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวร ในหลักฐานต่างชาติ พระปรีชาสามารถตลอดจนเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรนั้น ดูจะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหลักฐานประเภทพระราชพงศาวดารของฝ ่ายไทยเอง และงานนิพนธ์ยุคต่อมา อาทิ ลิลิตตะเลงพ่าย ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส หรือ ไทยรบพม่า ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทว่าความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรไม่ได้เป็นที่รับรู้เพียงแต่ชาวสยามเท่านั้น ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ซึ่งบันทึกโดยชาวต่างชาติที่เข้ามามีความสัมพันธ์กับอยุธย าในรัชสมัยของพระองค์ก็ได้กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไว้ด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าบันทึกเหล่านั้นบอกเล่าความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไว้อย่างไรบ้าง การปกครองเข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่เคยมีมาในสยาม ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดา และรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรเอง พระองค์ได้ทรงปกครองบ้านเมืองไพร่ฟ้าประชาชนอย่างเข้มงวดจนฝังแน่นอยู่ในความทรงจำขอ งผู้คน ดังปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2182 ซึ่งบันทึกโดย เจเรเมียส ฟานฟลีต (วันวลิต) ชาวดัตช์ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสำนักงานของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ (V.O.C.) ในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองความว่า ...ชาวมลายูขนานนามพระองค์ว่า ราชาอปี (Raadje Apij เป็นภาษามลายูแปลว่า พระเจ้าอัคคี) และชาวสยามขนานพระนามว่า องค์ดำ รัชสมัยของพระองค์เป็นสมัยที่ปกครองแบบทหารและเข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสยาม... ซึ่งสิ่งที่วันวลิตบันทึกไว้คงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงเท่าใดนัก เนื่องจากในเวลานั้นเป็นช่วงที่กรุงศรีอยุธยาต้องรับศึกจากกรุงหงสาวดี สมเด็จพระนเรศวรจึงจำเป็นต้องทำการปกครองอาณาจักรอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่กรุงศรีอยุธยา และความเข้มงวดของพระองค์นี่เองที่ได้ทำให้อาณาจักรอยุธยาฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง ดอกผลของความเข้มงวดคือกองทัพที่ไร้ผู้ต่อต้าน จุดพลิกกลับของการทำสงครามเพื่อกอบกู้บ้านเมืองของสมเด็จพระนเรศวรนั้น อยู่ที่สงครามกับพระเจ้านันทบุเรงในปีพ.ศ.2128-2130 โดยแกสแปโร บัลบี (Gasparo Balbi) พ่อค้าอัญมณีชาวเวเนเทียน (Venetian) ได้กล่าวถึงผลจากความเข้มงวดในการปกครองของสมเด็จพระนเรศวรที่ก่อให้เกิดความมั่นใจแ ก่ไพร่พลในการรบกับทัพหงสาวดีไว้ในรายงานของเขาว่า ...ชาวสยามไม่เคยหวั่นเกรงอีกเลยในเรื่องที่ว่า พระเจ้าหงสาวดีพระองค์นี้จะเอาชนะพวกเขาได้ เพราะพระราชบิดาของพระองค์ (บุเรงนอง) ที่เคยเอาชนะชาวสยามได้นั้น, แม้จะได้นำทัพมาด้วยพระองค์เองและมีกำลังไพร่พลถึง ๘๐๐,๐๐๐ คน ก็คงไม่สามารถเข้ายึดพระนครศรีอโยธยาได้, ถ้าไม่ใช่เพราะการที่ขุนนางสยามหักหลังกันเอง... หลักฐานทางฝ่ายพม่าเองก็ได้ยอมรับถึงพระราชอำนาจของสมเด็จพระนเรศวรกับความเข้มงวดที ่มีต่อขุนนางและไพร่ฟ้าประชาชน จนก่อให้เกิดกองทัพที่แม้ฝ่ายหงสาวดีจะมีกำลังมากกว่าหลายเท่าก็ยากจะเอาชนะได้ ดังข้อความตอนหนึ่งที่พญาลอ แม่ทัพฝ่ายหงสาวดีได้กราบทูลพระเจ้านันทบุเรงความว่า ...แม้กำลังไพร่พลของพระนครศรีอโยธยาจะนับได้สักหนึ่งในสี่ของไพร่พลเมืองหงสาวดีก็ หาไม่, แต่กระนั้นก็ตาม, สมเด็จพระมหาอุปราชและนายทัพนายกองก็ได้ประจักษ์ความจริงแล้วว่าเป็นเรื่องยากนักที่ จะรบชนะชาวสยาม เพราะว่าพระราชอำนาจของสมเด็จพระนริศ (พระนเรศวร) ที่มีเหนือขุนนางของพระองค์นั้น ยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้นจนกระทั่งว่า ถ้าชาวสยามเผชิญหน้ากับข้าศึกศัตรู เขาก็ยอมสละชีวิตดีกว่าจะยอมถอยหลัง. อันว่าการสงครามนั้นใช่ว่าจะได้ชัยชนะเพราะมีไพร่พลมากกว่าเพียงประการเดียว หากอยู่ที่ความกล้าหาญและชาญวในยุทธวิธี... การฟื้นตัวของอาณาจักรสยาม ปีเตอร์ วิลเลียมสัน ฟลอริส (Peter Williamson Floris) ชาวดัตช์ผู้เป็นลูกจ้างบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (E.I.C.) ซึ่งเข้ามาในสมัยต้นพระเจ้าทรงธรรม กล่าวถึงการฟื้นตัวของอาณาจักรอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรไว้ในจดหมายเหตุของ เขาว่า นี่คือเรื่องราวย่อๆ เกี่ยวกับความพินาศลงของอาณาจักรพะโค (หงสาวดี) ในขณะที่ราชอาณาจักรสยามฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้เสื่อมโทรมลงไปมาก เพราะพะโคได้เข้ามาเป็นเจ้าเข้าครอง. พระองค์ดำทรงปราบปรามกัมพูชา, ล้านช้าง, เชียงใหม่, นครศรีธรรมราช, ปัตตานี, ตะนาวศรี, รวมทั้งแว่นแคว้นและอาณาจักรอื่นๆ เข้าไว้ในอำนาจ. ครั้นถึงปี พ.ศ. ๒๑๔๘ พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ลง โดยมิได้มีพระราชโอรส พระองค์ทรงมีพระสติปัญญาล้ำเลิศ และได้ทิ้งพระราชอาณาจักรไว้แก่สมเด็จพระอนุชาธิราช... โดยพระนาม พระองค์ดำ (Black King) นั้นเป็นพระนามที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ใช้กล่าวถึงสมเด็จพระนเรศวร ควบคู่ไปอีกพระสมัญนามในภาษามลายูซึ่งฟลอริสได้บันทึกไว้ว่า Raja Api ซึ่งมีความหมายว่า พระราชาแห่งไฟ กองทัพเรือสยามที่เป็นใหญ่เหนือน่านน้ำ นอกจากหลักฐานต่างชาติฝ่ายตะวันตกที่ได้อธิบายถึงความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรแล้ ว ยังมีหลักฐานทางฝ่ายจีนอีกเช่นกันซึ่งได้ฉายภาพความของความยิ่งใหญ่ของรัชสมัยของพระ องค์ไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกองทัพเรือ บันทึกของจีนสมัยราชวงศ์หมิงในช่วงรัชศกว่านลี่แห่งรัชกาลจักรพรรดิเสินจง (พ.ศ.1911 2187) มีเรื่องราวเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรปรากฏในบันทึกของจีน 3 ฉบับดังนี้ 1.เจิ้งสือ (ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฉบับหลวง) ในส่วนที่ว่าด้วยสยาม ได้บันทึกตอนหนึ่งว่า ...กษัตริย์ผู้สืบราชสมบัติ (สมเด็จพระนเรศวร) ได้หมายมั่นจะแก้แค้นให้จงได้ ในระหว่างรัชศกว่านลี่กองทัพข้าศึกได้ยกทัพเข้ามาอีก กษัตริย์ได้จัดกองทัพเข้ากระหน่ำตีจนข้าศึกแตกพ่ายไปราบคาบ และได้ฆ่าราชโอรส (พระมหาอุปราชมังกะยอชวา) ของกษัตริย์ตงหมานหนิวด้วย (พระเจ้านันทบุเรง) ทหารที่เหลือก็แตกทัพหลบหนีไปในความมืดตอนกลางคืน จากนั้นเป็นต้นมาสยามก็ครองความยิ่งใหญ่ผงาดในน่านน้ำทางทะเล...ครั้งนั้นญี่ปุ่นเข้ าย่ำยีเกาหลีในโอกาสเดียวกันนี้ สยามได้เข้าถวายเครื่องราชบรรณาการ ราชฑูตประเทศนี้ขออาสาส่งกองทัพเข้าช่วยทำศึกสงคราม... 2.สือลู่ (จดหมายเหตุประจำรัชกาล) บันทึกตอนหนึ่งว่า ...เมื่อวันที่ 6 เดือนอ้าย ปีที่ 21 (พ.ศ.2136) แห่งรัชศกว่านลี่..มีฑูตบรรณาการมาขออาสาต่อทางกลาโหมขอนำกองทัพช่วยทำศึกสงคราม..อั นฑูตบรรณาการแห่งสยามมีความโกรธแค้นต่อการกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรมนี้จึงได้แสดงควา มจงรักภักดีโดยอาสายกกองทัพไปช่วยรบ จักรพรรดิทรงมีพระบรมราชโองการให้ชมเชยความจงรักภักดีและเมตตาธรรมเช่นนี้... 3.บันทึกทะเลตะวันออกและตะวันตกของจางเซี่ย ยกย่องว่า ...รัชกาลพระนเรศวรนั้น สยามเริ่มเป็นผู้เกรียงไกรบนท้องทะเลแดนไกล ต่อแต่นั้นไปทำศึกสงครามทุกปีจนสามารถดำรงความเป็นใหญ่เหนือประเทศทั้งหลาย... โดยสาเหตุที่กองทัพเรือในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมีความเข้มแข็งนั้น เพราะต้องปกป้องการค้าในระบบรัฐบรรณาการที่ส่งเรือสำเภาหลวงของราชสำนักสยามไปยังประ เทศจีนอยู่เสมอ ทั้งยังต้องคอยปราบโจรสลัดที่คุกคามความปลอดภัยในการเดินเรือของพ่อค้า และจากความเข้มแข็งอันนี้เองที่ทำให้สยามกล้าทูลส่งกองทัพไปช่วยจักรพรรดิจีนรบกับญี ่ปุ่นซึ่งนำโดยโชกุนโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งนำกองทัพเข้ารุกรานเกาหลี ทว่ากองทัพเรือสยามก็ไม่ได้ออกไปช่วย เพราะราชสำนักหมิงเห็นว่า ลำพังกองทัพจีนก็น่าจะเพียงพอแล้ว บ้านเมืองรุ่งเรือง เพราะทรงเป็นนักรบ ความยิ่งใหญ่ของรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรนั้น อาจเป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นนักรบที่เข้มแข็งสอดคล้องกับวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง และเพื่อค้ำจุนแผ่นดินพระองค์ได้ใช้เวลาเกือบทั้งรัชสมัยของพระองค์อยู่ในสนามรบ ดังความตอนหนึ่งที่วันวลิตเขียนไว้ในบันทึกของเขาว่า พระนเรศราชาธิราชเป็นพระเจ้าแผ่นดินนักรบ ทรงได้ชัยชนะในการรบหลายครั้งคราว...ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพระชนมายุได้ ๕๕ พรรษา เสวยราชย์อยู่ ๒๐ ปี แต่ไม่ได้ประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาเกิน ๒ ปีเลย เวลาที่เหลืออยู่อีก ๑๘ ปี ทรงใช้ในการทำสงครามและประทับอยู่ในสถานที่ดังกล่าว... และวันวลิตก็ได้บรรยายถึงประโยคสุดท้ายเกี่ยวกับรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวร เป็นประโยคสั้นๆง่ายๆ แต่แสดงถึงบ้านเมืองที่รุ่งเรืองว่า ...ในรัชสมัยของพระองค์ประเทศเจริญรุ่งเรืองและประสบแต่โชคชัย... เครดิต http://www.eqplusonline.com/column_detail.php?id=262 | |
PS. ps.ไม่ว่าเราจะต้องการยิ่งใหญ่แค่ไหน มีเงินทองชื่อเสียงมากแค่ไหน มีความรู้มากแค่ไหน ไม่เท่ารู้หนทางหลุดพ้น ทุกอย่างล้วนอยู่ใต้กฎแห่งกรรม
3 ความคิดเห็น
ประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เช่าบูชา คาถาบูชาพระนเรศวร
http://www.takboon.com/
ขอบคุณค่ะ ><
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?