@@ไปโครงการแลกเปลี่ยนไม่ดีอย่างที่คิด@@
ตั้งกระทู้ใหม่
เมื่อปีที่แล้วเราส่งลูกสาวเข้าร่วมกับโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมกับทาง EF Foundation for foreign study โดยวันปฐมนิเทศทางโครงการพูดได้ดีมาก จนทำให้เรามีความเชื่อมั่นที่จะส่งลูกไป
แต่เมื่อลูกไปจริงกับได้ครอบครัวอุปถัมภ์แรกที่มีสภาพแวดล้อมที่ขาดสุขอนามัย สกปรก มีแมลงสาบเยอะ ซึ่งลูกสาวเป็นคนกลัวแมลงทุกชนิดอยู่แล้ว เมื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่โครงการกลับได้คำตอบว่าถ้าไม่อยู่บ้านนี้ก็ให้กลับเมือ่งไทย แต่โฮสเข้าใจจึงคุยกับทางโครงการให้หาบ้านใหม่ให้ลูกของเรา ลูกอยู่บ้านนี้ประมาณ 3 อาทิตย์
พอทำเรื่องย้ายบ้านที่2 ก็ได้โฮสเป็นครูที่โรงเรียนที่ลูกอยู่ แต่เค้าไม่ให้ลูกติดต่อกับทางบ้านเลย ซึ่งลูกของเราก็กลัวมาก ลูกเลยใช้โทรศัพท์ของโฮสโทรหาเพื่อนเพื่อให้เพื่อนช่วยแจ้งเราว่าลูกกลัวมาก ซึ่งทำให้โฮสไม่พอใจ แจ้งทางโครงการ ทำให้ลูกถูกเซ็นรับทัณฑ์บน ถ้าลูกไม่เซ็นรับข้อกล่าวหา ขู่ว่าจะส่งลูกกลับเมืองไทย หลังจากนั้นโฮสยังสร้างเรื่องส่งลูกออกจากบ้านเค้าเพื่อส่งกลับเมืองไทยโดยไม่บอกทาง EF เมืองไทย และเราที่เป็นแม่เลย โดยอ้างว่าลูกเราไม่ปรับตัวเข้ากับเค้า ลูกอยู่บ้านนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากที่ทุกคนรู้ความจริงว่าโฮสนี่ไม่ดี โฮสแรกก็ช่วยหาบ้านที่ 3 ให้ลูก
พอได้ย้ายบ้านที่ 3 ก็ดูดีไม่มีปัญหาเพราะโฮสจะย้ายมาอยู่เมืองไทยประมาณกลางปี 2553 นี้ ซึ่งลูกก็บอกว่ามีความสุขดี ติดต่อกันได้เป็นระยะ เราก็เคยคุยกับโฮสซึ่งเค้าก็บอกว่าลูกก็น่ารัก พออยู่ได้สัก 3 เดือน โดยไม่มีสัญญาณอะไร ต้นเดือนธันวาคม 2552 อยู่ๆทาง EF เมืองไทยก็โทรมาบอกเราว่า โฮสจะไม่รับอุปการะลูกเราแล้ว เพราะลูกใช้ internet เยอะ ไม่ร่วมกิจกรรม ไม่ให้ความเคารพ ซึ่งเราก็งงมาก เพราะก็ได้เคยคุยกันทางโฮสก็ไม่เคยบอกเราหรือลูกว่าเค้าไม่พอใจอะไร และทาง EF เมืองนอกตัดสินให้ส่งลูกเรากลับเมืองไทย โดยให้เหตุผลว่่าลูกสาวอยู่มา 3 บ้านแล้วและไม่สามารถปรับตัวเข้ากับครอบครัวอุปถัมภ์ได้
หลังจากนั้นเรามีโทรขึ้นไปหาโฮสแต่เค้าวางสายทิ้ง เราเมล์ไปเค้าก็ไม่ตอบ ลูกมีโทรมาครั้งนึงบอกว่ากลัวมาก ทำอย่างไรดีแต่โฮสก็ไม่ได้บอกลูกสาวว่าให้กลับเมืองไทย ลูกบอกว่าเครียดจนจะอาเจียนแล้วก็วางสายไป หลังจากนั้นก็ติดต่อลูกไม่ได้เลย มารู้ทีหลังว่าเค้าไม่ให้ใช้ internet และ ยึดซิมโทรศัพท์ ทำให้ลูกติดต่อกับเราไม่ได้ แม้แต่เราที่อยู่เมืองไทยยังกินไม่ได้ นอนไม่หลับ พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ทั้งทางเมืองไทย และเมืองนอกก็ไม่ได้ผล
เช้าวันจันทร์ของเมืองไทย( 7 ธันวาคม 2552)ก่อนที่ลูกจะสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ของที่อเมริกาเพียง 1 อาทิตย์ เราก็ได้เมล์จากโฮสแรกว่าลูกสาวของเราถูกส่งออกจากบ้านโฮสที่ 3 แล้วโดยไปกับเจ้าหน้าที่อีกคนนึงที่ลูกไม่รู้จัก โดยออกเดินทางตอน 4 ทุ่ม ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงไปอีกเมืองในเวลาตี 1 ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าหน้าที่ที่มารับลูก โดยที่เราไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้เลย โฮสแรกบอกว่าลูกร้องไห้ กลัวมาก เราสติแตกเลย เพราะติดต่อลูกไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเค้าพาลูกของเราไปไหน โครงการนี้ทำกับเด็กอายุ 15 แบบนี้ได้ยังไง ลูกของเราไม่ได้ติดยา ไม่ได้ทำร้ายร่างกายใคร ความผิดที่เค้ากล่าวหามันเป็นปัญหาพื้นๆของเด็กทั่วไปเสียด้วยซ้ำ แต่ทางเจ้าหน้าที่และโฮสสุดท้ายพยามยามสร้างสถานการณ์ให้ลูกเราต้องมีพฤติกรรมที่ผิดปรกติเกิดขึ้น แล้วนำมาเป็นข้ออ้างว่าลูกควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ขอถามว่าเด็กอายุ 15 ที่พูดภาษาอังกฤษยังไม่เก่ง เจอเหตุการณ์ร้ายๆภายใน 5 เดือนมีสติอยู่ได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว นี่ยังริดรอนสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลไม่ให้ลูกของเราติดต่อกับเราในเวลาที่มีเหตุทุกครั้ง เด็กที่ไหนจะทนแรงกดดันอย่างนั้นได้ แล้วยังพยามยามส่งลูกกลับไทยโดยเร็วโดยจองตั๋วเครื่องบินให้เลย เราไม่ยอมจนต้องบินขึ้นไปรับลูกเอง เห็นสภาพลูกแล้วน่าอนาถ ลูกบอกว่าโฮสสุดท้ายบอกลูกของเราในวันสุดท้ายว่าต้องออกจากบ้านของเขา ข้าวของยังต้องใส่ถุงกระดาษ ถุงพลาสติก ไม่มีการเตรียมหากระเป๋าให้เลย
ตอนนี้เราได้ทำเรื่องให้ทาง EF รับผิดชอบในกรณีนี้ โดยชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้ลูกเราต้องพบจิตแพทย์เพื่อรับการบำบัดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีปัญหาในด้านการเรียนเพราะลูกกลับมาต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์นี้โรงเรียนก็จะปิดภาคเรียนแล้ว ลูกของเรากดดันมากที่ต้องเรียนงานทั้งปีให้ทันเพื่อนซึ่งเป็นไปได้ยากมากๆ
แต่ทาง EF บอกว่าให้ฟ้องศาลเพื่อให้ศาลตัดสิน ซึ่งเราก็จะดำเนินการต่อเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกของเรา และเป็นบรรทัดฐานให้กับโครงการที่จะทำงานกับเด็กอย่าคิดว่าทำยังไงก็ได้ และให้ผู้ปกครองและเด็กที่มีความฝันว่าการไปโครงการแลกเปลี่ยนไม่ได้ดีอย่างที่คิดเสมอไป
ถ้าเพื่อนคนไหนมีข้อเสนอแนะ ว่าควรทำอย่างไร หรือควรติดต่อใคร หรือทราบว่ามีใครไปกับโครงการนี้แล้วเคยมีปัญหาแล้วโครงการไม่ได้รับผิอชอบอะไรให้ช่วยติดต่อมาหาเราด้วยนะ เท่าที่ติดต่อได้ผู้ปกครองมักไม่อยากเอาเรื่องถือว่าลูกกลับมาแล้ว ก็แล้วกัน ทำให้องค์กรพวกนี้ยังทำเงินกับเด็กรุ่นใหม่ๆต่อไป รายได้เข้าโครงการปีละมากๆ จริงๆเราก็อยากให้เรื่องนี้ออกสื่อ และสาธารณชน ให้สังคมช่วยตัดสินว่า
- โครงการนี้เป็นโครงการเพื่อการศึกษาจริงหรือ โครงการควรพยามยามสนับสนุนให้เด็กได้รับการศึกษาที่ดีเป็นอันดับแรก ไม่ใช่พยายามส่งเด็กกลับตั้งแต่เดือนแรก ทั้งๆที่ผลการเรียนของลูกเราค่อนข้างดีมากๆ อย่างน้อยควรให้เด็กสอบภาคเรียนที่ 1 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเพราะขาดอีก 1 อาทิตย์ ทำไมต้องรีบร้อนส่งลูกกลับ และก่อนลูกถูกส่งกลับเราก็ได้ขอเอกสาร Transcript และ record card เพื่อลูกจะได้นำมาสมัครเรียนต่อได้ แต่จนถึงปัจจุบัน3 เดือนแล้วยังไม่ได้เลย
เป็นการตัดอนาคตทางการศึกษาของเด็กอย่างมากในการส่งลูกของเรากลับตอนปลายปีมีผลอย่างมากกับการเรียน เพราะลูกของเราเรียนโรงเรียนไทย ไม่สามารถทำเกรดม4 ให้ดีได้เลย ซึ่งมีผลอย่างมากในตอนสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
- โครงการนี้มีการคัดเลือกครอบครัวอุปถัมถ์ที่มีมาตรฐานจริงหรือ และเรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านที่ 1 และ 2 ทางโครงการไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ หรือมีจดหมายขอโทษมาให้เราเลย ซ้ำยังกับนำบ้านที่1 และ 2 มานับรวมว่าลูกอยู่มาแล้ว 3 บ้าน ต้องถูกส่งกลับเมืองไทย
- โครงการนี้มีคุณธรรม มนุษยธรรม จริยธรรม จริงหรือ ที่ไม่บอกให้เด็กรู้ตัวเลยว่าต้องถูกส่งกลับ และตัดขาดการติดต่อระหว่างแม่และลูกในเวลาวิกฤตทุกครั้ง แม้แต่อาชญากรยังสามารถติดต่อทนายได้เลย เราได้ทำเรื่องให้ทางโครงการช่วยทบทวนและพิจารณาการส่งลูกสาวกลับเมืองไทยโดยแจ้งให้ทราบว่าจะมีปัญหาอะไรที่จะเกิดขึ้นบ้าง แต่ทางโครงการกลับไม่ได้นำไปทบทวนเลยยังยืนยันเช่นเดิม
- โครงการนี้เป็นมืออาชีพในโครงการแลกเปลี่ยนอย่างที่กล่าวอ้างในวันปฐมนิเทศจริงหรือ คุณกล้าส่งลูกหลานไปกับโครงการนี้ไหม เมือมีปัญหาก็ไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้เลย
หวังดีจริงๆ
24 มี.ค. 53 เวลา 23:24 น.
814
views
20 ความคิดเห็น
น่ากลัวจัง
เพื่อนก้อเลยเล่าให้ฟัง
PS. => หั ว จั ย ห ม ด แ ร ง เ พ าะ รั ก เ ค ยดี ก่ า นี้ <=
แล้วเเต่คน
และก็แล้วเเต่ดวง มากกว่าค่ะ
นร.แลกเปลี่ยนให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด อย่าไปเหมารวมทั้งหมดนะ
PS. ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ไม่อ่านยังสอบได้ กูอ่านแล้วไซร้สอบตก เพราะฉะนั้นไซร้...อย่าอ่านแมร่งเลย
มันต้องมองทั้ง 2 มุมนะ
ตัวของลูก จขกท.เองอาจปรับตัวไม่ได้กลับสถานที่ใหม่...(ซึ่งเราว่ามันเป็นธรรมชาติ)
และ บ้านที่เขารับเลี้ยงดูอาจเข้ากับลูกของคุณไม่ได้เช่นกัน
อันนี้เราไม่ได้ว่านะ
...แสดงความเห็นส่วนตัวเฉยๆ....
PS. ชีวิตของคนบางคนให้ฟ้าเบื้อบนกำหนด....แต่ชีวิตของข้า ต้องลิขิตเอง ฟ้าไม่เกี่ยว
ต่างที่ ต่างถิ่น ต่างคนต่างใจ
มันก็พูดกันยากเนอะ =='
ประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนถือเป็นประสบการณ์ที่ท้าทาย
ที่ว่าท้าทายนี้ย่อมหมายถึงเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งในด้านดีและไม่ดี ไม่สามารถคาดเดาได้
การมองประเด็นเพียงด้านเดียวย่อมไม่อาจทำให้เกิดการคลี่คลายของปัญหาได้
ผมว่าท่านผู้ปกครอง นักเรียนและโครงการ ควรจะคุยกันลงรายละเอียดให้มากที่สุดจะดีกว่า
ดูว่าในแต่ละช่วงเวลา มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แนวโน้ม อารมณ์ ทางออกควรเป็นอย่างไรบ้าง
สงสัยที่ว่าตอนย้ายครอบครัวที่ 3 ซึ่งช่วงแรกก็น่าจะดูดีแล้วพออยู่ไป 3 เดือนกลับมีปัญหาอีก
ตรงนี้มันดูแปลกๆนะครับ ผมว่าถ้ามองในด้านดีน้องก็ยังถือว่าได้รับการช่วยเหลือให้ได้ย้ายถึง 3 บ้าน
บ้านที่ 2 ได้อยู่กับครูใหญ่โรงเรียนด้วยก็น่าจะดีนะครับ แต่กลับมีปัญหาอีก
คิดไปคิดมาผมว่าถ้าน้องได้ย้ายไปบ้านที่ 4 หรือ 5 ผมว่าปัญหาก็อาจเกิดอีกถ้าน้องไม่อยู่ในกรอบของโครงการ
จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นทางฝ่ายน้องเองหรือปล่าวที่ไม่สามารถรับผิดชอบในการปฏิบัติตามระเบียบโครงการ
ที่เข้มข้นได้เองหรือปล่าว
ท่านผู้ปกครองไม่ควรแสดงข้อคิดเห็นว่าการเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนมันไม่ดีอย่างที่คิดไปเสียทั้งหมดนะครับ
เพราะจริงๆแล้ว ฝ่ายเราก็ควรลดความคาดหวัง และยอมรับสภาพใดสภาพหนึ่งที่อันอาจเกิดได้ตลอดด้วยนะครับ
มีนักเรียนอีกจำนวนมากนะครับที่ได้รับสิ่งที่ดีจากการเข้าร่วมโครงการ จากดีที่สุด ถึงแย่ที่สุด ก็ถือเป็นความท้าทาย
ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้  เด็กหลายคนที่พบเรื่องดีก็มีอนาคตไปไกลถึงไหนกันแล้วมากมาย
ที่ไม่ดีก็อาจจะสติแตกแล้วถ้าคิดได้ก็กลับลำทำตัวมีประโยชน์ได้นะครับ เอาเรื่องที่ไม่ดีมาช่วยป้องกันปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน
การเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนนับเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดี เพราะผู้เข้าร่วมโครงการก็ต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ
ในระดับหนึ่ง มีคุณสมบัติที่ดีถูกต้องตามหลักเกณฑ์โครงการ สามารถปฏิบัติตามระเบียบโครงการได้
เกิดปัญหาขึ้นก็ควรจะพูดจากกันนะครับ ช่วยเหลือกัน ฟังทุกฝ่าย ช่วยกันหาทางออก
ขออวยพรให้หาทางออกร่วมกันให้ได้ทั้งสองฝ่ายนะครับ
บ้านเมืองยิ่งเครียดอยู่แล้ว ผมว่านั่งคุยกันอีกสัก 2-3 ครั้งน่าจะโอเคนะครับกรณีนี้
เข้าใจหัวอกของผู้ปกครองนะคะ แต่มองไปมองมา ทำไมน้องต้องย้ายบ่อยด้วยคะ ?  บ้านที่เมกาบางบ้านก็ไม่ได้สะอาดมาก แต่บ้านที่เทียเรายังมีแมงสาบเลยทั้งๆที่เราก็ดูแลทำความสะอาดใม่ใช่เหรอคะ ?
แล้วโฮสที่ 2 มีเหตุผลอะไรไม่ให้น้องติดต่อทางบ้านอ่ะคะ เคยได้ยินมาว่าเพื่อนๆน้องๆที่ใช้เนตเยอะ คุยโทรสับเยอะ
ไม่ยอมมาสุงสิงกับโฮสอะไรเงี้ย มักจะโดนแบบนี้ค่ะ (นู๋เองก็เกือบโดนแต่ก้อลองลดการใช้โทร + คอม) แล้วมันก็ดีขึ้นค่ะ
บ้านที่ 3 ทำไมอยู่มาดีดี แล้วเค้าถึงมาไม่รับน้องขึ้นมาหล่ะค่ะ ?  หนูว่ามันต้องปรับทุกฝ่ายอ่ะค่ะ  คนที่โดนย้ายหรือต้องย้ายบ้านมา 3 บ้านแสดงว่าก็ต้องมีอะไรที่ไม่ปกติอ่ะค่ะ  ลองคุยกันดีดีนะคะ
หนูเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเมกามาเหมือนกัน เจอเรื่องแย่ๆๆแบบต้องปรับตัวเยอะมากกกกกกกก(ก้อแอบคุณหนูนิดหน่อยค่ะ)มาก็เยอะ แต่เรื่องดีดีที่ทำให้เราเติบโตและเป็น Learning curve ของเราก็เยอะเหมือนกัน7
ขอบคุณทุกความคิดเห็น ถูกต้องที่ต้องมองทั้ง2ทาง
รายละเอียดมันเยอะมากๆ คงลงทั้งหมดไม่ไหว แต่ก่อนไปเราได้คุยกับลูกมากว่าต้องปรับตัว ต้องช่วยทำงานบ้าน ต้องช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายกับทางโฮส  และทุกครั้งที่เกิดปัญหา เราไม่เข้าข้างลูกนะ  เขียนว่าลูกตลอดและให้อดทน  แต่สิ่งที่เกิดรู้สึกเกินไปจริงๆ
สรุปว่า ตลอดเวลาตั้งแต่บ้านแรก  เราได้ติดต่อเจ้าหน้าที่โครงการในเมืองไทยตลอด และทางเจ้าหน้าที่ก็เห็นด้วยว่าความสะอาดของบ้านแรกก็ไม่ปรกติ บ้านที่2เค้าก็เห็นด้วยว่าลูกเราก็ถูกกระทำ และยังบอกว่าอย่าไปเอาเรื่องเลยเพราะลูกต้องอยู่อีกนาน  ยอมรับว่าลูกเราไม่ใช่ดีเลิศ ไม่มีผิดเลย  แต่การจะส่งกลับไทย  ทางโครงการบอกว่าอยู่ว่าครบ 3 บ้านแล้วและไม่สามารถปรับตัวได้  ทางเราได้ถามว่าบ้านที่1และ2 สมควรนำมานับรวมหรือ ในเมื่อเจ้าหน้าที่ก็รู้ว่าลูกเราถูกกระทำ  แต่ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น 
ไม่ได้เหมารวม แค่ต้องการให้ทุกคนได้มองเห็นอีกมุมหนึ่งของเด็กแลกเปลี่ยน ซึ่งไม่ค่อยมีใครมาลงให้อ่าน กลับมาแล้วก็อยากลืมๆไป เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ  ทำให้โครงการทั้งหลายก็ยังทำเงินกับเด็กรุ่นใหม่ต่อไปแค่นั้นเอง
โครงการที่ดี หรืด ไม่ดี ควรดูตอนที่เกิดปัญหาว่าเจ้าหน้าที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
เห็นด้วยกับ คห.5 ที่ว่าผู้ปกครอง นักเรียน และ โครงการ ควรคุยกัน แต่จะบอกว่าทุกครั้งคือลูกโดนกระทำไปแล้ว  ทางเรากับเจ้าหน้าที่ทางเมืองไทยยังรู้ทีหลัง  ติดต่อลูกไม่ได้ นี่ไม่ใช่ค่ายกักกันนะ  และทางโครงการควรยอมรับว่าได้ทำตามคำพูดที่ได้บอกกับเด็กก่อนไปหรือเปล่า
ตอนแรกจะหาทุนต่อนอกไปๆมาๆ อ่านแล้วไม่ไปแล้ว คือกลัวอ่ะ
อ่านๆ ดูแล้วเรารู้สึกเหมือนกับว่าลูกคุณปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่นั่นไม่ได้
แต่ทั้งหมดนี่เราว่าขึ้นอยู่กับดวงและการปรับตัวของทั้งสองฝ่ายค่ะ
แล้วก็จขกท. จั่วหัวกระทู้แบบเหมารวมทุกโครงการเลยนะ ==
ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ก็เถอะ เหอะๆ ส่วนเรื่องมุมไม่ดีของโครงการแลกเปลี่ยนเนี่ย
เราว่ามีให้อ่านเยอะแยะเลยนะ เคสหนักกว่านี้ก็มีนะ แรงจนบางคนอ่านแล้วไม่อยากไปก็มี
แต่สำหรับเรามันเป็นการลดความคาดหวังลงค่ะ พอพบในสิ่งที่ไม่ตรงกับที่หวังไว้จะได้ไม่ผิดหวัง
โครงการเราก็พูดดีมากในวันปฐมนิเทศ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็บอกเราว่าอย่าคาดหวังสูงเกินไป
เราจะไปแลกเปลี่ยนในปีนี้และยังไม่ได้โฮส แต่ไม่ว่ายังไงก็จะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ
ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกันค่ะ ถ้าทางฝ่ายนู่นผิดจริงก็ขอเอาใจช่วยอีกแรง
คห.8 ถ้าแค่อ่านเรื่องนี้ก็ท้อแล้ว อยู่ที่นี่นั่นแหละดีที่สุดค่ะ
การไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่แค่เพราะอยากจะไปก็ไป แต่ต้องอาศัยความพยายามและตั้งใจจริงๆ ค่ะ ^^
มันขึ้นอยู่กับดวงด้วยล่ะค่ะว่าจะเจอกับโฮสที่ดีหรือเปล่า แต่จากที่อ่านบางเรื่องมันก็แย่จริงๆนะ
อย่างเรื่องความสะอาด บ้านอื่นสะอาดดีค่ะ แต่บ้านที่ได้มาอยู่นี้สกปรกมากๆ พูดตรงๆ
แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องย้ายออกเพราะบ้านสกปรกนะคะ ฮ่าๆ
คนดูแลโครงการนี้เพื่อนที่ไปมาก็เคยมาบอกค่ะว่าไม่ค่อยดูแลและอย่างอื่นๆ
อันนี้ก็แล้วแต่ดวงอีก อย่างคนดูแลเราเค้าก็โอเคดี มีอะไรบอกเลย
ส่วนคนที่จะหาทุนไปก็ไปเถอะค่ะ ประสบการณ์แบบนี้ถ้าไม่เอาตัวเข้าแลกไปเอง ก็คงหาจากที่ไหนไม่ได้แล้ว
ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอก แต่ก็อย่าคิดว่ามาอยู่แล้วมันจะสวยหรูดูดีมากไปนะคะ
คิดซะว่าไปเอาประสบการณ์ที่แตกต่างจากบ้านเรา ความกลัวมันก็มีกันหมดแหละ อยู่ที่ว่าเราจะกล้าผ่านมันไปได้รึเปล่า
PS. My beating heart belongs to 소녀시대~ ยูลสิกสถิตอยู่ในใจ
นู๋คิดว่าเราไปหาประสบการณ์,,ไปเรียนรู้อะไรที่มันแตกต่างจากบ้านเรา --*
ซึ่งนู๋ก้อายุแค่ 15 ปี และที่สำคัญนู๋ก้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน EF ทีอเมริกาด้วย !!
นู๋อ่านแล้ว นู๋ก้ไม่รู้สึกกลัวอะไร เพราะนู๋เป็นคนที่ค่อนข้างมั่นคง
และง่ายๆ สบายๆ ปรับตัวเข้ากับอะไรได้ง่ายๆ
นู๋ได้อ่านแล้วก้รู้สึกดีเหมือนกัน เพราะ จะได้ไม่หวังอะไรให้สูงมากเกินไป
แต่นู๋ก้จะหาประสบการณ์ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด
_________________________________________________________________@
ปล. ทุกคนที่คิดจะไป ไม่ต้องกลัว !  เพราะเราสัญญากับตัวเองอยู่แล้วว่า,,เราจะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และมั่นคงอยู่เสมอ
ไม่ต้องกลัวอะไร ! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งสิ้นค่ะ  ='))
เค้าไปกันทั้งบ้านทั้งเมือง ,,
ก้ไม่เห็นจะมีอะไร
ทุกข์บ้าง สุขบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา !
='))
ถ้าทางจะเก่งอังกฤษมากๆ
พิมพ์ไทยยังไม่ถูกเลย 5555+
PS. แม้จะเกิดอะไรขึ้น จงอย่าร้องไห้ " ฉันจะดีใจเมื่อเธอยิ้มออกมา "
Ef same  to be honest!! I heard many people are always complaining about this case101
โห! โฮสแรกดีมากอะ เป็นเรายอมทนแมลงสาบกลับไปอยู่กับเค้านานแล้ว ช่วยติดต่อให้ขนาดนี้
เราก็มาแลกเปลี่ยนกับ EF ตอนนี้อยู่ญี่ปุ่นกลับประมาณเดือนมิถุนา
โฮสดีมากกกกก รู้สึกโชคดีจริงๆๆๆ
แต่ EF Japan บอกได้เลยว่าห่วยมาก (ล็อกอินตอบไม่กลัวด้วย) จากประสบการณ์ที่เจอมาทั้งโดนโกหก โดนโยนความผิดใส่ เอาแต่เงินอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นด้วยรึป่าว คือโครงการเค้าจะเห็นแก่โฮสมากกว่านักเรียน ไม่อยากให้โฮสมองโครงการไม่ดีประมาณนี้ เลยโกหก ใส่ร้ายกันอย่างนี้ เด็กนักเรียนตัวคนเดียวในบ้านเมืองอื่นเจอเรื่องอย่างนี้ก็เสียกำลังใจอยู่แล้ว
EF ที่อื่นไม่รู้ แต่เพื่อนที่ไปเยอรมันก็หัวเสียเหมือนกันโดนส่งกลับก่อนไร้เหตุผลมาก
PS. เปลี่ยนเมลแล้วนะคะ ต้องการติดต่อหลังไมค์ 55
คุณคิดว่านักเรียนแลกเปลี่ยนจะมีแต่ความสุขอย่างเดียวเหรอค๊ะ
ถ้าอยากสบายมากนัก ก็ไม่ต้องส่งไปหรอกค่ะ
นักเรียนแลกเปลี่ยน คือหนึ่งปีที่คุณจะรู้จักว่าชีวิตคุณคืออะไร
คุณจะได้เรียนรู้วิธีอยู่รอด วิธีปรับตัว
นักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคนเจอปัญหาอยู่แล้ว มากน้อยแล้วแต่คน
อยู่ที่ตัวของคุณเอง ว่าคุณจะรับได้แค่ไหน
หนึ่งปีทำให้คุณโตขึ้นเยอะ รู้จักคิด
โครงการอาจจะมองในแง่นี้ก็ได้นะค๊ะ เพราะย้ายมา สามสี่โฮสนี่ มันไม่ปกติจริงๆ
ไม่ได้มองในแง่ร้ายนะค๊ะ แต่คุณควรจะเข้าใจทางโครงการบ้าง
โครงการไม่ได้รับดูแลนกเรียนแค่คนเดียวนะค๊ะ บางที่ต้องดูแลเป็นร้อย
เค้าเห็นอะไรดูมีปัญหา เค้าก็ต้องจัดการดูแล ตามที่เค้าเห็นสมควร
ทางโครงการคงไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่เพียงแค่สื่อสารกันไม่เข้าใจ
แล้วถามคุณหน่อย ถ้าคุณรับเด็กแลกเปลี่ยนมา แต่เด็กกลับใช้เวลากับคอมพิวเตอร์มากกว่า
คุณจะรู้สึกยังไงค๊ะ โฮสก็ต้องปรับตัวส่วนหนึ่ง แต่ถ้าคุณไม่ปรับหาเค้าเลย จะให้อยู่ต่อมันก็อึดอัดนะค๊ะ
เพราะทางโฮสแฟมิลี่ ไม่ทราบว่าของอีเอฟเป็นยังไง แต่เอเอฟเอส ทางโฮสนี่มาด้วยใจล้วนๆค่ะ ไม่ได้เงินอะไรเลย
การที่คุณตัดสินใจจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน คุณควรจะทำใจ ยอมรับ ทั้งเรื่องดีและร้ายที่พร้อมจะเข้ามาในชีวิตคุณ
คุณควรจะเปิดใจ และพร้อมที่จะปรับตัว แล้วคุณจะรู้ว่า มันเป็นหนึ่งปีที่ทั้งหนัก ทั้งสนุก ทุกข์ และ สุข
แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นหนึ่งปีที่คุณจะจำไปจนตายเลย นักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆสบายๆมตังก็ไปได้นะค๊ะ
คือก็สงสารน้องเค้านะ คือเเบบโฮสเเรกเเมลงสาบไรงี้ก็รับไม่ค่อยได้อ่ะนะ เเต่ถือว่าโฮสเเรกดีอ่ะ เเต่โฮสสองนี่คือน้องเค้าทำอ่ะไรให้ไม่พอใจรึเปล่าไม่งั้นคงไม่โดนยึดหรอกม้างงง โฮตสุดท้ายนี่ก็ดีนะ เพราะ เค้าให้เราอยู่ถึง3เดือนก็ยังโอเคอยู่เเต่เจ้าหน้าที่ EF ที่ตอนสุดท้ายอ่ะ งงๆอยู่เหมือนกันเเต่ก็ไม่ต้องเครียดนะค่ะ บางคนปรับตัวไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เเต่ก็ถ้าทางEFผิดจิงก๊ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
ถ้าพิมผิดไงก๊ขอโทษนะค่ะ พึ่งกลับมาภาษาไทยอ่อนมากเลยอ่ะค๊ะ ไปอยู่ มา8ปี อย่าworry เลยค่ะ ^^
ลูกไปกับโครงการใหญ่ระดับโลกที่มีมากว่า50ปีเหมือนกันไปประเทศแถบละตินที่รุ่นพี่มาบรรยายความดีน่าลองน่าเรียนรู้และยังได้ภาษาที่3เพิ่มจึงตัดสินใจเลือกเพราะเชื่อถือในโครงการว่าจะมีการสกรีนโฮสที่ดี เริ่มตั้งแต่ให้profileมาก็หลอกลวงทั้งอาชีพและจำนวนบุตรแล้ว โดนจัดฉากใส่ความขู่ว่าต้องไม่ได้อยู่ในประเทศต่อไปตั้งแต่เดือนแรกจนกงสุลมาช่วยดำเนินการอยู่ต่อได้อีกเพียง2เดือนก็ยัดข้อหาทางเพศเลย ซึ่งไม่มีการหาข้อเท็จจริงและเด็กไม่รู้ตัวเลยเหมือนคุณ่เจ้าของเรื่องและทั้งทางไทยและหน่วยงานกลางก็อ้างว่าต้องกลับเพราะจะเกี่ยวพันกับเรื่องกม. การถูกกล่าวหาป้ายสีเช่นนี้ทำร้ายจิตใจเด็กอย่างมากเเต่ก็ต้องกลับเพราะอาจโดนจัดฉากเพิ่มอีกได้ จ่ายไป300000บาทและความตั้งใจจริงพร้อมอดทนเชื่อถือโครงการแต่กลายเป็นถูกขโมยเงิน รื้อค้นสิ่งของ ถูกกล่าวหาทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเลย ทางไทยก็ได้แต่พูดว่าขึ้นอยู่กับประเทศนั้นทางเราทำได้แค่นี้เพื่อตัวเด็กและเราก็ได้เซ็นสัญญาตั้งแต่ก่อนไปแล้วดังนั้นระวังให้ดีนอกจากเสียเงินและยังทำให้ลูกเสียใจอย่างยิ่งด้วย
ทำไมหลายคนถึงพูดว่าเด็กเขาปรับตัวไม่ได้คะ หนูก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนึงของEFเหมือนกัน มีหลายเรื่องที่EFผิดแล้วเขาไม่สนใจ โทรไปเขาก็บอกว่าจะโทรกลับ ไม่เข้าใจกันเลยหรอคะว่าการไปแลกเปลี่ยนแล้วไม่มีคนsupportมันเครียดขนาดไหน มันกดดันขนาดไหน มันไม่เกี่ยวเลยที่โดนconfiscate electronic devices แล้วมันเป็นเพราะนร. บางบ้านเขาไม่เข้าใจ อยากให้เข้ากับเขาแต่เขาไม่เข้ากับเรา อย่างเช่นที่หนูเจอ บ้านหนูเขาว่าหนูแรงๆมาก แต่EFกลับบอกว่ามันเป็นmiscommunication คือมันไม่ใช่ หนูติดมหาลัยtopของโลกนะคะ หนูพูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่จำหมายได้ คืออยากจะบอกว่าโครงการหนูเขาไม่ใส่ใจนร.ที่จ่ายเงินครบแล้วเลย จะอะไรๆก็จะส่งกลับทั้งที่นร.ไม่ผิด การเปลี่ยนบ้านสามบ้านมันไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่าคนเมกากับคนไทยนั้นต่างกันส่วนใหญ่ คนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจ แคร์ความรู้สึกคนอื่น ก่อนที่จะพูดอะไรจะคิดว่ามันจะทำร้ายความรู้สึกคนอื่นไหม หนูเข้าใจทางคุณแม่มากๆนะคะ คนที่ไม่เจอกับตัวหรือลูกตัวเองโดนมาไม่เข้าใจหรอก อยากให้EFปรับปรุงคะ
P.S. ถ้าจะมีคนมาcommentว่า สงสัยจะเก่งอังกฤษมากพิมไทยยังไม่ถูก
ใช่คะ เก่งมากติดHarvard
แล้วไปทำไรที่ the Netherlands หรอคะ 555555
สรุปว่าคุณเเม่ได้ฟ้อง EF มั้ยคะ เเละเรื่องราวจบยังไง เพราะตอนนี้ลูกชายอยู่ EF dc มีปัญหามากๆ อยากเอากับบ้านเเล้ว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?