ไม่เเข้ใจและสับสน !! ระหว่างคณะ แพทย์กายอุปกรณ์ กับ วิศวะชีวการแพทย์ค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
ต่างในที่นี้หมายถึง คณะ2คณะนี้จบไปแล้วทำอะไรคะ การเรียน แล้วใช้วิชาอะไรเป็นหลัก
ปล. ได้ใช้เคมีบ้างไหมคะ พอดีแอบปลื้มวิชาเคมีกับชีวะ
ปล2.พอจะแนะนำคณะที่เหมาะกับเด็กวิทย์หัวใจศิลป์และอยากช่วยเหลือคนเจ็บป่วยได้มั่งไหมคะ แหะๆ
ขอบคุณค่ะ^ ^
ปล.3 คนตอบน่ารักจิงจัง
8 ความคิดเห็น
วิศวกรรมชีวการแพทย์ หรือบางที่เรียกว่า ชีวเวช (biomedical engineering) หรือ วิศวกรรมการแพทย์ (medical engineering)  เป็นสาขาวิชาที่นำเอาความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เช่น ความรู้กลศาสตร์ของไหล นำมาใช้กับการทำหัวใจเทียม หลอดเลือดเทียม , แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (mathematical modeling) ความรู้ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เพื่อออกแบบ สร้างหรือพัฒนาซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงการศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อน และต้องการขั้นตอนการผลิตที่มีมาตรฐาน และ ประสิทธิภาพสูง เช่น นำมาอธิบายปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง, ความรู้ทางกลศาสตร์และคอมพิวเตอร์ใช้ในการหุ่นยนต์นำการผ่าตัด เทคโนโลยีในเครื่องมือผ่าตัด เครื่องส่องดูอวัยวะในร่างกาย อุปกรณ์จ่ายยาอัตโนมัติ ข้อต่อหรืออวัยวะเทียม เครื่องวิเคราะห์สัญญาณหัวใจหรือสมอง อุปกรณ์ตรวจสอบระบบน้ำตาลในเลือด ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ การออกแบบสร้างอุปกรณ์พิเศษที่จำเป็นต่อการบำบัดรักษา การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ไปจนถึงการสังเคราะห์โพลิเมอร์นำส่งยาเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการศึกษาและวิจัยอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทางการแพทย์ ต่างๆ
                  สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นสาขาวิชาที่บูรณาการศาสตร์ต่างๆ ต่อไปนี้ วิศวกรรมศาสตร์ ทั้งไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เครื่องกล อิเล็กทรอนิกส์ นาโน วัสดุ หรือแม้แต่ความรู้ทางวิศวกรรมโยธาก็มีประโยชน์ในสาขานี้ค่ะ รวมถึงความรู้ในสาขาแพทยศาสตร์ ชีววิทยา เคมี ชีวเคมี เภสัชศาสตร์ รังสีวิทยา เทคนิคการแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่นๆ เพื่อนำความรู้มาใช้พัฒนาหรือสร้างเครื่องมือ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะ
อยากจะลองให้ช่วยคิดเห็นหน่อยอ่ะค่ะ พอดีอยากเรียนแพทย์ แต่อีกใจก็อยากเรียนวิศวกรรมทางการแพทย์ค่ะ เลยเลือกไม่ถูกว่าจะเอาแบบไหนดีค่ะ ตัวเราเองก็อยากเป็นจิตแพทย์รักษาผู้ป่วยทางจิต แต่อีกใจก็อยากจะสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ก็ไม่ทราบว่าแบบไหนจะเหมาะกับตัวเรามากกว่ากัน แต่ก็คิดว่าแพทย์น่าจะเหมาะกว่า เพราะเราเป็นคนที่ถนัดวิชาชีวะกับคณิตค่ะ ส่วนฟิสิกข์ก็กำลังทำความเข้าใจให้มากขึ้น ส่วนเคมีนี่ก็ยากพอสมควรเลยค่ะ แต่เป็นคนชอบชีวะอยู่แล้วค่ะ
""เลยอยากสอบถามดูว่าคณะไหนใช้ชีวะมากกว่ากันอ่ะคะ???""
กายอุปกรณ์
คณะเราเปิดตอนนี้มี 7 รุ่น จริงๆควรจะเปิดมาก่อนหน้านั้นซัก 20ปีอ่ะนะ เพราะดูจากความต้องการบุคลากรแล้ว ถือว่าเข้าขั้นขาดแคลนมากๆถึงมากที่สุด...
  ชื่อ เต็มๆคือ..คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สาขากายอุปกรณ์(คณะเรายังเล็กครับเลยต้องไปสังกัดแพทย์ศิริราช แต่เราไม่ใช่หมอครับ)...จบมาแล้วจะได้ วิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขากายอุปกรณ์ หรือ Bachelor of Science (Prosthetics and Orthotics) ...ชื่อที่พวกเรา รวมทั้งเด็กมหิดลอื่นๆเรียกพวกเราก็คือ PO ครับ.(มาจากProsthetics and Orthotics).
เรื่อง รายละเอียดแบบวิชาการมากๆๆๆๆ พี่ว่าน้องคงหาอ่านได้ในหน้าเวปของมหาวิยาลัยมหิดล หรือเวปอื่นๆ แต่พี่ก็จะเล่าเรื่องทั่วไปให้ฟังคร่าวๆแล้วกันนะครับ เผื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในภายภาคหน้า..
เพื่อ เป็นการไม่ให้น้องเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นไป+ทิศทาง+ลักษณะงานของคณะนี้ เหมือนที่มีหลายคนที่ผ่านมา เข้าใจผิด แล้วต้องเสียเวลา1 ปี ซิ่วไปเรียนที่ใหม่ พี่จะขอสาธยายดังนี้...
  เริ่มแรกถ้าน้องคิดว่าโอววว..ฉันต้องเป็นหมอ หรือไม่ก็..ต้องคล้ายหมอแน่นอน...อันนี้ไม่ควรคิดอย่างยิ่งครับถ้าจะมาเรียนคณะเรา
แล้ว ก็..ถ้าน้องคิดว่า โอววว...หนูอยากทำ หัวใจเทียม ปอดเทียม ตาเทียม เครื่องในเทียมต่างๆนานา ซึ่ง..น้อง..ในฐานะนักคิด นักประดิษฐ์ รุ่นใหม่ไฟแรงสูง มีสิทธิ์ที่จะคิดได้นะครับ แต่....ทางคณะเราไม่สอนนะครับ...
และ ยิ่งถ้าน้องคิดว่า อยากเข้าหมอ ทันตะ เภสัช อารายก็ได้ แต่....คะแนนไม่ถึง เลยขอจบที่คณะเราแบบเป็นทางผ่านก็ ...คงจะแย่แน่ครับ เพราะคณะเราเรียนไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไรครับ เว้นแต่ว่าน้องชอบเรียนแบบเราจริง ชอบด้วยใจจริง พี่ๆก็ยินดีต้อนรับล่วงหน้านะครับ...
เรื่องวิชาเรียนตอนปี 1 จะ เรียนรวมกับบางคณะที่ศาลายาทั้งปีเลยครับ เทอมแรกเรียนวิทย์+เลข ทั่วไป พวก เคมี ฟิสิกส์(อันนี้หนักหน่อยนะ  มีแล็บด้วยนะ) ชีวะ สถิติ(ซึ่งสามารถฆ่านักศึกษาได้ครับ) แคลคูลัส ว่ายน้ำ เขียนแบบวิศวกรรม อังกฤษ ส่วนเทอมสองเรียน Basic Engineering practice, Engineering Graphic (AutoCAD + SolidWork), ฟิสิกส์(ทำแล็บเหมือนเทอมแรก) อังกฤษและสังคม (อันนี้หลายตัวหน่อย)
ปี2 จะเรียนที่ศาลายา และที่ ศิริราช ไปๆมาๆ สลับกันสนุกและเวียนหัวดีพิลึก น้องจะเริ่มได้เรียน Anatomy(กายวิภาคศาสตร์) และ Physiology ก็ ปีนี้แหล่ะครับ ถ้าน้องกลัวศพหรือที่เราเรียกว่าอาจารย์ใหญ่ก็จงหลีกหนีครับ..แต่ถ้าน้องชอบ ก็สนุกครับ(..แต่ถ้าน้องชอบมากๆถึงขั้นคลั่งไคล้ก็ควรไปเรียนหมอละกันนะ ครับ).. และก็จะมี Biomechanics Kinesiology Rehabilitation และ วิชาคณะอื่นๆประเดประดังเข้ามาอีกมากๆมาย ซึ่งน้องเข้ามาแล้วจะรู้เองนะครับ และแน่นอน..ก็ยังไม่พ้นวิชาแบบสังโค้ม...สังคม มาเสริมความมันส์อยู่อย่างต่อเนื่อง...
ปี3 ก็ ลาก่อนศาลายาครับ มาเรียนที่ศิริราชแบบเต็มๆ และบางวิชาก็ไปเรียนที่ศูนย์ศิรินธรเพื่อการฟื้นฟู...(ชื่อยาวอ่ะ)..กระทรวง สาธารณสุข ครับ ซึ่งจะเป็นวิชาเฉพาะทางมากๆ ซึ่งจะเรียนกับอ.นักกายอุปกรณ์ชาวต่างประเทศ และกับหมอผู้วชาญครับ
ปี 4 ก็หนักพอดูครับทั้ง Theory และ Practice works ต้องแน่นเพราะจะมีฝึกงานต่างสถานที่ในเทอมสุดท้าย มันส์สุดๆ..
จริงๆแล้ว ...เรื่องการเรียนก็ไม่ง่ายไม่ยากครับ ถ้าขยันก็ โอเค ค่อนข้างจะหนักทาง ฟิสิกส์ ชีวะ anatomy Biomechanics งานทางช่าง งานฝีมือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ENGLISH ครับ เพราะถ้าน้องเรียนสูงขึ้นเช่นปี 3-4 ก็ อย่างที่บอกแหล่ะครับ ว่าต้องเรียนกับ อ. นักกายอุปกรณ์ชาวต่างประเทศ แบบเต็มรูปแบบ  (..ไม่ใช่ฝรั่งแบ็คแพ็ค ดุ่มๆมาสอนภาษานะน้อง อ.ต่างประเทศทุกคนเป็นนักกายอุปกรณ์ผู้วชาญ ที่ถูกคัดเลื่อกมาโดย มูลนิธินิปปอน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคณะเราอ่ะครับ ซึ่ง อ. แต่ละคนเก่งมากๆๆๆขอยอมรับ!!!!) ดังนั้น ทั้งเล็คเชอร์ พรีเซนต์งาน ถามเรืองเรียน ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมดครับ(คล้ายๆหลักสูตรอินเตอร์ครับ แต่ข้อได้เปรียบคือค่าเทอมเราอยู่ในอัตราปกติอ่ะครับ...) จริงๆแล้ว ปี1-2 ยังเรียนปกติอยู่นะครับ แต่พอปีสูงๆก็จะเริ่มไม่ค่อยปกติเท่าไรนัก...พี่พูดจริงๆนะ  ในฐานะที่เจอมากับตัวเองแล้ว..
การเรียนสนุกครับ คนก็น้อย สนิทกันดี เฮฮาบ้าง เครียดบ้างเป็นธรรมดา แป็ปเดียว 4 ปีก็จบแล้วครับ
จบ มา หลังจากสอบใบประกอบโรคศิลปะได้แล้ว น้องก็จะได้เป็น...นักกายอุปกรณ์.อย่างเต็มภาคภูมิ..ทำงานได้ทั้งโรงพยาบาล รัฐ เอกชน ซึ่งต้องมีขนาดใหญ่พอควรครับ เช่นโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆ โรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ...หรือไม่ก็ องค์กรที่เกี่ยวข้อง มูลนิธิที่เกี่ยวข้องต่างๆ หรือแม้กระทั่งประกอบธุรกิจส่วนตัว ก็ทำได้เช่นกันนะครับ...
เนื่องจากคณะเราเปิดได้ไม่นาน ยังไม่มีคนรู้จักมากนัก บางอย่างเลยอาจดูยุ่งยากไปนิด นี่ก็เป็นธรรมดาครับ ต้องสู้ๆกันต่อไป
ือยากจะบอกว่าทุกคณะที่หนูอยากเรียนหลีกหนีอาจารย์ใหญ่ไม่รอดเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากเลยนะคะ <><>
ขอบคุณค่ะ 
คือ เคยเห็นข้อมูลเหล่านี้ในเวปอื่นๆแล้วน่ะค่ะ
ไม่มีข้อมูลนอกเหนือจากนี้แล้วหรือคะ
ปล.  ยังไงก็ขอบคุณมากๆค่า ^ ^
เศร้าแทน คนตอบกระทู้เลย
คำถามที่พบบ่อย
    ๑)  นักกายอุปกรณ์ คือ หมอใช่มั้ย?
    ตอบ    ไม่ใช่ค่ะ  นักกายอุปกรณ์คือผู้ที่ทำอุปกรณ์เสริมและเทียมให้กับผู้ป่วยเท่านั้น  ถ้าให้เปรียบก็ประมาณนักกายภาพบำบัดที่ช่วยฟื้นฟูบำบัดผู้ป่วย หรือนักเทคนิคการแพทย์  ซึ่งเรียนสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ไม่ใช่แพทย์ค่ะ
    ๒)  กายอุปกรณ์นี่ทำเครื่องการแพทย์ใช่มั้ย?
    ตอบ    ไม่ใช่อีกเช่นกันค่ะ  อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า  เราทำอุปกรณ์เสริมและเทียมสำหรับผู้ป่วย  ถ้าสนใจด้านนั้น ชีวการแพทย์จะตรงมากกว่า
    ๓)  เงินเดือนดีมั้ย?
    ตอบ    ขึ้นอยู่กับความสามารถบุคคลค่ะ  หากทำงานในหน่วยงานรัฐ เรทจะอยู่ที่พันถึงหมื่นต้นๆ  ส่วนบริษัทเอกชนจะเริ่มที่หลักหมื่นขึ้นไป    ถ้าหวังเงินเดือนสูงมาก ๆ  เราไม่แนะนำสาขานี้ค่ะ  เลือกสายงานอื่นจะดีกว่านะ
    ๔)  ทำงานที่ไหนได้บ้าง?
    ตอบ    โรงพยาบาลรัฐและเอกชน บริษัท โรงเรียนกายอุปกรณ์ หรือเปิดธุรกิจส่วนตัว เช่น รับส่งส่วนประกอบ อุปกรณ์ วัสดุเกี่ยวกับสายงานกายอุปกรณ์
    ๕)  เรียนต่อในระดับสูงได้มั้ย?
    ตอบ    ได้ค่ะ  แต่สำหรับสายกายอุปกรณ์ระดับปริญญาโทในไทยยังไม่มีค่ะ  จะมีก็หลักสูตร์ Biomedical Engineering  เราเห็นพี่บัณฑิตเรียนต่อเยอะเลย  หรือจะเลือกเรียนต่อต่างประเทศก็ได้ค่ะ  (แต่ต้องได้รับการรับรองจาก ISPO ก่อนค่ะ  คาดว่าในปี 2010 นี้แหละ)
    ** ISPO = The International Society for Prosthetics andOrthotics
    ๖)  ทำไมรับนักศึกษาน้อย?
    ตอบ    คิดว่าเพราะงบประมาณแต่ละปีนั้นค่อนข้างจำกัดน่ะค่ะ  การที่จะรับนักศึกษาเยอะขึ้น  ทางโรงเรียนต้องมีเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายส่วนที่เราเรียนเพิ่มตาม  วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละคอร์สตกคนละแสนบาทได้ค่ะ  (ซึ่งจริง ๆ เราเสียค่าเทอมประมาณหมื่นต้นเท่านั้น)  และการที่ชั้นเรียนหนึ่งมีเด็กน้อย  ทำให้การสอนและทำความเข้าใจในบทเรียนได้ง่ายขึ้นค่ะ
http://th.wikibooks.org/wiki/กายอุปกรณ์
ศูนย์สิรินธรฯ เป็นศูนย์กลางฟื้นฟูฯคนพิการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กายอุปกรณ์ มหาวิทยาลัยมหิดล)
      องค์การอนามัยโลกคัดเลือก ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ให้เป็นศูนย์กลางร่วมในการศึกษาดูงาน และฝึกอบรมบุคลากรด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการให้แก่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้  โดยที่ ขณะนี้ ประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรที่วชาญการผลิตอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ ทั่วประเทศมีช่างกายอุปกรณ์ ๑๖๔ คน  ศูนย์สิรินธรฯ จึงร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ตั้งโรงเรียนกายอุปกรณ์  หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขากายอุปกรณ์  จะผลิตนักกายอุปกรณ์ให้ได้ปีละ ๒๐ คน  ขณะนี้มีนักศึกษา  ๕๓ คน  (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๔๙)
รายละเอียดคณะ PO ลองไปดูตาม Link หรือข้างล่างนี่ได้ครับน้อง Wink
http://www.si.mahidol.ac.th/department/rehabilitation/home/News/news01.htm
ความเป็นมาของหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขากายอุปกรณ์
      หลักสูตรกายอุปกรณ์เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดล, ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ  กรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข โดยการสนับสนุนของมูลนิธินิปปอน  ประเทศญี่ปุ่น
ชื่อหลักสูตร
ภาษาไทย          :  วิทยาศาสตร์บัณฑิต  สาขากายอุปกรณ์
ภาษาอังกฤษ      :  Bachelor of Science Program in Prosthetics and Orthotics
ชื่อปริญญา        :  ชื่อเต็ม  วิทยาศาสตรบัณฑิต  สาขากายอุปกรณ์
                      :  ชื่อย่อ  วท.บ.  (กายอุปกรณ์)
ภาษาอังกฤษ      :  ชื่อเต็ม  Bachelor of Science  (Prosthetics and Orthotics)
          :  ชื่อย่อ  B.Sc. (Prosthetics and Orthotics)
  หน่วยงานที่รับผิดชอบ
                        :  ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู  คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดล
                        :  ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ  กรมการแพทย์
หลักการและเหตุผล
            เนื่องจากประเทศไทยมีจำนวนประชากรมากขึ้น  และมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านต่างๆ เช่น  การคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว  การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากสังคมเกษตรกรรมดั้งเดิมมาเป็นสังคมเกษตรกรรมสมัย ใหม่และอุตสาหกรรมที่มีการใช้เครื่องจักรกลเพิ่มขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บมาก ขึ้น  และผู้บาดเจ็บนี้ส่วนหนึ่งจะมีความพิการเหลืออยู่  ประกอบกับวิทยาการทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยโรคต่างๆ มีช่วงชีวิตที่ยืนยาวขึ้น  แต่มักมีปัญหาความบกพร่องหรือความพิการต่างๆร่วมด้วยทำให้จำนวนผู้พิการใน ประเทศมีเพิ่มขึ้นมาก  ดังนั้นการฟื้นฟูสมรรถภาพ  (Rehabilitation) เพื่อให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตัวตนเองและประกอบอาชีพได้  จึงเป็นสิ่งสำคัญมากทั้งต่อตัวผู้พิการ  ครอบครัว  สังคม  และประเทศชาติ  ซึ่งงานกายอุปกรณ์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ  การฟื้นฟูสมรรถภาพจึงมีความสำคัญด้วย
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
เพื่อผลิตนักกายอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติ  ดังนี้
            - มีความรู้ความสามารถในด้านการประดิษฐ์ ดัดแปลงกายอุปกรณ์และพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ที่มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ  ลักษณะอาชีพของประชากรและเศรษฐานะของประเทศ
            -  มีความสามารถในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ใฝ่หาความรู้และสามารถติดตามความก้าวหน้าของวิชาชีพ
            - มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสาธารณสุขของชาติในสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู  และสามารถเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขที่เหมาะสมกับสภาวะของประเทศ
            -  เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมอันดีงาม  รักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างเคร่งครัด  รวมทั้งเคารพและป้องกันสิทธิของผู้รับบริการ
            -  มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ป่วย  ผู้พิการ  ผู้ร่วมงานตลอดจนบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
      คุณสมบัติผู้เข้าศึกษา
            เป็นผู้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  หรือเทียบเท่าและมีคุณสมบัติเฉพาะตามประกาศของมหาวิทยาลัยมหิดล  เรื่องการรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต  สาขากายอุปกรณ์  ไม่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจที่จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
ระบบการศึกษา
            เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหิดล  ว่าด้วยการศึกษาระดับอนุปริญญาและปริญญาตรีและตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการ อุดมศึกษา  (สกอ.) เรื่องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรปริญญาตรี
-          ใช้ระบบการศึกษา  แบบหน่วยกิตทวิภาค
ระยะเวลาการศึกษา
ใช้เวลาในการศึกษาตามหลักสูตร  4  ปีการศึกษา  และอย่างมากไม่เกิน  8  ปีการศึกษา
      หลักสูตร
จำนวนหน่วยกิตตลอดหลักสูตรประมาณ                140  หน่วยกิต
โครงสร้างหรือองค์ประกอบของหลักสูตรประกอบด้วย
            ก.หมวดวิชาศึกษาทั่วไป       
                กลุ่มวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์     
                กลุ่มวิชาภาษา                             
                กลุ่มสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์       
            ข.หมวดวิชาเฉพาะ                         
            ค.หมวดวิชาเลือกเสรี                         
  สถานที่และอุปกรณ์การสอน
สถานที่
            : วิทยาเขตศาลายา  มหาวิทยาลัยมหิดล
            : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดล
            : ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ
              กรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข
อุปกรณ์
การ สอนของคณะและหน่วยงานต่างๆ ดังกล่าวไว้ในหัวข้อสถานที่  เช่น  ตู้อบควบคุมอุณหภูมิ,อุปกรณ์จัดแนวขาเทียม,ราวหัดเดินทำด้วยเหล็กปลอดสนิม, เครื่องขึ้นรูปรองเท้า,เครื่องพิมพ์ภาพฝ่าเท้า,สว่านแท่นไฟฟ้า,จักรเย็บ อุตสาหกรรม,เครื่องทำเบ้าขาเทียมพร้อมเครื่องดูดสูญญากาศ เป็นต้น
หลังสำเร็จการศึกษา
สามารถปฏิบัติงานด้านกายอุปกรณ์ตามโรงพยาบาลได้
สามารถปฏิบัติงานด้านกายอุปกรณ์ตามบริษัทเอกชนได้
สามารถศึกษาต่อได้
คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ เปิดสอนที่ใดบ้าง
   
      1. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    * ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์
      เปิดทั้งระดับปริญญ่าตรี ระดับปริญญาตรีโทและระดับปริญญาตรีเอก
       
      2. บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
      เปิดทั้งระดับปริญญาตรี  ไม่เปิดระดับปริญญาโท และเปิดระดับปริญญาเอก
     
      3.คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เปิดระดับปริญญาตรี
     
      4.คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  เปิดระดับปริญญาตรี
     
      5.คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ไม่เปิดระดับปริญญาตรี เปิดแต่ระดับปริญญาโท
        หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต
        * สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ (นานาชาติ)
ตอนนี้ตำแหน่งของหน่วยงานรัฐในเมืองไทยในระดับ ป.ตรี มีอยู่ 1-2 คนเป็นของกรมการแพทย์
ในส่วนกระทรวงสาธารณสุข มีมากประมาณ1++ตำแหน่ง แต่เป็นในระดับ ปวส.ของพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ ประกาศนียบัตรของกรมการแพทย์ ที่ รพ.เลิดสิน  อย่างที่น้องๆ หลาย คห.ตอบมันไม่ได้เป็นแค่การเรียนทางการแพทย์อย่างเดียว ทางวิศวกรรมด้วย 
ปล.มีบุคลากรทางด้านนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในเมืองไทย  นั้งรถเข็นมาแต่ตอนกลับเดิน.......ความสุขอยู่ที่ใจ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?