คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ <<ใครก็ได้ช่วยที! TOT
ตั้งกระทู้ใหม่
แต่ตอนนี้จะตายอยู่แล้ว
ใครเคยแปลแล้วช่วยมาโพสให้หน่อยนะคะ  TOT
v
v
    บ้างถือว่าตนเฒ่า                    เป็นหมอเก่าชำนาญดี
รู้ยาไม่รู้ที                                  รักษาได้ก็ชื่นบาน
    แก่กายไม่แก่รู้                        ประมาทผู้อุดมญาณ
แม้เด็กเป็นเด็กชาญ                      ไม่ควรหมิ่นประมาทใจ
    เรียนรู้ให้เจนจัด                        จบจังหวัดคัมภีร์ไสย์
ตั้งต้นปฐมใน                              ฉันทศาสตรดังพรรณนา
.                            สิทธิสารนนท์ปักษี
    อติสารอะวะสาน                      มรณะญาณตามคัมภีร์
สรรพคุณรสอันมี                          ธาตุบัญจบโรคนิทาน
    ฤดูแลเดือนวัน                          ยังนอกนั้นหลายสถาน
ลักษณะธาตุพิการ                        เกิดกำเริบแลหย่อนไป
    ทั้งนี้เป็นต้นแรก                        ยกยักแยกขยายไข
กล่าวย่อแต่ชื่อไว้                          ให้พึงเรียนตำรับจำ
    ไม่รู้คัมภีร์เวช                          ห่อนเห็นเหตุซึ่งโรคทำ
แพทย์เอ๋ยอย่างมคลำ                    จักขุมืด  บ  เห็นหน
    แพทย์ใดจะหนีทุกข์                  ไปสู่สุขนิพพานดล
พิริยสติตน                                  ประพฤติได้จึ่งเป็นการ
    ศีลแปดแลศีลห้า                      เร่งรักษาสมาทาน
ทรงไว้เป็นนิจกาล                          ทั้งไตรรัตน์สรณา
    เห็นลาภอย่าโลภนัก                  อย่าหาญหักด้วยมารยา
ไข้น้อยว่าไข้หนา                          อุบายกล่าวให้พึงกลัว
    โทโสจงอดใจ                          สุขุมไว้อยู่ในตัว
คนไข้ยิ่งคร้ามกลัว                          มิควรขู่ให้อดใจ
    โมโหอย่าหลงเล่ห์                    ด้วยกาเมมิจฉาใน
พยาบาทแก่คนไข้                          ทั้งผู้อื่นอันกล่าวกล
34 ความคิดเห็น
บ้างถือว่าตนเฒ่า                          เป็นหมอเก่าชำนาญดี    >> บางคนก็คิดเอาว่าตนเองแก่แล้ว  มีความชำนาญ
รู้ยาไม่รู้ที                                  รักษาได้ก็ชื่นบาน        >> ไม่รู้จักยา คิดว่ารักษาได้ก็เก่งแล้ว
    แก่กายไม่แก่รู้                        ประมาทผู้อุดมญาณ      >> อายุมากแต่ไม่วชาญ  ประมาทตนว่าเป็นคนเก่ง
แม้เด็กเป็นเด็กชาญ                      ไม่ควรหมิ่นประมาทใจ  >> ถึงแม้จะอายุน้อยแต่วชาญ ก็ไม่ควรประมาทไป
    เรียนรู้ให้เจนจัด                        จบจังหวัดคัมภีร์ไสย์    >> ควรจะเรียนรู้ให้แน่นอนจนจบเล่ม
ตั้งต้นปฐมใน                              ฉันทศาสตรดังพรรณนา  >> เริ่มตั้งแต่บทแรกตามที่ปรากฏในคัมภีร์ฉันทศาสตร์
 
PS. I'm
ขอโทดน๊า เรียนมานานหลายเดือนแล้วอ่า ลืมบ้างอะไรบ้าง
รีบไปอ่านหนังสือละจ้าาๅ^^
PS. I'm
๑.จะพูดถึงตำราฉันทศาสตร์ของเก่าที่ครูสอนไว้
เปรียบได้กับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ทำให้มองเห็นได้ชัดเจน
  ๒.นำทางสัตว์ให้เห็นทางเดินอย่างชัดเจน (การดำเนินชีวิตที่ดี)
หมอนวดและา ผู้เรียนรู้เวทมนตร์คาถาของ ศ.พราหมณ์
๓.เรียนรู้ให้ครบทั้งหมด จนจบข้อความในตำรา
ฉันทศาสตร์ที่ครูบอกให้เข้าใจสิบสี่หัวข้อควรจำไว้
๔.เป็นแพทย์นี้ยากมากที่จะรู้จักเรื่องผลการกระทำที่ไม่ดี
ตัดทิ้งไปเรื่องความไม่ดี ทำความดีสิบสี่ข้อจึงจะเป็นคนซื่อสัตย์
๕.เป็นแพทย์แต่ไม่รู้ในตำราเวทย์มนตร์คาถาที่ครูตั้งใจเรียนไว้
รู้แต่ยามาประดับตัว รักษาไข้ไม่เกรงกลัว
๖.หมอบางคนก็พูดโกหกซ้ำๆ ย้ำข้อความ
ยกย่องตนเองว่ามีความรู้ดียิ่งในเรื่องยา
๗.หมอบางคนก็รังเกียจคนไข้ที่แพทย์อื่นเคยรักษามา
บ้างก็กล่าวหลอกลวง เขาเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ว่าเป็นมาก
๘.บ้างพูดอย่างเล่ห์กลกับคนไข้ว่าต้องใช้เงินหลายพัน
คาดว่าจะได้ของทันที เพราะเชื่อคำพูดของตนเอง
๙.บางครั้งไปเยี่ยมคนไข้ ทั้งที่ไม่มีใครเชิญให้ไป
พูดยกตัวอย่างถึงประโยชน์ของยาที่ตนรู้ให้คนฟังเชื่อ
๑๐.หมอบางคนหมกมุ่นในกลอุบายให้คนเข้าใจผิด เพราะความโลภเข้าปิดบัง
รักษาโรคเพราะอำนาจความอยากได้ ความต้องการ
๑๑.หมอบางพวกหยิ่งในฐานะตนว่าคนไข้ยากจน
ให้ยาไปจะเสียยา ไม่ได้รับของที่ควรจะได้รับ
๑๒.หมอบางคนยึดมั่นว่าตัวเองอายุมาก เป็นหมอมานานมีความเชี่ยวชาญ
รู้เรื่องยา ไม่รู้ความสามารถของผู้อื่น รักษาโรคได้ก็มีความสุข
๑๓.ร่างกายแก่ ไม่เรียนรู้ให้มากดูหมิ่นผู้มีความรู้มาก
แม้เด็กแต่เป็นเด็กมีความชำนาญ  ใจไม่ควรคิดดูหมิ่น
๑๔.เรียนรู้ให้ชำนาญ จบขอบเขตเนื้อหาตำราเวทมนตร์คาถา
เริ่มตั้งต้นในฉันทศาสตร์ ตามที่บอกให้ทราบไว้
๑๕.ตำราปฐมจินดาร์โชตรัต ตำราครรภ์รักษา ตำราอภัยสันตา
ตำราสิทธิสารนนท์ปักษี........
๑๖.ไข้หนักระยะใกล้ตาย สิ่งที่บอกให้รู้ว่าใกล้ตายตามตำรา-
สรรพคุณ มีสิ่งที่บอกให้รู้ได้อีกในตำราธาตุบรรจบ ตำราโรคนิทาน
๑๗.ฤดูและเดือนวัน ยังมีสาเหตุอีกหลายอย่าง
ลักษณะของส่วนควบคุมร่างผิดปกติ ระยะเริ่มต้น ระยะเป็นมากขึ้น และระยะทุเลา เบาลง
๑๘.ตามที่กล่าวไว้เริ่มแรก ได้นำไปแยก อธิบายบอกให้รู้
กล่าวย่อแต่ชื่อเอาไว้ ต้องการให้เรียนรู้จดจำ
๑๙.ไม่รู้ตำราแพทย์ จะไม่ทราบผลที่โรคทำให้เกิดขึ้น
แพทย์เอ๋ย อย่าชักช้าในการค้นหา เหมือนคนตาบอดมองไม่เห็นทาง
๒๐.หมอคนใดจะหนีความทุกข์ ไปหาความสุขถึงดับกิเลสและกองทุกข์
มีความหมั่นระลึกตนได้ ปฏิบัติตนได้อย่างนี้จึงเป็นสิ่งควรทำ
๒๑.ศีลแปดและศีลห้ารีบรับมาปฏิบัติ
ยึดปฏิบัติเป็นประจำ รวมทั้งยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
๒๒.เห็นสิ่งจะได้มาโดยไม่คาดคิด กำไรอย่าอยากได้จนไม่รู้จักพอ อย่าทำด้วยอำนาจ ด้วยการหลอกลวง
เป็นไข้น้อยบอกว่าเป็นไข้หนัก พูดหลองลวงให้เกิดความกลัว
๒๓.ความโกธรฉุนเฉียวจงยั้งใจ มีความอ่อนโยนอยู่ในตัว
คนไข้ยิ่งขยาดกลัว ไม่ควรขู่ให้ยั้งใจไว้
๒๔.ความโกธรอย่าหมกมุ่นหาอุบาย เพราะความต้องการทางผิดใน
การผูกใจเจ็บและอยากแก้แค้นกับคนไข้ รวมทั้งผู้อื่นที่พูดหลอกลวง
๒๕.มีความสงสัย จงเชื่อมั่นใจครูของตนเอง
อย่าสงสัยอาการที่ลวงให้หลง เห็นถูกต้องแน่แล้วต้องรีบให้ยารักษา
๒๖.ความคิดฟุ้งซ่านอย่าคิด เห็นแน่ชัดว่าเป็นโรคอะไร
ให้ตั้งตัวเป็นพระยาราชสีห์เข้าสู้รบ
๒๗.อีกอย่างหนึ่งให้ตื่นตัวตลอดเวลา อย่าง่วงเหงาเป็นสิ่งไม่ดี
เห็นโรคทุเลาลง ให้ยาซ้ำลงอย่าละเลย
  ๒๘.อย่าอวดดื้อถือดีพยายามนำเอาโรคที่เกินความสามารถมารักษา
รู้น้อยอย่ารีบลงมือรักษา วิธีใดที่ไม่รู้จริงอย่าทำ
๒๙.อย่าเชื่อมั่นว่าตนดีกว่า ยังมีคนเก่งกว่าเรามาก
อย่าคิดว่าตนเหนือกว่าเด็กเล็กที่มีความชำนาญ
๓๐.ผู้ใดที่รู้ปฏิบัติในทางดี ควรให้ความเคารพอย่าพูดเล่นสำนวน
เรียนรับเอาไว้ปฏิบัติตามเสมอ รีบมีความเคารพเป็นเรื่องเหมาะสม
๓๑.ครูที่เรียนรู้จากการไปอยู่ด้วยชั่วคราว และครูที่เรียนในสถานศึกษา เขียนหนังสือไว้ตามที่เรียนมา
จนยึดเอาว่าครูดีเพราะได้เรียนจนชำนาญจึงได้ความรู้มา
๓๒.ความลังเลใจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรตัดทิ้งไป ในการมีจิตวิตก อกุศล ๓ อย่าง
เช่น ๑.พยาบาทวิตกมุ่งร้าย ๒.วิหิงสาวิตกการมัวเมาครุ่นคิดทำให้คนไข้เดือดร้อน ๓.กามราควิตกมุ่งร้ายเพราะความต้องการในนิสัยที่มีแต่มาตั้งแต่เกิด
๓๓.รู้คิดมีเหตุผลถูกต้องให้ตรวจตราว่าเวลาใดทำจะไม่ดีหรือเวลาใดทำดี
ดูโรคกับดูยาให้ถูกกันโรคจะหายทันที
๓๔.มีความละอายต่อการทำไม่ดีที่วุ่นวายไม่เรียบร้อยทั้งหลาย (การทำไม่ดีมีมากมายหลายอย่าง)
ทำลายให้หมดไปเป็นการทำให้ผลแห่งการทำไม่ดีหมดสิ้นไป
๓๕.มีความเกรงกลัวการทำไม่ดีเป็นสิ่งสำคัญ ทำไม่ดีลับหลังไม่ควรทำ
กลัวการทำไม่ดีแล้วให้จำว่าแม้ต่อหน้าคนอื่นก็ไม่ทำ
๓๖.อย่ารังเกียจคนไข้ที่ยากไร้ไม่มีช่องทางทำมาหากิน
ผลประโยชน์ที่ได้มาก็นิดเดียว อย่ารังเกียจคนให้ดูแลรักษา
๓๗.เท่านี้ที่บอกไว้ในตำราฉันทศาสตร์บทเริ่มต้น
แต่เป็นกลอนบอกไว้อย่างละเอียด ผู้ใดเรียนรู้ได้ถูกต้องนับว่าเป็นผู้ได้รับความนับถือ
๓๘.อีกอย่างจะสอนว่า กายนคร มีอยู่มาก
เปรียบได้กับในร่างกายของหญิงชายทุกคนในโลก
๓๙.จิตใจเปรียบได้กับกษัตริย์ผู้ครอบครองสมบัติอันยิ่งใหญ่(ร่างกาย)
ข้าศึกเปรียบได้กับโรคที่เกิดมาทำลายภายในร่างกายเรา
  ๔๐.แพทย์เปรียบได้กับทหาร ที่มีความชำนาญรู้เรื่องที่อยู่ (ร่างกาย)
โรคเกิดให้คิดดีๆ ตรวจ หยุด การแผ่ลามไว้ทุกแห่ง
๔๑.ให้รักษากษัตริย์ไว้คือหัวใจรีบให้ยา
อีกอย่างห้ามแพทย์มีความไม่พอใจอย่างรุนแรง โรคเกิดขึ้นอาจทำให้คนไข้ถึงแก่ความตาย
๔๒.น้ำดีในตับมีหน้าที่ย่อยอาหารเปรียบเหมือนวังหน้า รีบตั้งใจรักษาให้ดีเพราะ
อาหารที่อยู่ในร่างกายเปรียบเหมือนเสบียงเลี้ยงกองทหาร (เลือด, เซลล์ ฯลฯ)
๔๓.ทางทั้งสาม หัวใจ,น้ำดี,อาหาร รีบจัดเตรียมรักษา
อย่าให้เชื้อโรคเข้ามาทำให้ทำงานไม่สะดวกจะพลาดโอกาสรักษา
๔๔.อีกอย่างมีค่ากล่าวหาแพทย์ที่มี
ความสามารถจากการเรียนรู้ ทำไมพูดแก้ความเข้าใจผิดก็ไม่ฟังกัน
๔๕.ถามมาก็ตอบว่ารู้เรื่องการรักษาได้เป็นเรื่องจริง
เพราะว่าโรคร้ายแรงเกินความสามารถจึงดื้อยารักษาไม่หาย
๔๖.เมื่อเป็นน้อยรักษาหายได้ เป็นมากรักษาหายยากมาก
ไข้ที่หนักแล้วนั้น เปรียบเหมือนไฟป่าที่ลุกลามได้รวดเร็วและกว้าง
๔๗.เป็นแพทย์ควรกำหนดจดจำว่า โอกาสที่ได้รักษาคนไข้มีอยู่ ๓ อย่าง ที่ทำให้ไม่ดีเสียชื่อเสียง
๑.บางทีรู้วิธีรักษาแต่มีสิ่งนำผลร้ายมาทำให้โรคที่เกิดเกินความรู้โรคที่มี
๒.บางทีโรคนั้นไม่เคยรู้ เพราะโรคนั้นตนไม่มีความสามารถรักษา
๓.ไม่รู้แต่อวดดื้อถือดีว่าตนรู้ ก็ฝืนรักษาไข้ไป
๔๙.ไม่มีความรู้รักษาโรคอีก โรคร้ายแรงนั้นอ้างว่าเป็นแรงกรรม
ทำให้รักษาไม่หายทำเกินความสามารถคนไข้ตายรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ทำ
๕๐.บางทีก็โรคหาย แต่โรคหายเพราะยา
ก็พูดกล่าวอ้างว่า รู้จักรักษาโรคนั้นเป็นอย่างดี
๕๑.แพทย์คนใดทำดีตามแบบอย่างคำสอนทางพุทธศาสนา
ในอนาคตจะได้รับผลแห่งการทำความดีมากมาย
๕๒.เรียนรู้ให้รู้จริงๆ รู้ว่าเป็นโรคอะไรแน่อย่าลังเล
รีบให้ยาซ้ำเข้าไป อย่ามั่นใจเพียงว่าทดลองยา
๕๓.จะไม่รับรักษาก็ไม่รักษาแต่แรก รักษาไปคนไข้จะใกล้ตาย
จึงไม่รับรักษาอีก แพทย์คนนั้นเป็นคนที่ไม่มีความรู้อาการไข้ที่ปรากฏให้เห็น
๕๔.ปิดบังไว้จนไข้หนักมาก แพทย์คนอื่นจะมารักษาก็ไม่ให้รักษา
ต่อเมื่อโรคนั้นเข้าขั้นที่ เสมหะ เลือด ลม เป็นพิษใกล้ตายจึงไม่รักษาคนไข้นั้น
๕๕.แพทย์เลวทราบพวกนี้ ไม่กลัวผลการทำชั่ว
ทำให้ตัวเองได้รับผลการกระทำที่ไม่ดี ตายไปก็จะตกนรก
๕๖.เรียนรู้ตำราเวทมนตร์คาถา รอบคอบเก็บไว้ไม่ต้องบอกใคร
เมื่อสมควรพูดจึงบอกให้ทราบ อย่านำสิ่งดีๆให้กับคนที่ไม่รู้คุณค่า
๕๗.ไม่รักจะทำให้เสียหาย ทำให้ความรู้เผยแพร่ไป
ลงแรงสอนให้ก็ไม่ได้ผลตามต้องการ ทั้งบุญคุณก็ไม่มี
๕๘.ได้รับความรู้แล้วตั้งคำถามทายตามสบาย ตั้งใจถามเพื่อทดสอบความรู้
ความรู้ที่ได้รับมาก็จะหมดไป เพราะเป็นคนพาลพูดไม่ดี
๕๙.คนใดต้องการจะเรียนรู้ ต้องพิจารณาคนที่เป็นครู
ว่ารู้จริง รู้ละเอียด ทั้งการพุทธและไสย์ จึงสมควรจะไปเรียนด้วย
๖๐.เพียงแต่เป็นแพทย์ได้ คำราความรู้ทางคาถาเวทมนตร์ไม่รู้
ครูคนนั้นไม่ควรเรียนด้วย จะนำให้ผู้เรียนเข้าใจผิดพลาดได้
๖๑.เราทราบว่าตำราฉันทศาสตร์เป็นตำราแต่งมานาน
บอกไว้เป็นแนวทางไปสู่นิพพาน ไปสู่แดนสบาย
๖๒.อย่าดูหมิ่นว่าเรียนรู้ได้ง่าย ตำรามีวางเรียงอยู่มากมาย
รีบคิดอย่างนี้เป็นคนประมาท จริงๆแล้วไม่มีความสามารถอะไร
๖๓.คัดลอกได้แต่ตัวหนังสือ ออกไปรักษาโดยจำแต่ตำราไปพูด
แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่ามีความรู้ ความชำนาญ จะรักษาโรคให้หายได้ทันที
๖๔.อย่าพูดจากการคาดคะเนว่าโรคที่เป็นคือกรรมหนักที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน
พูดหลอกลวงเพราะความต้องการสิ่งของ
๖๕.หมอบางคนจำอาการไข้ที่แสดงให้เห็นเพียงอย่างเดียวที่ได้สังเกตมา
กองเลือดบอกว่าเป็นเสมหะ ลมที่ออกมามากบอกว่าเป็นความร้อนในตัว
๖๖.ตำราบอกไว้ทุกเรื่อง ทำไมไม่จดไม่จำเอาไว้
บอกว่าเป็นโรคอะไรจากการคิดเอาเองไม่มีเหตุผล ให้คนนับถือตนเอง
๖๗.รู้น้อยอย่ากล้าทำเพราะหลงตัวเอง ขาดความรอบคอบเกี่ยวกับโรค
ความรุนแรงของโรคต้องใช้ยาที่ดี ไม่ควรคิดว่าเป็นเรื่องกรรมหนัก
๖๘.อีกอย่างคนไข้พูดถาม อย่าพูดข้อความเพราะหลงตัวเอง
ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น พูดว่าตนจำไข้ลักษณะนี้ได้เพราะเคยให้ยา
๖๙.ไม่ใช่โรคจะมีชนิดเดียวที่จะทำให้หายจากโรคทันที
ลักษณะประจำตัวต่างกันก็ให้ยาต่างกันจึงจะถูกกับโรคที่เปลี่ยนไปจากลักษณะเดิม
๗๐.บางทีก็ให้ยาถูกกับโรค แต่มีสิ่งร้ายเกิดขึ้น โรคจึงเป็นขึ้นอีก
หายทุเลาลงไปแล้วเกิดเป็นกลับขึ้นใหม่  จะว่ายาไม่ดีก็ไม่ถูกต้อง
๗๑.แสดงสรรพคุณยาเมื่อให้ยานั้นรักษา โรคยังไม่หาย
กลับพูดว่าผีร้ายแรงกว่า จริงๆแล้วทำไปเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
๗๒.เห็นสิ่งของอยากจะได้ ชอบใจก็ไม่เกรงกลัวทำความชั่ว
รู้น้อยแต่กล้าทำเพราะหลงตัว โรคหนักขึ้นเพราะผลของยา
๗๓.โรคนั้นเปรียบกับความฉุนเฉียว -> จะเป็นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
แพทย์เร่งให้ยาซ้ำเข้าไป ก็ยิ่งร้ายแรงหนักขึ้น
๗๔.มีความรู้อย่าแสดงความรู้ ควรพิจารณาอย่าประมาท
ควรให้ยาแค่ไหนหรือให้ยาแรงกว่าโรคจึงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
๗๕.ระมัดระวังทำพอควร อย่ารีบร้อนทำให้โรคหายทันที อาการที่ดีอยู่อาจทรุดลงได้หากโรคที่รักษานั้นเป็นโรคอื่น จะพลาดผิดเพราะทำผิดพลาด
๗๖.บ้างรู้แต่เรื่องยาระบาย ให้ยาไปถ่ายจนถึงขั้นน้ำดีผิดปกติ
เห็นคนไข้ใกล้ตาย จึงรีบแก้ตัวเพราะตกใจ
๗๗.บ้างมีความรู้เฉพาะยากวาด อวดอ้างความสามารถไปทั่วไม่กลัวอันตราย
โรคไม่หนักทำให้เป็นหนักขึ้นเหมือนก่อให้เกิดผลร้ายติดตัว
103
เป็นพระคุณอย่างสูง สุดสุดแล้งในชีวิต ขอบพระคุณครับ10
ขอบคุณค่ะ มีบระโยชน์กับพวกเรามากเลยค่ะ 
ข้อที่48 ไม่มีหรอครับ ?
ขอบคุนเป็นที่สุด ขอบคุนจิงๆๆจ๊ หาตั้งนานกว่าจะเจอ :)
ขอบคุณมากๆนะคะ (:
ขอบคุลสุดๆเลย
ลักษณะอาการไข้ที่เข้าเพศเป็นโทษ4อย่าง  มันเกี่ยวกับอ่ะไรเหรอ ครัยรู้ช่วยบอกที่น่ะ
ขอบพระเป็นอย่างยิ่งเลยค้า หาตั้งนานมะยักกะเจอ เลิฟที่ชุดดดดดดเลยย แหมวะ เอ้งงงงงง กะซิกๆๆ
ขอบคุณค่ัะ
ขอบคุณมากเลยนะค่ะ หานานมากเลย
ผลสุดท้ายก้อเจอจนได้ ดีใจสุดสุด
ขอบคุณมากนะค่ะ
ในที่สุดก็หาเจอซะทีขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมะมากนะค่ะ
ขอบบบบบคุน
ไม่รู้จาอธิบายยังงัย
ขอบคุณมากๆเรยนร๊คร๊ พอดีอาจารย์ให้มาทำเป็นการบ้าน ขอบคุณจริงๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?