Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เด็กซิ่ว ซิ่ว ยังไงให้ติด "หมอ" ...[[ไม่ใช่เด็กซิ่วก็อ่านได้ครับ^^]]

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เนื่องจาก ปีที่แล้ว มีพี่เปเป้ เป็นเพื่อนmed 52 CMUรุ่นเดียวกับพี่เอง พี่เค้าได้โพสถึงการเตรียมตัว

ในการสอบเข้าแพทย์ ในฉบับของเด็กซิ่วนั้น พี่ก็คิดว่ามันเป็นกระทู้ที่มประโยชน์ จึงใคร่ขออนุญาติเปเป้

repeat กระทู้ใหม่ในปีนี้นะ เพื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์ต่อ น้องๆที่กำลังจะเตรียมสอบเข้าแพทย์

หรือว่าจะซิ่วก็ตามแต่นะครับ

อ้างอิงจากกระทู้นี้นะครับ(ขออนุญาตก็อบเลยละกัน)



................................

Name : เป้ Med CMU 52 [ IP : 118.174.132.233 ]
Email / Msn: -
วันที่: 27 เมษายน 2552 / 10:05


ขอแนะนำตัวเองก่อนนะคับ

เมื่อปีที่แล้ว ผมได้คะแนน Admission เพียงแค่ 68xx

คะแนนกสพท.ได้เพียง 53.xx %

จึงทำให้ผมพลาดทั้ง หมอ ทันตะ และคณะอีกมายมายที่อยากจะเข้า

ผมเลยตัดสินใจยื่น คณะนึง ในจุฬาฯ

ซึ่งในเทอม 1 ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย

ทั้ง CU First Date , รับน้องก้าวใหม่ , กีฬา Freshy , งานบอล CU TU 64, ห้องเชียร์ และอีกมากมาย

ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะมากมาย และทำให้เราได้รู้จักปรับตัวในการเข้าสังคม

ซึ่งผมก็คิดว่า กิจกรรมต่างๆในเทอม 1 เป็นอะไรที่ดีนะคับ

แม้ว่าวาง Plan ว่าจะซิ่วแน่ๆ แต่ทำกิจกรรมไว้บ้าง ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีคับ


เรื่องการเรียนในเทอม 1

ขอให้น้องลงทะเบียน และเรียนไปตามปกติคับ

คิดซะว่าหาประสบการณ์

และถ้าคิดว่ารู้สึกมันหนักเกินไป ก็ให้ถอนคับ [Withdraw] เหลือแต่วิชาที่น่าจะเป็นประโยชน์

ในการสอบวิชาสามัญ ของกสพท. น่ะคับ

ระยะเวลาที่ถอนควรเป็นช่วงที่ หลัง Midterm จะเป็นเวลาที่เหมาะสมคับ

ซึ่งเมื่อถอนไปบ้างแล้ว เราจะเหลือเวลาว่างมากขึ้นเยอะเลยคับ

หลัง Midterm เราควรเริ่มแบ่งเวลาในการอ่านหนังสือเตรียมซิ่วด้วยคับ

ขอให้น้องทำตารางการอ่านหนังสือขึ้นมาคับ

โดยเริ่มอ่านจากวิชาที่ชอบ [ถนัด] ที่สุดก่อน

เพราะจะช่วยสร้างกำลังใจที่ดีคับ

สำหรับผมเริ่มอ่านตามนี้คับ   ชีวะ > เคมี > อังกฤษ > ฟิสิกส์ > เลข > สังคม > ไทย

หลังจากสอบ Final ของเทอม 1 เสร็จ ให้น้องไป Drop เลยคับในเทอม 2

โดยดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนเปิดเทอม [จะได้ไม่ต้องเสียค่าเทอม ฟรีๆ]


สำหรับสถานที่อ่านหนังสือนั้น แนะนำว่าห้ามอ่านอยู่บ้านคับ

ควรอ่านอยู่ในหอพักของมหาลัย หรือจะไปเช่าอยู่เองคนเดียวก็แล้วแต่

แต่แนะนำว่าควรอ่านในหอของมหาลัยจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยเพื่อนที่จะซิ่ว

จะได้ช่วยๆกันอ่าน ช่วยๆกันติว และการที่เราเห็นคนอื่นอ่านมากๆ จะทำให้เกิดแรงกระตุ้น

ทำให้เราขยันที่จะอ่านน่ะคับ




### หนังสือที่แนะนำ ในแต่ละวิชา ###


ความถนัดแพทย์

- หาแนวข้อสอบที่ขายตามท้องตลาดน่ะคับ
- แนะนำเป็นเล่มสีเขียวๆของนิสิตแพทย์ ฬ กับเล่มสีส้มๆของนศพ.รามา  
- หาพี่ที่เรียนแพทย์ในสถาบันต่างๆ ช่วยติวให้ก็ได้คับ
- หา พรบ.การประกอบวิชาชีพเวชกรรมมาอ่าน ด้วยคับ
- Part 1 นี่ขึ้นอยู่กับความเร็ว และไหวพริบคับ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน
- Part 2 มีหลักวิธีคิดตามนี้คือ  [ ไม่ผิดกฎหมายและพรบ.แพทย์ > ประนีประนอม เห็นอกเห็นใจคนอื่น > ตอบแบบแอ๊ปนางสาวไทย ]
- Part 3 มีข้อสอบให้ลองทำมากมายในท้องตลาด ลองซื้อมาฝึกทำดูก็ดีคับ

BiologY
- 100 จุดเน้น ชีววิทยาของ อ.สมาน แก้วไวยุทธ [กระดาษ Double A]
- ชีวะ เล่มที่เป็นรูปปลา หน้าปกสีเขียวๆ เล่มเล็กๆอ่ะคับ [กระดาษเหมือนกระดาษเช็ดตูดสีน้ำตาล]
- โจทย์ ชีวะ 15 พ.ศ.ของ Hi-ED ก็ดีคับ เพราะเฉลยละเอียดดี มีรูปอธิบาย อ่านเข้าในง่าย            
- ถ้าว่างมากๆ ก็ให้สรุปย่อเป็น File Word ใน Notebook อ่ะคับ โดยใช้ภาษาเป็นของตัวเอง
  และอ่านซ้ำไปซ้ำมา ให้บ่อยที่สุด โดยย่อแต่เนื้อหาสำคัญๆๆ และคิดว่าข้อสอบน่าจะออกคับ
- พยายามผูกเรื่องต่างๆเข้าด้วยกัน ในแต่ละบทของ Bio เพราะจะทำให้ Get Idea ได้ง่ายคับ
- ผมลองใช้ เนื้อหาของ Bio ที่จำยากๆ แต่งเป็น Memolody โดยเลียนแบบของ Enconcept อ่ะคับ

Cheme
- ถ้ายังไม่เคยเรียน ตะลุยโจทย์ อ.อุ๊ แนะนำว่าให้ไปเรียนคับ [ตะลุยโจทย์เล่มแดงๆ]
- ก่อนที่เริ่มเรียน ให้ Xerox หนังสือตะลุยโจทย์เก็บไว้ซัก 2 ชุดคับ
- ระหว่างที่เรียนก็ให้ซื้อข้อสอบ ตะลุยโจทย์เคมี เล่มสีส้มๆ ของพ.ศ. ที่มีโจทย์ประมาณ 4000 ข้ออ่ะคับ
- ทำโจทย์ให้หมดคับ อย่าให้เหลือ
- รับรองว่าถ้าทำได้หมดนี่ คุณจะเทพเคมีไปโดยปริยาย

Physics
- แนะนำหนังสือฟิสิกส์ของ Applied ที่ขายเป็น Series อ่ะคับ ทั้งชุดมี 6 เล่ม ของ Hi-eD
- แต่ละเล่มมีโจทย์ประมาณ 700 ข้อ รวม 6 เล่ม ก็ได้โจทย์ประมาณ 4200 ข้อ
- พอทำเสร็จ ให้ซื้อตะลุยโจทย์ 15 พ.ศ. ของ Applied เหมือนเดิมคับ
- ทำตะลุยโจทย์เล่มนี้ซัก 4 รอบคับ จนจำ Pattern ข้อสอบให้ขึ้นใจ

English
- เรียนกับครูสมศรีก็ได้คับ หรือ Encon ก็แล้วแต่สะดวก
- หาหนังสือตะลุยโจทย์ ภาษาอังกฤษ ของอ.ทณุ สนพ. พศ. มาทำคับ
- หาหนังสือ Vocab Express มาทำด้วยจะดีมากคับ จะได้รอบรู้เรื่อง Vocab
- แค่นี้ก็โอเคละคับ
    
Math
- อันนี้คงแนะนำอะไรไม่ได้ เพราะผมเป็นคนอ่อนเลขมากถึงมากที่สุดเลยคับ
- คงต้องหากวดวิชาที่เหมาะกับตัวคุณเองแล้วอ่ะคับ
- อย่าลืมหา 15 พศ. มาทำซัก 3 รอบ จะดีมากคับ

Social
- อ่าน Intensive ของ อ.ปิง คงยังไม่พอนะคับ [แต่ก็ OK ในระดับนึง]
- อ่าน หนังสือองครู POP ด้วยก็ดีคับ [ละเอียดดีคับ+ใช้ภาษาที่อ่านง่าย]
- อ่าน ของ อ.ชัยด้วยนะคับ ถ้าว่างๆ [เพราะเค้าสรุปดีมากๆๆๆ]

Thai
- คิดว่า Intensive ของ อ.ปิง และ Mini Thai book รวมทั้ง 15 พศ.ของอ.เค้า ก็ Perfect ละคับ



ระยะเวลาในการอ่าน วันละ 11-13 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

ถ้าน้อยกว่านั้น โอกาสในการซิ่วติดคณะแพทย์ ถือเป็นเรื่องที่ยากคับ

ถ้ายอมลำบากซะตั้งแต่ตอนนี้ แล้วจะรู้คับผลที่ได้จะคุ้มค่ามหาศาลแค่ไหน


ผมก็เป็นเพียงเด็กซิ่วคนหนึ่ง ที่อยากแบ่งปันข้อมูลบ้างส่วน เพื่อประกอบการตัดสินใจอ่ะคับ

สำหรับคนที่ลังเลว่า จะซิ่วดีมั๊ย จะเรียนในมหาลัยด้วยอ่านซิ่วด้วย จะดีมั๊ย ???

ขอให้ตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลยคับ ว่าสิ่งที่เรียนอยู่ มันใช่สิ่งที่ต้องการรึเปล่า

คุณอยากที่จะเป็นหมอ เพียงแค่หวังเงินตรา และความมั่นคงของชีวิต เท่านั้นเหรอ

ถ้าคิดแค่นั้น อาชีพนี้คงไม่เหมาะกับคุณคับ

ขอให้คนที่มีความตั้งใจจริงที่จะเรียนแพทย์ ประสบความสำเร็จในการสอบ การเรียนนะคับ


++ เพราะความสำเร็จในอาชีพแพทย์ คือการที่ผู้ป่วยหายจากโรคภัยไข้เจ็บคับ ++



..................................................


ความคิดเห็นที่ 223

เป็นกระทู้ที่ดีมากเลยเปเป้ ขอชมๆๆๆ คือเรามีประสบการณ์แล้วแบ่งปันให้คนอื่นถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆเลย

เท่าที่อ่านมาแล้ว เปเป้เป็นคนที่ดูแล้วมีระเบียบวินัยการเรียนสูงมาก (ถ้าไม่นับการเล่นเฟคบุคนะ 555+)

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เปเป้ทำมาจากการวางแผนและขวันขวายเป็นอย่างดี

ดูก้อรู้ นั่งเรียนอยู่ใกล้ๆเปเป้ ไม่เคยเห็นเปเป้หลับเลย นั่งหลังตรง ตั้งใจตลอดเวลา ทั้งๆที่อ่านหนังสือดึกขนาดนั้น = ="

แถมปริ๊นชีทเรียนมาล่วงหน้าอีกด้วย(เท่าที่สังเกตดูไม่มีใครในรุ่นเราที่ขวันขวายทำเลย)

เข้าใจว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาคงลำบากมาเยอะ


สำหรับน้องๆที่จะซิ่ว อ่านกระทู้นี้ก้อสบายใจได้ครับ ว่ามันจะได้ผลจริงๆ คนส่วนใหญ่ที่สอบติดก็มีแนวการปฏิบัติตัวคล้ายๆกัน

แต่จะปรับแต่งไปแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน พี่ก็ขออนุญาตช่วยเสริมนิดนึงนะครับ

ที่จะเน้นเลยนะครับ เหมือนกับที่พี่เปเป้พูด ก็คือ หาบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือ

การอ่านที่บ้าน มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่สำหรับการอ่านหนังสือ เพราะไม่มีบรรยากาศของการเรียนที่ดีพอ

(พูดง่ายๆก็คือ หากระเบียบวินัยน้อย นี่มีหลับชัวร์ๆครับ)

ส่วนเรื่องการกินกาแฟ ถามว่าดีมั้ย ?

ประสบการณ์ตรงนะครับ กาแฟนั้นจะช่วยเราแค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น หากใช้ไประยะนึงกาแฟจะไม่ช่วยอะไรแล้วล่ะครับ

กินไปมันก็หลับอ่ะครับ แถมการอดหลับอดนอนแล้วกินกาแฟ เพื่อจะอ่านหนังสือก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอีกด้วยครับ

เราได้อ่านหนังสือเยอะก็จริง แต่%ความรู้ที่เราจะได้รับจากอ่านหนังสือนั้นจะน้อยกว่า ตอนอ่านหนังสือด้วยสภาพร่างกาย

ตอนที่เราพักผ่อนเพียงพอเยอะพอสมควรเลยล่ะครับ


และสิ่งสำคัญอีกข้อนึงที่น้องพึงควรปฏิบัติเลยนะครับ ในการเตรียมสอบ คือ ระเบียบวินัย(มันสำคัญที่สุดจริงๆนะ 555+)

นั่นก็คือ น้องเลือกเวลาอ่านหนังสือ และน้องเลือกเวลาเข้านอน และตื่นนอน น้อง จะต้องทำให้ได้ตามนั้น

ก็คือสำคัญที่สุดคือนอนให้ตรงเวลาและตื่นให้ตรงเวลา ส่วนเวลาการอ่านหนังสือก็สามารถ

ที่จะยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม และการทำกิจกรรมในแต่ละวัน ของตัวน้องเองครับ


พูดถึงเรื่องการนอนนั้น การเตรียมสอบมันก็ต้องนอนน้อยใช่มั้ยครับ แต่จริงๆแล้วถ้าถามพี่ พี่จะแนะนำให้นอนพอดีๆนะครับ

ถ้าพูดถึงตัวพี่กิจวัตรในแต่ละวัน พี่ทำยังไง นอนมากมั้ย อ่านหนังสือยังไง ?

ตัวพี่นั้นจะนอนตอนกลางคืน5ชั่วโมงต่อวันครับ(คิดว่าพอดีนะไม่มากไม่น้อย) ก็คือนอนตอนตี2ถึง7โมง

(พี่อยู่ต่างจังหวัดแล้วบ้านใกล้โรงเรียนด้วยเลยสบายหน่อย) เรียนสร็จปุ๊บกลับมาหลับที่บ้านอีก2ชั่วโมง

จากนั้นทำกิจวัตรประจำวัน กินข้าวอาบน้ำ หรือจะผ่อนคลายอะไรก็ตามแต่ จากนั้นพี่ก็จะเริ่มอ่านตอน3ทุ่มครึ่ง - ตี2ครับ

รวมแล้ว 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่หักเวลาพักไปก็จะเหลือ 4ชั่วโมงโดยประมาณ ต่อวันครับ ถามว่าพี่อ่านแค่นั้นมั้ย ก็ไม่

ตอนไปโรงเรียน มันก็มีเวลาว่างอยู่บ้าง ก็เอาเวลานั้นทำข้อสอบซะส่วนใหญ่(เวลาไป รร พี่ไม่อ่านหนังสือนะ มันไม่รู้เรื่อง 555)

พอตกเย็น ก็กลับบ้าน ไปนอนเลยทันที (ภาษาเด็ก มช ก็มักจะพูดว่า อย่าเวิ่นเว้อนั่นเอง ) แล้วทำกิจวัตรอย่างนี้

ประจำทุกๆวัน (((สำหรับเด็กซิ่วนั้น จะมีเวลาอ่านหนังสือมากกว่านั้น ก็ต้องมากกว่า4ชั่วโมงแน่ๆครับ)))

..................................................

นั่นก็เป็นกิจวัตรที่พี่ทำ น้องๆอาจจะใช้ดูเป็นแนว แล้วไปปรับแต่งก็ได้ครับ หรือน้องคนไหนที่มีแนวทางที่ดีกว่า ก็ไม่เป็นไรครับ

มันอาจจะไม่ได้มากมายอะไรที่พี่ทำ เพราะเท่าที่ดูแล้วส่วนใหญ่ คนอื่นตอนเตรียมสอบจะขยันมากกว่าพี่เยอะเลย(จริงๆ)

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น้องควรพึง คิดเสมอในใจด้วยนะครับ อะไรก็ตามที่มันเกินพอดี มันมักจะผลส่งเสียเสมอๆ การอ่านเยอะเกินไป

จนเข้าขั้นที่ว่าหักโหมนั่น มันจะส่งผลต่อสุขภาพ ของตัวน้องเองครับ ยังไงก็ควรปฏิบัติพอดีๆ เสียจะดีกว่าครับ


แล้วพี่มีทริคอีกอย่างนึงมาฝาก สำหรับเวลาเตรียมสอบ นั้น ทำยังไงจะตื่นนอนได้ตรงเวลา

เชื่อแน่ว่าน้องๆหลายคนเป็นปัญหาอยู่กับเรื่องการตื่นนอนอยู่ โดยเฉพาะตอนหน้าหนาว

เอางี้ครับ ง่ายๆ เวลานาฬิกาปลุกน้องดัง

(สำหรับคนที่นอนตรงเวลา และตื่นตรงเวลาเป็นประจำ มันไม่ต้องใช้หรอกครับนาฬิกาปลุก มันจะตื่นเอง)

ให้น้องฝืนใจลุกขึ้นนั่งทันทีเลยครับ สามารถไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆเตียงได้ยิ่งดีครับ ซักพัก2-3นาที น้องจะเริ่มสร่างเอง
 
แล้วค่อยๆลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าวครับ

......................................................................................

เรื่องการเตรียมตัวพูดไปพอสมควรล่ะ ส่วนเรื่องเนื้อหาหนังสือนั้น พี่เปเป้ก็พูดไปส่วนใหญ่ล่ะ พี่ขอเสริมนิดนึงนะครับ

สำหรับภาษาอังกฤษ สิ่งสำคัญนั้นก็คือ คำศัพท์ ครับ เชื่อแน่ว่า จะมีน้องหลายๆคนที่แพ้ทางภาษาอังกฤษมากๆ

พี่ก็คนนึงล่ะครับ (สำหรับน้องที่เก่งแล้วก็ไม่เป็นไรครับ)

ถามว่าพี่ทำยังไง นั่นก็คือท่องศัพท์ แต่วิธีการท่องศัพท์นั้น ไม่ใช่ ไปเปิดหนังสือสรุปคำศัพท์สำหรับเอ็นทรานซ์ไรนั่นก็ไม่่ใช่

มันไม่จำหรอกครับ สิ่งที่พี่ทำก็คือ เวลาน้องทำข้อสอบเงี้ย มันจะมีคำที่น้องไม่รู้ใช่มั้ย ไม่ว่าจากโจทย์ที่น้่องทำ จากช้อยตัวเลือก

หรือจากpassage ในpart ของ reading ก็ตามแต่ แม้แต่ในconversationเอง สำนวนอะไรมากมาย ให้ทำยังไง

จดครับจด จดแล้วเปิดdict เขียนในกระดาษท่องซ้ำไปซ้ำมาทุกวันครับ วันแรกน้องจดไป 30คำ ก้อท่องไป30คำ


วันที่สองน้องจดเพิ่มอีก 20คำ เป็น50คำ น้องก็ท่องไป50คำครับ ยิ่งตอนหลังๆ พี่จดได้เป็นพันครับ ก็ท่องทั้งหมดนั่นแหละครับ

ทุกๆวัน น้องถามว่า มันไม่ไม่ใช้เวลานานเหรอ   หากลองดูมันเหมือนจะนานนะ แต่จริงๆแล้วมันใช้เวลาไม่เกิน15นาทีหรอกครับ

ตอนนั้นพี่จดไว้ประมาณ 3000กว่าคำ(มีจดซ้ำไปซ้ำมากบ้างบางคำก็ไม่เป็นไรนะครับ)พี่ก็ใช้เวลาแค่15นาทีในการท่องแต่ละวัน

หากน้องทำอย่างนั้นทุกๆวัน คำศัพท์น้องจะแน่นมากๆ และทำการทำข้อสอบ part reading ง่ายขึ้นอีกด้วย

พูดแล้วพี่ก็มีเว็ปนึงนะคับ สำหรับน้องๆไว้พัฒนาคำศัพท์ และสกิลการอ่านของน้องนะครับ

เว็ปนั้นก็คือ http://www.readbangkokpost.com/easyenglishnews/ เว็ปนี้จะมีข่าวอัฟเดดทุกวันเลย
 
และมีคำศัพท์ที่ไม่ยากมากมายนัก ให้น้องฝึกสกิลการอ่านในตอนแรกๆได้ครับ(ข้อสอบจริงมันจะยากกว่านี้นะ 555)





.......โอ่ยพิมมายืดยาวเลย หวังว่าสิ่งที่พี่โพสไปจะมีประโยชน์ต่อตัวน้องที่ กำลังเตรียมสอบเข้าแพทย์

หรือแม้แต่น้องที่จะซิ่วนะครับ

พูดจิงๆนะเนี่ย หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย  กับสิ่งที่พี่พิมบอกไป

มาจากประสบการณ์ตรงเหมือนพี่เปเป้แล้วก็อยากแบ่งปันเหมือนกัน ก็เลยเสียสละเวลา อ่านหนังสือ

ซึ่งตอนนี้ก้อใกล้สอบแล้ว ใช่มะเปเป้ 555
 
ยังไงก็ขอฝากให้น้องๆท่องไว้นะครับ "อดทน มีวินัย ปฏิบัติพอดี" 

3คำนี้จะทำให้น้องสอบเข้าแพทย์ได้สมใจครับ

พี่ก้อเอาใจช่วยนะครับ^^


....พี่อู๋ ปี2 Med CMU เหมือนพี่เปเป้คับ คริ คริ

Name : MelodicinD < My.iD > ดูเน็ตเวิร์คอื่นๆ ของ MelodicinD [ IP : 61.19.199.142 ]
Email / Msn: Melodic_in_Love(แอท)hotmail.com
วันที่: 24 กรกฎาคม 2553 / 01:23




สุดท้ายจริงๆ ขอฝากนิดนึงนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แบ่งปันให้น้อง ฉะนั้นคนที่จะเข้ามาอวดเบ่งหรือไซโคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามแต่ หรือจะเป็นพวกสถาบันนิยม เอาสถาบันของตัวเองมาอวดก็ขอเชิญกระทู้อื่นนะครับ ตัวผมก็ไม่ได้อวดเก่งอะไร(จริงก็ไม่เก่งอยู่แล้วล่ะครับ ผมก็เป็นลูกชาวบ้านเด็กบ้านนอกคนนึงเท่านั้นเอง) แต่อยากแบ่งปัน ในวิธีการ ของเด็กที่ ไม่เก่ง แต่ สามารถที่จะติดหมอได้

ก็เท่านั้นเองครับ
ส่วนน้องที่อยากจะติดต่อสอบถามอะไรเพิ่มเติม ก็รบกวนโพสในนี้ หรือที่ ID พี่ก็ได้ครับ
ไม่ต้องแอดเมลมาก้อได้นะครับ 555+
เดี๋ยวก็มีคนมากมายมาช่วยตอบเองแหละครับ
(ถ้าถามเรื่องการสอบ กสพท ปีหลังๆซึ่งเปลี่ยนใหม่พี่ก็ไม่มีประสบการณ์นะ แต่ถ้าถามเรื่องการเตรียมตัว การปฏิบัติตัวนี่ ถามพี่ได้ครับ)

ขอบคุณมากๆครับ

แสดงความคิดเห็น

>

88 ความคิดเห็น

อู๋วอฟ ชอบคลาสสิก 24 ก.ค. 53 เวลา 12:29 น. 4

สำหรับตัวพี่เองนะ เริ่มเตรียมตัวกี่เดือน จริงๆเหมือนจะเตรียมตัวตั้งแต่มอ4แล้วล่ะครับ ก็คือ พี่จะวางแผนว่า

ทำยังไงถึงจะเรียนเนื้อหาทั้งหมดให้จบมอ6 ก่อนที่ขึ้นมอ6 ...

ส่วนเริ่มอ่านหนังสือนั้น ก็อ่านเรื่อยๆตั้งแต่มอ5แต่ไม่ได้จริงจังครับ(อ่านเล่นๆบ้าง อ่านวันนึงเว้น3วันบ้าง 555+)

แล้วพี่มาเริ่มอ่านจริงๆจังๆ ตอนซัมเมอร์ที่ขึ้นมอ6ครับ
 
((แต่แนะนำนะครับ ให้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆดีกว่าครับ ใหม่ๆอาจจะไม่มากก็ได้ ไม่เป็นไรครับ อาจจะเริ่มอ่านหนังสือวันละนิด

วันละชั่วโมงก็ได้ แต่ขอให้ทำต่อเนื่อง เป็นประจำนะครับ แล้วค่อยๆปรับ ค่อยๆเพิ่มเวลาจะดีกว่า ที่สำคัญก็คือ

ความเครียดครับ เตรียมสอบ แน่ครับว่าต้องเครียดครับ แต่พี่อยากให้มีเวลาในการผ่อนคลายบ้างนะครับ

อย่างพี่เองก็เล่นดนตรีครับ เป็นการคลายเครียดได้เป็นอย่างดีเลย))



ถึงน้องrep3 นะครับ 11-13 ชั่วโมงนี่ สำหรับคนที่จะซิ่วน่ะครับ เพราะว่าตอนปี1หากถอนกระบวนวิชาที่ไม่จำเป็นออก

วันนึงจะว่างมากๆเลยครับ การอ่านวันละ11-13ชั่วโมงก็ไม่แปลก สำหรับเด็กซิ่วนะครับ

แต่สำหรับน้องที่เรียนมอ6 หากทำได้ซัก 4ชั่วโมง และ ต่อเนื่องได้ ก็ดีมากแล้วล่ะครับ

0
ตาสว่างแล้ว 24 ก.ค. 53 เวลา 12:36 น. 5

จะพูดกับแม่ยังไงดีอ่ะ คิดจะซิ่วๆเหมือนกัน

อยากเข้าการโรงแรมมาก ไม่ศิลปากร ก็ ราชมงคลธัญ&nbsp แต่ไม่รู้เริ่มไงดี

ตอนแรกไปยึกติดกับชื่อมหาลัยมากเกินไป ก็เลยทำให้ตอนแรกเนี่ย คิดดีแล้วว่าชอบๆ

พอเรียนไปจริงๆ เรากลับเป็น จุดอ่อน ในห้อง เราเรียนไม่เก่งสอบอยู่ในอับดับทายๆ&nbsp แต่ฟลุคไปติด มหิดล(ไม่ใช่แพทย์)ได้ไงไม่รู้



ที่เราเลือกที่นี่ก็เพราะ เมียเก่าพ่อดูถูกเรามากไป ว่าเรียนไม่เก่งจะเข้ามหาลัยดีๆได้หรอ
พอเราติดก็เลยเอาที่นี้ เพราะมันดี (เราไม่น่าโง่ไปเลือกเรียนในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบเลย) เวลาพ่อแม่ พาเราไปไหน
มีคนมาถามว่า ลูกเรียนที่ไหน พ่อกับแม่ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มหิดล คะ
(ซึ่งเราไม่ชอบเลย) พอทีนี้เรามารู้ตัวตนที่แท้จริงตอน เรียนไปได้ 1 เดือน ช่วงมิถุนา ที่ผ่านมา

ทำให้เรา 2 จิต 2 ใจ ว่าถ้าซิ่วไป พ่อแม่จะ ผิดหวังในตัวเรา แล้วก็กลัวแม่จะท้อ แล้วไม่มีกำลังใจส่งลูกเรียน

แล้วอีกอย่างพ่อแม่ เหมือนกับประมาณว่า คนแถวบ้านรู้แล้ว ว่าเราเรียนที่ไหน และกลัวว่า พ่อกับแม่จะเสียหน้าด้วย
ว่า ครอบครัวนี้มี ลูกซิ่ว จากมหาลัยดีๆ ไปมหาลัยอื่นๆ ซึ้งเราก็ไม่แคร์ แต่พ่อแม่เราอ่ะแคร์&nbsp ไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดีด้วย

จะทำไงดีอ่ะ บอกพ่อแม่ยังไง จากข้อความข้างบน ที่อ่าน ให้ withdraw และ Drop เดี๋ยวจะทำตามที่ข้างบนบอกนะคะ

0
อู๋วอฟ ชอบคลาสสิก 24 ก.ค. 53 เวลา 12:55 น. 6

คือจริงๆแล้วนะครับ เรื่องแบบนี้มันคงต้องคุยกันกับพ่อแม่นะครับ

ต้องหาทางออกร่วมกันนั่นแหละ ว่า ควรจะทำยังไง

ตัวน้องเองก็ต้องอธิบายถึงเหตุผล ว่า เรียนแล้วไม่มีความสุข มันไม่ใช่จริงๆ

แล้วก็ต้องบอกความจริงด้วยถึงเหตุผลที่ตอนนั้น เลือกสอบคณะนั้น เพราะอะไร

พูดง่ายๆคือเอาที่สิ่งที่น้องโพสในนี้ไปคุยกับพ่อแม่นั่นแหละครับ



จริงอยู่ว่าพ่อแม่อาจจะผิดหวังบ้าง แต่ว่า การเรียนมหาลัยหากไม่ชอบจริงๆ การฝืนเรียนต่อจนจบมัน ยากพอสมควรนะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการคุยกับพ่อแม่ ก้อต้องพูดด้วยเหตุผลนะครับ อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาดครับ 

0
ตาสว่าง โมเดินดอ้ก 24 ก.ค. 53 เวลา 13:01 น. 7

มาแบ่งปัน ความรู้สึกดีๆ

เรียนในสิ่งที่เราัรัก อย่าไปตามเพื่อน (ระหว่างเพื่อนกับ อนาคตของตัวเราจะเลือกอะไร)

อย่าเรียนถามแฟน หรือคนที่แอบชอบ ฮ่าๆ

อย่าไปสนใจเสียงคนรอบข้าง เราต้องตัดสินใจเอง

สิ่งที่เรียนอยู่มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือปล่าว

สถาบันไม่ได้ตัดสินคุณ คุณต่างหากที่ชอบไปตัดสินมหาลัย

อย่าเรียนเพราะชื่อมหาลัย มันจะทำให้ไม่มีความสุข

จุดมุ่งหมายของเหล้าคือการเหม้าไม่ใช่ยี่ห้อ จุดมุ่งหมายของการศึกษาคือความรู้ไม่ใช่สถาบัน

เริ่มรู้ตัวเองตอนนี้ยังไม่สาย ดีกว่าไปรู้ตัวตอนใกล้จะจบ

0
JAAOHHH,,* 24 ก.ค. 53 เวลา 13:10 น. 8
โอ้  ดีมากๆเลยค่ะ  หนูก็เตรียมสอบแพทย์เหมือนกัน  แต่เป็นสัตวแพทย์นะ^^ (อยากได้โควต้าเลยมีเวลาน้อยหน่อย T T)

หนูกำหนดอ่าน3เดือน  วันละ 7 ชม.กว่า  เพราะแค่ไปเรียน+เตรียมตัวไปเรียน หรือกิจกรรมอื่นๆ ก็กินเวลาเกือบ12 ชม.แล้ว

เวลาวันๆหนึ่ง  24 ชม.  เนี้ยดูเหมือนเยอะเนอะ  แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าไม่มีกำหนดการ  ไม่มีวินัย  ก็ทำอะไรไม่ได้มาก  เวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ

ตอนนี้ตื่นเต้นมากๆ  ใกล้สอบแล้ว  จะเอาวิธีของพี่  ไปปรับใช้นะค่ะ  ขอบคุณมากๆ

แล้วก็เรื่องหนังสือ  สรุปว่า  ของ  15 พ.ศ. ของพ.ศ. พัฒนานี่  ดีใช้ป่าวค่ะ  เห็นหลายๆคนแนะมา  จะลองไปหาซื้อมาทำดู  ^
^
0
อู๋วอฟ ชอบคลาสสิก 24 ก.ค. 53 เวลา 13:20 น. 9

เอ 15พศ ที่พี่เปเป้พูดใช่มั้ยครับ

ประสบการณ์ที่พี่เคยทำเหมือนกัน มันก้อใช้ได้นะครับ

เพราะพี่ก็เคยใช้เหมือนกันครับ เฉลยค่อนข้างจะดีเลย โดยเฉพาะวิชาคำนวณ

(แต่บางข้อก้อเฉลยวิธีคิดที่ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน = =")

0
วรนุชสุดสวย 24 ก.ค. 53 เวลา 14:14 น. 10

อยากซิ่วเหมือนกันครับ
แต่ แม่ไม่อยากอยากให้ซิ่ว
และ ผมอยู่ ปี 1 เรียน 8.00 -16.00 ทุกวัน
2 ทุ่ม เช็คชื่อ หอใน + กิจกรรม ต่างๆๆหลังเลิกเรียนอีก
ไม่ค่อยไม่เวลาเลยครับพี่
เริ่มท้อแล้ว
อยากซิ่วมากๆๆๆ อยากเรียนทันตะ
ตอนนี้ก็เรียนเกี่ยวกับวิทสุขภาพอ่ะครับ

0
นทพ.มนวีร์ สุนทรโกมล 24 ก.ค. 53 เวลา 15:49 น. 11
เข้าไปดูเอาเองแล้วกัน...
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1850678
  แนะนำเพิ่มอีกเล่มนะคร้าบ.......  คณิตศาสตร์ ของอาจารย์  สุชีพ  งามเจริญ...
0
000 24 ก.ค. 53 เวลา 16:16 น. 15

จะซิ่งเหมือนกัน ผมจะติดมั้ยเนี่ยอ่านหนังสือวันละไม่ถึง 5 นาทีเลยทั้งๆที่พยายามแล้วนะ
แต่มันทำไม่ได้อ่า

0
อู๋วอฟ ชอบคลาสสิก 24 ก.ค. 53 เวลา 16:51 น. 16

เจ้าของกระทู้ ไม่ได้ซิ่วอ่ะครับ แต่เอากระทู้ของเพื่อนในรุ่นที่ซิ่วมา มาตั้งใหม่ แล้วก้อเสริมลงไปอ่ะครับบ

@ความเห็น14 ใช่แล้วครับ ปีแล้วผมก้ออยู่หอหกอ่ะ 55+

ปล.ขอบคุณความเห็น11ด้วยครับ คณิตของอาจารย์สุชีพ เคยเห็นเพื่อนพูดถึงเหมือนกัน

เห็นบอกว่าดี แต่ก้อไม่เคยลองเหมือนกันครับ

0
คนโง่ 24 ก.ค. 53 เวลา 21:21 น. 17

Drop คืออะไรครับ???
ถอนรายวิชาคืออะไรครับ ???
บอกผมด้วยคับผมไม่รู้ โง่จิงๆ
ขอละเอียดๆด้วยครับ
ขอบคุณครับ

0
หมูน้อย 24 ก.ค. 53 เวลา 23:19 น. 18

หนูอยากเป็นหมอเมื่อปีทีแล้ว
ตอนแรกหนูอยากเป็นครู หนูอยากเป็นครูมาตั้งแต่ป.1
แต่แล้วหนูว่าตัวเองอยากเป็นหมอ
แต่หนูก็เกือบพลาด เพราะถ้าหนูสอบไม่ติดโรงเรียนม.ปลาย
หนูเครียดมาก และผลออกมาว่าหนูสอบได้
ละสิ่งเดียวที่สำเร็จคือหนูมีโอกาสที่จะเรียนหมอ
หนูรู้สึกกดดันมาเมื่อหนูต้องเจอเพื่อนที่เก่ง ๆ
ข้อเสียของหนูคือ ถ้าหนังสือแล้วจะหลับ
หนูทำไงดี
หนูอยู่โรงเรียน อุตรดิตถ์
โรงเรียนที่มีคนเก่งมาก เรียนอยู่
นี้ก็พึ่งสอบมิดเทอมไป&nbsp 
มันกดดันมากนะค่ะ
การเรียนในห้องที่เป็นห้องต้น
ใครก็บอกว่าเราเก่ง
จริงแล้วเราไม่เก่งมากเหรอ
ไม่ว่ายังไงหนูยังอยากเป็นหมอต่อไป10

0
อู๋วอฟ ชอบคลาสสิก 25 ก.ค. 53 เวลา 01:14 น. 19

Drop กับ ถอนกระบวนวิชา มีความหมายอันเดียวกัน

นั่นก็คือเวลาเรียนมหาลัย แต่ละคณะจะมีกระบวนวิชาที่เราต้อง ลง เพื่อที่จะเรียนต่อๆไปให้จบ (ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องเรียนอันนั้นอันนี้ เหมือน มัธยม) ซึ่ง เราลงได้ ก็ถอนได้ครับ ก็คือไม่เรียนวิชานั้นต่อ มักจะถอนก็ต่อเมื่อในกรณีที่เราเรียนวิชานั้นไม่ไหว แบบว่าเรียนต่อไปนี่ คาดว่าจะติดFแน่ๆ

Drop วิชานั้นแล้วมันจะเป็นยังไง นั่นก็คือ ถ้าเราอยากเรียนกระบวนวิชานั้นอีก ก้อต้องลงใหม่ในปีหน้าที่เขาเปิดสอน
ก้อคือส่งผลให้เราอาจจะจบช้าไป1ปี(ถ้าหากเป็นกระบวนวิชาที่มีกระบวนวิชาอื่นต่อ)

สำหรับเด็กซิ่วนั้น เขาจะdropกันเพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นครับ

ไม่รู้อธิบายเข้าใจมั้ย แตถ้าได้เข้ามหาลัยจะเข้าใจเองครับ

0