Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มือปากเท้าเปื่อย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
น้องต๊อด อายุ 2 ขวบ 9 เดือน มีอาการผิดปกติเวลายกน้ำขึ้นดื่ม มือสั่นเล็กน้อย เริ่มจาก 05.00น. ของเช้าวันจันทร์ที่ 22/6/52
เช้าวันจันทร์ได้ไปโรงพยาบาล..............ที่ชลบุรี หมอบอกว่าเป็นมือเท้าปากเปื่อย มีแผลในปาก 3-4 จุด ส่วนมือสั่นเวลายกน้ำขึ้นดื่ม หมอบอกไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ไม่ซีเรียสและนัดให้มาดูอาการในวันพุธที่ 24/6/52

ผมสังเกตว่าน้องยังมีอาการมือสั่นเล็กน้อยเวลาดื่มน้ำ ในวันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2552 เวลาประมาณ 10.00 น. จึงพาน้องต๊อด มารับการรักษาที่โรงพยาล.................เอกชนที่ดังมากเป็นศูนย์รักษาเด็ก รอบชานเมือง ก่อนถึงโรงพยาบาลน้องยังถามผมว่า How are you? I'm fine. Thank you and you. และมองเครื่องบินบนท้องฟ้า ขณะนั่งในรถผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงโรงพยาบาลยังเดินได้ ยังพูดได้เป็นปกติ

พบหมอ......... หมอแจ้งว่าให้ทำ CT Scan สมอง เพื่อรอพบหมอสมองเด็กจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเวลาเที่ยง  แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่พาไปที่ห้อง CTทำให้เลยเวลาเที่ยงหมอสมองเด็กจึงไม่มาเวลาเที่ยง และ หลังจากทำ CT Scan หมอให้นอนรอในห้องผู้ป่วย ช่วงประมาณบ่าย 3 โมงเย็นผมถามหาหมอสมองเด็กจากพยาบาล พยาบาลได้ตามหมอ........มาที่ห้องและสั่งน้ำแข็งให้กิน และแจ้งว่าหมอสมองเด็กจะมา 16.00 น. หมอสมองเด็กมาจริงเวลาประมาณ 17.00 น. และให้เจาะไขสันหลังเพื่อตรวจเชื้อ หมอสมองเด็กแจ้งว่าน้องอาจติดเชื้อ enterovirus71 และใช้เวลาคุยประมาณ 10 กว่านาที แล้วให้ย้ายไปดูอาการที่ห้อง PICU ขณะนี้ผมสังเกตว่าน้องมีอาการปกติ  เหมือนเด็กปกติ เดินได้ปกติ วิ่งได้ พูดได้

คืนที่ 23/6/52 เวลาประมาณ 21.00 น. ที่ห้องPICU น้องต๊อดนอนสะดุ้งทุก 5-6วินาที โดยไม่มีการให้ยาIVIG  ถามเจ้าหน้าที่พยาบาล เจ้าหน้าที่ตอบว่า นอนผิดที่ ผมและแม่เด็กไม่ได้คิดสังหรณ์ใจว่าเป็นอาการผิดปกติ คิดว่าอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลที่ดังมากๆ

ในเช้าวันพุธที่ 24/6/52 ยังขอช็อคโกแลคกลมๆ ท่านรองผู้อำนวยการ….. มาเยี่ยมน้อง และไม่อนุญาตให้น้องทาน  น้องมีอาการทั่วไปดูดี  แฟนผมถามหมอ.....เรื่องนอนสะดุ้ง หมอตอบว่า น้องนอนหลับลึก และแจ้งว่าน้องอาการดีขึ้น  ผมจึงกลับบ้านเพื่อเอาเสื้อผ้าที่ชลบุรี กลับมาไม่ทันลูกชายน็อคในช่วงบ่าย โดยไม่มีอาการรับรู้อีกเลย  และค่ำวันนั้นต้องปั๊มหัวใจเนื่องจากหัวใจหยุดเต้นหลังจากนี้หมอจึงขออนุญาตให้ใช้ยา IVIG เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายและยาตัวอื่นๆ เพื่อรักษาตามอาการ
วันต่อๆมาผมได้ถามหมอ.........ว่าทำไมจึงไม่ให้ยา IVIG ตั้งแต่แรก หมอตอบว่า กลัวน้องมีอาการซึม
ทางโรงพยาบาล........ได้กรุณาย้ายลูกผมไปที่โรงพยาบาลของรัฐบาล ประมาณวันที่ …/7/52 โดยก่อนไปให้พยาบาลมาเรียบๆเคียงๆถามและชักจูงให้ย้ายไปรักษาที่อื่น
น้องต๊อด  เสียชีวิตเป็นทางการเมื่อ วันเสาร์ที่ 11/7/52 ที่โรงพยาบาลของรัฐ (นอนไม่มีอาการรับรู้ตั้งแต่ 24/6/52—11/7/52)

ทำไมจึงไม่มีการประชุมแพทย์ ในวันที่ 23/6/52 ทั้งๆที่หมอสมองเด็ก วินิจฉัยว่าสมองเด็ก อาจติดเชื้อ เพื่อหาทางช่วยเหลือ
ทำไมหมอจึงไม่แจ้งเรื่องความเสี่ยงในการให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย IVIG หรือยาตัวอื่นๆที่อาจรักษาโรคได้ ในวันที่ 23/6/52

การรักษาแล้วปล่อยให้เด็กน็อคก่อนจึงให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันIVIG เนื่องจากไม่มีใน Standard Textbook ว่าเด็กมีอาการแบบนี้แล้วต้องให้ยาตัวนี้  ได้รับคำชี้แจงจากทางโรงพยาบาล
ในกรณีของน้องต๊อดอวัยวะสำคัญถูกทำลายเสียหายมาก จนไม่สามารถแก้ไขกลับคืนมาได้  ทำไมถึงไม่ให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายIVIG ในขณะที่น้องยังดูปกติ( 20กว่าชั่วโมงก่อนน็อค) มาให้หลังจากน้องน็อค ?
น้องจะมีชีวิตรอด/หายเป็นปกติต่อเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายของน้องต้านทานเชื้อโรคได้? โดยการไม่รบกวนเจาะดูดน้ำไขสันหลังออกมากเกินไป เนื่องจากไปรบกวนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายIVIG ในวันที่ 23/6/52

การเจาะดูดน้ำไขสันหลังเด็กไม่ควรเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีประโยชน์ ใช้เวลาเพาะเชื้อหลายวัน  การอนุญาตให้เจาะเนื่องจากเห็นว่าเป็นหมอที่โรงพยาบาลดัง และผมไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ

การฟ้องร้องที่เมืองไทยใช้ระบบกล่าวหา กรณีนี้เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายต้องหาพยานที่เป็นหมอเฉพาะทางสมองเด็กมาช่วยให้ข้อมูลที่ศาล  ยากมากๆ    

ถ้า พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ ผ่านความเห็นชอบออกมา ขอให้คุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากสถานพยาบาลเอกชลด้วยทางด้าน     1) คดีความ โดยให้ช่วยหาหมอที่ไม่เห็นแก่พวกพ้องและทุนนิยมและเป็นคนดีมาให้ข้อมูลที่ศาล และให้ดำเนินการสิ้นสุดใน 2ปี      2) เยียวยาทางจิตรใจ ทางกาย    

คนทุกอาชีพสามารถทำผิดพลาดได้  ถ้าหมอทำผิดพลาดไม่ร้ายแรง คงไม่มีผู้เสียหาย/ญาติ อยากได้ค่าเยียวยาจากหมอ  ซึ่งค่าเยียวยาคงไม่สามารถชดเชยได้จากชีวิตที่เสียไป หรืออวัยวะที่เสียไป            

ข้อให้บทความนี้เป็นประโยชน์กับทุกคนโดยเฉพาะ บิดาและมารดา เมื่อพบหมอให้ใช้ความรอบคอบก่อนอนุญาตให้หมอดำเนินการรักษา  และหมอให้ใช้ความระมัดระวังในการรักษา

ด้วยรักน้องต๊อดมากๆ        จาก ป๊า และแม่ๆ

แสดงความคิดเห็น

>