Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เลโอนาโด ดาวินชี (บิดาผู้เป็นทุกอย่าง)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เลโอนาร์โด ดา วินชี

เลโอนาร์โด ดา วินชี (อิตาลี: Leonardo da Vinci) เป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452 - เสียชีวิตที่เมืองออมบัวซ์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ. ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น พระกระยาหารมื้อสุดท้าย และ โมนา ลิซ่า งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น


ภาพวาดตนเองเขียนขึ้นราว ค.ศ.1512-15151 จากหอสมุดหลวงแห่งตูริน

ประวัติ

เลโอนาร์โด เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยที่ที่เขาเกิดอยู่ห่างจากหมู่บ้านวินชี ในประเทศอิตาลี ไปราวสองกิโลเมตร บิดาชื่อนายแซร์ ปีเอโร ดา วินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ มารดาชื่อคาตารีนา เป็นสาวชาวนา เคยมีคนอ้างว่านางคาตารีนาเป็นทาสสาวจากประเทศแถบตะวันออกในครอบครองของปีเอโร แต่ก็ไม่มีหลักฐานเด่นชัด

ในสมัยนั้นยังไม่มีมาตรฐานการเรียกชื่อและนามสกุลที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป ทำให้ชื่อและนามสกุลของดา วินชี ที่แท้จริงคือ เลโอนาร์โด ดิ แซร์ ปีเอโร ดา วินชี ซึ่งหมายความว่า เลโอนาร์โด บุตรชายของปีเอโร แห่ง วินชี แต่เลโอนาร์โดเองก็มักจะลงลายเซ็นในงานของเขาอย่างง่ายๆว่า เลโอนาร์โด หรือไม่ก็ ข้าเอง เลโอนาร์โด เอกสารสำคัญส่วนใหญ่ระบุว่าผลงานของเขาเป็นของ เลโอนาร์โด โดยไม่มี ดา วินชี พ่วงท้าย ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดาเนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรสนั่นเอง

เลโอนาร์โด ดา วินซี มีพรสวรรค์ในการวาดภาพ และฉายแววให้เห็นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาอายุได้ 18 ปี บิดาได้ส่งไปทำงานในห้องปฏิบัติงานศิลปะของศิลปินผู้มีชื่อเสียง อันเดรีย เวอร์รอกคิโอ ซึ่งทำให้เขามีความชำนาญในเรื่องการวาดรูป

เลโอนาร์โด ดา วินซี มักเป็นที่รู้จักกันในภาพความเป็นจิตรกรเอกของโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขายังมีความสามารถอีกหลายด้าน โดยเฉพาะความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์หลายแขนง ได้แก่ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และชีววิทยา นอกจากนี้ยังมีการออกแบบนวตกรรมหลายอย่าง ผลงานของเขาส่วนใหญ่ มักเป็นพื้นฐานของสิ่งประดิษฐ์ในปัจจุบันนี้ด้วย เช่น เฮลิคอปเตอร์ เรือท้องแบน เรือดำน้ำ เครื่องแต่งกายมนุษย์กบ ปืนกล และประดิษฐ์ไฮโกรมิเตอร์ เป็นต้น



สิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้โลกต้องยอมรับในความเป็น "อัจฉริยะ" ของเขาคนนี้

อันดับ 1 วิทรูเวียนแมน (The Vitruvian Man)
อันดับ 1 วิทรูเวียนแมน (The Vitruvian Man)

อันดับ 1 วิทรูเวียนแมน (The Vitruvian Man)
เชื่อว่าชาวโลกน้อยคนนักที่จะไม่เคยผ่านตากับภาพวาดของบุรุษผู้นี้ นั่นก็คือภาพ "วิทรูเวียน แมน" ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ดาวินชีศึกษาส่วนกายวิภาคมนุษย์อย่างละเอียด จนพิสูจน์ทฤษฎีบทของ "วิทรูเวียน" ผู้เป็นสถาปนิกยุคจักรวรรดิโรมันได้สำเร็จว่า "ร่างคนยืนกางแขนขาจะตกเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่สมบูรณ์เสมอ" และนับเป็นการเปิดประตูสู่ศาสตร์กายวิภาคครั้งสำคัญ
อันดับ 2 แนวคิดเกี่ยวกับธรณีวิทยา (Geologic Time)
อันดับ 2 แนวคิดเกี่ยวกับธรณีวิทยา (Geologic Time)

อันดับ 2 แนวคิดเกี่ยวกับธรณีวิทยา (Geologic Time)
นักคิดส่วนมากในสมัยของดาวินชีนั้นมีความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ว่าซาก ฟอสซิลของพวกหอย ปู ปลาหมึกต่างๆที่พบบนยอดเขานั้นเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการเกิดน้ำท่วมครั้ง ใหญ่ แต่ดาวินชีกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาตั้งข้อสงสัยไว้ (ซึ่งก็ถูกเสียด้วย) ว่าภูเขาเหล่านั้นจะต้องเคยเป็นชายฝั่งมาก่อน ก่อนที่จะค่อยๆยกตัวสูงขึ้นๆในเวลาต่อมา (wow!!)
อันดับ 3 รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (The Self-Propelled Car)
อันดับ 3 รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (The Self-Propelled Car)

อันดับ 3 รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (The Self-Propelled Car)
แน่นอนว่ารถที่ดาวินชีพยายามสร้างไม่สามารถวิ่งเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อ ชั่วโมงเหมือนรถเฟอร์รารี่ แต่ถ้าคิดว่าเป็นรถที่อยู่ในสมัยนั้นก็ต้องจัดว่าไฮเทคล้ำยุคสุดๆ เพราะรถที่มีตัวถึงทำจากไม้คันนี้ สามารถแล่นขับเคลื่อนด้วยตัวมันเองด้วยแรงส่งและการทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ระหว่างสปริงและเกียร์ที่ล้อ เมื่อปี 2547 นักวิทยาศาสตร์ประจำพิพิธภัณฑ์ในเมืองฟลอเรนซ์ทดลองสร้างแบบจำลองรถรุ่นนี้ ตามแบบที่ดาวินชีร่างเอาไว้และพบว่าวิ่งได้จริง
อันดับ 4 เมืองในอุดมคติ (The Ideal City)
อันดับ 4 เมืองในอุดมคติ (The Ideal City)

อันดับ 4 เมืองในอุดมคติ (The Ideal City)
ยุคสมัยหนึ่ง ดาวินชีอาศัยอยู่ในนครมิลานท่ามกลางสภาพการแพร่ระบาดของโรคร้าย เขาจึงคิดออกแบบผังเมืองใหม่ให้มีความสะอาด เป็นระเบียบ ถูกสุขอนามัย อาทิ เขียนแบบให้เมืองในอุดมคติเมื่อหลายร้อยปีก่อนแห่งนี้มี "ระบบระบายอากาศ" เพื่อดึงอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ตัวเมือง และมีระบบระบายน้ำเสีย
อันดับ 5 สกรูบิน (The Aerial Screw)
อันดับ 5 สกรูบิน (The Aerial Screw)

อันดับ 5 สกรูบิน (The Aerial Screw)
ถึงแม้นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะลงความเห็นตรงกันว่ามันไม่มีทางที่เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะบินขึ้นจากพื้นได้ แต่ "เฮลิคอปเตอร์" ใน แบบของดาวินชีก็ยังคงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา เครื่องกลที่ชวนให้สงสัยนี้ดูเหมือนว่าจะถูกออกแบบให้ทำงานโดยใช้คนสี่คนมาหมุน มันพร้อมกัน รวมทั้งน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากกังหันลมซึ่งเป็นของเล่นที่นิยมกันใน สมัยนั้นด้วย
อันดับ 6 ปืนใหญ่ 3 ลำกล้อง (The Triple-Barreled Cannon)
อันดับ 6 ปืนใหญ่ 3 ลำกล้อง (The Triple-Barreled Cannon)

อันดับ 6 ปืนใหญ่ 3 ลำกล้อง (The Triple-Barreled Cannon)
แม้ประวัติของดาวินชีจะเกลียดสงคราม มีลักษณะเป็น "นักคิด" มากกว่า "นักรบ" แต่ในใจของเขาก็ยังฝันถึงการคิดค้นงานด้านวิศวกรรม หนทางเดียวที่จะทำเช่นนั้นได้ คือ การออกแบบอาวุธสงครามเพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจมากที่สุด หนึ่งในผลงานการออกแบบอาวุธ ได้แก่ ปืนใหญ่ที่มีอานุภาพที่มีลำกล้องติดกันถึง 3 กระบอก เหมือนกับที่เห็นในภาพ
อันดับ 7 เครื่องร่อน (The Winged Gilder)
อันดับ 7 เครื่องร่อน (The Winged Gilder)

อันดับ 7 เครื่องร่อน (The Winged Gilder)
ภายในคลังจินตนาการอันไม่มีที่สิ้นสุดของดาวินชีนั้น มี "เครื่องกลบินได้" รวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก รวมถึง "เครื่องร่อน" ซึ่งตรงบริเวณปีกมีแผ่นบังคับเปิด-ปิดควบคุมทิศทางได้หรือที่ปัจจุบันเรียก ว่า "แฟลบ" และในตัวเครื่องร่อนยังมีเกียร์ควบคุมความเร็วที่นั่งติดอยู่ด้วย
อันดับ 8 สะพานชักรอก (The Revolving Bridge)
อันดับ 8 สะพานชักรอก (The Revolving Bridge)

อันดับ 8 สะพานชักรอก (The Revolving Bridge)
ดาวินชีออกแบบสะพานสำหรับใช้ในการเคลื่อนพลผ่านพื้นที่ในสมรภูมิทุรกันดาร ต่างๆ เช่น การยกพลข้ามแม่น้ำ ตัวสะพานดังกล่าวมีระบบชักรอกและสายพาน ทำให้ทหารกางออกมาใช้งานและชักรอกเก็บได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในเครื่องจักรทุ่นแรงอีกหลายชนิดจากการคิดค้นของดาวินชี
อันดับ 9 ชุดดำน้ำ (Scuba Gear)
อันดับ 9 ชุดดำน้ำ (Scuba Gear)

อันดับ 9 ชุดดำน้ำ (Scuba Gear)
ผลพวงจากการที่ดาวินชีหลงใหลในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นที่มาของการออกแบบอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการดำน้ำขึ้นมาหลาย ชนิดในจำนวนนี้ รวมถึงเรือดำน้ำ และชุดประดาน้ำที่ตัวชุดทำจากหนังและเชื่อมต่อกับท่อและโลหะทรงกลมซึ่งทำ หน้าที่เป็นเหมือนสนอร์เกิ้ล หรือหน้ากากดำน้ำยุคปัจจุบัน นอกจากนั้น ชุดดำน้ำชุดนี้ยังมีถุงเก็บปัสสาวะด้วย แสดงให้เห็นถึงความรอบคอมในการออกแบบ
อันดับ 10 เทคนิคการเขียนกลับทาง (Mirror Writing)
อันดับ 10 เทคนิคการเขียนกลับทาง (Mirror Writing)

อันดับ 10 เทคนิคการเขียนกลับทาง (Mirror Writing)
เทคนิคการเขียนตัวอักษรย้อนกลับทิศทางจากตัวหลังไปตัวหน้าของดาวินชี สร้างข้อถกเถียงให้กับนักวิชาการจนถึงวันนี้ ว่า เป็นวิธีการเข้ารหัสแบบโบราณที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นๆ ลอบอ่านและขโมยข้อมูลในบันทึกส่วนตัว หรือจริงๆแล้วเป็นเพียงเพราะดาวินชี "ถนัดซ้าย" จึงคิดวิธีเขียนกลับหลังแบบนี้เพื่อไม่ให้น้ำหมึกเปื้อนมือกันแน่


รายชื่อภาพเขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี

รายชื่อภาพเขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นรายการภาพเขียนสีน้ำมันและจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชีจิตรกรสมัยเรอเนซองส์คนสำคัญชาวอิตาลี มีภาพเขียนทั้งหมดด้วยกันสิบห้าชิ้นที่ระบุว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชีซึ่งรวมทั้ง จิตรกรรมแผง, จิตรกรรมฝาผนัง, ภาพร่าง, และงานที่ยังอยู่ในระหว่างการตระเตรียม ภาพเขียนหกภาพยังไม่เป็นที่ตกลงกันแน่นอนว่าเขียนโดยเลโอนาร์โดหรือไม่ สี่ภาพเพิ่งได้รับการยืนยันว่าเลโอนาร์โดเป็นผู้เขียนและอีกสองภาพหายไป

ในบรรดาภาพเขียนทั้งหมดไม่มีภาพใดที่เลโอนาร์โด ดา วินชีลงชื่อ ฉะนั้นการที่จะบ่งว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โดหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับการศึกษาและการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญ การที่เลโอนาร์โด มีผลงานเพียงไม่กี่ชิ้นก็อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้มีความสนใจในสิ่งรอบตัวต่างๆ และความชอบทดสอบสิ่งใหม่ๆ นอกจากนั้นยังชอบผัดวันประกันพรุ่ง แต่กระนั้นงานของเลโอนาร์โดก็เป็นงานที่มีความสำคัญเป็นอันมากในทางศิลปะและมีอิทธิพลต่อจิตรกรอื่นๆ

ภาพเขียนที่เชื่อว่าเขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี

ภาพรายละเอียด↓ดัชนีการยอมรับว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โด↓
Andrea del Verrocchio 002.jpg
พระเยซูรับศีลจุ่ม
(The Baptism of Christ)
ค.ศ. 1472–ค.ศ. 1475
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
177 × 151 ซม.
หอศิลป์อุฟฟิซิ, ฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี
เวอร์โรชชิโอและเลโอนาร์โด
เขียนโดยอันดรีย เดล เวอร์โรชชิโอโดยเลโอนาร์โดเป็นผู้เขียนเทวดาทางด้านซ้าย[2] และเชื่อกันว่าเลโอนาร์โดเป็นผู้เขียนภูมิทัศน์ในฉากหลังและร่างท่อนบนของพระเยซู เป็นหนึ่งในบรรดางานชิ้นแรกๆ คำอ้างโดยจอร์โจ วาซารีที่ว่าเทวดาเขียนโดยเลโอนาร์โดได้รับการยืนยันโดยการศึกษาของวิลเลียม ฟอน โบด (Wilhelm von Bode), ไซด์ลิตซ์, และกุธมันและยอมรับโดยแม็คเคอร์ดี, วาสเซอร์มันและคนอื่นๆ [1]
Annunciation
การประกาศของเทพ
(Annunciation )
c. ค.ศ. 1472–ค.ศ. 1475
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
98 × 217 ซม.
หอศิลป์อุฟฟิซิ, ฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี
ยอมรับโดยทั่วไป
เชื่อกันว่าเป็นงานเขียนชิ้นแรกที่เขียนเองทั้งหมด เดิมเชื่อว่าเขียนโดยเวอร์โรชชิโอจนกระทั่งปี ค.ศ. 1869 แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นงานของเลโอนาร์โด โดยมีลิพห์ฮาร์ทเป็นผู้แจาะจงและสนับสนุนโดย โบด, ลุบค์, มุลเลอร์-วาลด์, เบอร์นาร์ด เบเร็นสัน, เค็นเน็ธ คล้าค (Kenneth Clark), โกลด์ไชเดอร์, และอื่นๆ [1]
The Dreyfus Madonna
พระแม่มารีไดรฟัส
(The Dreyfus Madonna )
c. ค.ศ. 1475–ค.ศ. 1480
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
15.7 × 12.8 ซม., 6.13 × 5 in
หอศิลป์แห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี.
ยังไม่เป็นที่ตกลง
เดิมเชื่อว่าเขียนโดยเวอร์โรชชิโอหรือลอเร็นโซ ดิ เครดิ (Lorenzo di Credi). พระสรีระของพระบุตรดูไม่ได้ส่วนจนไม่อาจจะตกลงกันได้ บางคนเชื่อว่าเป็นงานเมื่อเลโอนาร์โดยังหนุ่ม ผู้ที่เสนอคือซุยดาในปีค.ศ. 1929 นักประวัติศาสตร์ศิลปะคนอื่นๆ เช่นเชียร์แมนและโมเรลลิกล่าวว่าเป็นงานเขียนของเวอร์โรชชิโอ[1] แดเนียล อราสส์กล่าวว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โดเมื่อยังหนุ่มใน “เลโอนาร์โด ดา วินชี” (ค.ศ. 1997).[3]
Ginevra de' Benci
จิเนวรา เด เบ็นชิ
(Ginevra de' Benci)
c. ค.ศ. 1476
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
38.8 × 36.7 ซม, 15.3 × 14.4 นิ้ว
หอศิลป์แห่งชาติ
ขึ้นอยู่กับการบ่งภาพ “สุภาพสตรีกับเออร์มิน”
กุสตาฟ วางเก็น (Gustav Friedrich Waagen) เสนอว่าเป็นงานของเลโอนาร์โดในปี ค.ศ. 1866 สนับสนุนโดยโบด นักวิชาการเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ถกเถียงกันอย่างยืดยาวแต่ผู้วิจารณ์เมื่อไม่นานนี้ยอมรับทั้งผู้วาดและผู้นั่ง[1]
The Benois Madonna
พระแม่มารีเบนัวส์
(Benois Madonna)
ค.ศ. 1478
สีน้ำมันบนผ้าใบ
49.5 × 33 ซม
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจ, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย
ยอมรับโดยทั่วไป
นักวิจารณ์โดยทั่วไปเชื่อว่าเป็นภาพเดียวกับภาพพระแม่มารีที่เลโอนาร์โดกล่าวถึงในปี ค.ศ. 1478[1]
Leonardo da Vinci 036.jpg
พระแม่มารีกับดอกคาร์เนชั่น
(Madonna of the Carnation)
ค.ศ. 1478–ค.ศ. 1480
สีน้ำมันบนแผง
62 × 47.5 ซม
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดิม, มิวนิค, ประเทศเยอรมันี
ยอมรับโดยทั่วไป
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นงานของเลโอนาร์โดแต่ก็ยังมีความเห็นบางความเห็นเชื่อว่าถูกเขียนเพิ่ม (overpainting) โดยศิลปินเฟล็มมิช[1]
Léonard de Vinci - Saint Jérôme.jpg
นักบุญเจอโรมในป่า
(St. Jerome in the Wilderness)
c. ค.ศ. 1480
สีฝุ่นและสีน้ำมันบนกระดาษ
103 × 75 ซม, 41 × 30 นิ้ว
วังวาติกัน
ไม่เสร็จ
ยอมรับโดยทั่วไป
Leonardo da Vinci Adoration of the Magi.jpg
การชื่นชมของแมไจ
(Adoration of the Magi)
ค.ศ. 1481
ทาสีรองบนแผง
240 × 250 ซม, 96 × 97 นิ้ว
หอศิลป์อุฟฟิซิ, ฟลอเรนซ์, ประเทศอิตาลี
ไม่เสร็จ
ยอมรับโดยทั่วไป
Virgin of the Rocks
พระแม่มารีแห่งภูผา
(Madonna of the Rocks)
ค.ศ. 1483–ค.ศ. 1486
สีน้ำมันบนแผง (ย้ายไปบนผ้าใบ)
199 × 122 ซม, 78.3 × 48.0 นิ้ว
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
ยอมรับโดยทั่วไป
นักประวัติศาสตร์ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นภาพที่เขียนก่อนภาพชื่อเดียวกัน
Lady with an Ermine
สตรีกับเออร์มิน
(Lady with an Ermine)
ค.ศ. 1485
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้ panel
54 × 39 ซม
พิพิธภัณฑ์ Czartoryski, คราเคา
ขึ้นอยู่กับการระบุ “จิเนฟรา เด เบ็นชิ”
ภาพนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันตั้งแต่กล่าวว่าเป็นภาพที่เขียนโดยเลโอนาร์โดในปีค.ศ. 1889. การระบุภาพเขียน “จิเนวรา เด เบ็นชิ” ทำให้สันนิษฐานภาพนี้ได้[1]Id as Cecilia Gallerani
Madonna Litta
พระแม่มารีให้นม
(Madonna Litta)
c. ค.ศ. 1490
สีน้ำมันบนผ้าใบ (transferred from panel)
42 × 33 ซม
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจ, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย
ยังไม่เป็นที่ตกลง
อาจจะเป็นภาพที่วาดโดยมาร์โค โดจจิโอโน (Marco d'Oggiono)
Portrait of a Musician
ภาพเหมือนนักดนตรี
(Portrait of a Musician
ค.ศ. 1490
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
45 × 32 ซม
พิพิธภัณฑ์อัมเโบรเซียนนา, มิลาน
ยังไม่เป็นที่ตกลง
La Belle Ferronière
หญิงงามแห่งแฟรโรนิแยร์
(La Belle Ferronière)
ค.ศ. 1490–1496
ภาพเขียนสีน้ำมันบนไม้
62 × 44 ซม
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
ยังไม่เป็นที่ตกลง
The Last Supper
พระกระยาหารมื้อสุดท้าย
(The Last Supper)
ค.ศ. 1495–1498
สีฝุ่นบนเจสโซ, pitch และ mastic
460 × 880 ซม, 181 × 346 นิ้ว
วัดซานตา มาเรีย เดลเล กราซี (มิลาน), อิตาลี
ยอมรับโดยทั่วไป
Virgin of the Rocks
พระแม่มารีแห่งภูผา
(Virgin of the Rocks)
ค.ศ. 1495–ค.ศ. 1508
สีน้ำมันบนแผง
189.5 × 120 ซม, 74.6 × 47.25 in
หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอน
เลโอนาร์โดและอัมโบรจิโอ เด เปรดีส
ยอมรับโดยทั่วไปว่าเขียนหลังภาพที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โดยทำร่วมกับอัมโบรจิโอ เด เปรดีส[1]
The Virgin and Child with St. Anne and St. John the Baptist
พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญแอนน์และนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์
(The Virgin and Child with St. Anne and St. John the Baptist)
c. ค.ศ. 1499–ค.ศ. 1500
ถ่าน, ชอล์คดำขาวบนกระดาษสี
142 × 105 ซม, 55.7 × 41.2 นิ้ว
หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอน
ยอมรับโดยทั่วไป
Madonna of the Yarnwinder
พระแม่มารีกับไม้ปั่นด้าย
(Madonna of the Yarnwinder)
c. ค.ศ. 1501
สีน้ำมันบนผ้าใบ
50.2 × 36.4 ซม
งานสะสมส่วนบุคคล
ยังไม่เป็นที่ตกลง
ภาพนี้มีสามภาพโดยผู้เขียนสามคน อาจจะเป็นงานลอกงานของเลโอนาร์โดที่หายไปที่เลโอนาร์โดบรรยาย ภาพที่ดีที่สุดในสามภาพเป็นของดยุคแห่งบูลลอยช์ที่ถูกขโมยในปี ค.ศ. 2003 แต่พบในปีค.ศ. 2007.[4]
The Mona Lisa
โมนาลิซา
(Mona Lisa) or La Gioconda
c. 1503–1506
สีน้ำมันบนค็อตตอนวูด
76.8 × 53.0 ซม, 30.2 × 20.9 นิ้ว
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
ยอมรับโดยทั่วไป
The Virgin and Child with St. Anne
พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญแอนน์
(The Virgin and Child with St. Anne)
c. ค.ศ. 1510
สีน้ำมันบนแผง
168 × 112 ซม, 66.1 × 44.1 นิ้ว
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
ยอมรับโดยทั่วไป
Bacchus
บาคคัส
(Bacchus)
ค.ศ. 1510–ค.ศ. 1515
สีน้ำมันบนแผงวอลนัท ย้ายไปบนผ้าใบ
177 × 115 ซม
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
ยังไม่เป็นที่ตกลง
เชื่อกันว่าเป็นงานลอกของภาพร่าง[1]
St. John the Baptist
นักบุญจอห์นผู้ให้แบ็พทิสต์ (เลโอนาร์โด)
(St. John the Baptist)
ค.ศ. 1513–ค.ศ. 1516
สีน้ำมันบนแผงวอลนัท
69 × 57 ซม, 27.2 × 22.4 นิ้ว
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส, ประเทศฝรั่งเศส
ยอมรับโดยทั่วไป
อันโนมิโน กัดดิอาโน เขียนว่าเลโอนาร์โดเขียนภาพนักบุญจอห์น เชื่อกันว่าเป็นงานชิ้นเอกชิ้นสุดท้าย[1]

 งานที่เพิ่งบ่งว่าเป็นงานของเลโอนาร์โด

ภาพรายละเอียดดัชนีการยอมรับว่าเป็นงานเขียนของเลโอนาร์โด
Tobias and the Angel
โทเบียสและเทวดา
(Tobias and the Angel)
ค.ศ. 1470–ค.ศ. 1480
สีฝุ่นบนไม้พอพพลา
หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอน
อันเดรีย เดล เวอร์โรชชิโอและห้องเขียนภาพ (รวมทั้งเลโอนาร์โด?)
ภาพเขียนโดยเวอร์โรชชิโอเมื่อเลโอนาร์โดทำงานในห้องเขียนภาพมาร์ติน เค้มพ์ (Martin Kemp) เสนอว่าเลโอนาร์โดอาจจะเขียนบางส่วน, ที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดก็คือปลา เดวิด แอแล็น บราวน์แห่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ, วอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่าอาจจะวาดสุนัขด้วย
The Holy Infants Embracing
พระบุตรกอดนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์
(The Holy Infants Embracing)
c. ค.ศ. 1486–ค.ศ. 1490
มีหลายภาพที่เป็นของสะสมส่วนบุคคล
พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญโจเซฟ
(Madonna and Child with St Joseph) หรือ Adoration of the Christ Child
สีฝุ่นบนแผง
ส่วน 87 ซม
หอศิลป์บอร์เกเซ, โรม, ประเทศอิตาลี
เดิมเชื่อว่าเขียนโดยฟรา บาร์โทโลเมโอ (Fra Bartolomeo) แต่หลังจากทำความสะอาดแกลเลอรี บอร์เกเซก็สันนิษฐานว่าเป็นงานเมื่อยังหนุ่มจากลายนิ้วมือที่พบที่คล้ายกับที่พบในภาพ “สตรีกับตัวเออร์มิน” แต่หลักฐานการสืบสวนไม่มีให้กับสาธารณะ[5]
แมรี แม็กดาเลน
(Mary Magdalene)
เพิ่งบ่งว่าเป็นงานของเลโอนาร์โดเมื่อไม่นานมานี้โดยคาร์โล เพเดร็ตติ ก่อนหน้านั้นเชื่อกันว่าเป็นงานเขียนของจิอัมเปียตริโน (Giampietrino) ผู้เขียนภาพคล้ายคลึงกันของ แมรี แม็กดาเลน[6] ข้อสันนิษฐานของคาร์โล เพเดร็ตติไม่เป็นที่ยอมรับกันในบรรดานักวิชาการ เช่นคาร์โล เบอร์เตลลิผู้กล่าวว่าไม่ใช่งานของเลโอนาร์โดและตัวแบบอาจจะเป็นลูเครเชียที่ดึงมีดออกแล้ว[7]


งานที่หายไป

ภาพรายละเอียดข้อสังเกต
เมดูซา
(Medusa)
งานที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่บรรยายโดยวาซาริ
เทวดาจากการประกาศของเทพ
(Angel of the Annunciation)
ราว ค.ศ. 1503
ภาพบรรยายโดยวาซาริ ภาพร่างยังหลงเหลืออยู่กับงานการศึกษา “ยุทธการอันเกียริ” และอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่บาเซล[8]
Copy of The Battle of Anghiari by Peter Paul Rubens
ยุทธการอันเกียริ
(The Battle of Anghiari)
ค.ศ. 1505
งานจิตรกรรมฝาผนังที่ยังเหลืออยู่ของเลโอนาร์โดพบใน Salone dei Cinquecento ในพาลัซโซเวคคิโอ (Palazzo Vecchio) ที่ฟลอเรนซ์
  • “ยุทธการอันเกียริ” โดย ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ ชอล์คดำ, หมึกเน้นด้วยสีขาวตะกั่ว เขียนเพิ่ม (over-paint) ด้วยสีน้ำ 54.2 x 63.7 ซม พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
ซาลวาทอร์ มุนดิ
(Salvator Mundi)
ค.ศ. 1506–ค.ศ. 1513
ภาพเขียนบรรยายโดยวาซาริ
Copy of Leda and the Swan by Cesare Sesto
เลดาและหงส์
(Leda and the Swan)
1508
ภาพเขียนนี้มีด้วยกัน 8 กอปปี้ที่รวมทั้ง:
  • เซซาเร เชสโต, “เลดาและหงส์” สีน้ำมันบนไม้, 69.5 x 73.7 ซม คฤหาสน์วิลตัน, วิลท์เชอร์, อังกฤษ
  • นิรนาม, “เลดาและหงส์” สีฝุ่นบนไม้, 115 x 86 ซม แกลเลอรี บอร์เกเซ, โรม, อิตาลี



PS.  รักโคนันจร้า และเป็นประธานกลุ่ม ILC ST.60 ( I LOVE CARTOON ST.60) คิดถึงเพื่อนๆทุกคนนะ

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

` ด.ญ. CSI 14 ก.ย. 53 เวลา 20:29 น. 1
ส่วนตัวแล้วคิดว่าเค้าเจ๋งเอามาก ๆ
ถึงแม้จะมีพฤติกรรมแปลก ๆเราเคยอ่านประวัิติเค้าแล้วก็รู้สึกว่า
แปลกของจริง


PS.  ((:* ยินดีเสมอ *
0