Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

*** เรื่องแปลกแต่จริง ***

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อ่านเล่นๆดูนะคะ

น้ำหนักวิญญาณ


เชื่อหรือไม่คะว่าวิญญาณของพวกเราก็มีน้ำหนักด้วยเหมือนกันนักวิทยาศาสตร์ทดลองชั่งน้ำหนักของวิญญาณโดยชั่งน้ำหนักของคนในขณะที่มีชีวิตอยู่เปรียบเทียบกับน้ำหนักหลังจากเสียชีวิตทันทีพบว่าน้ำหนักหายไป 21 กรัม จึงสรุปว่าดวงวิญญาณของพวกเรามีน้ำหนัก 21 กรัมด้วย

สารฆ่าความเจ็บปวด

เคย สังเกตไหมว่าทำไมบางครั้งนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการแข่งขันยัง สามารถลงแข่งขันได้จนจบหรือทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบยังคงทนต่อสู้ข้า ศึกอยู่ได้พวกเขาไม่เจ็บกันหรือนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วค่ะว่าเมื่อมนุษย์เผชิญสถานการณ์ที่ตึงเครียดสมองจะปล่อยสารออกมายับยั้งความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ทำให้มนุษย์ต่อสู้กับความเจ็บปวดได้

ไม่มีน้ำตา

รู้หรือปล่าวว่าตอนที่เราอายุ 4-5 เดือน เราร้องไห้ไม่มีน้ำตากันหรอกค่ะแม้จะร้องเสียงดังแค่ไหนก็ตามที่เป็นเช่นนี้เพราะต่อมน้ำตาของคนเราจะพัฒนาขึ้นหลังจากเกิดมาแล้ว 4 -5 เดือนตอนนี้พวกเราคงจะร้องไห้มีน้ำตากันทุกคนแล้วนะค่ะ

หิวเพราะกลิ่น

พอกลิ่นหอมของอาหารลอยมาพวกเราคงเคยรู้สึกหิวตามกลิ่นนั้นไปด้วยใช่ไหมล่ะก็กลิ่นอาหารเข้าไปกระตุ้นระบบการย่อยอาหารของเราน่ะสิคะทำให้น้ำย่อยในปากและท้องทำงานเราจึงรู้สึกหิวทั้งๆที่บางครั้งเราไม่ต้องการกินอีกแล้ว

กระเพาะแข็งแกร่ง

ในกระเพาะอาหารของเรามีน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูงมาก จนสามารถละลายสังกะสีได้แต่กรดเหล่านี้ไม่สามารถละลายผนังกระเพาะของเราได้เนื่องจากทุกนาทีเซลล์ผนังกระเพาะเก่า 5000 เซลล์จะถูกเซลล์ใหม่แทนที่และเปลี่ยนเป็นเซลล์ใหม่ทั้งหมดทุกๆ 3 วัน

ท้องร้องจ๊อกๆ

เราเคยได้ยินเสียงท้องร้องเมื่อรู้สึกหิวบ้างไหมสาเหตุที่ท้องร้องก็เพราะสมองซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมความรู้สึกหิวของเราจะคอยจัดลำดับการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ ถ้าในเลือดมีสารอาหารพอเพียงสมองก็จะสั่งให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงแต่เมื่อใดที่มีสารอาหารในเลือดน้อยระบบย่อยอาหารจะทำงานเร็วขึ้นเราจึงได้ยินเสียงท้องร้อง

ตกใจจนหน้าซีด

เมื่อเราตกใจหน้าจะซีดเนื่องจากเลือดบริเวณแก้มจะไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็วเพื่อทำหน้าที่ฉุกเฉินคือให้สารอาหารและออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อส่วนอื่นเนื่องจากร่างกายไม่ได้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องเผชิญความตกใจเมื่อเลือดจากแก้มไหลออกไป หน้าเราจึงซีด

เขินอาย

เมื่อเรารู้สึกเชินอายหน้าเราก็จะแดง โดยเฉพาะบริเวณแก้มและลำคอเพราะขณะที่เราเขินอาย เซลล์ประสาทจะถูกกระตุ้นให้ปล่อยสารเคมีที่พลังงานสูงชื่อว่าเปปไตด์ (peptide) ออกมา ทำให้เส้นเลือดที่แก้มและลำคอขยายตัวหน้าของเราจึงแดงมากกว่าปกติ

มาจากดวงดาว

ร่างกายของเราประกอบด้วยอะตอมจำนวนมาก อะตอมเหล่านี้มาจากไหนนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่าอะตอมเกิดมาจากดวงดาวที่ดับแล้วเมื่อ 5000 ล้านปีก่อนที่จะมีพระอาทิตย์เกิดขึ้นและดวงดวงนี้เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ก่อนเมื่อโลกเกิดขึ้นเซลล์ของสิ่งมีชีวิตนี้ก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นคน

สารพัดสาร

เชื่อหรือไม่ว่าในร่างกายของเรามีสารอยู่มากมาย เช่นมีฟอสฟอรัสในปริมาณที่มากพอจะทำหัวไม้ขีดไฟ 2,000 ก้าน มีไขมันพอที่จะทำสบู่ได้ 7 ก้อน มีเหล็กมากพอที่จะทำตะปูได้ 1 ตัวมีปูนขาวที่สามารถละลายน้ำแล้วนำไปทาห้องเล็ก ๆ ได้ 1 ห้อง มีซัลเฟอร์ 1 ช้อนชาและโลหะอีกประมาณ 30 กรัม

นอนแล้วสูง

การนอนช่วยให้เราสูงขึ้นได้เพราะเมื่อเรายืนหรือนั่ง แผ่นกระดูกอ่อนที่กระดูกสันหลังจะถูกแรงดึงดูดของโลกกดลงการนอนช่วยให้แรงกดนี้หายไป แผ่นกระดูกอ่อนที่ถูกกดก็จะพองตัวทำให้เราสูงขึ้นได้อีก 8 มิลลิเมตรแต่เมื่อตื่นมาเราก็จะสูงเท่าเดิม

พลังกาย

ร่างกายของคนเราแข็งแกร่งมากกว่าที่เราคิดเสียอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการยกน้ำหนัก เช่น ถ้าเรานอนหลับโดยห่มผ้าหนัก 2.5 กิโลกรัม หายใจโดยเฉลี่ย 16 ครั้งต่อนาที และนอนนานประมาณ 8 ชั่วโมงทรวงอกของเราสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 20 ตัน

ฉันทำไม่ได้

สิ่งที่ร่างกายของคนเราไม่สามารถทำได้ คือหายใจและกลืนอาหารไปพร้อม ๆ กันเพราะ กระบวนการกลืนจะไปรบกวนกระบวนการหายใจด้วยการปิดกั้นอากาศไม่ให้ผ่านเข้าไป ขณะที่อาหารเคลื่อนจากปากไปยังคอหอยและผ่านไปที่กระเพาะอาหาร

มนุษย์พลังงาน

เชื่อหรือไม่ว่าร่างกายของคนผลิตกระแสไฟฟ้าได้คนแต่ละคนจะมีพลังงานเทียบเท่ากับการเปิดหลอดไฟฟ้าขนาด 120 วัตต์เพราะคนที่กินอาหารเข้าไปปริมาณ 2,500 แคลอรีในแต่ละวันจะให้พลังงานความร้อน 104 แคลอรีต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากระแสไฟฟ้าที่มีพลังงาน 120 วัตต์

กระพริบตา

ตลอดชีวิตของคนเรานั้นเราต้องกระพริบตาถึง 250 ล้านครั้งทีเดียว เพราะเราจะต้องกระพริบตาทุก ๆ 6 วินาทีทำให้กล้ามเนื้อตาเคลื่อนไหวประมาณ 10,000 ครั้งต่อวันถ้าเปรียบกับการทำงานของกล้ามเนื้อขาแล้ว จะเท่ากับวิ่งระยะทาง 80 กิโลเมตรต่อวัน

สมองบริโภค

เชื่อหรือไม่ว่าตอนแรกเกิดสมองของเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 15 ปี สมองจะหนักถึง 1.4 กิโลกรัมและจะมีขนาดคงที่ สมองเติบโตได้เพราะใช้พลังงานจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป 20% และใช้เลือดหล่อเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมดในร่างกาย

กระบวนการคิด

นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า อิริยาบถต่าง ๆมีผลต่อการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ การนอนคิดจะทำให้ความคิดกว้างไกลการยืนทำให้ความคิดแคบลงสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นส่วนการนั่งเป็นอิริยาบถที่เหมาะกับการตัดสินใจที่ไม่รีบร้อนเท่าใดนัก

ผมงอก

โดยปกติ ใน 1 สัปดาห์ผมจะงอกออกมา 2 มิลลิเมตรใน 1 วัน จะมีช่วงที่ผมงอกได้ดี 2 ช่วง คือ ระหว่างเวลา 10.00 11.00 น.และ 16.00 18.00 น. แต่ไม่ต้องเอากระจกไปส่องดูการงอกของเส้นผมหรอกนะเพราะมันแทบจะมองไม่เห็นเลย

เส้นขนแข็งแรง

โดยเฉลี่ยแล้วคนเราจะมีเส้นขนประมาณ 5 ล้านเส้นทั่วร่างกาย ยกเว้นบริเวณริมฝีปากฝ่ามือและฝ่าเท้า เส้นขนที่แข็งแรงที่สุดคือหนวด เชื่อหรือไม่ว่าหนวดแข็งแรงพอ ๆกับลวดทองแดงที่มีขนาดเท่ากันเลยทีเดียว

ตาแหลมคม

ตาของเหยี่ยวสามารถมองเห็นแมลงวันที่อยู่ในระยะครึ่งไมล์ได้ส่วนเสือดาวก็สามารถมองเห็นคนกระพริบตาที่ระยะห่าง 100 หลาได้ตาของคนก็มีความพิเศษเช่นเดียวกัน เพราะสามารถแยกแยะความแตกต่างของสีได้มากถึง 17,000 สี

ตาที่สาม

เชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์มีสามตาตาที่สามนี้ก็คือต่อมไพเนียลซึ่งอยู่ด้านหลังของกะโหลกศีรษะภายในต่อมมีสารเคมีที่มีชื่อว่าเซโรโตนินอยู่เป็นจำนวนมาก เชื่อกันว่าสารชนิดนี้ช่วยส่งผลให้มนุษย์มีการคิดอย่างสมเหตุสมผลนักวิทยาศาสตร์จึงเปรียบต่อมนี้ว่าเป็นตาที่สามของมนุษย์

ฮัดเช้ย!

เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำให้จมูกของเราเกิดการระคายเคืองเราจะจามออกมาโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่เราจามจะมีน้ำลายฟุ้งกระจายออกมาถึง 100,000 หยด ด้วยอัตราเร็ว 152 ฟุตต่อวินาที

ริมฝีปาก

เคยสงสัยกันหรือไม่คะว่าทำไมริมฝีปากของเราจึงมีสีแดงมากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผิวหนังบริเวณริมฝีปากบางกว่าส่วนอื่น ๆ นั่นเองจึงทำให้สามารถมองเห็นสีของเลือดใต้ผิวหนังได้

ยิ้มแย้ม

ร่างกายของเราประกอบด้วยกล้ามเนื้อประมาณ 650 มัดหากเราหน้าบึ้งจะต้องใช้กล้ามเนื้อประมาณ 400 มัด ในขณะที่การยิ้มใช้กล้ามเนื้อ 15 มัด เท่านั้น และพลังงานที่ใช้ก็น้อยกว่าการขมวดคิ้ว 1 ครั้งเสียอีกเชื่อกันว่าการขมวดคิ้ว 200,000 ครั้ง ทำให้เกิดรอย กา 1 รอย

ฟันปลา

เชื่อกันว่าเมื่อประมาณ 1 ล้านปีที่แล้วฟันของมนุษย์มีลักษณะคล้ายกับฟันปลาเพราะมีการค้นพบฟันลักษณะเดียวกันกับของมนุษย์อยู่ในกรามของปลาฉลามยุคก่อนประวัติศาสตร์ดังนั้น ฟันของมนุษย์และปลาฉลามจึงมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกันแต่ฟันของมนุษย์ได้พัฒนาจนมีรูปร่างเหมือนในปัจจุบัน

การทรงตัว

เชื่อหรือไม่ว่าหูมีผลต่อการทรงตัว อวัยวะที่ช่วยให้เราสามารถทรงตัวอยู่ได้คือเซมิเซอร์คิวลาร์ คาแนล (semicir-cular canel) ในหูซึ่งภายในมีของเหลวที่ไวต่อการกระตุ้นของเหลวนี้จะทำหน้าที่ในการรับรู้สมดุลหากเราหมุนไปรอบ ๆ ตัวเร็ว ๆ หลาย ๆ ครั้ง จะทำให้อวัยวะนี้เกิดความสับสนเราจึงรู้สึกเวียนศีรษะ

เสียงกรน

เสียงกรนเป็นเสียงที่สร้างความรำคาญแก่ผู้ได้ยินเพราะดังพอ ๆกับเสียงของสว่านไฟฟ้าซึ่งดังถึง 70 เดซิเบล

พลังปอด

เชื่อหรือไม่ว่าปกติเราจะหายใจเอาอากาศเข้าไปประมาณ 6 ลิตรต่อนาทีแต่ระหว่างออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายใหม่ ๆ เราอาจหายใจเอาอากาศเข้าไปได้มากถึง 100 ลิตรต่อนาที

หัวใจที่รัก

ในช่วงชีวิตของมนุษย์นั้น หัวใจจะสูบฉีดโลหิตประมาณ 500 ล้านลิตรและเต้น 2,000 ล้านครั้ง ดังนั้น ใน 1 วัน หัวใจจะสูบฉีดโลหิตมากกว่า 13,500 ลิตร และเต้น 100,000 ครั้งแต่ละวันหัวใจจึงต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้พลังงานมากพอเชื่อหรือไม่ว่าพลังงานที่ได้นี้สามารถยกรถยนต์ได้สูงถึง 15 เมตรเลยทีเดียว

เรื่องของผิวหนัง

เชื่อหรือไม่ว่าพื้นที่เพียง 1 ตารางนิ้วบนผิวหนังของเรานั้นประกอบไปด้วยเซลล์ถึง 19 ล้านเซลล์ ขน 60 เส้นต่อมน้ำมัน 90 ต่อม ต่อมเหงื่อ 625 ต่อม เส้นเลือดยาว 19 ฟุต และเซลล์รับความรู้สึก 19,000 เซลล์

เซลล์เม็ดเลือด

มีผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าถ้านำเซลล์เม็ดเลือดของเรามาต่อเป็นสายยาวจะสามารถพันรอบเส้นศูนย์สูตรได้ถึง 4 รอบเลยทีเดียว

น้ำในร่างกาย

ร่างกายของเรามีสถานะใดตามหลักวิทยาศาสตร์ หลายคนอาจจะคิดว่า มีสถานะเป็นของแข็งแต่น้อง ๆ รู้หรือไม่ว่าร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำถึง 2 ใน 3 ด้วยเหตุนี้ตลอดชีวิตของคน 1 คนจึงต้องดื่มน้ำเป็นจำนวนมากถึง 70,000 ลิตร

หนาวสั่น

อาการหนาวสั่นเป็นอาการที่ร่างกายแสดงออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมหลังจากที่ได้รับความเย็นมากเกินไปเพราะความเย็นจะทำให้กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายทำงานช้าลงและเป็นอันตรายได้หากอุณหภูมิลดต่ำลงมาก ๆ ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงผลิตความร้อนด้วยการทำให้กล้ามเนื้อหดตัวไปมาอย่างรวดเร็ว

สูงและต่ำ

ตอนกลางวันอุณหภูมิในร่างกายของเราอาจสูงขึ้นได้มาก ๆ หากเรารับประทานอาหารมื้อใหญ่อยู่ในที่อากาศร้อน หรือออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ตอนกลางคืนอุณหภูมิในร่างกายของเราจะค่อย ๆลดลงจนต่ำที่สุดเมื่อเรานอนหลับเพื่อเป็นการรักษาสมดุล

ลูกผู้ชาย

การที่ผู้ชายเชื่อว่าลูกผู้ชายต้องไม่หลั่งน้ำตานั้นส่งผลกระทบให้ผู้ชายเป็นโรคเครียดได้ง่ายกว่าผู้หญิงเพราะมีโอกาสปลดปล่อยอารมณ์ที่ถูกกดดันได้น้อยรู้อย่างนี้แล้วใครที่กำลังเครียดก็ลองหาโอกาสปลดปล่อยอารมณ์บ้างก็ดีนะคะแต่ไม่ใช่เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ล่ะการออกกำลังกายก็สามารถช่วยคลายเครียดได้เช่นกัน

หาวนอน

อาการง่วงเหงาหาวนอนเกิดจากการที่เรารู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียระบบทางเดินหายใจของเราจึงทำงานช้าลงเป็นผลให้กล้ามเนื้อคอหอยปิดโดยอัตโนมัติทำให้ร่างกายต้องการอากาศเพิ่มขึ้นเราจึงต้องหาวเพื่อเอาอากาศเข้าไปใช้ในกระบวนการหายใจ

ใบหน้า

วันหนึ่ง ๆเราอาจมีอารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาบ่อยครั้งทางใบหน้าเชื่อหรือไม่ว่ากล้ามเนื้อทั้งที่เป็นวงกลมและเป็นเส้นบนใบหน้าสามารถแสดงอารมณ์ที่หลากหลายได้มากกว่า 1,000 รูปแบบ

ล้มตัวลงนอน

เชื่อหรือไม่ว่าในบรรดาสิ่งมีชีวิต มีสัตว์เพียง 2-3 ชนิดเท่านั้น ที่นอนหลับโดยเอนหลังแนบกับพื้นและสัตว์ชนิดหนึ่งที่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็คือมนุษย์

น้ำหนักลด

ไม่ว่าเราจะมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใดก็ตาม น้ำหนักของเราจะสามารถลดลงได้ 300 กรัมทุกวันในขณะที่เรานอนหลับแต่อย่าเพิ่งดีใจไปนะคะ เพราะทันทีที่ตื่นขึ้นมาน้ำหนักของเราก็จะเท่าเดิม

อาณาจักรแห่งความฝัน

นักวิทยาศาสตร์พบว่าถ้าวันหนึ่ง ๆ เรานอนหลับประมาณ 8 ชั่วโมง เราจะฝัน 3-5 ครั้งต่อคืนโดยช่วงความฝันแต่ละครั้งใช้เวลานานประมาณ 10-30 นาทีและถ้าเราถูกปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังฝันอยู่เราอาจจะจำความฝันนั้นได้หรือไม่ได้ก็ได้


เวลาของความฝัน

ผู้เชี่ยวชาญแสดงทัศนะเกี่ยวกับเวลาในช่วงของความฝันไว้ว่าเวลาที่เราตื่นอยู่ประสาทความรู้สึกเกี่ยวกับเวลาของเราจะเป็นแนวตั้ง ดังนั้นเราจึงรับรู้แต่ขณะปัจจุบันเท่านั้น แต่เมื่อเราหลับมันจะกลายเป็นเส้นแนวนอนทำให้เราสามารถเดินทางไปในอดีตและอนาคตได้

สร้างความฝัน

ถ้าอยากให้ความฝันสวยงามลองงดดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอนสิครับ เพราะผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจะทำให้ความฝันยิ่งใหญ่และถ้าใครเห็นความฝันของตนเองเป็นสีต่าง ๆ ละก็แสดงว่าเป็นคนที่ไวต่อการกระตุ้นต่างๆ รอบตัวมากทีเดียว



ถ้าซ้ำแล้วขออภัย นะคะ
ปล. ยาวมาก แต่สาระเพียบค่ะ



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 กันยายน 2553 / 00:36

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น