Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[สาระ] Defense mechanisms?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
-กระทู้นี้ไม่ได้พาดพิงบุคคลใดทั้งสิ้น-
-แหล่งอ้างอิง(ควรจะ)เชื่อถือได้ แต่ก็อาจมีการตีกันกับแหล่งอื่นอยู่นั่นเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม-

-เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น โปรดติดตามข่าวสารในบอร์ดช่วงนี้เพื่อเพิ่มอรรถรส (หึหึ)-



แน่นอนว่าทุกคนต้องมีปัญหาหรือความเครียดอะไรสักอย่างกันอยู่แล้ว ความเครียดนั้นอาจจะเกิดจากความเปลี่ยนแปลงหรือสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจนกระทั่งเกิดการ "เสียสมดุลทางจิตใจ"

เมื่อเสียสมดุล สิ่งที่ตามมาก็คือ "การปรับตัว"
การปรับตัวก็มีอีกหลายแบบ...ที่เห็นเป็นส่วนใหญ่ก็จะพยายามหาทางตอบสนองความต้องการ หรือออกจากความเครียดนั้น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการจัดการกับต้นตอปัญหาไปเลยนี่แหละ หรืออย่างน้อยก็ควรจะปรับตัวอย่างมีสติรู้ตน

แต่...ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ความเครียดมาเยือน เราจะรับรู้กระบวนการปรับตัวของตัวเองเสมอไป!



การปรับตัวที่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้นั่นแหละ
คือ "Defense Mechanisms"


กลไกการป้องกันทางจิต(เอ๊ะ เรียกภาษาไทยแบบนี้หรือเปล่า?) เป็นกระบวนการปรับตัวแบบที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันเกิดขึ้น ออกไปในทางประนีประนอมให้เกิดสมดุลในจิตใจ โดยที่ทุกคนต้องมี Defense mechanism กันอย่างน้อยหนึ่งอย่างแน่ๆล่ะ

...ซึ่งถ้าเราป้องกันตัวเองแบบพอดีๆ มันก็จะไม่เกิดปัญหาอะไร ถ้ามากมานิดนึงก็อาจจะรำคาญนิดหน่อย แต่ถ้ามากเกินไป...แน่ล่ะ นอกจากปัญหาจะไม่ถูกแก้ไขแล้ว เรายังจะเสพติดการเข้าข้างตัวเอง จนมองไม่เห็นว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นยังไง...ปัญหาบุคลิกภาพและอื่นๆจะเริ่มตามมาเป็นเงาตามตัว


ลองมาดูกันว่าในรายการ Defense Mechanism มันมีอะไรบ้าง?


1. Repression -- เก็บกด
ก็ประมาณว่า มีปัญหาความคับข้องใจอะไรเกิดขึ้น แต่กลับเก็บไว้ใน unconscious แล้วก็เหมือนจะลืมๆมันไปเสียอย่างนั้น
(เช่น ถูกคนด่าประณามหยามเหยียดมากมาย แต่สุดท้ายเนียนหน้าตาเฉยราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น และเจ้าตัวก็ไม่รับรู้ว่าชีวิตนี้เคยถูกคนด่าขนาดนั้นมาก่อนเสียด้วยสิ...?)

2. Denial -- ปฏิเสธความจริง
พอมีอะไรไม่ดี ก็เมินซะงั้น ไม่ยอมรับ ไม่อยากจะพูด
(เช่น มีคนถอดล็อกอินมาเยินยอตัวเอง พอคนอื่นจับได้ ก็เมินซะงั้น นั่นไม่ใช่ฉัน!...?)

3. Rationalization -- แถข้างๆคูๆ
แถๆๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี ทั้งที่เหตุผลมันก็ไม่เห็นจะรับได้ตรงไหน

4. Intellectualization -- พยายามหาเหตุผล
อันนี้ดีกว่าอันก่อนนิดหน่อย ตรงที่เหตุผลมันยังพอรับได้ แต่ก็...คิดไปเองทั้งนั้นอยู่ดี

5. Reaction Formation -- ซึน! ซึน! ซึน!
ทำตัวตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริง เพื่อให้สังคมยอมรับ...คือไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้หรอก แต่มันทำอย่างที่คิดจริงๆไม่ได้อะ...
(เช่น ก็อยากมีเพื่อน....แต่ไม่รู้ทำไมโดนด่าตลอดเลยอ้ะ!)

6. Isolation of effect -- แยกอารมณ์ออกจากความทรงจำ
เหมือนที่บอกว่า เวลาผ่านไป ความเจ็บปวดมันจะจางหาย...เราอาจจะมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาเลวร้ายแล้วรู้สึกว่ามันไม่เคยมีอะไรเลย...ทั้งที่ความรู้สึกแย่ๆพวกนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ
(เช่น คนที่สามารถเล่าเรื่องตอนตัวเองถูกข่มขืนโดยไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด...มันไม่ใช่ไม่รู้สึกรู้สา แต่เพราะเขาแยกความรู้สึกเลวร้ายออกจากเหตุการณ์ไปเรียบร้อยแล้วต่างหากล่ะ)

7. Displacement -- โยกย้ายความรู้สึก
ออกแนวประมาณ...รู้อะว่าโกรธใคร แต่จะไปลงกับต้นเหตุก็ไม่กล้า เลยต้องเอาอารมณ์พลุ่งพล่านมาระบายกับคนอื่นแทน
พวกโกรธเพื่อนแล้วมาพาลกับน้อง โกรธแฟนแล้วมาพาลใส่เพื่อน เข้าข่ายทั้งนั้น

8. Projection -- โทษชาวบ้าน
โทษชาวบ้าน โยนความผิดให้คนอื่น ฉันไม่ผิด...มันผิดที่แก๊สโซฮอล์! (มุกเก่าเหลือทน- -")
(เช่น ฉันเอาอะไรไม่รู้มาเผยแพร่ให้คนอื่นแล้วโดนด่ากลับมา ฉันไม่ผิด! มันผิดที่คนพวกนั้นไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ฉันอยากจะบอกต่างหาก!)

9. Compensation -- ทดแทนส่วนขาด
คือตัวเองมีจุดด้อยอะไรสักอย่าง และก็แก้มันไม่ได้ เลยต้องแสวงหาหนทางอื่นที่จะสร้างจุดเด่นให้ตัวเองขึ้นมาแทน
(เช่น ชีวิตนี้โลกภายนอกไม่มีใครคบ...ไม่มีใครสนใจ! ฉันมาเด่นในบอร์ดนี้แทนก็ได้!! ฮือๆๆๆ)

10. Undoing -- ไถ่โทษล้างบาป
ออกแนวทำบุญชดเชยความผิด ฆ่าคนแล้วบวชไถ่โทษ รวยจากธุรกิจอ่างแล้วตั้งมูลนิธิช่วยคน ทำนองนั้น

11. Fantasy -- ฝันไปวันๆ
พร่ำเพ้อไปงั้น อยากได้อะไรต้องฝันเอา แต่ไม่พยายามทำให้มันเป็นจริงหรอกนะ
(เช่น ไม่อ่านหนังสือมันเลยสักตัว แต่ก็ฝัน...อาจจะได้ A ช้วนก็ได้! ใครจะรู้!)

12. Conversion/Somatization -- ใจป่วย กายป่วย
อันนี้จะคล้ายๆโรคประสาทแบบฮิสทีเรียหน่อยๆ คือ...ความคับข้องใจกลายเป็นอาการทางกายขึ้นมาจริงๆ

13. Sublimation -- เอาเด่นเลยสักทาง
เป็นการระบายความคับข้องไปในทางที่สังคมยอมรับ เช่น (สมมุตินะครับสมมุติ) เป็นคน aggressive หน่อยๆ เลยเป็นหมอศัลย์ เพราะจะได้ผ่าคน! ...ผ่าคนเชียวนะ!! หึหึ หะหะ...

14. Introjection -- ฉันมันไม่ดีพอ
เหมือนกับรู้สึกคับข้องอะไรสักอย่างกับคนคนนึง แต่...เราจะโกรธเขาไม่ได้ เราจะเกลียดเขาไม่ได้...สุดท้ายเลยต้องโทษตัวเอง เราผิดเอง
เขาไม่ยอมไปจากที่นี่สักที...เรามันไม่ดีพอ! (ฮึกก)


...

คิดว่าถ้าใช้ทั้งหมดนี่บ่อยๆมันจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นไหม?

ในลิสต์ 14 อันด้านบน นอกจาก sublimation ที่สังคมยอมรับได้แล้ว ทุกอย่างถ้าใช้มากเกินไป มีโอกาสจะทำให้เกิดปัญหาทั้งนั้น ออกแนวหนีความจริงแล้วยังทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า...แต่ถ้าเกิดขึ้นแบบพอเหมาะพอดีก็จะช่วยให้ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างปกติสุขได้เหมือนกัน



ซึ่งนอกจากนี้...ยังมีกลไกทางจิตแบบผู้ที่เจริญแล้ว (แบบผู้ใหญ่) อยู่อีกล่ะ...

(ความจริงตรงนี้เรายังไม่ค่อยเชื่อเต็มร้อยว่ามัน mature รับได้จริงๆทั้งหมด
แต่ก็...ลองดูก่อนละกัน^ ^")
ดังนี้

-Altruism -- การเสียสละ
-Anticipation -- คาดการณ์วางแผนล่วงหน้า
-Asceticism -- หันเข้าหาศาสนา ปรัชญา (......)
-Humor -- ใช้อารมณ์ขันเข้าสู้ (...อะ...ฮะๆ)
-Suppression -- สะกดกลั้นไว้ก่อน (เหมือนรู้จักบริหารเวลา ตอนนี้เรียนอยู่ยังโกรธไม่ได้ ไว้ไปโกรธที่บ้าน? <<เข้าใจถูกจริงเรอะอันนี้-*-)
-Sublimation -- เพราะสังคมยอมรับนั่นแหละ


...ตามที่แหล่งอ้างอิงนี้กล่าวมา กลไกทางจิตแบบผู้ใหญ่น่ะใช้ได้เรื่อยๆ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไร เพราะเป็นทางที่สังคมยอมรับอยู่แล้ว ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ทั้งคนอื่นและตัวเอง ถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในบรรดาทั้งหมด


ก็...ดูแล้วคิดว่าอย่างไร? ใครมีข้อไหนบ้าง? พฤติกรรมของใครบางคนแถวนี้เกิดจากอะไรกันแน่?
แล้วสิ่งที่ร่ายมายาวเหยียดนี่...เชื่อถือได้จริงหรือ? (โดยเฉพาะบรรทัดแรกของกระทู้)


โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชมค่ะ
55+


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2553 / 01:14

PS. �ในม่านหมอกอันเป็นมายานั้น...มีความจริงแฝงเร้นมากน้อยเพียงใด?

แสดงความคิดเห็น

16 ความคิดเห็น

ซ่อนนาม 20 พ.ย. 53 เวลา 01:35 น. 2

เค้าเป็น
Repression
Denial
Rationalization
Intellectualization
Fantasy
Asceticism
ง่ะ

ปล "เค้า"ในที่นี้ไม่ใช่สรรพนามบุรุษที่ 1 !


PS.  ...ใช้ท่าเดิมกับข้าไม่ได้ผลหรอก... ...แอร๊ย !!!
0
haru_tatsu 20 พ.ย. 53 เวลา 01:56 น. 3

 หึหึหึหึ.....


PS.  ชีราลฮาชีเน.. กรุณาอย่าเอาตัวเองมาเป็นมาตรฐาน!!..sarangheyo.. Amo-te.. Szeretlek. Ich liebe dich . seni seviyorum. Ik hou van jou..ผมรักคุณจริงๆนะ..เชื่อคำจิ้งจอกตัวนี้มั๊ย
0
dark shama 20 พ.ย. 53 เวลา 01:57 น. 4

อืม ของข้าน้อยมี

Repression
Intellectualization
Isolation of effect
Fantasy
Introjection

อาจจะ Displacement ด้วยแต่ไม่ลงที่คนอื่น ลงที่ตัวเองมากกว่า


PS.  ฉัน...คือ...ก้อนเมฆ ~ ก้อนเมฆ...คือ...อิสระ ~ อิสระ...คือ...ฉัน ~ ลอยละลิ่วล่องเรื่อยไปตามสายลม ดีกว่าจมปลักอยู่กับชีวิตที่หาทางออกไม่เจอ แต่สายลมก็คือผู้นำทาง เลือกให้ดีก่อนที่อิสระจะกลายเป็นไร้อิสระ
0
ล่องฟ้า 20 พ.ย. 53 เวลา 02:26 น. 5

ข้าน้อยชำนาญวิชา   โยกย้ายความรู้สึก     จะเปลี่ยนความขุ่นเคืองเป็นการดูถูก(โดยไม่แสดงออก แค่คิด)   แม้ไม่ดีแต่ทำให้ใจเรารู้สึกสบาย  และสามารถเห็นความต่างของศัตรู   จนสามารถจับทางถูกและสวนด้วยเพลงดาบจนหมอนั้นล้มดับดิ้น  นอกเรื่องแล้วตู-*- 




PS.  ติดตามนิยายผมได้ *** wolf of magic อภินิหารหมาป่าเวทย์*** ***************************************************
0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

mi-ya-keneko 20 พ.ย. 53 เวลา 14:36 น. 8

นี่คืออาการที่เคยเป็น กำลังเป็นอยู่และหายแล้วนะคะ

1. Repression -- เก็บกด [แล้วก็จะพัฒนาเป็นข้อ 3 5 8 9 11 และ 14 ในเวลาต่อมา...] --> พยายามบำบัดอยู่
ก็ประมาณว่า มีปัญหาความคับข้องใจอะไรเกิดขึ้น แต่กลับเก็บไว้ใน unconscious แล้วก็เหมือนจะลืมๆมันไปเสียอย่างนั้น
(เช่น ถูกคนด่าประณามหยามเหยียดมากมาย แต่สุดท้ายเนียนหน้าตาเฉยราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น และเจ้าตัวก็ไม่รับรู้ว่าชีวิตนี้เคยถูกคนด่าขนาดนั้นมาก่อนเสียด้วยสิ...?)

3. Rationalization -- แถข้างๆคูๆ [ส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับข้อ 1 และ 4] --> ตอนนี้เลิกแล้ว มีความคิดมากขึ้น
แถๆๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี ทั้งที่เหตุผลมันก็ไม่เห็นจะรับได้ตรงไหน

4. Intellectualization -- พยายามหาเหตุผล [คิดเองเออเองนี่ใช่เลย =___=] --> ก็มีบ้าง...
อันนี้ดีกว่าอันก่อนนิดหน่อย ตรงที่เหตุผลมันยังพอรับได้ แต่ก็...คิดไปเองทั้งนั้นอยู่ดี

6. Isolation of effect -- แยกอารมณ์ออกจากความทรงจำ [อันนี้ยังไม่สามารถทำได้... แต่กำลังพยายามอยู่] --> กำลังเป็นและกำลังแก้ไขอยู่
เหมือน ที่บอกว่า เวลาผ่านไป ความเจ็บปวดมันจะจางหาย...เราอาจจะมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาเลวร้ายแล้ว รู้สึกว่ามันไม่เคยมีอะไรเลย...ทั้งที่ความรู้สึกแย่ๆพวกนั้นมันเกิดขึ้น จริงๆ
(เช่น คนที่สามารถเล่าเรื่องตอนตัวเองถูกข่มขืนโดยไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด...มัน ไม่ใช่ไม่รู้สึกรู้สา แต่เพราะเขาแยกความรู้สึกเลวร้ายออกจากเหตุการณ์ไปเรียบร้อยแล้วต่างหากล่ะ)

7. Displacement -- โยกย้ายความรู้สึก [ดราม่าในชีวิตจริงแล้วดราม่าใส่แฟน... เคยจริงๆนะ ;__; รู้สึกผิดจนถึงบัดนี้] --> หายขาดแล้วค่ะ
ออกแนวประมาณ...รู้อะว่าโกรธใคร แต่จะไปลงกับต้นเหตุก็ไม่กล้า เลยต้องเอาอารมณ์พลุ่งพล่านมาระบายกับคนอื่นแทน
พวกโกรธเพื่อนแล้วมาพาลกับน้อง โกรธแฟนแล้วมาพาลใส่เพื่อน เข้าข่ายทั้งนั้น

8. Projection -- โทษชาวบ้าน [เป็นบ่อย... ว่าที่เราไม่พัฒนาไปไหนก็เพราะคนบางกลุ่มและพ่อแม่ที่มัวดราม่ากันเองจนทำให้เราเดือดร้อนไปด้วยเมื่อหลายปีมานานมากแล้ว... แต่ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ] --> ขอนับรวมอาการวีน เหวี่ยงใส่คนอื่นเวลาไม่ชอบใจอะไรด้วยนะคะ เหมือนเป็นกลไกปกป้องตัวเองเพราะเมื่อก่อนเราไม่เคยตอบโต้ใครกลับเลยสักครั้งเดียว แต่ตอนนี้เลิกแล้ว
โทษชาวบ้าน โยนความผิดให้คนอื่น ฉันไม่ผิด...มันผิดที่แก๊สโซฮอล์! (มุกเก่าเหลือทน- -")
(เช่น ฉันเอาอะไรไม่รู้มาเผยแพร่ให้คนอื่นแล้วโดนด่ากลับมา ฉันไม่ผิด! มันผิดที่คนพวกนั้นไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ฉันอยากจะบอกต่างหาก!)

9. Compensation -- ทดแทนส่วนขาด [กำลังทำอยู่... มีญาติเก่งทั้งการเรียน กิจกรรม ดนตรี เราเลยจะเอาดีทางการเขียนแทน]
คือตัวเองมีจุดด้อยอะไรสักอย่าง และก็แก้มันไม่ได้ เลยต้องแสวงหาหนทางอื่นที่จะสร้างจุดเด่นให้ตัวเองขึ้นมาแทน
(เช่น ชีวิตนี้โลกภายนอกไม่มีใครคบ...ไม่มีใครสนใจ! ฉันมาเด่นในบอร์ดนี้แทนก็ได้!! ฮือๆๆๆ)

11. Fantasy -- ฝันไปวันๆ [/me...แทงใจดำ อ๊ากกกกก!!!] --> เป็นอยู่ ฝันจนลืมมองข้ามความจริง แล้วเป็นไงล่ะ สอบตรงก็ไม่ติด -"- ตอนนี้เลยเลิกฝันเฟื่องแล้ว
พร่ำเพ้อไปงั้น อยากได้อะไรต้องฝันเอา แต่ไม่พยายามทำให้มันเป็นจริงหรอกนะ
(เช่น ไม่อ่านหนังสือมันเลยสักตัว แต่ก็ฝัน...อาจจะได้ A ช้วนก็ได้! ใครจะรู้!)

14. Introjection -- ฉันมันไม่ดีพอ [น่าจะเป็นอยู่แหละ...มั้ง?] --> เป็นนานๆทีในช่วงจิตตก แต่ไม่ค่อยเป็นมากแล้วถ้าเทียบกับสมัยก่อน
เหมือนกับรู้สึกคับข้องอะไรสักอย่างกับคนคนนึง แต่...เราจะโกรธเขาไม่ได้ เราจะเกลียดเขาไม่ได้...สุดท้ายเลยต้องโทษตัวเอง เราผิดเอง
เขาไม่ยอมไปจากที่นี่สักที...เรามันไม่ดีพอ! (ฮึกก)


PS.  Miyacatz PK ❤ การ "แรง" ที่ดีน่ะมันต้องมีกึ๋น.... ไม่ใช่สักแต่แรงเข้าว่าแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ =^___^=
0
Star* of Radiance 20 พ.ย. 53 เวลา 15:08 น. 9

#6
เครียดแล้วเป็นโรคกระเพาะนี่ไม่เกี่ยวกับ defense mechanisms อะ...มันเป็นสภาพทางกายจริงๆ ถ้า defense จะออกแนวป่วยแบบไม่สอดคล้องกับสภาพจริงมากกว่า
เวลาเครียดแล้วมันจะมีฮอร์โมน cortisol ที่ช่วยลดความเครียดลงให้ร่างกายรับได้ (ออกฤทธิ์เป็นยาสเตอรอยด์ครอบจักรวาล) ซึ่งก็จะมีผลอีกทาง คือ กัดกระเพาะ เป็นของแถม
= =

เราเองก็เป็น 1 3 4 5 9 13 กะ anticipation ...ซึ่งมันกลับทำให้เราหงุดหงิดเวลาคนอื่นไม่รู้จักวางแผนไปซะงั้น ฮาฮา


PS.  ในม่านหมอกอันเป็นมายานั้น...มีความจริงแฝงเร้นมากน้อยเพียงใด?
0
TheT 20 พ.ย. 53 เวลา 15:30 น. 10

เป็นเกือบทุกอย่าง - -"

ยกเว้น Undoing กับ Sublimation


PS.  ...บางคน...พูดเก่ง...แต่ฟังไม่เก่ง... ...บางคน...ฟังเก่ง...แต่พูดไม่เก่ง... ...บางคน...พูดเก่ง...เพราะฟังเก่ง... ...แต่บางคน...พูดเก่ง...แต่ไม่ฟังคนอื่นเลย...
0
หยงเล่อ Starlessnight 20 พ.ย. 53 เวลา 15:45 น. 11

ที่กล่าวมาเป็นแนวคิดแบบฟรอยเดี้ยน หรือสายจิตวิเคราะห์อ่ะนะ

ต้องบอกว่ามันอยู่ในสมมุติฐานว่า พฤติกรรมเกิดจากแรงขับดันภายในร่างกาย ที่เราเรียกว่า ID ด้วย
แต่หากว่า ID ต้องการสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในทางศีลธรรม (ในภาษาฟรอยจะเรียกศีลธรรมว่า super Ego) เช่น หลงรักแม่ตัวเอง อยากฆ่าคน
กระบวนการดังกล่าวจะถูกนำเอามาใช้ เพื่อให้สามารถประนีประนอมกับระหว่า Id กับ super Ego ได้

ถ้าเป็นจิตวิทยาสำนัก การเรียนรู้ หรือมนุษย์นิยม จะไม่ค่อยเชื่อเรื่องกลไกป้องกันจิตใจตนเองแบบนี้สักเท่าไหร่

ในแนวคิดแบบฟรอยเดี้ยนนั่น กลไกป้องกันตนเองทางจิตเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนต้องมี ไม่อย่างงั้นจะไม่สามารถจัดการ Id กับ super Ego อย่างไรก็ตาม การหลงผิด หรือความผิดปรกติทางจิตในระดับ abnormal อื่นๆ นั้นมีเรื่องอะไรมากไปกว่านี้หน่อยนึง


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2553 / 15:47
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2553 / 15:48
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2553 / 15:49
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2553 / 15:58


PS.  MAN is born free; and everywhere he is in chains.
0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Prisma Dominatus 20 พ.ย. 53 เวลา 21:36 น. 14

ผมว่าผมมี
Intellectualization เป็นครั้งคราว
Reaction Formation คิดว่าอันนี้บ่อย โดยเฉพาะสถานการณ์เผชิญหน้านอกงาน
Isolation of effect หลัง ๆ นี้เป็น
Undoing เสมอต้นเสมอปลาย
Conversion/Somatization ตอนแรก ๆ ที่รับงานพิเศษเป็นมาก


PS.  คนทุกคนเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมมากกว่าคนอื่น (Warhammer 40K) | แนะนำเกมพีซีและอาจมีดาวน์โหลด -> http://teamarcane.blogspot.com/ | เรื่องสนุก โพสไว้ให้ฮา -> http://post4fun.blogspot.com
0