Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(Review) รีวิวอนิเมใหม่ของซีซั่นนี้ตามใจผม ระวังสปอยล่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าอนิเมตอนที่หนึ่งของซีซั่นนี้ก็ฉายกันไปครบแล้ว (ล่ะมั้ง) เลยคันไม้คันมือ  อยากลองเขียนรีวิวแบบกาก ๆ ตามสไตล์เชพพี่หมี  เอ้ย  ไม่ใช่ล่ะ  ถ้าใครอยากรอรีวิวแบบไร้อคติและดุเด็ดเผ็ดมันก็รอของอย่ามาคันก็แล้วกัน  ตอนนี้อยู่กับรีวิวแบบไบแอสของผมไปพลาง ๆ ก่อนนะ

ปอลิ่ง. ผมไม่ได้ดูทุกเรื่องของซีซั่นนี้นะ  เพราะฉะนั้นจะเน้นเรื่องที่ผมคิดว่าน่าสนใจก็แล้วกัน

_______________________________________________


1. Ikoku meiro no croisee

อาเรียเวอร์ชั่น Clash of Civilization




Kudo ให้กับคนวาดฉบับแมลงหง่าเรื่องนี้เลย  ภาพสวยมาก


เรื่องย่อ: Ikoku meiro no croisee ดำเนินตอนช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 (จะเจอกับมิสเอ็มม่าด้วยหรือเปล่าเนี่ย เหอ ๆ) ที่ปารีส  ฝรั่งเศส เป็นการเล่าเรื่องของการพบกันระหว่างคลอส (หรือเคลาส์หว่า  อ่านยังไงเนี่ย)  เจ้าของร้านงานงานศิลปะจากเหล็กในย่านการค้า Galarie du Roy กับยูเนะ  เด็กสาวเรียกลูกค้าจากญี่ปุ่น (ภาษาอังกฤษมันใช้คำว่า Poster Girl... เด็กเชียร์แขก ? ฮา)  และเรื่องราวการเรียนรู้ระหว่างสองวัฒนธรรมจากสองซีกโลก  โดยจะมีตัวละครอื่น ๆ เช่น อลิส  สาวไฮโซ ลูกสาวตระกูลที่เป็นเจ้าของย่านการค้าที่คลอสตั้งร้าน และคลั่งของอะไรที่เป็นญี่ปุ่นมาก  เด็กจรจัดที่ชอบมาแวะดูยูเนะบ่อย ๆ คุณตาของคลอสที่เป็นคนพายูเนะมาที่ฝรั่งเศส เป็นต้น

ดูจากตอนแรกแล้วเรียกได้ว่าแทบจะถอดออกมาจากตอนแรกของฉบับแมงหง่าเลยทีเดียว  อาจจะมีรายละเอียดเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย  เช่นในอนิเมไม่ได้ฉายฉากที่ยูเนะเอาฟูกมาไว้บนพื้น  หรือแนะนำตัวละครบางตัวก่อนบ้าง  แต่โดยรวมแล้วก็เอื่อย ๆ ไม่หวือหวา  อารมณ์ประมาณดูอาเรียนั่นล่ะ 

ถึงอารมณ์จะดูเอื่อยแต่เนื้อหาที่พยายามจะสื่อในเรื่องไม่เอื่อยเลยสักนิด  ทำได้น่าสนใจทีเดียว  อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรก  เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรมของสองโลกที่โคจรมาพบกัน  เพราะฉะนั้นเราจะได้เห็นคลอสทำหน้าเหวอตอนยูเนะก้มคำนับตามแบบญี่ปุ่น (คลอสตกบอกว่าอย่างกับพวกทาสทำกัน)  ตอนต่อ ๆ มาเราอาจจะได้เห็นปัญหาของยูเนะกับอาหารที่ไม่คุ้นเคย  หรือค่านิยมของการทำงานระหว่างสองวัฒนธรรม 

เอาเป็นว่าเวลาดูเรื่องนี้ไม่ควรดูตอนง่วง ๆ เพราะมันจะยิ่งกล่อมให้หลับปุ๋ยไปเลย  แต่ก็นับได้ว่าเป็นอนิเมที่น่าติดตามเรื่องหนึ่งของซีซั่นนี้เลยทีเดียว

บ่นเล็กน้อย: ผมรู้สึกขัดใจกับคาแร็คเตอร์ดีไซน์ของอนิเมนะ  ตามันดูห่าง ๆ ไปหน่อย  เลยแทนที่จะโมเอะ กลับรู้สึกขัดใจอย่างน่าประหลาด  แถมจังหวะอารมณ์ของตอนบางทีก็ไม่เหมือนกับที่มังหง่าพยายามจะสื่อสักเท่าไหร่  แต่โดยรวมแล้วก็ยังไม่ทำให้รู้สึกขัดสักเท่าไหร่นะ



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 18:50
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 18:50

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....

แสดงความคิดเห็น

>

39 ความคิดเห็น

Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 19:12 น. 1
2. Kamisama Dolls

คิวเบย์ Strike Back (ลองสังเกตเจ้าหุ่นตุ๊กตาตัวหลังสิ !)



เรื่องย่อ: ชักขี้เกียจเขียนแล้วล่ะ (ฮา) เอาเป็นว่าเป็นเรื่องราวของพ่อหนุ่มนามว่า เคียวเฮย์ ที่ได้เดินทางจากบ้านเกิดที่เป็นหมู่บ้านอันห่างไกลมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในโตเกียว  เขาพยายามหนีจากเหตุการณ์บางอย่างที่ยังคงตามมาหลอกหลอนเขาไม่หยุด  และในวันหนึ่งหลังงานเลี้ยงสังสรรค์ของคณะ  เคียวเฮย์ และ ฮิบิโน่ (สาวอวบอึ๋มคนขวาในรูปนั่นล่ะ) ที่เป็นลูกสาวของคุณลุงที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน บังเอิญพบศพถูกฆ่าอย่างโหด Heam ในลิฟต์  หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับน้องสาวของเขาที่ชื่อ อุตาโอะ (สาวน้อยโลลิในรูป) ที่นำหุ่นตุ๊กตาชื่อ คุริริ มาจากหมู่บ้านด้วย (เจ้าคิวเบย์ในรูปนั่นล่ะ)  เธอได้แจ้งข่าวว่า อากิ  เพื่อนเก่าที่หมู่ ได้หลุดออกมาจากคุกและกำลังตามหาเคียวเฮย์อยู่  และเรื่องราวต่อจากนั้นก็จงไปดูเองเถิด  มันซับซ้อนจนขี้เกียจเล่า (ฮา)

ผมเคยติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ฉบับมังหงะ (อีกแล้ว)  มีลิขสิทธิ์ของ VBK แล้วด้วยในชื่อ  ตุ๊กตาเทวะ  เป็นเรื่องที่มีปมลึกลับซ่อนเงื่อนใช้ได้เลย  ผมชอบงานเขียนของคนเขียนท่านนี้มาก (Yamamura Hajime) อีกเรื่องที่เขียน Blue Sanctus ก็สนุกเหมือนกัน  พอดูตอนแรกจบก็เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังเลย  ตั้งแต่เพลง OP ที่ทำได้สวยและเพราะมาก  จนไปถึงงานภาพที่ค่อนข้างเรียกได้ว่าสวย  อารมณ์โทนเรื่องก็เข้ากับที่ผมจินตนาการในฉบับแมลงง่า  คุณฮิบิโน่ก็อวบอึ๋ม  แต่ที่แจ่มที่สุดก็คงต้องเป็นน้องสาวโลลิอย่าง อุตาโอะ นี่ล่ะ  บอกได้ว่า...น่ารักมากกกกกกกกก 

เรื่องที่น่าสนใจของเรื่องนี้อีกอย่างคือความลึกของตัวละคร  ตา เคียเฮย์ เองก็มีปมอยู  เขาเคยเป็น เซคิ หรือคนที่บังคับหุ่นเทพ มาก่อน  แต่ตอนหลังยกเลิกพันธสัญญาก่อนจะยกตำแหน่งให้กับน้องสาวแทนเพราะเหตุการณ์ในอดีต ก่อนจะตัดสินใจหนีปัญหาเข้ามาเรียนในเมือง  ดังนั้นเขาจึงดูค่อนข้างอ่อนปวกเปียก  ไร้น้ำยา  แต่ความจริงตอนเขาเป็นเซคินี่เท่มากนะ  อากิ  ตัวร้ายของเรื่อง (ที่น่าจะให้คนพากษ์เคียวเฮย์มาพากษ์หมอนี่แทน) ก็มีปูมหลังที่น่าสงสาร  หรือ อุตาโอะ น้องสาวที่เป็นเซคิมือใหม่  ยังควบคุมคุริริได้ไม่ค่อยดีนัก  แต่เธอก็มีความพยายามเลยทำให้เกิดเรื่องเปิ่น ๆ หลายครั้งหลายคราว  แต่ใครจะโกรธหนูลงล่ะจ๊ะ

เอาเป็นว่า  เป็นเรื่องที่ผมคงติดตามในซีซั่นนี้อย่างแน่นอน  ไม่สนุกเดี๋ยวผมให้ทำสัญญากับคิวเบย์เลย เอ้า

แถม OP ด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=lkjaBSQKF20


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 19:37

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
2
PunNC 17 มี.ค. 60 เวลา 10:50 น. 1-1

ดูจบแล้วเริ่มอ่านมังงะตอนที่เท่าไรครับ ??


0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 19:30 น. 3

3. ขบวนการนักสืบ NEET

It's a neet thing to do, but is it a neat thing to watch? Look at the picture below




วิคตอริก้าถอยไป !  ซีซั่นนี้อลิสขอจอง  อย่าลืมโหวตให้หนูในไซโมเอะด้วยนะ

เรื่องย่อ: ขี้เกียจเขียนแล้วล่ะ (ฮา) เพราะฉะนั้นขอก็อปมาจากเรื่องย่อในเว็ปของบลิสเลยก็แล้วกัน

'ขบวนการนักสืบ NEET' หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า '神様のメモ帳' (Kami-sama no Memo-chou) เป็นผลงานจากปลายปากกาของสุงิอิ ฮิคารุ เจ้าของรางวัลการประกวดนิยายของสำนักพิมพ์เดงเกคิ ครั้งที่ 12 ภาพประกอบโดยคิชิดะ เมรุ ผู้ออกแบบคาแรกเตอร์ต้นแบบให้กับแอนิเมชัน 'ソ・ラ・ノ・ヲ・ト' (so-ra-no-wo-to)

'ขบวนการนักสืบ NEET' เป็นเรื่องราวของฟุจิชิมะ นารุมิ เด็กหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง เขาได้พบเด็กสาวนามว่า 'อลิส' ผู้ประกาศตนว่าเป็นนักสืบ และไม่ใช่นักสืบธรรมดา แต่เป็น 'นักสืบนีต' (คำว่า 'NEET' นั้นย่อมาจาก 'Not in Education, Employment or Training' หมายถึงบุคคลที่ไม่ยอมทำงาน เรียนหนังสือ หรือฝึกฝนตนเอง) และเกิดเหตุให้เขาต้องมาเป็นผู้ช่วยของอลิส ทำให้นารุมิได้พบชาวนีตมากมายหลากประเภท

ที่มา http://www.jlightbook.com/detail.php?type=book_review&id=3

คราวนี้ JC Staff ไม่ทำให้ผิดหวังแฮะ  ทั้งการเดินเรื่อง  งานภาพ และเพลงเรียกได้ว่ากู้หน้าจากที่ทำไว้ซะเละในอาเรียของซีซั่นก่อนเลย  ผมเองก็ไม่เคยอ่านไลท์โนเวลมาก่อน  แต่ดู ๆ ไปแล้วเนื้อเรื่องก็น่าสนใจดี  น่าจะเกี่ยวกับปัญหาสังคมที่หมกอยู่ในซอกหลือของสังคมในญี่ปุ่นเขานะ แค่ตอนแรกก็พูดถึงเรื่องนักเรียนขายตัวเสียแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  มีสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจผมไปได้แทบจะทันที.... อลิสน่ารักมากกกกก  โดยเฉพาะตอนที่เธอทำท่าร้องไห้กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอย่างเช่นหักตะเกียบไม่เท่ากัน หรือหูตุ๊กตาหมีขาด  อา... ซีซั่นนี้มันชวนคุกเหลือเกิน  แต่ผมว่าอลิสในเรื่องนี้ยังทำได้ไม่โมเอะเท่าวิคตอริก้าจากเรื่องโกสิกนะ  จะว่าเป็นเรื่องดีก็ได้ล่ะมั้ง  เพราะคนดูจะได้ไม่โดนความน่ารักของอลิสบดบังเนื้อเรื่องเหมือนกับที่ความโมเอะของวิคตอริก้าบดบังเนื้อเรื่องของโกสิกซะมิด...

ความน่าติดตาม... ต้องดูหลังจากนี้ว่า JC Staff จะคงเส้นคงวาได้ขนาดไหน  หวังว่าคงจะไม่ปั่นเนื้อเรื่องตอนจบเอง หรือเผาไปเสียก่อนนะ (แต่กลัวเรื่องด้นตอนจบเองที่สุดแล้วล่ะ ฮา)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 19:31

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 19:33 น. 4

# 2 โอ้... ท่านแคมมี่ก็ชอบเหมือนกันเหรอเนี่ย  เพลงเปิดมันแจ่มจริงนะ  วงเดียวกับที่ร้องเพลงปิดของกันดั้ม OO ด้วยแหงมเลย

ไปหม่ำข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวมาต่อก็แล้วกัน


PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Raftale (อลิซาเบธ) 9 ก.ค. 54 เวลา 20:21 น. 6

 เรื่อง  Kamisama Dolls ผมดูแล้วมันไม่ค่อยมีเสน่ห์แฮะ เหมือนมันไม่มีอะไรน่าติดตามมากกว่ามั้ง...


PS.  อย่าได้หวั่นต่อคำลวงใดๆ เพราะไม่มีสิ่งใดคือความจริงตั้งแต่แรก...
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 20:39 น. 7
4. Mawaru Penguindrum
การ์ตูนแนวชาร์ฟ ๆ ที่ชาร์ฟไม่ได้ทำ



รูป screen cap จิ๊กมาจากบล็อก Random Curiosity

เรื่องย่อ: บอกไม่ถูกจริง ๆ อะ  

ดูตอนแรกเล่าได้คร่าว ๆ ว่าเป็นเรื่องของสามพี่น้อง (พี่ชายสอง น้องสาวหนึ่ง) ที่รักกันมาก  แต่อนิจจาน้องสาวของพวกเขาเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย  แถมยังมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน  วันหนึ่งทั้งสามไปเที่ยวสวนน้ำที่มีเพนกวิ้นตามคำขอของน้องสาว  แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อน้องสาวล้มป่วยลงและก็ตายลงในเวลาต่อมา  ระหว่างที่พี่ชายทั้งสองกำลังเศร้าโศกเสียใจอยู่นั้นก็พบว่าจู่ ๆ น้องสาวก็ฟื้นขึ้นมาเสียแล้ว  หลังจากนั้นก็มีเพนกวิ้นสามตัวปรากฎตัวต่อหน้าพี่น้องทั้งสาม  และบุคลิกของน้องสาวที่เปลี่ยนไปยามเมื่อสวมหมวกเพนกวิ้น  มิติปริศนากับยุทธการเพื่อการอยู่รอดและเสื้อผ้าที่หลุดทีละชิ้น  การดึงอะไรบางอย่างจากอกสไตล์อูเทน่า สุดท้ายและไม่ท้ายสุด... แว่วเสียงอินเซส

อา... มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย  ถ้าท่านแคมมี่ไม่พูดถึงผมคงไม่ได้ดูนะเนี่ย  ต้องขอขอบคุณท่านแคมมี่สำหรับอนิเมแปลก ๆ ของซีซั่นนี้ด้วย

ความประทับใจแรกของเรื่องนี้คือความแนวของป้ายต่าง ๆ ที่ใส่มา  ถ้าไม่ได้ดูเครดิตตอนแรกคงนึกว่าชาร์ฟเป็นคนทำนะเนี่ย  แนวซะ... ภาพถือได้ว่าสีสดใส  สวยงาม  คาแร็คเตอร์ออกการ์ตูนผู้หญิงหน่อย  (ลองไปเช็คเพิ่ม  มิน่าตัวละครดูคุ้นตาเหลือเกิน  ที่แท้ก็คนวาด โอโตะเมะ โยไค  ซาคุโร นี่เอง)

ส่วนอารมณ์ของเรื่องเหรอ... บอกไม่ถูกแฮะ  อารมณ์คล้ายกับตอนดูโคเรวะซอมบี้เลยคือจะน่ารักก็น่ารัก ไปเที่ยวหลั่นล้า  แต่ซีนต่อมา...อ้าว  ฮิมาริ (น้องสาว) ม่องซะแล้วเหรอ  พอกำลังเศร้า ๆ อ้าว ฟื้นซะละ  ต่อมา อะไรฟะ  เพนกวิ้น ?  สาวน้อยเวทมนต์เพนกวิ้น ?  Incest ? อารมณ์ตัดได้อย่างโฉด  แต่กลับเนียนนะ

อีกฉากที่ผมชอบคือตอนอยู่ในมิตินอกโลกแล้วฮิมาริปรากฏตัวในชุดสาวน้อยเวทมนต์เพนกวิ้นนะ  เจ๋งดี  น่าจะเรียกว่าฉากแปลกร่างย้อนกลับแทนก็ว่าได้ (แถมมีล้ออูเทน่าด้วยเว้ย) สงสัยว่าต้องแอบมีล้ออนิเมเก่า ๆ แทรกไว้เยอะแน่  แต่โชคดีที่ผมยังเด็ก  เลยไม่เก็ทมุก (ฮา

ตอนแรกทำได้ดีทีเดียว  โดยเฉพาะฉากบ่นเกี่ยวกับเรื่องโชคชะตาตอนต้นเรื่องและท้ายเรื่อง  มันน่าจะเป็นปมของเรื่องนี้  แต่ที่น่าสังเกตคือตอนพรีวิวท้ายเรื่อง ฮิมาริ กลับมีความเห็นเรื่องโชคชะตาที่ต่างไปจากพี่ ๆ ทั้งสอง 

เอาเป็นว่า  เจ๋งว่ะ...



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 กรกฎาคม 2554 / 21:30

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 21:23 น. 8
5. Usagi Drop
ซีซั่นนี้เรารักเด็ก



op ของเรื่องเข้าไปดูได้ ที่นี่

เรื่องย่อ: แปลมั่ว ๆ จากเรื่องย่อของ yen press

หลังจากเดินทางไปงานศพของคนตาที่บ้านเก่า  ไดคิจิ  หนุ่มโสดอายุสามสิบปี  กำลังจะพบความจริงที่ว่าคุณตามีลูกสาว (ริน) นอกสมรสกับคนรักที่อายุน้อยกว่า  ระหว่างที่ทั้งครอบครัวกำลังช็อคและอับอายกับความจริงที่ปรากฏ  และไม่มีใครที่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเด็กสาวที่ดูเงียบคนนี้  ไดคิจิจึงตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงเธอด้วยตัวเอง  อา... แล้วการอยู่กับวัยรุ่นโข่งอย่างไดคิจิจะช่วยให้รินเปิดใจได้หรือไม่  และนอกจากนั้นแล้วมันไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นจุดจบของชีวิตรักของไดคิจิด้วยหรือ ?
 
เรื่องนี้ผมขออวยครับ  ไม่อยากเล่าให้มากความ  เอาเป็นว่าเรื่องนี้เล่นประเด็นของภาวะความเป็นพ่อแม่ และอุปสรรคของ single parent ไว้อย่างเต็มเปี่ยมเลยล่ะ  ตั้งแต่การหาเนิร์สเซอร์รี่  โรงเรียน  การต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็ก  บลา ๆ คนเขียนเรื่องนี้เก่งมากเลยนะที่สามารถดำเนินเรื่องไปเหมือนกับว่าเรากำลังเป็นอีกคนที่คอยเลี้ยงดูรินไปพร้อม ๆ กับไดคิจิ  อ่านไปก็รู้สึกทั้งอบอุ่นทั้งความรักที่ทั้งสองมีให้กันในฐานะครอบครัว (เฉพาะช่วงครึ่งแรกของเรื่องนะ เอิ๊ก ๆ)  เรียกได้ว่าใครยังไม่เคยอ่านก็น่าจะลองหามาอ่านนะ  แล้วจะทราบว่ารินน่ารักขนาดไหน  ยิ่งตอนเห็นรินตอนโตแล้วนี่ผมแทบจะร้องไห้เลย (อารมณ์เดียวกับตอนที่อ่านถึงฉากสาว ๆ ในเรื่อง zettai karen children จบการศึกษาเลยล่ะ T_T  โอ... เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน)

แน่นอนว่าฉบับอนิเมดึงอารมณ์ของแมลงง่าได้อย่างทรงพลัง  ทั้งดนตรี  ทั้งภาพที่ดูคล้ายสีน้ำ (แบบเดียวกับ hourou musuko นั่นล่ะ  แต่ไม่ชัดขนาดนั้น) การตัดการเคลื่อนไหว  ทำได้ดูเรียบง่ายแต่กลับยอดเยี่ยม  ตรึงอารมณ์ให้ผมนั่งดูแม้ว่าจะเคยอ่านแบบในฉบับแมลงง่ามาแล้วก็ตาม

เรื่องนี้ผม Recommended  แล้วคุณจะรู้ว่ารินเป็นเด็กดีขนาดไหน

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 22:38 น. 9
No. 6
Big Brother is watching



1984 เวอร์ชั่นโชเน็งไอ !?

เรื่องย่อ: แปลจากเรื่องย่อที่แปะในเว็ปทางเน็ตนะ

อนิเมทีวีซีรีย์ No. 6 สร้างโดย Bones อิงจากไลท์โนเวลไซไฟเขียนโดย Atsuko Asano  เรื่องราวดำเนินในยุคอนาคตของปี 2013 กับเมือง No. 6 ผ่านสายตาของเด็กหนุ่มนามว่าชิออน  ชิออนถูกเลี้ยงดูภายในตัวเมืองในฐานะเด็กหัวกระทิตั้งแต่อายุ 2 ขวบ  ในคืนวันเกิดตอนอายุ 12 ขวบ  ชิออนได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า เนซุเมะ (หรือที่แปลว่าหนูนั่นล่ะ)  โดยเนซุเมะได้หนีออกมาจากส่วนดูแลพิเศษของเมือง  และในตอนนั้นเองที่ชีวิตของชิออนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เอาล่ะ  ผมจะไม่พูดถึงกลิ่นวายที่หึ่งออกมาของเรื่องนี้นะ  แต่ตอนแรกที่ดูมีประเด็นสอดแทรกที่น่าสนใจมากเลย 

ตอนดูจบ  นอกเหนือจากความวายป่วงนะ  ผมนึกถึงเรื่อง 1984 เลยล่ะ  เมืองหมายเลข 6 ก็คงไม่ต่างอะไรจาก oceania เลย (มี ministry of peace ด้วย ! มายบิ๊กบราเธอร์) คือเป็นโลกหลังจากความพินาศที่สุดท้ายแล้วศูนย์รวมอำนาจกลายเป็นเมืองใหญ่ ๆ 6 เมืองที่กระจายอยู่ทั่วโลก  แน่นอนว่ามันไม่ใช่โลกที่เลวร้ายนักเมื่อเทียบกับ oceania (อย่างน้อยก็เท่าที่เห็นจากตอนแรกนะ) แต่ก็มีอะไรทะแม่ง ๆ เยอะเลย  ตั้งแต่แรกคือทุกคนจะมีกำไลข้อมือที่ประตูจะตรวจจับทุกครั้งที่เข้าออกอาคารหรือเดินทาง  เป็นทั้งที่แจ้งข่าวของทางรัฐบาลด้วย  อารมณ์ของผู้คนที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่  ตั้งแต่เพื่อนสาวของชิออนที่ดูแล้วน่าจะชอบชิออนแน่ ๆ แต่เหมือนกับรู้สึกว่ามองความรักแบบไร้อารมณ์มาก (ตอนจูบแก้มก็บอกชิออนว่าเป็นการจูบด้วยความรู้สึกอยากสืบพันธุ์แบบไม่รู้สึกอายอะไรเลย) หรือตอนที่ยายบ่นว่าใน no, 6 ก็ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นแล้วนอกจากทำขนมหรือถักนิตติ้งไปวัน ๆ หรือแม้แต่ตัวชิออนที่ดูจะมองโลกทุกอย่างด้วยความสงสัยแบบเด็กสุด ๆ (ขนาดโดนขู่ฆ่ายังยิ้มออก  ถามว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง ด้วยซ้ำ - -")

แน่นอนถ้าไม่นับเรื่องวายแล้ว  โลกนี้ดูน่าสงสัยมาก  ชีวิตสุขสบายนี่อาจเป็นแค่เปลือกภายนอก  แต่เราจะได้เริ่มกลิ่นของความไม่ชอบมาพากล (นอกจากเรื่องความวายที่หึ่งออกมา) ตั้งแต่ตอนแรกที่เนซุเมะถูกใครบางคนไล่  ความรู้สึกที่ถูกจับตามองตลอด  ผู้คนที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ  หอคอยมูนดร็อป และอื่น ๆ อีก

ส่วนเรื่องภาพคงไม่ต้องพูดถึง  ระดับ bones ทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว  ตอนแรกทำมาได้ดีทีเดียว   (นอกจากความวายที่คละคลุ้งไปทั่ว) หวังว่าจะไม่จบเห่เหมือนเรื่อง fractale นะ  โอมเพี้ยง



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 22:40
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 22:41
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 22:42
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 10 กรกฎาคม 2554 / 21:23

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 22:50 น. 10

รีวิวไม่ไหวแล้วอ่ะ - -" ยังมีเรื่อง blood -c, sacred seven, baka to test II, yuru yuri, Mayo Chiki ใครมีอะไรอยากรีวิวเพิ่มก็เชิญได้นะครับ

#6 งืม... สงสัยผมเคยอ่านฉบับแมลงหง่าด้วยล่ะมั้งเลยพอจะรู้เรื่องบ้างนะ  แต่ผมชอบเรื่องนี้มากเลยล่ะ  วาดได้นมตอร์ปิโดดี (ฮา)


PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 23:44 น. 11
7.Yuru Yuri

k-on ฉบับไม่ต้องจิ้นให้เสียเวลา




เรื่องย่อ: มีด้วยเหรอ

อย่างที่เขียนไว้ตั้งแต่ต้นนั่นล่ะ  เรื่องนี้ออกแนว Slice of Life นั่งดูสาว ๆ ทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ อาจมีความวายป่วงแจมมาบ้าง  แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องคือการจิ้นวายจับคู่สาว ๆ นั่นแล  เรื่องนี้ดีกว่า K-on อยู่หน่อยหนึ่งตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาจิ้นให้มากความ  เพราะมันแสดงให้เห็นกันโต้ง ๆ เลยล่ะ 

แล้วเรื่องนี้มันมีดีตรงไหน ? เรื่องนี้ก็ใช้มุกเหมือนกับเรื่องอื่นที่ผ่านมา (lucky star, k-on, A channel, บลา ๆ) คือจับตัวละครที่มีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวมาอยู่ด้วยกัน  มีตั้งแต่นางเอกแอร์เฮดที่จืดจาง  สาวมั่นแนวจริงจัง  สาวบ้าวาย  คาแร็คเตอร์รุ่นน้องที่แอบชอบสาวมั่น  คุณพี่สาวบ้าน้องสาว  และตัวละครอื่น ๆ ที่จะทยอยโผล่มาเรื่อย ๆ สร้างความวุ่นวายและการจิ้นไม่เว้นอาทิตย์ และนั่นล่ะคือเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ 

แต่พูดจริง ๆ แล้วมันทำยากเหมือนกันนะ  เพราะสิ่งที่สำคัญคือต้องให้คนดูรักตัวละคร  แต่เท่าที่ผมดูป่านนี้ผมยังจำชื่อตัวละครไม่ได้สักตัว  อา... แล้วอนาคตของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อ ? บลูเรย์จะขายได้เกินสองพันแผ่นหรือไม่ ! โปรดติดตามตอนต่อไป

แต่ถึงพูดอย่างนั้นก็เหอะ  ผมก็คงดูเรื่องนี้อยู่ดีนั่นล่ะ   ก็คนมันชอบนี่นา...ไว้ดูขัดปวดตับ steins gate



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กรกฎาคม 2554 / 23:45

PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
Prisma Dominatus 9 ก.ค. 54 เวลา 23:53 น. 12

แหม...ถ้ามีลิ้งค์ทอเรนท์ด้วยล่ะก็...


PS.  คนทุกคนเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมมากกว่าคนอื่น (Warhammer 40K)
0
Doggiebiz 9 ก.ค. 54 เวลา 23:56 น. 13

# 11 อ้าว... ท่านแคมมี่ลบไปทำไมเล่า  รีวิวได้ดีละเอียดกว่าของผมอีก

# 13 ฮา... อันนี้ต้องขอคนอื่นแทนน่อ  ผมไม่ค่อยชอบโหลดเก็บสักเท่าไหร่


PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
cammy 10 ก.ค. 54 เวลา 00:30 น. 14

ลบดีกว่า กลัวขโมยซีน เปลี่ยนเป็นเรื่องนี้แทน


Double Jei


คุโรไมตี้เวอร์ชั่นโมเอะ


 

Double Jei เป็นการ์ตูนอนิเมชั่นจากค่าย DLE  จากมังงะของ เอจิ โนนากะ(NONAKA Eiji) ผู้วาด คุโรมาตี้ โรงเรียนคนบวม(Cromartie High School) หากแต่ลายเส้นหลักในการ์ตูนเป็นนักเขียนชื่ออาซากุระ มารุ(ASAKURA Maru) คนวาด ฮัลโหล เอโกะ (090 - Eko to Issho 4เล่ม/สำนักพิมพ์มด)แต่กระนั้นตัวละครบางตัวก็ใช้ลายเส้นของเอจิ โนนากะวาด ดังนั้นเรียกได้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ใช้นักวาดหลักสองคน!! และทั้งสองคนดังกล่าวลายเส้นต่างกันราวกับฟ้าเหว

 Double Jei เป็นเรื่องราวของโรงเรียนชื่อ “นากาชิมะ” ที่มีกฎบังคับให้นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียน และตัวเอกคือฮาจิมะ อุซามิหนึ่งในนักเรียนแห่งนี้ และเพื่อนของเธอคือซาโยะได้เจอชมรมใหม่ที่พวกเธอไม่เห็นมาก่อน ชมรมที่ว่ามีชื่อว่า “ชมรมอนุรักษ์ศิลปะดั้งเดิมคลับ” และเมื่อสองคนเข้าชมรมก็พบว่ามันไม่ธรรมดา

ส่วนอนิเมชั่นค่อนข้างผิดหวังพอสมควรครับ เพราะทำออกมาสั้นมากๆ แต่นั้น เทียบไม่ได้กับคุณภาพของภาพที่ทำออกมาแบบตัดภาพตัดแปะ ซึ่งผมอารมณ์เดียวกับการ์ตูนเรื่องHaiyoru! Nyaruani Remember My Love (ก็ค่ายเดียวกันนี้หว่า) ส่วนมุกจะเน้นแบบบั่นทอนปัญญาออกทะเล มุกแป๊ป ดักควาย ไร้สาระ ฯลฯ ครับ ใครที่ไม่ชอบนี้ก็เกลียดไปเลย เชื่อเลยใครที่ดูตอนที่ 1 อาจมี งง  ว่ามันตลกตรงไหนว่ะเนี้ย แต่ผมขอบอกว่านี้คือคุโรไมตี้ของแท้

Double Jei เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนมุกที่ค่อนข้างแปลกกว่าการ์ตูนโมเอะประเภทอื่นๆ เพราะปกติแล้วการ์ตูนโมเอะนั้นจะเน้นมุกตลกที่เข้าใจง่าย และแสดงถึงความน่ารักของตัวละคร หรือเน้นจุดเด่นของตัวละครผู้หญิงน่ารักเป็นหลัก หากแต่การ์ตูน Double Jei กลับใช้มุกตามแบบคุโรมาตี้มาใช้เกือบทั้งหมด ผลคือทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนมุกที่เข้าใจยาก แต่กระนั้นเพราะความยากนี้ทำให้มันน่าสนใจ เพราะเราสามารถหยุดอ่านเพื่อตีความมุกยากดังกล่าวเป็นเวลานาน ทำให้เราสามารถดูการ์ตูนเรื่องนี้ได้หลายรอบโดยไม่รู้จักเบื่อ เพื่อดีความดังกล่าว แต่เสียดายคืออนิเมชั่นทำได้ผิดหวังมากด้วยเหตุผลดังกล่าว(ภาพผมไม่ถือ แต่ถือตรงที่มันสั้นไปไม่จุใจ)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 กรกฎาคม 2554 / 00:38
0
Earende| G!|m!rath 10 ก.ค. 54 เวลา 01:09 น. 15

เป็นอนิเมะที่แวร์เข้าไม่ถึงจริงๆค่ะ

= =

PS.  จากนคราห่างมาหลายแสนลี้ จากราตรีค่อยเคลื่อนเลือนลับหาย จากคิมหันต์วสันต์เหมันต์กลาย จากชีพวายไม่สิ้นกลิ่นไอรัก
0
knock-up 10 ก.ค. 54 เวลา 05:01 น. 16

 เอาล่ะ...  

เจอหลายเรื่องที่คิดว่าจะดูแล้ว  ทีนี้ก็แค่รอเรื่องของท่านผู้นำ  กับ เฟส-ซีโร่ ออกฉายต่อไป


PS.  ผากนิยายของกระผ๊มด้วยนะ http://writer.dek-d.com/knock-up/writer/view.php?id=702924
0
cammy 10 ก.ค. 54 เวลา 09:16 น. 17

Ro-Kyu-Bu

ชมรมบาสเกตบอลโลลิ

 

 

                เป็นการ์ตูนตลกกีฬาที่สร้างจากไลน์โนเวลเขียนโดย Sagu Aoyama เนื้อหาเป็นเรื่องของเซกาวา ซูบารุ นักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเครียดเนื่องจากพึ่งถูกพักการเล่นแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลมาหมาดๆ แล้วถูกขอร้องโดยอาสาว(หน้าเหมือนซานะ)ให้มาเป็นโค้ชโรงเรียนประถม ให้กับทีมผู้หญิง 5 คน และเมื่อเขาไปโค้ชก็พบว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะสอนเด็กประถม เพียงแค่สามวันแรกก็เต็มไปด้วยปัญหาซะแล้ว!!

                นิยามการ์ตูนเรื่องนี้คือการ์ตูนขายโลลิฮาเร็ม โดยมีบาสเป็นตัวเชื่อม และโลลิทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นเด็กโข่ง คุณหนู สาวแว่น ฯลฯ รู้สึกมีคนบอกว่าเนื้อหาตรงกับนิยาย ไม่ได้ตัดแหลก แต่เนื้อหาไม่ได้หวือหวา ดูเรื่อยๆ ดูก็ดูได้ ไม่ดูก็แล้วไป  ตามฉบับผู้กำกับ Keizo Kusakawa  จากผลงาน Dog Days และ Sekirei (แค่ชื่อผลงานผมก็ไม่อยากดูไปกว่าครึ่งแล้ว) เนื้อหาก็มาแนวแบบฮาเร็มเน้นสร้างความสัมพันธ์ของสาวโลลิแต่ละคน แต่คงไม่ถึงขั้นเข้าคุกกินข้าวแดงอะไรหรอก

การดำเนินเรื่องก็สอนอะไรหลายๆ อย่างน่ะ เช่นการสอนเด็กประถมมันไม่ง่ายกว่าที่คิด การรับมือความเอาแต่ใจของเด็กประถมที่คิดว่าตนเป็นใหญ่  และยังประเด็นของเรื่องก็เน้นปมด้อยของเหล่าสมาชิกทีมบาสที่มีทุกคน ไม่ว่าตัวเอกที่เล่นบาสแบบวันแมนโชว์จนถูกขับไล่จากโรงเรียนเก่า หรือบางคนเป็นเด็กโข่งจนมีปมด้อยความสูง อีกคนเอาแต่ใจและแยกเรื่องการ์ตูนกับเรื่องจริงไม่ได้ ฯลฯ สุดท้ายพระเอกมันจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไรก็ดูเอาเอง

 

ปล. ที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้เพราะอาของพระเอกน่ารักอ่ะ(เสียงโก๊ะตี๋) ซานะภาคไม่ซึน



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 กรกฎาคม 2554 / 09:25
0
Doggiebiz 10 ก.ค. 54 เวลา 10:32 น. 18

# 16 บางเรื่องมันก็เข้าไม่ถึงจริง ๆ นั่นล่ะครับ - -"

# 17 จะมาเมื่อไหร่นะครับ  เคยอ่านนิยายที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วชอบมากเลย  โดยเฉพาะไรเดอร์นี่โคตรเท่

# 15 ผมว่าที่คุโรมาตี้ดังในไทยด้วยส่วนหนึ่งเพราะคนแปลภาษาไทยแปลเก่งมากเลยนะ  แต่ไหงคนเขียนคุโรมาตี้ไปจับมือกับคนเขียนโทรศัพท์โมเอะซะได้เนี่ย - -" ไม่เข้ากันอย่างแรง (สงสัยว่านี่จะเป็นมุกอีกอย่าง)

ซีซั่นนี้รักเด็กจริง ๆ


PS.  ไม่มีแว่นก็ทำให้ใจละลายได้....
0
l'arc fan 10 ก.ค. 54 เวลา 20:19 น. 20

ขบวนการนักสืบ NEET และ Usagi drop น่าสนดีแฮะ


PS.  ดาว์นไลน์มั้ยคร้าบ ถูกๆเถื่อนๆ หัวขาดฟรี
0