Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ยิ่งลักษณ์....ท่านมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด! (เปลว สีเงิน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
     ไม่เพียงบ้านเราเท่านั้น แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า "โลกกำลังลอกคราบ" ลอกคราบทั้งด้าน ภูมิศาสตร์โลก การเมืองโลก เศรษฐกิจโลก วิถี-ทัศนะมนุษย์โลก สังคมโลก รวมถึง ศรัทธา-ความเชื่อ-ลัทธิ-ศาสนา และ "คุณค่าใหม่" ของความเป็นคน

 ไม่ต้องมองไกล "มาเลเซีย" เพื่อนบ้านชานเรือนเราอีกประเทศ จู่ๆ แรงอัดจากการขยับสังคมชาติก็ระเบิดตูมตามภายใต้คำว่า "ปฏิรูป" ผ่านการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง 

 คงไม่เพียงมาเลย์ "เพื่อนบ้านเรา" แค่นี้ แผ่นดิน "พระเจ้าสุริยวรมัน" ก็เถอะ จะอยู่เหนือเงาพลูโตหรือไม่ คงได้เห็น!?

 ก่อนจะคุยอะไรๆ ให้ท่านเอาไปแตกประเด็นคุยต่อ ผมมีความกระตือรือร้นที่จะนำข้อความจาก "ฟอร์เวิร์ดเมล์" มาให้อ่านกันก่อนเป็นอันดับแรก ข้อความนี้ไม่ต่ำกว่า ๓ ท่าน ฟอร์เวิร์ดต่อๆ มาถึงผม เป็น "ข้อความเดียวกัน" ภายใต้หัวข้อว่า.....  

 ส่งเรื่องราวของ "อจ.ชัยวัฒน์ ถิรพันธุ์" ผู้ริเริ่มบางกอกฟอรั่ม มาให้อ่านกันครับ

 ณพงศ์

 ต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องราวของท่านอาจารย์ชัยวัฒน์ อ่านแล้วท่านใดต้องการรู้จัก "ความคิดและตัวตน" ท่านให้ยิ่งกว่านี้ ผมขอแนะนำให้ไปหาหนังสือเรื่อง "ทฤษฎีไร้ระเบียบ กับทางแพร่งของสังคมไทย" และ "อีก ๕ ปี ประเทศไทยจะเปลี่ยน" อ่านนะครับ

  ถึงพี่น้องทุกคน

 เมื่อวานนี้ วันพุธที่ ๒๙ มิถุนายน สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จฯ มาทรงเยี่ยม "สถาบันเอเชีย-อาฟริกา" ที่มหาวิทยาลัยฮัมบวร์ก พวกทีมงานและนักศึกษาทั้งเยอรมันและไทยตื่นเต้นกันพอสมควร เตรียมงานกันดึกดื่น ก่อนที่ท่านจะมาถึง 

 อู-ลูกชายคุณนิวัติ กองเพียร ซึ่งเป็นคนสำคัญในการจัดการต่างๆ อย่างละเอียด ได้ซักซ้อมความเข้าใจกันอีกครั้งว่า นักศึกษาที่ต้องการถ่ายรูปกับ "สมเด็จพระเทพรัตนฯ" ขอให้รีบมานั่งเบื้องหลังเก้าอี้ที่ประทับอย่างรวดเร็ว เพราะจะมีเวลาไม่มากสำหรับถ่ายรูป และขอให้นั่งให้สุภาพเรียบร้อยแบบไทยดังที่เคยชี้แจงไว้แล้ว ครั้นพระองค์ท่านทรงพระดำเนินมาในห้องประชุมแล้วประทับนั่ง บรรยากาศในห้องก็ผ่อนคลายโดยฉับพลัน สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงฉลองพระองค์สีชมพูอมม่วงแบบง่ายๆ และสะพายย่ามที่มีสมุดบันทึกของพระองค์ท่าน 

 จากนั้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้กล่าวต้อนรับ และศาสตราจารย์สำคัญ ๓ คนของสถาบันฯ ได้กล่าวถวายรายงานความเป็นมาของสถาบันและขอบเขตของงานวิจัย และการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ลาว และพุทธศาสนา เป็นต้น จัดได้ว่าเป็นสถาบันฯ ที่มีพลังที่สุดในการเรียนการสอนและการวิจัยด้านอุษาคเนย์ แต่จุดเด่นของงานอยู่ที่นักศึกษาเยอรมัน ๕ คนที่กำลังทำปริญญาโทและเอก ชาย ๒ หญิง ๓ ได้มาถวายรายงานคนละประมาณ ๓-๔ นาที เป็นภาษาไทย และใช้ราชาศัพท์ได้เป็นอย่างดี (ดีกว่าผมแน่ๆ) ว่ามีแรงจูงใจอะไรจึงมาเรียนภาษาไทย และจะทำการวิจัยหัวข้ออะไร ฯลฯ 

 สมเด็จพระเทพรัตนฯ จะทรงบันทึกมากกว่าตอนอาจารย์รายงานเสียอีก (นี่เป็นข้อสังเกตของเพื่อนเยอรมัน) นศ.แต่ละคนตื่นเต้น แต่พูดได้ดีมากๆ พูดจากความรู้สึกที่ผูกพันกับเมืองไทย บางคนที่ชอบกินข้าวเหนียวเมื่ออยู่ขอนแก่นก็จะเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ฟังในห้องที่มีกว่า ๑๐๐ คน ซึ่งเป็นชาวไทยกว่าครึ่งที่มารอรับเสด็จ เมื่อแต่ละคนพูดจบ จะได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง ผมคิดว่านักศึกษาเยอรมันทั้ง ๕ คน จะไม่มีวันลืมเหตุการณ์วันนั้นตลอดชีวิต บรรยากาศในห้องยิ่งแจ่มใสผ่อนคลาย เมื่อจบรายงานของนักศึกษา

 ครั้นพระเทพรัตนฯ จะเสด็จฯ กลับ พระองค์ท่านกลับให้เวลาทรงสนทนาซักถามอาจารย์ที่ทำวิจัยเรื่องภาษาเย้าและอื่นๆ อย่างจริงจัง พวกเรารู้กันดีว่าพระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องวิชาการอยู่แล้ว แต่พวกชาวเยอรมันนึกไม่ถึงว่าพระองค์ท่านจะสนพระทัยจริงจังและทรงถามลึกซึ้ง ผมเห็นสีหน้าของอาจารย์ที่ตอบคำถามของสมเด็จพระเทพรัตนฯ (ผมยืนห่างๆ ไม่ได้ยินคำถามและคำตอบ) ตื่นเต้นดีใจ ที่พระองค์สนพระทัยจริงๆ พวกเด็กๆ และคนไทยที่นั่งรอ ยืนรอเวลาจะได้ถ่ายภาพร่วมกับพระองค์ก็สนใจดูเหตุการณ์ในห้องไปด้วย (ตามธรรมดาหนุ่มสาวชาวเยอรมันจะทนกับพิธีการแบบนี้ไม่ได้ หรือไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ) ที่คนไทยและเยอรมันรุมกันถ่ายภาพสมเด็จพระเทพรัตนฯ และวุ่นวายไม่เป็นระเบียบนิดหน่อย แต่กันเองง่ายๆ 

 อาจารย์ชาวญี่ปุนยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า บุคลิกสมเด็จพระเทพรัตนฯ สบายๆ กันเอง แต่สง่างามนะ และให้เวลากับผู้คนไม่ยึดติดเคร่งครัดกับพิธีการ หลังจากจบการสนทนา สมเด็จพระเทพรัตนฯ ประทับที่เก้าอี้ที่ผู้คนรอถ่ายภาพร่วมกันอยู่ พระองค์ก็ทรงให้เวลาหลายนาที แล้วเสด็จฯ กลับ เมื่อทรงพระดำเนินลงไปข้างล่างก่อนขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง ก็ยังทรงสนทนากับพวกคณาจารย์อย่างสบายๆ อีกหลายนาที พวกอาจารย์ปลื้มเอามากๆ ที่สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงให้เวลากับพวกเขา

 สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็คือ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงพระดำเนินออกจากห้องผ่านผมกับชาวเยอรมันคนหนึ่ง ถ้าจำชื่อไม่ผิดชื่อนิโคลัส ซึ่งมาเข้าเวทีไทยฟอรั่มของผม ๒-๓ ครั้ง และผมสังเกตว่าเขาเป็นคนจิตละเอียดและรักเมืองไทย (คาดว่ามีเมียไทย) ผมกับเขาโค้งคำนับให้พระองค์ท่าน พอพระองค์ท่านพ้นห้อง เจ้านิโคลัสพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้.....

 "บางคนอาจจะมองว่าการไปคุกเข่า นั่งพับเพียบให้ผู้สูงศักดิ์ นั่นเป็นสิ่งล้าหลัง น่าหัวเราะ น่าเย้ยหยัน แต่สำหรับนี่แล้วมันไม่ใช่นะ การที่คนเขาคุกเข่าไปนั่ง เขาทำด้วยความสมัครใจ เต็มใจ แล้วมันกระทบมาถึงหัวใจของผม ที่ผมได้เห็นภาพอย่างนี้ในวันนี้ ผมน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าทำไมจึงกระทบใจผม.." ผมเงยหน้าขึ้นมองแล้ว เห็นน้ำตาของนิโคลัสไหลออกมาเป็นทางจริงๆ มันก็กระทบใจผมด้วย ที่ผู้ชายฝรั่งเห็นภาพแบบนี้แล้วร้องไห้.....

 มันสอนอะไรให้แก่พวกเราที่เป็นคนไทยบ้างไหม? เหตุการณ์เล็กๆ แบบนี้มีนัยที่ลึกซึ้งหลายอย่างทั้งทางการเมือง สังคมและจิตวิทยา สำหรับผมแล้วภาวะผู้นำที่มีความสง่างาม เรียบง่าย ฉลาดเฉลียว และเปล่งประกายแห่งความเมตตา มีความหมายมากต่อการเป็น representative of the nation 

 ผมเองได้มีโอกาสกล่าวบรรยายต่อพระพักตร์ และมีโอกาสยืนใกล้สมเด็จพระเทพรัตนฯ สองสามครั้งเมื่ออยู่ในกรุงเทพฯ แต่ไม่เคยเห็นพระองค์ท่านในบริบทต่างประเทศและท่ามกลางชาวเยอรมันที่มีการศึกษาจำนวนมาก ให้ความสง่างาม เกียรติภูมิแก่เมืองไทยจริงๆ ผมเองก็ดีใจที่ได้เห็นความลึกซึ้งบางอย่างที่มีคุณค่าและความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่ออนาคตของชาติไทย เป็นเรื่องที่คนไทยต้องช่วยกันรักษาและส่งเสริม มันจะเป็น positive feedback กลับมาถึงเมืองไทย และคนไทยด้วย

            คิดถึงทุกคน
            ชัยวัฒน์

 ก็ "จบ" ข้อความจากฟอร์เวิร์ดเมล์ ไม่จำเป็นที่ผมต้องแต่งแต้ม แตะต้องใดๆ เป็นทัศนะเสริมให้ของดีๆ เขาเสีย เพียงต้องการให้ท่านที่ยังไม่ได้อ่าน ให้ได้อ่านกันเท่านั้น

 เข้าเรื่องของเราบ้าง ถ้าไม่ใช่เรื่อง "รัฐบาลคุณปู" แล้วจะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ ชีวิตหน้าจอโทรทัศน์ของผมหมู่นี้ เหมือนนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ สะพรั่งทั้งดอก เปล่งปลั่งทั้งสี ยวนยีด้วยกลิ่นหอม เช้าก็สดชื่น เที่ยงก็สดใส บ่ายก็ใจคึก ตกเย็นย่ำค่ำดึก เปิดดูข่าวหน้าจอทีไร

 ได้เห็นยิ้มหวานว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ อะไรๆ ที่มันเป็นทุกข์ใจ-ทุกข์ประเทศ...หายหมดเลย!
 ผมลองไล่เรียงดู ประเทศไทยเราก็ไม่ได้เป็นประเทศ "ทรงอิทธิพล" ของโลก แต่หลายๆ อย่างบน "ความเปลี่ยนแปลง" ในแต่ละรอบหนึ่งของโลก มักจะมีสัญญาณเริ่มที่ประเทศเราก่อน

 อย่างเรื่องโลกถึงจุดล้มละลายทางเศรษฐกิจและการเงิน เราก็ "ต้มยำกุ้ง" ส่งสัญญาณก่อน อย่างเรื่องภัยธรรมชาติว่าด้วยเรื่อง "สึนามิ" ชนิดจะจะ ก็กวาดภาคใต้เราให้เห็นก่อน อย่างปฏิกิริยาสังคมผ่านคำว่าปฏิรูปการเมือง บ้านเราก็ช็อกซีเนมาให้เห็นก่อนตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ

 โกงเมือง เราก็โกงก่อน, กินเมือง เราก็กินก่อน, ขายเมือง เราก็ขายก่อน, กระทั่งเผาเมือง เราก็เผาก่อน และต่อจากนี้....

 "การลอกคราบบ้านเมือง" ที่ขยับเขยื้อนจากไทยเรา ก็กำลังเป็น "โมเดลส่งออก" เป็นที่นิยมของตลาดโลก

 แต่ว่า...ในฐานะศูนย์กลางสัญญาณโลก แล้วเราซึ่งวุ่นวายขายประเทศต่อเนื่องมาหลายปี เราค้นพบ "จุดยืน-จุดอยู่" อันเป็นหัวใจของสังคมชาติกันแล้วหรือยังล่ะ?

 อะไรก็ดีหมด สวยหมด น่ารักหมด ทรงอิทธิพล ทรงอำนาจ แต่แหม...ผมอยากจะกราบเรียนท่านว่าที่นายกฯ ให้โปรดได้คิดซักนิดถึง "ความเหมือน-ไม่เหมือน" ระหว่างความจริงทางกฎหมาย กับความจริงทางจริยธรรม

 คือ...ทุกวันนี้ คำเรียกหานำหน้าชื่อท่านก็คือ "นางสาวยิ่งลักษณ์" ทั้งที่ท่านมีสามีเป็นตัว-เป็นตนเห็นอยู่ กระทั่งมีลูกชายน่ารัก ได้อาศัยประกอบฉากการเมืองให้แม่อยู่เป็นประจำ

 แต่ตรงนี้ไม่มีใครติดใจ หรือจิตใจคับแคบนำไปเป็นประเด็นกระแนะกระแหนท่าน ท่านไม่มีอะไรผิด ทุกคนต่างมีชีวิตตัวเอง และทั้ง" เป็นสิทธิ์" ที่กฎหมายให้กับผู้หญิงทุกคน จะพอใจใช้คำนำหน้าตัวเป็นเช่นใด ก็ใช้ได้เช่นนั้นตามต้องการ

 นางก็ได้ นางสาวก็ได้!

 นั่นคือ "ความจริงทางกฎหมาย" แต่ทีนี้ ในความเป็น "ว่าที่นายกฯ หญิง" ของท่าน ความจริงที่เห็นกันอยู่ขณะนี้ อย่าว่าแต่คนไทยเลยครับ "คนทั้งโลก" ที่เขาติดตามความเป็นไปของเมืองไทย ต่างรู้ว่า...นี่คือนายกฯ โคลนทักษิณ เป็นน้องสาวที่ "รับฝาก" อำนาจ "พี่ชาย"

 "ทำเนียบรัฐบาลไทย" หลังวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยหรอกครับ หากแต่ย้าย "สถานที่ทำการจริง" ไปตั้งอยู่ที่ดูไบ ข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ หลายๆ คน ส.ส.รวมถึงนักข่าวจากสื่อคุณภาพมากมาย บินไปปรึกษาข้อราชการ และกิน-นอน เฝ้าทำข่าวกันที่นั่นอ้วนจนคอตันไปหมด

 สายการบินทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบดูไบทำไมครับ? ก็ไปด้วยภารกิจสำคัญ คือ...ธุรกิจการเจรจา-จัดสรร-ต่อรอง-ตกลง ในเรื่องที่ใครจะได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ๑" นั่นเอง!

 พูดชัดๆ รัฐบาลไทย ไปตั้งกันที่ดูไบ-ฮ่องกง และคนมีอำนาจ "ตั้งรัฐบาล" นั้น ไม่ใช่ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หากแต่เป็น "นายห้างตราดูไบ"

 นี่คือ "ข้อเท็จจริง" ที่รับรู้-รับทราบกันทั้งโลก ผ่านการให้สัมภาษณ์จากตัวนายห้างเองบ้าง ผ่าน "ข่าวสีฟ" จากสื่อที่บินไปกิน-นอนที่นั่นบ้าง ผ่านตัว ส.ส.และตัวกระสันจะเป็นรัฐมนตรีพูดคุย ให้สัมภาษณ์นักข่าวไร้อันดับและไร้วาสนาจะจ๋อโป้ยกีไปถึงดูไบบ้าง

 นั่นก็คือ บทบาทที่คุณยิ่งลักษณ์แสดงในบท "ว่าที่นายกฯ หญิง" ไปวันๆ ให้ปรากฏตามหน้าจอโทรทัศน์ขณะนี้ ทั้ง เช้า-สาย-บ่าย-ค่ำ-ดึก ในสายตาและความเข้าใจของชาวบ้านที่ดูท่าน ก็เหมือนดู "จำอวดหน้าม่าน" หรือเหมือนการ "ออกแขก" หน้าฉากยี่เก รอเวลาตัวแสดงจริงจะแหวกฉากรำออกมา

 ฉะนั้น ขอเถอะครับ อย่าเลย...ผมรับ "ความจริงทางกฎหมาย" ในตัวท่านได้ทุกประการ ผมไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน หรือรังเกียจในการเข้าสู่อำนาจการเมืองของท่านเลย ในเมื่อคนไทย ๑๕ ล้านเลือกท่านถ้าผมกระทำเป็นปฏิปักษ์กับท่านตรงนี้ ก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย และพี่น้องร่วมชาติ ๑๕ ล้านคน ซึ่งนั่น...ป่าเถื่อนสิ้นดี!

 แต่..ผมไม่อยากให้คนที่เป็น "ผู้นำบริหารประเทศ" ต้องกะล่อน ปล้อนปลิ้น ตลบตะแลง พูดโกหกกับ "คนทั้งโลก" เป็นรายวัน-รายชั่วโมงอย่างที่คุณยิ่งลักษณ์ทำอยู่ตามบท-ตามสคริปต์ที่เขาสั่งให้พูด-ให้ทำอยู่ในขณะนี้เลย การอ้าปากพูดแต่ละคำว่า ทักษิณไม่เกี่ยว...ทักษิณไม่ได้เข้ามายุ่ง...รัฐบาลตั้งในประเทศไทย...ดิฉันพิจารณาเอง...การอ้าปากพูดแต่ละคำเช่นนั้น เหมือน...ยืนแก้ผ้าแต่ละครั้งให้ "คนทั้งโลก" เขาดู 

 ท่านว่าที่นายกฯ ไม่ละอายตัวเอง นั่นสิทธิ์ของท่าน!

 แต่ "ประเทศไทย" ก็ของผมด้วย ผมอายหน้าตาประเทศของผมครับ ให้เขาดูแคลนแค่...นายกฯโคลนนิงทักษิณก็พอแล้ว แต่ไปถึงขั้นนายกฯ ที่ "โกหกตั้งแต่วินาทีแรก" มันอับเศร้า-หมองศรีประเทศครับ ขอให้ท่านว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยึดมั่น "ความจริงทางจริยธรรม" ตรงนี้ไว้ให้เหมือนกับที่ยึดมั่น "ความจริงทางกฎหมาย" ที่ใช้คำว่า "นางสาว" นำหน้าชื่อนั้นด้วยเถิด!

 ท่านมีสิทธิ์ที่จะ "ไม่พูด" ในเรื่องตั้ง ครม. แต่ถ้าท่านพูด คำที่พูดนั้นจะ "ประจาน" นิสัย-สันดานด้านจริยธรรม และความสัตย์ในตัวท่านครับ

 ด้วยรัก และหวังดี.

http://www.thaipost.net/news/110711/41538


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 กรกฎาคม 2554 / 12:37

แสดงความคิดเห็น

>

19 ความคิดเห็น

Rose-shishi 12 ก.ค. 54 เวลา 00:58 น. 3

ก็ไม่ได้อยากให้ชาติแตกความสามัคคีนะคะ
แต่เห็นคุณ 2 คน กัดกันแล้วสนุกดี กร๊ากๆๆๆๆๆ
ติดตามดูพวกคุณดราม่าใส่กัน 


PS.  เพราะฉันคือฉัน อย่าพยายามทำให้ฉันเป็นใคร
0
จูกัดเหลียง 12 ก.ค. 54 เวลา 01:07 น. 4

 ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่ครับ เรื่องแค่นี้เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันครับ เราสนิทกันขนาดแลกเสื้อกันไส่ได้ได้วยซ้ำ เราเรียนวิชากันคนละสำนัก วันดีคืนดีเราก็จะประลองกันทุกครั้งที่มีโอกาสน่ะครับ เพื่อนรักม้นก็ต้องหักเหลี่ยมกันเป็นธรรมดา

0
ลูกหมี 12 ก.ค. 54 เวลา 16:38 น. 6

ยาวจริง ๆ นั้นแหละอ่านไม่หมด

สวัสดีด้วย

--------------------------------------------------------

ถ้านักการเมืองตายหมด&nbsp ประเทศไทยมันก็ดีขึ้นเองแหละ

แต่คงไม่มีทางพอมันตาย&nbsp ก็มีตัวใหม่ขึ้นมาแทน

0
Nicki 12 ก.ค. 54 เวลา 16:52 น. 7

... อ่านตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนกันค่ะ เป็นคนไทยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ทุกครั้งที่เห็นข่าวการเมืองไทย มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ... แอบดีใจที่ประเทศไทยมีคนที่รู้จัก คิดวิเคราะห์เป็น ไม่ให้ใครเขามาจูงจมูก .... คุณเจ้าของกระทู้ เรียนมาจากสำนักไหนค่ะ? จะได้แนะนำต่อ^^

0
PRINCEARM 12 ก.ค. 54 เวลา 19:30 น. 10

ถ้าไม่อ่าน ก็ไม่ต้องบอก

จะประจารความใฝ่รู้ของตัวเองทำไม

บอกได้คำเดียวว่า ไม่ฉลาดเลย

สวัสดี


PS.  ความดี คือ การทำเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รวมไปถึงการทำเพื่อหวังบุญ นั่นก็ไม่เรียกว่า ความดี
0
Spark Final 12 ก.ค. 54 เวลา 19:35 น. 11

 ช่วงนี้ ต้องขยันซ้อมซักหน่อยแหละครับ

ใกล้สอบกลางภาคแล้ว

งานก็เริ่มเสร็จ ยังไม่ค่อยมีเวลามามากมายครับ


PS.  ไม่เทพหลบไป
0
Mar(S)Tiny 12 ก.ค. 54 เวลา 22:05 น. 12

คือเขาชนะการเลือกตั้งถูกเลือกมาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย 
เชื่อเถอะครับ พสกที่เลือก ร้อยละ 90 เลือกมาเพราะ อยากให้เขาเข้ามาบริหารครับ ไม่ได้เลือกเพราะนโยบายหรอกครับ เพราะรู้ว่าทุกๆอย่างต้องค่อยเป็นค่อยๆไป ไม่ใช่จะทวงกันวันนี้พรุ่งนี้

ถ้าคุณว่ามันไม่มีคนดีอีกแล้วนอกจากคุณเองก็ไปสมัครเป็นส.ส.มือสะอาด บริหารบ้านเมืองครับ
หรือคุณบอกว่า กลัวว่าจะทนต่อสิ่งเร้าที่จะไม่ทำให้กระทำชั่วไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาแล้วหละครับ

ทุกๆคนครับพูดได้ต้องบริิหารยังงั้น ทำอย่างนี้ พอถึงเวลาเข้ามาจริงๆมันก็เตะตัดขากันหมดหละครับ จะแนะนำหนทางที่ดีเรื่องการเมืองมันก็เท่านั้นหละครับ เหมือนเทน้ำสะอาดลงไปในคลองเน่าเหม็น มันต้องเริ่มแก้ที่ คนครับ ทำยังไงจะไม่ให้มีความเหลื่อมล้ำ จนกระจายรวยกระจุกก่อน เพราะคนที่จน ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่พยายาม ขี้เกียจ หรือ โง่เง่า บางครั้งเขาก้ถูกเอารัดเอาเปรียบ จากพ่ค้าคนกลาง จากเจ้าหน้าที่รัฐ จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ครับ

ส่วนตัวคิดว่า การที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเพื่อไทยไม่ได้เลือกที่จะให้เขามาแจกเงิน หรือแจกของหรอกครับ แต่เลือกเพราะผลงานเก่าที่เกี่ยวกบัการปราบปรามผู้มีอิทธิพล  พวกค่้ายาเสพติด นั่นต่างหากที่ทำให้ชาวบ้านที่ทำการสุจริตทำลืมตาอ้าปากไม่ลำบาก ส่งลูกหลายเรียนสูงๆได้เพราะนั้นคือความหวังครับ 


..
ส่วนตัวคิดว่ายังไงก็ตามครับ  รอดูผลงานเขาก่อนดีกว่าครับ
ตอนนี้ไปทวงสัญญา 99วันทำได้จริง กฏเหล็ก 9 กับรัฐบาลที่ยังรักษาการณ์ตอนนี้ดีกว่าครับ



PS.  อธิบายด้วยภาพ
0
กลิ้งหิน 13 ก.ค. 54 เวลา 00:15 น. 13

อย่าพึ่งตีตัวไปก่อนสิ    ยังไม่จัดตั้ง ครบ    


ปล.  อยากรู้ว่าทำไม  จูกัดเหลียง  ชอบหาเรื่องมาสร้างความแตกแยกบ่อยๆ  คุณคงต้องสละเวลา

หน้าทีวี หรือคอมพิวเตอร์   มาพิจารณาตัวเองนานๆมากกว่านี้นะครับ   (สั้นๆ  โปรดอย่าสาวความยืด)

อ่ออยากบอกว่า   เบื่อคุณ

ด้วยรักและห่วงใย   แต่อยากบอกอีกอย่างว่าคุณไม่หน้ากลับมาเลย   ไปแล้วไปลับเถิด

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด   อย่าได้มีความทุกข์กายทุกใจเลย  ~~~

0
จูกัดเหลียง 13 ก.ค. 54 เวลา 00:55 น. 14

 สาธุ

การแผ่เมตาของคุณนับเป็นกุศล ดังนั้นผมน้อมร้บในกุศลนั้น และขอให้กุศลนั้นแบ่งปันไปให้คุณด้วยก็แล้วกัน

ว่าอย่างไงครับคุณหินกลิ้ง แค่ผมเข้ามาไม่ถึง 3 วันคุณก็ทนไม่ใหวแล้วหรือ อย่าแสดงความอ่อนแอเช่นนี้ออกมาสิครับ สม้ยก่อนผมอยู่ที่นี่เป็นปีๆ ไม่เห็นคุณมาไล่ผมอย่างนี้เลย

หากเรารู้ใจกันจริงๆ คุณหินกลิ้ง ผมเชื่อว่าคุณต้องไม่พูดอย่างนี้ คนที่ผมเคยรู้จักไม่เคยพูดอย่างนี้ครับ ยกเว้นเสียแต่คนคนนั้นได้เปลี่ยนจุดยืนของตนเองไป ผมไม่ว่าอะไรคุณหรอกคุณหินกลิ้ง เพราะเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน ผมจะไม่พูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจใครหรอก แต่ผมอยากจะบอกอะไรซักเล็กน้อย ถ้าเราเป็นคนรู้จักกัน ผมไม่อยากให้คุณอ่อนแอ ผมเคยรู้จักคุณ คุณไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้ ไปเคยปัดอะไรออกง่ายขนาดนี้ ผมไม่อยากให้คนที่ผมเคยรู้จักเป็นคนที่ยอมถดถอยอะไรง่ายๆ แบบนี้

ผมเสียใจจริงๆ ครับที่เห็นสภาพคุณในเวลานี้คุณหินกลิ้ง ผมคิดว่าเราน่าจะไปกันได้ไกลกว่านี้เสียอีก ผมผิดหวังจริงๆ

0
จูกัดเหลียง 13 ก.ค. 54 เวลา 17:07 น. 15

 และต้องขอเตือนคุณหินกลิ้ง อย่าทำให้กระทู้ของผมต้องเสียเนื้อหา คนที่เข้ามาเขาเข้ามาอ่านเนื้อหา ถ้าคุณมาทำอย่างนี้มันทำให้กระทู้การนำเสนอของผมย่อนมาตรฐานลง ซึ่งผมไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น

0
นายมะนาว ณ บอร์ดบอย 14 ก.ค. 54 เวลา 09:05 น. 17
ย่อหน้าที่ 16 ค.เห็นของคุณจูกัดเหลียงต่อจากฟอร์เวิร์ดเมล์

จ๋อโป้ยกี ? ไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร ? จะหมายถึง "จ๋อโบ่ยขี้" หรือเปล่า ? ที่แปลว่า "ลุกไม่ขึ้น"

อันนั้นเป็นเรื่องของคำ ส่วนเรื่องเนื้อหา นาวรอให้ "เวลา" เป็นตัวตัดสินอยู่

เพราะรู้สึกว่าการเมืองต่อจากนี้ มันน่าติดตามยังไงก็ไม่รู้ ดูแล้วเหมือนนิยาย

ติดตาม ๆ อิอิ

0
Hello My World 14 ก.ค. 54 เวลา 16:11 น. 18

เห็นด้วยกับ คห.13 มากๆ รอดูก่อนดีมั้ย


PS.  คนรักริต้า ศรีริต้า มาจอยด้วยกันนะ http://group.dek-d.com/ritasiritalover/
0