NASA เผยความจริงเรื่องโลกแตก ปี2012 แค่เรื่องเหลวไหล
ตั้งกระทู้ใหม่
เดวิด มอร์ริสัน (David Morrison) นักวิทยาศาสตร์นาซ่า (NASA) เปิดเผยถึงข่าวที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตที่ว่า โลกจะถึงคราวสิ้นสุดลงในปี 2012 ด้วยเหตุผลทางดาราศาสตร์ เป็นแค่ "ข่าวลือ" เท่านั้น โดยด็อกเตอร์มอร์ริสัน ระบุว่า อาการ "วิตกจักรวาล" (cosmophobia) ถูกยัดเยียด โดยเว็บไซต์วิทยาศาสตร์ "ปลอม" และ ผู้ที่พยายามจะหาเงิน จากความไม่รู้ของสาธารณชน
ความเชื่อ ที่แพร่กระจายอยู่บนเน็ต ที่ว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 จะเป็นวันโลกาวินาศ (doomsday) เนื่องจาก เหตุการณ์บางอย่าง ที่เกิดขึ้นในจักรวาลจะทำลายโลก กลายเป็นเรื่องหลอกลวง โดยคำยืนยันดังกล่าวมาจาก ด็อกเตอร์เดวิด มอร์ริสัน นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ซึ่งข้อสรุปของคำอ้างต่าง ๆ และการโต้ตอบของนักวิทยาศาสตร์ที่มีต่อเรื่องดังกล่าว กำลังได้รับการเผยแพร่โดย สมาคมดาราศาสตร์แห่งภาคพื้นแปซิฟิก
หลายเดือนที่ผ่านมา ทาง นาซ่า และ นักบินอวกาศหลายคน ได้รับจดหมาย และอีเมล์ แสดงความวิกตกังวล จากข่าวสารที่มีการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต ถึงความเป็นไปได้ที่ โลกจะถึงคราววินาศ และ ความสูญเสียของชีวิตมนุษย์อย่างมากมาย ในปี 2012 เหตผลและเงื่อนไข ที่จะทำให้โลกแตก ได้รับการนำเสนอ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การพุ่งชนของดาวเคราะห์ ชื่อว่า Nibiru จุดดับบนดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งใหม่ของการจัดวางศูนย์กลางกาแล็กซี่ และอื่น ๆ อีกสารพัด เดวิด มอร์ริสัน บัญญัติอาการหวาดวิตกต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "cosmophobia" ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้คนทั่วโลกในวงกว้าง
ด็อกเตอร์ มอร์ริสัน ผู้เชี่ยวชาญระบบสุริยจักรวาล (solar system) ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก และ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำหน้าที่ เผยแพร่ข่าวสารของนาซ่า บริการ " Ask an Astobiologist " โดยเขาจะตอบคำถามต่าง ๆ ให้กับสาธารณชน ซึ่งเขาได้รับคำถามมากมาย เกี่ยวกับ ปี 2012 โลกาวินาศ จนรู้สึกว่า เขาต้องสืบหาต้นตอ และ ความจริงในเรื่องนี้ ประเด็นที่เขาให้ความสนใจมากที่สุด ในการค้นหา ก็คือ ผู้แพร่กระจายหลายราย เริ่มต้นจากภาพยนต์ " 2012 " โดยการสร้างเว็บไซต์วิทยาศาสตร์ " ปลอม " และ กระตุ้นให้ผู้คนค้นหาคีย์เวิร์ด " 2012 " บนเว็บ ซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ค้นพบได้ จะเต็มไปด้วยข้อมูลไร้สาระ และ ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะ ผู้ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับความหายนะ ที่พยายามจะขายหนังสือของพวกเขา
บทความของมอร์ริสัน จะอยู่ในรูปของคำถามและคำตอบ ตามด้วยแนะนำแหล่งข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่ผู้อ่านสามารถค้นหาเกียวกับเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงไม่มีการพูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดความหายนะ ในปี 2012 มันมีเหตุผลมากมายที่น่ากังวลเกียวกับอนาคตของโลก แต่ที่แน่ ๆ ไม่มีเหตุผล หรือ กำหนดช่วงเวลาที่โลกจะแตกในปีนั้น ๆ ตัวอย่างแหล่งข้อมูลที่แนะนำ เพื่อแสดงให้เห็นว่า สิ่งแปลก ๆ หรือ เหตุการณ์ประหลาดต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่โกหกทั้งเพ
เครดิต: www.sanook.com
ป.ล. อ่านจบแล้วช่วย คอ วอ ยอ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
(คิด วิเคราะห์ แยกแยะ)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 ตุลาคม 2554 / 06:21
Tottenham29539
9 ต.ค. 54 เวลา 06:20 น.
2,519
views
17 ความคิดเห็น
ถึงจะจริงไม่จริง ก็ต้องรอดูกันต่อไป
ต่อเรือกันไว้ก็ไม่เสียหายนะ 5555555
เดี๋ยววันนั้นมาถึงก็รู้เองว่าจริงหรือไม่จริง
แต่จากในหนังเรื่อง 2012 ทำให้เราได้แง่คิดบางอย่าง คือ
คนที่ยอมบอกความจริงเรื่องโลกแตกให้ประชนรู้ ก็คือคนธรรมดาๆ ที่ดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ดูไม่ค่อยเต็มบาท ในขณะที่พวกนักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองกลับพยายามปกปิดเรื่องนี้ กว่าจะยอมพูดความจริงออกมาทุกอย่างก็สายไปแล้ว
จะจริงหรือไม่จริงก็เกี่ยวกับโลก
และเรื่องของอนาคตแต่ที่แน่ๆขอให้คนเรา
ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยนะค่ะ
PS. ขาดเลือดได้แต่ขาด y ไม่ได้ 55+
ถึงเรื่องนั้นมันจะจริงหรือไม่จริง อ่านไปสุดท้ายก็ทำไรไม่ได้ทั้งนั้น จริงมั้ย ?
NASA เป็นพวกองค์กรหัวโบราณ และสังเกตุได้ว่าในปัจจุบัน NASA ไม่ได้รับเงินสนับสนุนในการสร้างยานอวกาศมากเท่าที่ควร จนทำให้บางประเทศอย่างเช่น จีนสร้างยานไปสำรวจอวกาศล้ำหน้า NASA แล้วด้วย และที่สำคัญออกมาพูดว่าเรื่องพวกนี้ว่าไร้สาระ ทั้งๆที่จริงมันคือความจริงที่ช่วยกันปกปิดไว้มากกว่า
โลกไม่แตกหรอแต่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆๆที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
เช่น
ในประเทศ
ไม่เคยเจอแผ่นดิไหวแรงๆ
ไม่เคยเจอน้ำท่วมนานนับเดือน
ไม่เคยเจอฟ้าร้องที่มีเสียงดังจนบ้านสั่น
ไม่เคยเจอ 3 ฤดูในวันเดียว
โลกเราจะค่อยเป็นค่อยไป..b-008]
อ่าว .... กระทู้นึงบอก NASA ปกปิด เรื่อง 2012 เปนความจริง
อีกกระทู้บอก NASA ว่า 2012 เปนเรื่องเหลวไหล ..
ถ้าสองกระทู้นี้ติดท๊อปพร้อมกันล่ะก็ ... 55 ไม่รู้จะเชื่อใคร
ปล. แต่ที่แน่ๆนะ รักโลก รักสิ่งแวดล้อมบ้าง เราเอาประโยชน์จากเขามามากแล้ว
ถ้าถึงเวลาเขาจะเอาคืน อย่าอิดออดนะ ถึงจะดูเหมือนว่ามารักษ์ตอนนี้ก็สายไปก็เถอะ
แต่โลกก็ปั่นป่วนมามากพอแล้ว เราควรเริ่มคิดถึง sustainable future กันได้แล้วนะคร้าบบ
PS. Love will find the way,,*
แตกเถอะค่ะ .. เผื่อโลกยุคหน้าจะดีกว่ายุคที่เป็นอยู่
สัตว์โลกย่อมไปเป็นตามกรรม :)
เรามีหน้าที่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ก่อนโลกจะแตกทำไมเราไม่มาดูแลสิ่งแวดล้อมกันล่ะครับ เราจะได้อยู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนานนนน ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ปลูกต้นไม้ แค่นี้โลกเราก้อจะกลับมาเป็นปกติครับ
ผมรู้สึกขำเมื่อมีคนเอาภัยพิบัติ2012 มาเทียบกับ"หนัง"(ผมรู้สึกขำเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอยากดูถูกนะ)
"หนัง" มันก็คือ "หนัง"....จะสร้างให้เอฟเฟคตระการตา ขี้ทะลักท่วมจอหรือภูเขาไฟระเบิดบูมเป็นโกโก้ครันซ์ก็ได้ แน่นอนนั้นรวมถึง "พลอต" ที่อาจจะเน้นขายคนธรรมดามากกว่าคนจริงก็ได้
จริงอยู่ที่"พลอต" มันอาจจะบอกว่าองค์กรใหญ่ๆมักจะเห็นแก่ตัวและกว่าจะบอกความจริงก็สายเกิน...ผมกลับมองในมุมตรงข้าม ถ้าเขาบอกความจริงแล้วมันเฮโลไปขึ้นเรือที่เขาจำกัดให้ได้มีแค่สี่ลำ ผมว่ามันคงไม่เหมือนในหนังที่เืรืออยู่จนน้ำท่วมโลกและมีคนเหลือรอดจากน้ำท่วมโลกแน่
เพราะในความเป็นจริง แน่นอนมนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัว(อ้างจากนักปรัชญาโทมัส ฮอปป์) แต่ถามว่าถ้าความเห็นแก่ตัวทำให้มนุษยชาติมีทางรอด กับการไม่เห็นแก่ตัว แต่เกิดการทะเลาะ ประท้วงกันจนเกิดเหตุวุ่นวายแล้วมนุษยชาติล่มสลายล่ะ?.....ก็ตรองเอาเถอะ
สุดท้าย "หนัง"มันก็คือหนัง ใครจะรู้ว่าของจริงคุณอาจเจอคลื่นสูงเท่าตึก50ชั้นที่มาด้วยความไวขนาดที่คุณวิ่งหนีไม่ทัน ลากคุณลงอันดามันโดยไ่ม่รู้ตัวเลยก็ได้นะ
ไร้สาระมาก คนที่เชื่อนี่มันเชื่อเข้าไปได้ยังไงนะ ...ตลก...
ไม่สงสัยกันบางหรอว่า ข่าวโลกแตก 2012 ออกมาพร้อมหนัง 2012
ผมคนหนึ่งละ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะผมมั่นใจในพระพุทธเจ้า ว่า ศาสนาพุทธมีอายุถึง 5000 ปี
ใครมันจะไปรู้อนาคต ?
เราเอาเวลาที่มาอ่านไปช่วยกันรักษาโลกกันเถอะ !!
PS. หยุดทำคนอื่น หยุดทำญาติมิตร หยุดทุกการกระทำ และต้องหยุดตัวเอง
ผมว่าการที่โลกจะแตกมันอาจจะเกิดขึ้นเพราะว่า พระเจ้าได้ทรงเบื่อโลกใบนี้เต็มทนแล้ว เพราะว่ามนุษย์เราได้กระทำสิ่งที่ผิด สิ่งที่มันเสื่อมถอยลงทุกทีๆ มันจึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการล้างโลกเเล้วสร้างมนุษย์ขึ้นมาไหม่ก็ได้ (ควรใช้วิจารณ์ญาณในการอ่านด้วยนะครับ)
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?