Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทิเบตัน(หมาทิเบต)แบบฝึกาอย่างดี ปะทะ สิง โตใครจะชนะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อน 


Uploaded with ImageShack.us

พิทบูล ร็อตไวเลอร์ ถอยไป... พี่โหดตัวจริงมาแล้ว กับสุนัขที่เรียกได้ว่าดุโหดพร้อมขย้ำ และราชาสุนัขที่มีราคาแพงที่สุดในโลก จากแดนไกลแห่งขุนเขาทิเบตอย่าง ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan mastiffs)
       
       คุณพักตร์วิมล ทองทาหรือคุณบี เจ้าของร้าน Asia puppyผู้นำเข้าสุนัขหายากหลากสายพันธุ์มากว่า 20 ปี หนึ่งในนั้นคือสุนัขจากเมืองจีนพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ ที่เกิดมาเพื่อเป็นสัตว์ลี้ยงของบรรดาเศรษฐีเท่านั้น เนื่องจากราคาพันธุ์แท้ขั้นต่ำเริ่มต้นที่หลักแสน และสูงได้ถึงหลักล้านหรือสิบล้านบาท
       
       "ทิเบตันก็คือสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ที่มีถิ่นกำเนิดในทิเบต จีนเรียกว่า จ้างอ้าว แต่ก่อนมีความเชื่อด้วยว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านใช้เฝ้าฝูงแกะ ฝูงจามรีบนภูเขา มีความซื่อสัตย์บางตัวไม่สามารถเปลี่ยนเจ้าของได้ จะจงรักภักดีต่อเจ้าของคนเดียวเท่านั้น พันธุ์แม้จะมีราคาสูงมาก ตั้งแต่แสนขึ้นถึงเป็นล้าน"
       
       สาเหตุที่ราคาสูงจนน่าขนลุกขนาดนี้ก็เพราะเป็นสุนัขหายาก ทางประเทศจีนได้อนุรักษ์ไว้ และห้ามส่งออก ซึ่งผู้ที่นำเข้ามาต้องมีวิธีรู้ช่องทางอย่างดี โดยคุณบีมีความตั้งใจนำเข้ามาเพื่อเพาะพันธุ์มากกว่าการซื้อมาขายไป รวมไปถึงการพัฒนาสายพันธุ์ให้คงความแท้ไว้ แทนที่จะผสมกับสายพันธุ์อื่นที่ใกล้เคียง
       
       หากสามารถเพาะพันธุ์ในประเทศไทยได้ก็จะทำให้ตลาดสุนัขสายพันธุ์นี้กว้างขึ้น ราคาถูกลงอาจเหลือเพียงหลักหมื่น ในขณะที่ปัจจุบันมีเสียงเรียกร้องถามหามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีผู้นำเข้าพันธุ์ผสมมาหลอกขายในราคาไม่กี่หมื่นบาทว่าเป็นทิเบตันพันธุ์แท้ แต่ในเมื่อสุนัขยังเด็กจึงไม่เห็นลักษณะเด่นของสายพันธุ์ชัดเจน สุดท้ายคือกลายเป็นสุนัขบ้านๆ ราคาแพงหูฉี่นั่นเอง
       

 

Uploaded with ImageShack.us
      
ร็อตไวเลอร์เรียกพี่
       
       ลักษณะเด่นของทิเบตันคือ อุปนิสัยดุร้ายเมื่อเจอคนแปลกหน้า หรือใครก็ตามที่เข้ามาในอาณาบริเวณของมัน ยกเว้นเจ้าของและครอบครัว ด้วยสัญชาตญาณหวงถิ่น
       
       คุณบีเล่าว่าที่บ้านต้องทำห้องรับแขกแยกออกมาต่างหาก เนื่องจากเลี้ยงทิเบตันหรือ "เจ้าซิมบา" แบบปล่อยเดินในบ้าน ซึ่งมันก็เคยทำกระจกบ้านแตกมาแล้วด้วยพลกำลังมหาศาล
       
       "แรงมันเยอะมากนะ เวลาอยู่กับเจ้าของหรือเด็กที่บ้านเขาจะไม่ดุเลย น่ารัก เรียบร้อย ขี้อ้อนมาก กลับบ้านไปจะวิ่งมาอ้อน ตะกายเรา แล้วก็ไปตะกายโซฟานอนบิดน่ารัก แต่ถ้ามีคนนอกเข้ามาจะดุทันที เราฝึกให้เขาไม่ดุก็ได้ด้วยการหัดให้พบคนเยอะๆ ออกสังคมบ่อยๆ ตั้งแต่เล็ก แต่มันก็จะเสียเอกลักษณ์ของเขาไป คือจะเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ที่บ้านไม่ต้องติดเหล็กดัด บ้านอื่นโดนขโมยขึ้นเรียบ แต่บ้านนี้ปลอดภัย(หัวเราะ)"
       
       สำหรับปัญหาหมากัดคนนอกนั้น คุณบีบอกว่าไม่เกิดขึ้นแน่นอน หากเลี้ยงทิเบตันไว้ในบริเวณบ้าน เพราะสุนัขพันธุ์นี้จะไม่เข้าทำร้ายใครถ้าไม่ได้ล้ำเข้ามาในเขตถิ่นของมัน
       
       สิ่งหนึ่งที่น่าจะการันตีความดุสุดขั้วของทิเบตันคือ คุณบีเคยจะจ้างคนมาทดสอบแรงของทิเบตันว่าทรงพลังขนาดไหน แต่พอได้เห็นตัวจริง ก็ต้องส่ายหัวตามๆ กัน เพราะมันไม่ได้กัดเป็นระเบียบเหมือนพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ดแน่นอน แต่จะเป็นประเภทกระโจนเพื่อขย้ำเหยื่อไม่ให้เหลือซาก จนบัดนี้จึงยังไม่มีใครใจกล้าแม้แต่รายเดียว
       
       โดยส่วนตัวคุณพักตร์วิมลเลี้ยงมาได้ราว 2 ปีก่อนจะมีกระแสความนิยม เจ้าซิมบาหมาหนุ่มสุดโหดเริ่มมีแววดุตั้งแต่อายุ 3 เดือน เมื่อคนจากที่ร้านเข้าไปนั่งในบ้านแล้วโดนงับขาถึง 2 ครั้งแม้ว่าจะเป็นฟันน้ำนม เรียกได้ว่า "กัดก่อนค่อยคุยกัน" เธอเล่าว่าลูกสุนัขแต่ละตัวสะแสดงแววดุต่างกันไป โดยตัวที่มีแววดุมากจะมีอาการหวงตัวตั้งแต่เด็กๆ
       
       "ถ้าเป็นเด็กที่เกิดในบ้านแบบเห็นกันอยู่ตั้งแต่เล็กจนโตเขาจะไม่ดุด้วยเลยนะ แล้วเขาจะดุกับคนเท่านั้น กับหมาเล็กๆ จะไม่ดุเลยเลี้ยงรวมกันได้ แต่ต้องเลี้ยงมาพร้อมๆ กัน สามารถปรับตัวเข้ากับหมาด้วยกันได้เร็วกว่ากับคน"
       


Uploaded with ImageShack.us       

เอกลักษณ์อีกอย่างของทิเบตันคือโครงสร้าง เป็นสุนัขที่มีโครงสร้างใหญ่ กล้ามเนื้อแน่น ขนาดโดยทั่วไปจะใกล้เคียงกับร็อตไวเลอร์หรือใหญ่เท่าเซนต์เบอร์นาร์ด แต่จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมากแล้วขารับไม่ไหว เพราะจะเป็นสุนัขที่แข็งแรงโดยสายพันธุ์อยู่แล้ว น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-70 กก. เวลายืนหางจะต้องม้วนตลบขึ้นอยู่บนหลัง
       
       "ถ้าสังเกตดีๆ หรือศึกษาจนคุ้นเคยแล้วจะดูออกว่า แม้จะคล้ายร็อตไวเลอร์คือสีแบล็กแทน แต่โครงหัวจะรีออก ปากยาวกว่านิดหน่อย หัวกะโหลกกว้างน้อยกว่า เท่าที่นำเข้ามายังไม่ทันจะได้เก็บไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์จะมีคนมากวาดซื้อหมด อย่างล่าสุดนักบาสทีมชาติฟิลิปปินส์เขาก็ซื้อรวมนับ 10 ตัวแล้ว"
       
       ทิเบตันจะมีทั้งหมด 3 สี คือสีแบล็กแทน เหมือนร็อตไวเลอร์ สีแดง ซึ่งมีราคาแพงกว่ามาก รวมถึงสีที่สวยที่สุด หายากที่สุด และราคาพุ่งกระฉูดสุดๆ คือสีขาวหิมะ พันธุ์แท้ราคาอาจสูงถึง 20 ล้านบาท ซึ่งเธอเคยพบในเมืองจีน มีหลายคนเสนอราคาขอซื้อแต่เจ้าของเดิมก็ไม่ขาย
       
       สัตว์เลี้ยงคนรวย
       
       คุณพักตร์วิมล เล่าว่าดาราจีนอย่าง โจวเหวินฟะ เฉินหลง ก็มีทิเบตันติดบ้านไว้เหมือนกัน แต่ละตัวราคาหลักล้านแบบเกรดเอ ในไทยเองก็มีคนถามหาสุนัขทิเบตันมากพอสมควร โดยจากการพูดคุยกันในกลุ่มผู้นำเข้าจำนวนไม่กี่เจ้านั้นเชื่อว่า มีสุนัขสายพันธุ์แท้ๆ ในประเทศไทยไม่ถึง 10 ตัวหรืออาจไม่ถึง 5 ตัวด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นสุนัขหายากราคาสูง ผู้นำเข้าน้อย และด้วยอุปนิสัยดุเอาชีวิตจึงยังเป็นที่หวั่นๆ ของใครหลายคน
       
       "ส่วนใหญ่แล้วเวลานำเข้ามาจะเป็นคนต่างชาติมาซื้อต่อเสียหมด คนไทยที่เราเคยขายคือเป็นประธานโรงแรมแห่งหนึ่ง หรือจากที่เคยได้ยินมาเมื่อ 3-4 ปีก่อนอย่าง พานทองแท้ ชินวัตร ก็เคยนำเข้ามาจากจีน แต่พอเจอว่าดุมากเลี้ยงไม่ไหว ก็เหมือนจะเนรเทศออกไปไหน หรือฝากให้ใครเลี้ยงต่อก็ไม่ทราบแน่ชัด"
       
       พร้อมกับเสริมว่า คนไทยมีความสนใจสุนัขพันธุ์ทิเบตันอยู่มาก แต่ส่วนใหญ่จะกำลังไม่ถึงหรือสู้ราคาไม่ไหว ขนาดเธอได้ลูกสุนัขพันธุ์แท้จากจีนมาในราคา 150,000 – 180,000 บาทก็ยังไม่ได้คุณภาพที่จะมาพัฒนาเป็นสายพันธุ์แท้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ก็เป็นพันธุ์แท้ที่สวยในระดับหนึ่ง
       
       คุณบีแนะนำว่า การสังเกตว่าเป็นทิเบตันแท้หรือไม่ นอกจากต้องศึกษาข้อมูลโครงสร้างทางกายภาพ อุปนิสัยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อความถูกต้องแน่ใจคือการศึกษาประวัติของพ่อและแม่พันธุ์สุนัขที่นำมาผสมกันด้วย โดยลูกสุนัขจากคอกเดียวกันไม่ควรนำมาผสมกันเอง เช่นเดียวกับมนุษย์ที่เป็นพี่น้องกัน เนื่องจากจะมียีนส์ด้อยบางอย่าง ทำให้สุนัขเกิดจุดบกพร่องได้
       
       "ตลาดของทิเบตันมีแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่สุนัขสามารถผสมพันธุ์ได้ปีละครั้งเท่านั้น คือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้าช่วงฤดูผสมพันธุ์เขาจะผลัดขนเพื่อเตรียมพร้อมปีละครั้ง หน้าตาก็จะคล้ายๆ ร็อตไวเลอร์ขนยาว อีกอย่างคือการนำออกจากจีนยากขึ้นทุกวัน ในขณะที่ทั่วโลกมีความต้องการไม่ใช่แค่เพียงในไทยเท่านั้น ดังนั้น หากเราสามารถพัฒนาสายพันธุ์เองได้ตลาดก็น่าจะดี"
       
       จากหุบเขาสู่เมืองร้อน
       
       สำหรับมุมของการเลี้ยงดูแล้ว ผู้รักสุนัขใหญ่คนนี้บอกว่าไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด อาหารที่ให้คืออาหารพรีเมียมเกรด ให้วิตามินเสริม มีพื้นที่ให้สุนัขได้ออกกำลังกาย รวมทั้งต้องดูแลเรื่องความสะอาดของขนเช่นเดียวกับสุนัขทั่วไป
       
       "การดูแลเขาไม่ยากเลยค่ะ อาจจะต้องมีปรับตัวบ้างในระยะแรกๆ ที่นำเข้ามาด้วยการเปิดแอร์ให้เขาชินอุณหภูมิ เนื่องจากปกติจะเลี้ยงกันในหุบเขาสูง อากาศเย็น ซึ่งหากไม่ใส่ใจตรงนี้ สุนัขจะขนร่วงหรือผลัดขนเพื่อปรับตัวตามธรรมชาติ ไม่ว่าพันธุ์ไหนก็เหมือนกันต้องปรับตัว แต่ความดุนี่ไม่ได้ปรับค่ะเหมือนเดิม(หัวเราะ)"
       
       คุณบีเล่าถึงประสบการณ์เยี่ยมฟาร์มทิเบตันที่จีนว่า ที่นั่นจะเป็นคอกเปิดให้อยู่กับธรรมชาติ เวลานั่งคุยที่ฟาร์มจะมีประตู 2 ชั้น ใช้กระจกอย่างหนาพิเศษแต่มุมกระจกยังมีรอยร้าว
       
       เธอยังเคยเจอพ่อพันธุ์ทิเบตันสีแดงที่ถูกตีราคาสูงถึง 30 ล้านบาท แต่เจ้าของไม่ขายเนื่องจากเลี้ยงไว้ทำเงินได้มากกว่า นอกจากขายลูกสุนัขในราคาสูงสุดๆ แล้วยังรับผสมพันธุ์ในราคาครั้งละ 1.5 ล้านบาท ในขณะที่สีขาวราคา 500,000 บาทยังไม่ได้ดีกรีแข็งแรงพอ ซึ่งการผสมพันธุ์ทิเบตันสีขาวจะต้องเป็น สีขาว+สีขาว เท่านั้น การจะลงทุนสร้างฟาร์มที่ดีได้จึงต้องมีเงินลงทุนราว 40-50 ล้านบาท
       
       คนส่วนใหญ่ที่จะเลี้ยงทิเบตันได้คือต้องเป็นคนชอบสุนัขขนาดใหญ่และดุเป็นพื้นฐาน ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของสายพันธุ์นี้คือน้ำลายไม่เยิ้มย้อยเหมือนเซนต์เบอร์นาร์ด หรือเกรดเดน นอกจากจะเห่าเมื่อเจอคนแปลกหน้าแบบ non-stop น้ำลายจะเหนียวบ้างเหมือนเวลาคนพูดมากจนน้ำลายแตกฟอง
       
       สุดท้ายขอฝากไว้ว่า อย่าเห็นแก่ของถูก แต่สุนัขราคาแพงใช่ว่าจะแท้เสมอไป หากใครสนใจอยากเลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลอย่างดี และซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น




สิงโต
สิงโต
สิงโต
ดิมทีสิงโตเป็นสัตว์ที่อ่อนแอหาความสง่างามมิได้เลยมันรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง จึงคร่ำครวญต่อเทพเจ้าทุกวัน จนกระทั้งเทพเจ้าทนไม่ไหว เสกให้สิงโตกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่แข็งแรงและสง่างาม.. 


แต่ว่าสิงโตก็ยังไม่พอใจโอดครวญต่อเทพเจ้าว่า "ข้าพเจ้ายังกลัวไก่โต้ง"  
เทพเจ้าตอบว่า "ข้าได้ประทานสิ่งที่วิเศษที่สุดให้แก่เจ้าแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก" 

สิงโตรู้สึกเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ในขณะที่มันกำลังคิดที่จะฆ่าตัวตายนั้นเอง มันก็พบช้างตัวหนึ่ง ช้างพูดพลางกระดิกหูไปมา
สิงโตจึงถามช้างว่า "ทำไมต้องกระดิกหูอยู่ตลอดเวลา" 
ช้างตอบว่า "แกเห็นยุงตัวเล็ก ๆที่ตอมอยู่รอบๆ ตัวของฉันหรือเปล่า ถ้าหากมันบินเข้าไปในหูของฉันละก้อ ฉันคงจะตายแน่ๆ"  

สิงโตได้ฟังแล้วจึงรำพึงขึ้นว่า..
"แม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างช้าง ยังกลัวยุงตัวเล็ก ๆ ถ้าเช่นนี้ ทำไมฉันจะต้องเสียใจที่ตัวเองกลัวไก่โต้งด้วยเล่า"

5555ประวัติสิงโต


คงไม่ต้องหลอกสิงโตเรารู้จักกันดี อืม!!




ขอคลิปพิทบลู ปะทะ หมาทิเบตด้วย ครับ



เครดิต www.lancer-club.net


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 ตุลาคม 2554 / 15:52

PS.  อ่านทำไมอ่านเพื่ออะไรอ่านที่ไหนใครอนุญาติ

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

I'm HOTTEST 25 ต.ค. 54 เวลา 18:58 น. 2
หมานี่เหมือนสิงโตเด๊ะเลยอ่ะ =0=

PS.  หนูสัญญาว่าหนูจะเป็น "HOTTEST" ที่ดีและรักทูพีเอ็มตลอดไป
0
พลากร 6 พ.ย. 54 เวลา 01:55 น. 4

จอห์น เอ ฮันเตอร์ ยอดพรานผิวขาวเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีสุนัขตัวใดในโลกที่จะสู้กับสงโตที่โตเต็มวัยแล้วรอดชีวิตมาได้ ต่อให้ฝึกดีแค่ไหน สุนัขก็ทำได้แค่กวนสิงโตให้พะว้าพะวงพอที่พรานจะมีโอกาสยิงสิงโตได้
สุนัขมีแต่เขี้ยว และกัดได้อย่างเดียว แต่สิงโตมีทั้งเขี้ยว กรงเล็บ และแรงตบที่ทรงพลัง อย่างทิเบตัน มาสทิฟนี้ ถ้าสู้กับสิงโต เมื่อไหร่ คงไม่พ้นเป็นอาหารคำโตของมันเท่านั้นแหละ

0
หมาน้อยดุ๊กดิ๊ก 11 ก.ย. 57 เวลา 10:33 น. 8

เคยเจอคลิปของพวกต่างชาติ hereๆ เอาพิทบูล มากัดกับ พันธิเบต พันธิเบตกัดโหดชนะ(เพราะขนาด และ ความพลังมากกว่า) แต่เดาว่าที่เป็นอันดับสองเพราะมีปัญหาการกัดคนน้อยกว่ามาก ยังไม่เคยได้ยินข่าวว่าพันธิเบตกัดใครตาย(มั้ง)

0
เอี้ยก้วย 15 พ.ค. 58 เวลา 04:38 น. 10

ทิเบตันไม่มีปัญญาสู้ำได้อย่างแน่นอนทั้งขนาดน้ำหนักกำลัง
เขี้ยวเล็บแรงกัดมันต่างกันมากเกินไปเป็นแค่อาหารราคาแพง
ของสิงโตทิเบตันหนักเต็มที่60 ถึง80ก.ก-ที่เห็นว่าใหญ่ขน
มันเยอะสู้สิงโตตัวเมียยังไม่ได้เลยแค่ไฮยีน่าทิเบตันก็หงอแล้ว
ตัวซูซีกับทิเบตันต่างกันก็แค่ความอึดการกัด
ไฮยีน่าอึดกว่ามากแรงกัดมากกว่าสิงโตซะอีกทิเบตันตายอย่าง
เดียวสู้สู้

0