คืออยากรู้ว่า"การเวียนเทียน"มีเพื่ออะไร ??
ตั้งกระทู้ใหม่
เราแค่อยากรู้ว่าการเวียนเทียนเขาสื่ออะไรกัน หรือว่าทำแล้วได้บุญ -0-?
แต่เท่าที่ศึกษาพระธรรมมา พระพุทธเจ้าท่านไม่เห็นสอนให้เวียนเทียนเลยอะ
แล้ะก้อ อันนี้ คหสต น้ะ เราว่ามันมีแต่ข้อเสียอะ อาจจะทำให้เป็นปอดบวมได้เพราะมีแต่ควัน
เป็นภูมิแพ้ สำลักควัน ฯลฯ แล้ะก็เท้าพุพองจากการเหยียบเศษไฟที่ร่วงจากธูปเทียน
ยังนึกไม่ออกเลยว่ามันมีประโยชน์หรือได้บุญยังงัย - -?
16 ความคิดเห็น
ตอบตามที่เข้าใจนะคะ
เวียนเทียนเป็นการแสดงความเคารพ ในสมัยพุทธกาลเวลาเขาจะแสดงความนับถือใครจะทำประทักษิณ หรือการเวียนขวา คนนั้น หรือสิ่งนั้นค่ะ
ขอแสดงความเห็นนะครับ
การเวียนเทียนที่เราเวียนกันในวันสำคัญนั้นเป็นการเวียนเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ที่มันสำคัญๆ ในสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าของเรายังทรงพระชนม์อยู่  เป็นการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีพระองค์ ที่มีต่อเหล่าประชาชาติ และเพื่อแสดงออกถึงความกตุญญูกตเวทีของผู้เป็นพุทธศาสนิกชน  โดยจะเวียนตามปทักษิณ หรือเวียนขวามือของพระประธานครบสามวาระนั่นเอง  อย่างที่ว่าครับพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสอนให้เวียนเทียน แต่ชาวพุทธเราถือว่าเป็นการแสดงถึงการเคารพสักการะอย่างสุงสุด ดังเราจะเห็นว่าในพระราชพีธีของพระเจ้าอยู่หัวก็จะมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรเหมือนกัน
ถามว่ามีการบัญญัติไว้มั้ย "ไม่มี" การเวียนเทียนคาดว่าน่าจะได้รับคติมาจากอินเดีย พวกพราหมณ์ที่เขากระทำประทักษิณด้วยไฟ
แต่นั่นก็เป็นแค่เปลือก สาระสำคํยอยู่ที่ "จิต"
ขณะเดินแล้วใจน้อมไปเพื่อระลึกถึงพระคุณ ฯลฯ ก็เป็นกุศลจิต
ขณะเดินใจน้อมไปคิดฟุ้งซ่าน ฯลฯ ก็เป็นอกุศลจิต
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ "จิต" จะเวียนไม่เวียนก็ไม่ได้บังคับ แล้วแต่ๆละคน
ขณะเวียน/กลับจากเวียนแล้ว กระทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเฉยๆ
ขณะเวียน/กลับจากเวียนแล้ว กระทำกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ก็ถือว่าการเดินนั้นมีค่ามาก
และอีกอย่างก็คือเมื่อเดินกุศลเกิดก็รู้ว่ากุศลเกิด อกุศลเกิดก็รู้ว่าอกุศลเกิด นี่ก็มีค่ามากเช่นกัน
พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญปฏิบัติบูชา ยิ่งกว่าอามิสบูชา
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 มิถุนายน 2555 / 21:36
จบม.3มาผมก็ไม่ได้เวียนอีกเลย
มีคนตอบหมดแล้ว
สงสัย จขกท จะกลัวเรื่องการลบหลู่ศาสนามากเกินไป
แต่เรามองว่าคุณก็แค่ถามสิ่งที่ไม่รู้ไม่มีใครว่าคุณว่าลบหลู่ศาสนาหรอก
ฉันคิดว่ามันเป็นคำถามที่ดีนะ เพราะตอนนี้ชาวพุทธเริ่มสับสนระหว่างพิธีกรรมและคำสอน
ซึ่งคนส่วนใหญ่มักใส่ใจพิธีกรรม(บางอย่าง)ที่ไม่จำเป็นมากกว่าคำสอน(ที่ควรจะใส่ใจ)
การเวียนเทียน พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน แต่จะได้บุญยังไง คหสต นะนะได้ได้ตอนที่เราระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ตอนเดินรอบโบสถ์มั้ง อันที่จริงเราระลึกถึงพระรัตนตรัย เมื่อไหร่ก็ได้แล้วแต่เรามากกว่า
พระพุทธเจ้าให้ความสำคัญกับการปฏิบัติบูชามากกว่าพิธีกรรม การระลึกถึงหลักธรรม ใครครวญธรรมนั้นสำคัญที่สุด พิธีกรรมเป็นแค่กิ่งไม่ใบไม้ สำคัญน้อยกว่าสะเก็ด(ซึ่งก็คือศีล) แต่เราก็ไม่ควรละเสียเลย จะไปเวียนเทียนหรือไม่ เอาตามสะดวกดีกว่า
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 5 มิถุนายน 2555 / 11:40
PS. group dhamma wa wa wow http://group.dek-d.com/autto002/
เทียน ธูป ดอกไม้ เป็นอามิสบูชา กิริยาที่เดินรอบเป็นการแสดงความเคารพ และยังเป็นการจงกรมไปในตัว อันนี้เป็นปฏิบัติบูชา
พุทโธ อัปปมาโณ พุทธานุภาพมีอยู่มิอาจประมาณ
ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคละมุตตัมมัง การบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นมงคลอันอุดม
มั่วนะ ฟังได้ เรื่องจะเชื่อหรือไม่ก็คิดเอาเอง
PS. [ตรรกะที่ขาดจินตนาการก็เป็นเพียง ทิฐฐิ มานะ] [จินตนาการที่ขาดตรรกะก็เป็นเพียง อุธธัจจะ ดีๆ นี่เอง]
อีกหนึ่งมุมมอง ^ ^
�� ผมได้ศึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำและคำสอนของพระสมณโคดมหรือพระพุทธเจ้า แล้วก็เห็นผลเป็นความร่มเย็นแก่จิตใจ พูดให้เป็นรูปธรรมก็เหมือนจิตใจดวงนี้ได้อยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มีความรู้สึกเย็น ไม่ร้อน� แม้ว่าจะเจอฝนฟ้าอากาศที่แปรปรวน�แต่ก็มีต้นไม้ใหญ่คือธรรมะนี้เป็นที่กำบัง(ปัญญา)ให้ความร่มเย็นแก่จิตใจได้�
�� ตามปกติใครมีบุญคุณหรือพระคุณต่อเรา เราก็รู้สึกต้องตอบแทน เหมือนพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา�ตอนที่เรายังทำอะไรเองไม่เป็น ท่านก็ให้ข้าว ให้น้ำ ให้เสื้อผ้า ให้ยารักษาโรคเมื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อเราโตแล้ว สามารถทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่างแล้ว�ถ้าเป็นผม ก็คงจะต้องดูแลท่านให้ดีที่สุดด้วยระลึกนึกถึงบุญคุณของท่านที่มีต่อผม
�� สำหรับในสายธรรมนี้ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้สอนธรรมะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครูที่สอนให้ถึงมรรค ถึงผล ถึงนิพพาน ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ก็เปรียบเสมือนเป็นพ่อแม่ แต่เป็นพ่อแม่ที่ให้ความสุข ความร่มเย็นที่จีรัง เราอยู่ที่ไหนเจอความไม่สมปราถนา นึกถึงธรรมที่ท่านสอนแล้วก็ปล่อยวางได้ แล้วก็สุขใจได้
�� ในสายธรรมะนี้ จะมีความลึกซึ้งถึงใจกันมาก อย่างหลวงตามหาบัวท่านเรียกหลวงปู่มั่นซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านว่า \"พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเรา\" อันนี้ท่านเรียกด้วยออกมาจากใจ คือหลวงปู่มั่นให้มรรค ผล นิพพานอันเป็นบรมสุข สุขที่ถาวรแก่ท่าน จึงมีพระคุณต่อท่านมาก
�� แต่เหนือสิ่งอื่นใด ธรรมะหรือมรรค ผล นิพพาน ก็มาจากคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา ผู้เป็นบรมครู ความร่มเย็นเป็นสุขนี้จึงมีจุดกำเนิดมาจากท่าน ก็เท่ากับว่าท่านก็เป็นผู้มีพระคุณด้วย สำหรับผมถ้าไปเวียนเทียนก็ไปด้วยใจ คือเมื่อพระพุทธเจ้าเข้ามหาปรินิพพานไปแล้ว ก็แสดงความกตัญญูรู้คุณก็ทำได้แค่เพียง แสดงความระลึกนึกถึงพระคุณของท่านและแสดงความเคารพต่อผู้มีพระคุณด้วยการเดินเวียนขวารอบพระพุทธรูปหรือเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพตามแบบประเพณีของชาวอินเดียโบราณ
สรุปก็คือว่า ถ้ามีความศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้วการไปเวียนเทียนก็คือการไปแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ส่วนถ้ามีเหตุผลส่วนตัว เช่น สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เท้าพองง่ายก็อาจจะไม่ต้องไปก็ได้
อีกประการหนึ่ง การกระทำของเราทุกอย่างที่ทำด้วยเจตนามีผลหมด ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การไปแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ก็เป็นกรรมของเราเหมือนกัน เป็นกรรมดี เพราะฉะนั้นก็ส่งผลดีแก่ผู้กระทำ
กุศโลบายอีกข้อของการเวียนเทียนคือ การเดินจงกลมค่ะ เพราะการเวียนเทียนเป็นการระลึกถึงพระรัตนตรัย และจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ทำให้จิตเราไม่วอกแวกและมีสติรู้ตัวตลอดเวลา ทำให้เหมือนกับเราได้ฝึกสมาธิไปกลายๆด้วยค่ะ
ไม่เข้าใจ จขกท ว่าการถามเรื่องเวียนเทียนมันลบหลู่ตรงไหน
ขนาดชาวพุทธเองยังถามเลย พระไตรปิฏกเชื่อไหนแค่ไหน
PS. group dhamma wa wa wow http://group.dek-d.com/autto002/
ตอบดีมากค่ะตรงใจ เพราะอยากถามแบบเค้าพอดี ด้วยเหตุผลเดียวกันว่าไม่รู้จิงๆ ถามเพื่อความอยากรู้ จะได้ปฏิบัตืให้ถูกต้อง ขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกคำตอบจากทุกท่านด้วย..สาธุ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?