Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เจว็ดในศาลพระภูมินั้น เป็นตัวแทนของพระชัยมงคล

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งศาลพระภูมิ เจ้าที่...เป็นสิริมงคล (ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่)


ตั้งศาลพระภูมิ เจ้าที่...เป็นสิริมงคล อยู่เย็นเป็นสุข  ปกป้องผองภัย
                   ตั้งศาลพระภูมิ เจ้าที่(บางทีเรียกศาลปู่ย่าตายาย) พิธีกรรมที่น่าสนใจ  น่าจะเป็นทางศาสนาพราหมณ์นะคะ  ก่อนตั้งต้องดูฤกษ์ยามก่อนว่าทิศทางใด  วันใดเหมาะสม  เมื่อได้แล้วก็จัดสร้างฐานที่ตั้งศาลพระภูมิ เจ้าที่รอวันตั้งศาลไว้เลย  จะหันไปทางทิศใดตามแต่หมอตั้งศาลจะกำหนดตามดวงชะตาของเจ้าบ้าน

เครื่องสังเวยที่ใช้ในการตั้งศาลพระภูมิ  ตามแต่หมอตั้งศาลแต่ละคนจะกำหนดมา  ที่บ้านครูหน่อยเชิญหมอตั้งศาลชื่อ ลุงสี  ชายสูงวัยบุคลิกเยือกเย็นสุขุม สุภาพ  สำรวมแต่งกายด้วยเสื้อขาว กางเกงสุภาพ  บางหมออาจใส่ชุดขาวทั้งชุดสุดแล้วแต่ค่ะ    ลุงสีจดเครื่องสังเวยมาหนึ่งหน้ากระดาษ  (บางที่อาจไม่เหมือนกันนะคะ)
                   เครื่องสังเวยของพระภูมิ เจ้าที่ที่จัดเตรียมตามกระดาษแผ่นนั้น  มีดังนี้
ข้าวปากหม้อ   ๒ ชาม          ไข่ต้ม  ๓ ฟอง           กุ้งพล่า          ๒  จาน
ปลายำ          ๒ จาน           หมูต้ม  ๒  ชิ้น           น้ำจิ้ม            ๒  ถ้วย
ขนมต้มแดง    ๒ จาน           ขนมต้มขาว  ๒  จาน  แกงบวช        ๒  ถ้วย
ขนมถ้วยฟู      ๒ จาน           มะพร้าวอ่อน ๒ ลูก     กล้วย            ๒  หวี
อ้อย ๔ คืบ ปอกแล้วหั่นเป็นแว่นๆ ๒ จาน               ผลไม้ ๓ อย่าง ๒ จาน
ถั่ว งา ข้าวตอก ๒ ถ้วย         ดอกไม้  ๒๐ ดอก      ธูป  ๑ กำ เทียน ๒๐ เล่ม
หมากพลู ๒๑ คำ       บุหรี่ ๑ ซอง    เหล้า ๑ ขวด(ของเจ้าที่)
ผ้าแพร ๓ สี    ๒ ชุดพวงมาลัยสด     ๒  พวง                   แป้งหอม  ๑ กระปุก  
น้ำมันหอม      ๑ ขวด  ทองคำเปลว  ๓๐ แผ่น        ดอกไม้ ๔ กำ          
กระทงใบตอง  ๙ ใบ
เครื่องสังเวยของพระภูมิเพิ่ม  ปลาช่อนต้ม ๑ ตัว  ปูทะเลต้ม ๑ ตัว




ส่วนศาลพระภูมิ เจ้าที่ทางร้านจะนำมาส่งก่อนเวลาตั้งศาล ประมาณ ๑ ชั่วโมง  พร้อมจัดพนักงานมายกให้ด้วย  เพราะศาลทั้งสองหนักมากค่ะ  สำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ประกอบด้วย
เจว็ดรูปเสมาพระชัยมงคล  รูปปั้นตายาย  ช้างม้า ๒ คู่  บริวารชายหญิง ๒ คู่
ตุ๊กตาละครรำ ๑ คู่      แจกัน ๒ คู่      โอ่น้ำ ๑ คู่      เชิงเทียน ๒ คู่
กระถางธูป ๑ คู่         พวงมาลัยผ้ายาว  ๑ คู่   แผ่นเงิน ทอง นาค ๑ชุด
ก่อนที่ลุงสีจะตั้งศาล  จะทำพิธีไหว้ครูก่อน  โดยจะเรียกหาขันทำน้ำมนต์
ธูปหอม ๑ แหนบ เทียนหนัก ๑ บาท ๑ เล่ม ดอกไม้ หมากพลู บุหรี่ เงินค่าครู ๑๒ บาท
แล้วนำดอกไม้ใส่พาน จุดธูปเทียน แล้วสวดคาถาบูชาครูบาอาจารย์ และทำน้ำมนต์  เราต้องเตรียมตัดกิ่งไม้ใบไม้มาทำ (บางตำราใช้หญ้าคามากำ  แต่ในเมืองหายากค่ะ)




เสร็จพิธีบูชาครู  ลุงสีนำน้ำมนต์มาประพรมบริเวณที่จะตั้งศาล
พร้อมบริกรรมคาถา  แล้วละลายแป้งหอมผสมน้ำมันหอม
หยิบเจว็ดรูปเสมาพระชัยมงคลเจิม ๓ จุด ทาน้ำมันเล็กน้อยที่เจว็ดเพื่อปิดทอง ๑ แผ่น
และนำผ้าสีเหลืองพันโดยรอบเจว็ด   นำรูปปั้นตายาย มาเจิมและปิดทอง  
แผ่นเงินทองนาค  นำมาเขียนอักขระ เพื่อวางที่โคนเสาศาลพระภูมิ


ลุงสีนำแป้งหอมผสมน้ำมันหอมเสกคาถาเจิมเสาทั้งของพระภูมิและเจ้าที่พร้อมเจิมที่หน้าศาลพระภูมิ ๓ จุดและเจิมที่หน้าศาลเจ้าที่ ๓ จุด
เมื่อได้ฤกษ์ยกศาล ๑๐.๐๙ น. ก็สั่งให้พนักงานยกศาลพระภูมิวางบนเสา  ตามด้วยศาลเจ้าที่ตามลำดับ






จากนั้นลุงสีนำเจว็ดรูปเสมาพระชัยมงคลมาวางบนศาลพระภูมิข้างในสุด  พร้อมนำช้างม้า   บริวารชายหญิง และตุ๊กตาละครรำ วางในศาลหันหน้าออกตามศาล  เอาผ้าสามสีผูกหน้าศาล และเสา  ส่วนศาลเจ้าที่นำรูปปั้นตายาย  ช้างม้า บริวารชายหญิง หมากพลู  วางบาศาลหันหน้าออกตามศาล  หยิบผ้าสามสีมาผูกหน้าศาล




ลุงสี บริกรรมคาถาอัญเชิญพระภูมิ เจ้าที่ขึ้นศาล  และกล่าวคำถวายของสังเวยพระภูมิ เจ้าที่  แล้วจุดธูปแจกสมาชิกทุกคนในครอบครัว  ไหว้พระภูมิ ๕ ดอก  ไหว้เจ้าที่ ๔ ดอก (บางตำราอาจมากน้อยกว่านี้ค่ะ)

เสร็จครบทุกคนแล้วนั่งรอสักครู่ประมาณธูปเกือบหมดดอก  ลุงสีกล่าวคาถาลาของสังเวย  และนำของสังเวยใส่กระทง ๙ ใบ ปักธูปเทียน สวดคาถาอัญเชิญเทวดามารับเครื่องสังเวย และมาอวยชัยให้พรเป็นสิริมงคล  ลุงสีโปรยถั่ว งา ข้าวตอกรอบบริเวณศาลพระภูมิเจ้าที่  และโปรยหน้าบ้านและในบ้าน พรมน้ำมนต์ในบ้าน
เป็นอันเสร็จพิธี

อ้อ...มีภาพเปรียบเทียบท้องฟ้าตอนถวายเครื่องสังเวยค่ะ  วางไว้สักครู่ฟ้าครึ้มเชียวค่ะ  ฤกษ์งามยามดีจริง ๆ ค่ะ แต่ฝนไม่ตกนะคะ

สนใจทราบประวัติพระภูมิไหมคะ  สรุปโดยย่อนะคะ
          พระภูมิมีพระบิดาเป็นกษัตริย์ นามว่า พระเจ้าทศราช  พระมารดานามว่า พระนางสันธาทุกกะเทวี  ครองกรุงพาลี  ประสูติพระราชโอรส ๙ พระองค์  เมื่อพระโอรสมีชันษาเจริญวัย มีพระปรีชาสามารถ  พระองค์จึงให้พระโอรสที่ ๙ องค์ ไปครองภูมิสถานต่าง ๆ  ครั้นต่อมาพระเจ้ากรุงพาลีมีนิสัยไม่ดีไม่อยู่ในทศพิธราชธรรม  ใช้ให้พระโอรสทั้ง ๙ องค์ ไปกลั่นแกล้งประชาชน  ทำให้ประชาชนเดือดร้นทนทุกข์เวทนา  ร้อนถึงพระนารายณ์จึงต้องแปลงตัวลงมาเป็นพราหมณ์น้อย  มาขอที่อยู่กับเจ้ากรุงพาลีเพียง ๓ ก้าว  เพื่อจะบำเพ็ญพรต  เจ้ากรุพาลีมิได้ตรึกตรองจึงทรงอนุญาตให้
          กล่าวถึงพระศุกร์ผู้เป็นอาจารย์ของเจ้ากรุงพาลี  เล็งญาณรู้ว่าพระนารายณ์แปลงองค์มา  จึงเนรมิตตัวให้เล็กลงแล้วเข้าไปนอนขวางในพระเต้าที่ใช้หลั่งน้ำอุทกธารา เพื่อมิให้น้ำไหลออกมา  พระนารายณ์เกิดความสงสัยว่าทำไมน้ำอุทกธาราไม่ไหล  เล็งญาณรู้จึงใช้หญ้าคาแทงเข้าไปในรูพระเต้า  บังเอิญหญ้าคาไปถูกลูกนัยน์ตาของพระศุกร์จนได้รับความเจ็บปวด  จนโดดหนีออกมาจากพระเต้า  น้ำอุกทกธาราก็หลั่งไหลออกมาได้ เป็นการสำเร็จการขอสถานที่อยู่  พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นร่างเดิม  แล้วย่างก้าวเพียง ๒ ก้าว  ก็หมดเขตพระธรณีกรุงพาลี  เจ้ากรุพาลีโดนดัดสันดานให้ไร้ที่อยู่อาศัยโดนไล่ออกจากกรุงพาลีออกนอกป่าหิมพานต์
          เจ้ากรุงพาลีและครอบครัวได้รับความลำบาก รับทุกข์เวทนา  สำนึกผิด จึงตัดสินใจเข้าเฝ้าพระนารายณ์ทูลขอที่ดินคืน  พระนารายณ์เกิดความสงสารจึงได้ตักเตือน  อบรมสั่งสอนให้อยู่ในศีลธรรม  มีความเมตตากรุณา  เจ้ากรุพาลีรับปาก  และกราบทูลอีกว่า หากประชาชนทั่วไปจะให้ข้าพเจ้ารักษาเคหะสถานบ้านเรือนแล้ว  ขอให้ปลูกเป็นศาลเล็ก ๆ มีเสาต้นเดียวก็พอ  จะได้ขึ้นพักอาศัยและคอยรักษาเคหะสถานบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป  พระนารายณ์ฟังว่ามีเหตุผลดี  จึงทรงอนุญาตให้เข้าอาศัยอยู่ตามเดิม
          ดังนั้นการตั้งศาลพระภูมิจึงทำเพื่อความเป็นสิริมงคล  ทำมาค้าขึ้น  อยู่เย็นเป็นสุข  และปกป้องภัยอันตรายทั้งปวง  จึงนิยมตั้งกันมาจนทุกวันนี้
ชื่อพระภูมิทั้ง ๙ องค์
๑.พระชัยมงคล         ครองเคหะสถานบ้านเรือนและร้านต่าง ๆ
๒.พระนครราช          ครองประตู  ป้อมค่าย  หอรบ  บันได
๓.พระเทเพล            ครองคอกสัตว์ต่าง ๆ
๔.พระชัยสพ            ครองเสบียงคลัง  ยุ้งฉาง
๕.พระคนธรรพ์                   ครองโรงพิธีแต่งงาน  เรือนหอ
๖.พระธรรมโหรา        ครองเรือกสวนไร่นา
๗.พระเทวะเถระวัยทัต ครองวัดวาอาราม  ปูชนียสถาน
๘.พระธรรมมิคกะราช  ครองพืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ
๙.พระทาษธารา        ครองห้วย หนอง คลอง บึง บ่อ ลำธาร

แสดงความคิดเห็น

>