Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

“โคตรพิเศษ-เฉี่ยวนรก” เมนูสร้างชื่อ...บะหมี่จอมพลัง ตลาดนัดรถไฟ!?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

แม้งานหน้าร้านจะรัดตัวเต็มที แต่ คุณแนน-อรอมล จงเจริญ วัย 21 ปี เจ้าของกิจการ “บะหมี่จอมพลัง” ซึ่งกำลังเด่นดังในหมู่นักชิมผู้นิยมชมชอบความ “อลังการ” ยังกรุณาสละเวลามาให้ข้อมูลด้วยน้ำเสียงสดใส


เริ่มต้นความเป็นมาว่า กิจการนี้ มีสองหุ้นส่วนสำคัญ คือตัวเธอและแฟนหนุ่ม คือ คุณกัณ-กัณฐัศว์ พงษ์ไพบูลย์เวชย์ อายุ 23 ปี ระหว่างที่คบหากันได้ 1 ปี อยากมีกิจการของตัวเอง จึงชวนกันไปเดินเล่นแถวตลาดนัดจตุจักร


ช่วงนั้นเองมีรุ่นพี่คนหนึ่ง มาเสนอแผงให้ทดลองทำค้าขาย เลยตกลงและตัดสินใจ ทำ “เปาะเปี๊ยะทอด” ออกขายในสัปดาห์ถัดมา


“ไม่มีฝีมือทำอาหารมาก่อน อาศัยเป็นคนชอบทำ ชอบทาน และชอบดูรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่น ที่มักมีการทานอาหารจานโตๆ เปาะเปี๊ยะทอด ที่ทำขายตอนนั้น จึงมีขนาดใหญ่กว่าที่ขายกันทั่วไป” คุณแนน ย้อนให้ฟัง


ขายอยู่ได้ 3 เดือนเศษ เห็นท่าไปไม่ไหว เพราะยอดตก แถมเจ้าของที่กำลังจะขึ้นราคาค่าเช่าอีก เลยบอกเลิกเช่าแผง แต่ต้องมานั่ง “กุมขมับ” กันทั้ง 2 คน เพราะเงินที่นำมาลงทุนนั้น ขอยืมทางบ้านมาถึง 15,000 บาท


ระหว่างขับรถกลับบ้านด้วยความเครียด เห็น “ตลาดนัดรถไฟ-สวนจตุจักร” เพิ่งเปิดทำการ จึงชวนกันแวะเข้าไปดูเผื่อมองหาลู่ทางทำมาหากินอะไรได้บ้าง

กระทั่งเห็นคนยืน “ต่อคิว” เป็นแถวยาว เข้าไปสอบถาม จึงทราบกำลังรอจับสลากสิทธิ์แผงค้าภายในตลาด เลยเข้าคิวต่อบ้างแต่ไม่ทัน โชคยังดีมีคนมาสะกิดขายต่อให้ เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องขายอาหาร เลยซื้อต่อไว้ 1 ล็อก


จากนั้นจึงนำ “เปาะเปี๊ยะทอด” ชิ้นโต มาขายอีก แต่ขายไม่ดี มียอดขายแค่วันละ 1,000 กว่าบาท เดือนถัดมาจึงเข้าคิวจับสลากแผงค้าอีก ทำให้มี 2 แผงค้าแต่ไม่อยู่ติดกัน เลยไปขอแลกกับเจ้าของแผงข้างๆ จนทำให้มี 2 แผง พื้นที่ 4x4 ตารางเมตร อยู่ในความรับผิดชอบ


เมื่อมีพื้นที่ค้าขายกว้างขวางขึ้น หากยังคงเป็นเปาะเปี๊ยะทอดอยู่เหมือนเดิม รายรับคงขยับช้าไม่ทันกับรายจ่าย  สองหนุ่มสาวเจ้าของกิจการ จึงหารือกันว่าน่าจะนำอาหารประเภทอื่นที่ได้กำไรมากกว่ามาขาย


คุณแนน เล่าให้ฟังต่อ พอกลับไปบ้าน เห็นอุปกรณ์ค้าขายของคุณแม่ของแฟนหนุ่ม ประกอบด้วย หม้อก๋วยเตี๋ยว เตาแก๊ส ฯลฯ วางเรียงราย จึงได้ไอเดีย ทำอาหาร “จานหลัก” ขายน่าจะดีกว่า แต่ว่าจะเป็นอะไรนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป


“เรา 2 คนชอบกินบะหมี่ เลยคิดว่าขายราเม็งดีมั้ย แต่คิดไปคิดมา ต้นทุนคงสูงและเราไม่มีทุนเหลือพอขนาดนั้น จึงคิดหันมาขายบะหมี่-หมูแดงดีกว่า เพราะคนกินกันมาเป็นร้อยปีแล้ว” คุณแนน เล่าถึงจุดเริ่มสำคัญเมื่อราว 1 ปีที่ผ่านมา


ร้านบะหมี่ของสองหนุ่มสาว ตั้งต้นด้วย โต๊ะไม้ 4 ตัว เก้าอี้ซักผ้าที่บ้าน 2-3 ตัว เสื่อ 2 ผืน ยังไม่มีชื่อร้าน ปรากฏสัปดาห์แรกยอดขายไม่หวือหวา เลยต้องมานั่งทบทวนกันใหม่


“ตอนนั้นต้องรีบใช้หนี้ เลยอยากให้ลูกค้ารู้จัก อยากให้ร้านเรามีความสุดๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย จึงปรึกษากัน บะหมี่ใส่ไข่ด้วยมั้ย ไก่มันแมตช์กับบะหมี่มั้ย ปูใส่แค่เนื้อไม่เท่ ใส่ไปทั้งตัวเลยดีมั้ย คืออยากให้อาหารของเรามีความเป็นศิลปะ มีความหลากหลาย และแปลก-ใหม่ เพื่อดึงดูดความสนใจ” คุณแนน เล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


และระหว่างวันธรรมดาที่ยังไม่ได้เปิดร้าน จึงช่วยกันคิด แบรนด์ของตัวเอง กระทั่งคุณกัณปิ๊งคำว่า “บะหมี่จอมพลัง” เพราะทั้งสองหุ้นส่วนชอบออกกำลังกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


“บะหมี่ของเรามีแนวคิดให้เยอะมาตั้งแต่แรก เพราะอยากให้ลูกค้าได้ทานของอร่อยและปริมาณสมราคา พอมาตั้งชื่อเป็นบะหมี่จอมพลัง มีเครื่องเคียงมากขึ้น จึงตั้งราคาขาย ชามละ 50 บาท 100 บาท และเมนู โคตรพิเศษ ชามละ 200 บาท” คุณแนน อธิบาย


การเปลี่ยนแปลงดังว่าสามารถดึงลูกค้าเข้ามาได้เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ถึงขั้น “บูม” อย่างทุกวันนี้ และระหว่างนั้นสองหนุ่มสาวเจ้าของกิจการ ยังไม่ “หยุดคิด” พยายามเสาะหาอุปกรณ์หรือไอเดียใหม่ๆ มาใส่ร้านตลอด


โดยช่วงไปเดินตลาดย่านเยาวราช เห็นชามลายจีนใบเขื่อง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว วางขาย จึงซื้อมาไว้จำนวนหนึ่ง ก่อนนำมาใส่บะหมี่และเครื่องเคียงจนเต็มชาม ตั้งชื่อเมนู “โคตรพิเศษแบบใหม่” ขายชามละ 300 บาท


คุณแนน เล่าต่อ หลังจาก “โคตรพิเศษแบบใหม่” ออกมา ปรากฏลูกค้าให้ความสนใจกันมาก เข้ามาอุดหนุนแล้วไม่ลืมถ่ายภาพก่อน “อัพเฟซ” กันยกใหญ่ ต่อมาไม่นานมีรายการโทรทัศน์หลายแห่งมาติดต่อขอถ่ายทำ


แม้ “โคตรพิเศษแบบใหม่” จะเรียกลูกค้าได้ดีพอสมควร แต่ลูกค้ามักทานเหลือกันแทบทุกราย เลยคิดจัดโปรโมชั่น “5 นาทีทรมาน” แข่งขันทานเมนูดังว่า โดยตั้งกติกา คน 3 คน ใช้เวลา 5 นาที ทานหมดได้ หากพาใครมาไม่ต้องจ่ายเลยทั้งโต๊ะ


“โปรโมชั่นนี้ ได้ผลดีเกินคาด คนสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น บางคนพาพ่อแม่มาทาน  มาจัดงานวันเกิดที่ร้าน ถ่ายวิดีโอ ลงเฟซบุ๊กบ้าง ยูทูบบ้าง จนมีสื่อขอมาถ่ายทำกันมาก” คุณแนน เล่า น้ำเสียงเหมือนยังตื่นเต้นอยู่


ถึงกิจการจะเริ่มเป็นที่รู้จักพอสมควรแล้ว แต่เจ้าของกิจการยังไม่ยอมหยุดนิ่ง หากมีเวลาว่างเป็นต้องเดินตลาด หาไอเดียอยู่เสมอ จนวันหนึ่งไปเจอร้านขายจานกำลังจะ “ทุบทิ้ง” ชามสีดำก้นลึก ใบใหญ่มาก รูปทรงแปลกตา


จึงเข้าไปถามไถ่ได้ความ เขาสั่งนำเข้ามาขาย แต่ลวดลายและขนาดผิดสเปก ใช้ไม่ได้จึงจะทำลายทิ้ง ทั้งสองจึงออกปากขอซื้อเหมาหมดทั้ง 40 ชาม ก่อนมานั่งคิดกันต่อจะทำยังไงกับชามดังว่าดี


สุดท้ายได้ข้อสรุป จะนำมาใส่บะหมี่พร้อมเครื่องเคียง ตั้งราคาขายชามละ 700 บาท ตั้งเป็นเมนูใหม่ ให้ชื่อว่า “เฉี่ยวนรก”


“ที่ทำของแบบนี้ออกมาขาย เพราะอยากให้คนมาทานมีความอบอุ่น ได้ทานอาหารด้วยกัน มีความสนุกแบบเพื่อน สุมหัวกันทานโดยไม่จำเป็นต้องไปร้านเหล้า” คุณแนน บอกจริงจัง


และว่าออกเมนู “เฉี่ยวนรก” ไม่เท่าไหร่ ยอดขายดีกว่าเดิมอีก อาจเป็นเพราะ มีความแปลก-ใหม่ ทำให้วัยรุ่นสนใจ ทานแล้วก็ถ่ายรูปส่งให้กัน เป็นการกระจายข่าวให้คนรู้จักเร็วขึ้น


คุณแนน เล่าด้วยว่า เปิดกิจการมาได้ประมาณ 1 ปี มีคนติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์แล้วไม่ต่ำกว่า 30 ราย แต่ยังไม่อยากขาย กลัวเขาทำไม่ได้แบบเรา เพราะอาหารจะขายดี ไม่ใช่แค่ความอร่อยเท่านั้น ต้องมีบรรยากาศ การบริการ ความเป็นกันเองของเจ้าของร้าน ประกอบด้วย


ก่อนจากกันไป ถามไถ่ถึงโปรโมชั่นใหม่จะมีออกมาอีกมั้ย คุณแนนยิ้มกว้าง ก่อนบอกส่งท้าย


“ต้องมีแน่นอน เพราะตอนนี้ได้ข่าวว่ามีคนลอกเลียนแบบกันเยอะมาก ทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด อีกทั้งเด็กยุคใหม่แจ้งเกิดใหม่กันทุกวัน เราคงหยุดนิ่งแค่นี้ไม่ได้”

ที่มา มติชนออนไลน์


PS.  เป็นแฟนพันธุ์แท้เรา...ต้องอดทน!!!

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

Sel2aMOon 21 เม.ย. 56 เวลา 20:06 น. 1

อ่อกกก คิดกี่สิบคนถึงจะหมดเนี่ย

รูปที่ถ่ายคือ "เฉี่ยวนรก"ใช่ไหม

... เห็นแล้วไม่เจริญอาหารยังไงไม่รู้สิ = =


PS.  หมดเวลาสนุกแล้วซิ ...
0
redroadMF (น้องเต้าเจี้ยว) 21 เม.ย. 56 เวลา 20:31 น. 2

ปลานั่นสุกแล้วใช่มั้ย ==

สงเกตว่าแค่ยกก็หนักแล้ว...


PS.  หนังสือก็เหมือนชีวิตตรงที่คุณไม่รู้หรอกว่าหน้าต่อไปจะมีอะไร
0
ซ่อนนาม 21 เม.ย. 56 เวลา 21:35 น. 4

ดูไม่น่าอร่อยเลยแหะ

กินไป เกี๊ยวน่าจะเย็นชืดหายกรอบ
ปลาเองก็ทำให้รู้สึกเหม็นคาว แถมเป็นปลาไข่อีก
ไข่ที่แตกจะเละและทำให้ซุปรวมถึงเครื่องอื่นไม่อร่อย
กุ้งทั้งตัวทำให้แกะยากเลอะมือ
และเครื่องแต่ละอันชิ้นใหญ่ทั้งนั้น ทำให้กินหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้
ต้องกัดเครื่องทีละอย่าง ทำให้รู้สึกเอียน
บะหมี่จอมพลน่ากินกว่า


PS.  ถ้าถูกผิดคือขาวกับดำ แล้วสีอื่นจะให้อยู่ในหมวดไหน ดังนั้นโลกนี้มีแค่ถูกผิดจริงหรือ ?
0
Silver_s-guy 21 เม.ย. 56 เวลา 22:23 น. 5

สาบานได้ว่าสามารถยัดลงกระเพาะได้หมดทั้งชาม! ปล.ไม่ได้ตั้งใจจะว่านะ แต่พอเห็นรูปแล้วนึกถึงภาพโฆษณาอาหารเม็ดของสุนัขเลยอ่ะ

0
K.W.E. 21 เม.ย. 56 เวลา 23:51 น. 7

คุ้นๆในดราม่าเหมือนกัน...

คือเยอะมันก็เท่ห์นะดี แต่อยากชอบแบบสมดุลมากกว่าคือถ้วยใหญ่กว่า มีเนื้อที่ให้คีบ ให้ใช้ช้อนตักน้ำมาซดบ้าง หรือพลิกก้นถ้วยบ้าง

พูนแบบนี้จะให้กินแต่ด้านบนลงมา ข้างล่างก็อืดพอดี น้ำก็ได้ซดยาก ครั้นจะให้พลิก ข้างบนก็หกกระจายหมดแหงๆ

ถ้าจะตักแ่บ่งกิน คีบเครื่องเคียงมาก่อนแล้วเอาเส้นมาทีหลัง เอาน้ำลงสุดท้าย...
มันก็กลายอารมณ์แบบสุกี้มากกว่าบะหมี่ยังไงชอบกลน่ะครับ...

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 21 เมษายน 2556 / 23:52


PS.  Ragnarok Fiction - The legend of descendant - เรื่องราวของตำนานรบตำนานรักบทใหม่ มีอา-มังกรน้อยปาฏิหาริย์ - (Master And The Little Dragon) - รักพี่จ๋าที่สุดในโลกเลย !!
0
เทพอสูรปลาผัด 22 เม.ย. 56 เวลา 19:24 น. 8

เอิ่ม เหมือนกับว่าถ้าไปเดี่ยว คือเฉี่ยวอ้วกแตกแน่นอน 555 ชามขนาดนี้ผมว่าเป็นลูกเล่นชนิด เจาะกลุ่มคนที่ไม่ต่ำกว่า 2 คนขึ้นไป แม้ว่าจะเน้นที่ด้านปริมาณ แต่ที่แลกมาผมคิดว่าคงเป็นคุณภาพกับความสวยงามที่หายไป >> เป็นความคิดของผมในฐานะผู้บริโภคนะครับ

ผมค่อนข้างนับถือพี่สองคนนี้ที่เป็นเจ้าของไอเดียนี้มาก ครีเอทดีครับแบบนี้การค้ารุ่งแน่ เป็นกำลังใจให้ครับ

0