<<< สัตวแพทย์ >>> เรียนจบแล้วมีงานอะไรบ้าง? เงินเดือนเท่าไร? ต้องดู
ตั้งกระทู้ใหม่
> สัตวแพทย์ สัตวบาล ผู้ช่วยสัตวแพทย์ นักวิชาการสัตวแพทย์ ปศุสัตว์ประจำฟาร์ม
ตรวจโรคและรักษาพยาบาลสัตว์ต่างๆ เช่น สุนัข แมว กระต่าย หมู ไก่ วัว ม้า แพะ ปลา อีกทั้งศึกษาวิเคราะห์ชันสูตรศพ และวิจัยโรคสัตว์ทางด้านต่างๆ  โดยมีรายละเอียดงานดังนี้
1. รักษาสัตว์ จัดการดูแลสิ่งแวดล้อม การป้องกันและควบคุมโรคในฟาร์มหรือในคลีนิคสัตว์ และรอบๆบริเวณใกล้เคียง จัดทำรายงาน และดูแลด้านความสะอาดและปลอดภัยของสัตว์ โดยสามารถเลือกเรียนได้ตอนชั้นปี 5 มีดังนี้
- สายสัตว์เล็ก รักษาแมว สุนัข กระรอก นกแก้ว หนู ตามคลินิก (สาขาล้นตลาดงาน)
- สายสัตว์ใหญ่ รักษาม้า วัว ควาย ในฟาร์มหรือสถานที่อื่นๆ และสายปศุสัตว์ เช่น วัวเนื้อ (สาขาขาดแคลนในตลาดงาน)
- สายสัตว์เศรษฐกิจ พวกหมู ไก่ ปลานิล ปลาดุก ปลาช่อน ปลายี่สก กุ้ง นกกระจอกเทศ รวมไปถึงโคนม ตามฟาร์มต่างๆ
- สายสัตว์ป่า รักษาช้าง กวาง เสือ กระทิง และใช้การอนุรักษ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์ แผนที่ GPS ระบบนิเวศน์ การตามหาสัตว์ หรือทำงานวิจัยควบคู่กับรักษาไปด้วย แล้วแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น รักษาในสวนสัตว์, รักษาในป่า  (สาขาไม่มีตลาดงานรองรับ)
2. หากทำงานในฟาร์ม ในต่างจังหวัดต่างๆ จะทำหน้าที่ดังนี้
- จัดการดูแลและสุขาภิบาลงานในฟาร์มสัตว์สำหรับผลิตเป็นอาหารให้แก่โรงงานต่างๆ เช่น ไก่เนื้อ ไก่ไข่ สุกร วัวเนื้อ หรือนกกระจอกเทศ
- บันทึกประวัติโรคของสัตว์ต่างๆ ดูแลระบบโรงเรือนและให้วัคซีนสัตว์ ทำงานในสภาวะที่ร้อนและชื้น รวมทั้งกลิ่นมูลสัตว์
- ตรวจโรค ผ่าซากเพื่อศึกษาโรค กำจัดซากสัตว์ ต้องระวังโรคติดต่อจากสัตว์ต่างๆ เช่น โรควัวบ้า โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในวัว และจัดการบุคลากรในการบริหารงานในฟาร์มสัตว์
- ต้องระมัดระวังอันตรายจากสัตว์ เช่น ม้าเตะ วัวขวิด สุนัขกัด เป็ดไล่จิก โดนกงเล็บแมวข่วน งูฉก ฯลฯ
- ต้องสัมผัสกับสัตว์ป่วยตลอดเวลา เช่น โรควัวบ้า โรคอหิวาตกโรคในหมู โรคแท้งติดต่อในหมู ปากเปื่อยเท้าเปื่อยในวัวและไก่ วัณโรค หิดเหา ฉี่หนู และพยาธิต่างๆในสัตว์
- ใส่ชุดป้องกัน สวมถุงมือ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยง หมายถึง มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดอันตรายได้
- กำจัดของเสียและสิ่งสกปรกของสัตว์ เช่น  เลือด มูล ซากสัตว์ เป็นต้น
- อาจต้องใช้มือล้วงเข้าไปในก้นวัว เพื่อโกยขี้วัวออกมา หรือต้องลุยเข้าไปจับลูกหมูหรือไก่ในคอกที่เต็มไปด้วยขี้หมูหรือไก่ 
- ผ่าซากเพื่อตรวจโรคหรือควานหาพยาธิ กรีดเปิดหัวใจ ผ่ากะโหลกเปิดสมอง โดยเฉพาะซากที่แช่ฟอร์มาลินหรือซากสด
- อาจต้องออกพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์ ในท้องถิ่นหรือฟาร์มตามที่ได้รับมอบหมาย
3. หากทำงานในโรงพยาบาลสัตว์หรือคลีนิค เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้บรรจุงานเพื่อไปใช้ทุนให้แก่สัตวแพทย์จบใหม่ ทำให้ผู้จบใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้งานกับภาคเอกชนเอง โดยเป็นผู้ช่วยสัตว์แพทย์ก่อน เพื่อให้มีประสบการณ์การรักษาจริงที่มากขึ้น  โดยมีรายละเอียดงานดังนี้
- มีความรู้ในการควบคุมบังคับสัตว์ โดยเฉพาะหมาแมว
- ระมัดระวังไม่ให้ถูกสุนัขที่นำมาฝากเลี้ยงหรือรักษากัดหรือสัมผัส เพราะอาจนำมาซึ่งโรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคจากปรสิตต่างๆ เช่น เห็บ หมัด ไร
- เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์ในการตรวจรักษาสัตว์ การจัดเตรียมยาตามใบสั่งของสัตว์แพทย์ ผู้ช่วยขณะรับเคสฉุกเฉิน เช่น สัตว์ที่มีอาการสาหัสจากการถูกรถชน สัตว์ที่ป่วยและมีอาการชัก และสัตว์ที่มีอาการท้องร่วงจากอาหาร
- มีความรู้พอที่จะแนะนำโปรแกรมสุขภาพทั่วๆไปและอาการผิดปกติเบื้องต้นแก่เจ้าของสัตว์ได้
- ดูแลสัตว์ที่ Admit เช่น การวัดไข้  และช่วยสัตวแพทย์ในการดูแลสัตว์ที่เข้ามารับบริการฝากเลี้ยง และฝากรักษา
- จัดเตรียมเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่เข้ามารับบริการฝากเลี้ยง และฝากรักษา
- พัฒนาวิธีการทางการวิเคราะห์โรคใหม่ๆในสัตว์เลี้ยง ตามที่ได้รับมอบหมายจากสัตวแพทย์
- ทำหน้าที่ผู้ช่วยห้องผ่าตัด(Assitane) ช่วยเตรียมเครื่องมือผ่าตัดและช่วยเหลือขณะผ่าตัดแก่สัตวแพทย์หลักได้ เป็นผู้ช่วยผ่าตัด เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด เตรียมฟิล์มเอกเรย์ ล้างฟิล์มเอกเรย์ ทำความสะอาดห้องผ่าตัด อุปกรณ์เครื่องมือผ่าตัดของสัตว์ต่างๆ
- ทำการตรวจโดย test kit , ย้อมสี , CBC , Hct, เก็บเลือดส่งตรวจ และเตรียม Vaccine ,งานเอกสาร และจัดยาตามแพทย์สั่ง
- ทำงานเกี่ยวกับสัตว์ทั่วไปได้ เช่น ให้อาหารสุนัขและแมวที่ป่วย  เปลี่ยนน้ำให้สัตว์ ทำความสะอาดภาชนะและกรงสัตว์ ทำความสะอาดเครื่องมือรักษาเกี่ยวกับสัตว์ อาบน้ำและเป่าขนสุนัข สามารถตัดขนสัตว์และทำความสะอาดสัตว์ได้ จ่ายยาเม็ดหรือยาน้ำให้สัตว์ได้ ฉีดยาต่างๆให้กับสัตว์ รวมทั้งใส่ปลอกคอและป้ายชื่อให้กับสัตว์
- จัดสินค้า เช่น อาหารสุนัข อุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง  และทำความสะอาดชั้นวางผลิตภัณฑ์ และห้องตรวจ
- เก็บและเทขยะในคลีนิคหรือโรงพยาบาลสัตว์ทุกวันหลังเลิกงาน
- เตรียมยาตาม OPD CARD และทำความสะอาดห้องตรวจทุกครั้งหลังทำการตรวจ
- มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารบันทึกข้อมูลสัตว์และค่าใช้จ่ายในคลีนิค
- รู้จักบทบาทหน้าที่ของตน ไม่ก้าวก่ายงานของสัตวแพทย์ และมีไหวพริบและกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
- ดูแลสัตว์ป่วย ป้อนน้ำ อาหาร ยา เตรียมยาและจัดยาให้ตามคำสั่งสัตวแพทย์
- มีความรู้ด้านบัญชีพอสมควร เพื่อคิดคำนวณค่าใช่จ่ายหรือค่ารักษาแบบรวมยอด
- คิดค่าใช้จ่ายสัตว์ที่มา Admit เขียนค่าใช้จ่าย Admit คีย์ข้อมูลยอดค่าใช้จ่าย ส่ง
- ตรวจดูสัตว์ Admit ว่าอยู่ชั้นไหนห้องไหนบ้าง เพื่อเปิดบิลค่าใช้จ่าย
- Update ค่าใช้จ่ายในเอกสารให้ตรงกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์และโทรแจ้งยอดค่าใช้จ่าย
- ตวรจสอบใบเสร็จ ให้ถูกต้องตามจำนวน ราคา และจัดยาตามใบสั่งแพทย์ คีย์ข้อมูลสินค้าและบริการ
- จดรายการเบิกยา อุปกรณ์ ตัดยา ปั๊มตรายางในเอกสารต่างๆ จัดผลเลือดเข้าแฟ้ม ลงผลเลือด
- เช็คสต็อกยา สินค้าและอุปกรณ์ให้เพียงพอต่อการใช้ในแต่ละรอบ แต่ละสัปดาห์
- ตัดเบิกยา สินค้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละวัน
- เช็ค อุปกรณ์ ตวจแลือด อุปกรณ์แลป เครื่องมือผ่าตัดและเครื่องมือตรวจเลือด เติมน้ำยา เติมอุปกรณ์ carribrateเครื่อง ตรวจเช็คเครื่องให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
- เก็บเงินลูกค้า ตามใบเสร็จและอธิบายข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์
- เช็คเอกสาร เรียงเอกสาร เก็บเอกสาร ถ่ายเอกสาร ส่งข้อมูล ส่งแฟกซ์ คีย์ข้อมูลเอกสารต่างๆเกี่ยวกับประวัติสัตว์
- สามารถติดต่อสื่อสาร ประสานงานให้ข้อมูลกับฝ่ายต่างๆได้เป็นอย่างดี
- สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้ในทุกสถานการณ์
- สามารถอธิบายข้อมูลและสอนงานให้กับผู้ร่วมงานฝ่ายต่างๆได้
- พูดจาไพเราะ มีสัมมาคาระวะ และเก็บความลับได้ดี
- อธิบายข้อมูลและสอนงานให้กับลูกค้าได้ เพื่อนำไปดูแลสัตว์ที่บ้าน
4. สังเกตสัญญานที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงอยู่ในภาวะอันตราย(Emergency) เพื่อทำการรักษาสุนัข แมว กระต่าย ฯลฯ  เช่น
- เกิดแผลเปิดขนาดใหญ่ เช่นแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นแผลเปิดขนาดเล็กแต่เลือดไหลไม่หยุด หรือเป็นแผลที่เห็นว่ามีกระดูกหักโผล่ออกมาทะลุผิวหนัง เป็นต้น
- ตัวร้อนจัด หรือตัวเย็นจัด จับปลายเท้าทั้งสี่เย็นจัด  ซึ่งระดับอุณหภูมิที่ปกติคือ 37.5-39.3 °C เป็นระดับที่อวัยวะต่างๆสามารถทำงานได้เป็นปกติ
- เหงือกของสัตว์เลี้ยงมีสีซีด ขาว หรือชมพูจางๆ แถมบางตัวลิ้นเป็นสีม่วงๆ นั่นเป็นสัญญาณอันตรายมากที่บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในภาวะ shock ความดันตก มีภาวะโลหิตจางหรือเสียเลือดอย่างรุนแรง
- ไอรุนแรง จนลงนอนไม่ได้ สามารถบ่งบอกเรื่องของระบบทางเดินหายใจที่เกิดภาวะติดขัด เช่น หลอดลมอักเสบรุนแรง หลอดลมตีบจนอาการเข้าปอดไปแลกเปลี่ยนออกซิเจนไม่ได้
- โดนสารพิษ เช่น ยาเบื่อหนู ช็อคโกแลต หัวหอม แอลกอฮอล์ ยาของมนุษย์ เป็นต้น โดยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือดท้องเสียเป็นเลือด ซึม อ่อนเพลียรุนแรง ไม่ขยับตัว
- ท้องอืด กาง ขยายใหญ่เรื่อยๆ การนี้มักพบบ่อยๆในสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ เช่น Doberman , Rottweiler เป็นต้น เพราะเกิดจากการที่มีลมในกระเพาะอาหารเยอะเกินไป หรืออาจมีภาวะกระเพาะบิดเข้าร่วม ซึ่งกระเพาะจะขยายขนาดเรื่อยๆจนหายใจไม่ออก หรืออาจมีน้ำในช่องท้องที่เรียกว่า ท้องมาร
- ภาวะชัก ไม่ว่าจะเป็นจากการโดนสารพิษ โรคเรื้อรังเช่น ไตวาย ตับวาย โรคติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งระดับน้ำตาลต่ำหรือสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมากเนื่องจากในการชักแต่ละครั้งร่างกายจะต้องใช้ออกซิเจนในปริมาณมาก และมักอาจก่อให้เกิดสมองขาดออกซิเจนและถึงแก่ชีวิตได้
5. หากทำงานในโรงงานอาหารสำหรับสัตว์ เช่น แมว สุนัข หรือโรงงานผลิตอาหารจำพวกสัตว์ เช่น ปลา กุ้ง สุกร ไก่ วัว
มีรายละเอีดงานดังนี้
- วิเคราะห์คุณภาพทางเคมีของวัตถุดิบและอาหารสัตว์
- ตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบอาหารสัตว์ และการรับวัตถุดิบอาหารสัตว์
- วางแผนและจัดทำสูตรอาหารสัตว์ และสารผสมล่วงหน้า
- ประสานงานกับฝ่ายจัดซื้อ, ฝ่ายขาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านข้อมูลวัตถุดิบ
- จัดทำข้อมูลปริมาณการใช้วัตถุดิบ  รายงานและวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการผลิตอาหารสัตว์ และสารผสมล่วงหน้า
- จัดทำแผน และดูแลการทดสอบเทียบและใช้เครื่องมือวัด ภายในโรงงาน
- ดูแลเอกสาร และบันทึก ระบบมาตรฐานคุณภาพ GMP & HACCP
- ดูแล และประสานงานกับหน่วยงานภายนอกในการตรวจติดตามภายในโรงงาน และงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย
- ตรวจสอบคุณภาพ การรับวัตถุดิบอาหารสัตว์ก่อนเข้าโรงงาน
- ประสานงานกับฝ่ายจัดซื้อ และหน่วยงานที่เกี่ยวกับการรับวัตถุดิบอาหารสัตว์
- รายงานและวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการรับวัตถุดิบอาหารสัตว์
- จัดทำระบบมาตรฐาน ISO/IEC17025 และพัฒนาวิธีการทางการวิเคราะห์ใหม่ๆวัตถุดิบ ตามที่ได้รับมอบหมาย
6. ค้นคว้าทดลองในการผลิตชีวภัณฑ์ในฟาร์มหรือโรงงาน รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขวิธีการผลิตชีวภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูง  เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและกำจัดโรคสัตว์
7. ดูแลงานในห้องปฏิบัติการ และเก็บตัวอย่างหรือฉีดวัคซีนสัตว์นอกสถานที่ และดูแลสัตว์ที่เข้ามารับบริการฝากรักษาในคลีนิคหรือฟาร์ม
- เงินเดือนภาครัฐ กรมปศุสัตว์ (ต้องสอบคัดเลือก)
เงินเดือนเริ่มต้นในช่วง 12,600 - 14,440 บาท
- เงินเดือนภาคเอกชน (ผู้ช่วยสัตว์แพทย์)
เงินเดือนเริ่มต้นโดยเฉลี่ยในช่วง  8,000 - 9,000 บาท
- สัตวแพทย์ภาคเอกชน  เงินเดือนเริ่่มต้นโดยเฉลี่ยในช่วง 15,000 - 30,000 บาท
<<<< ข้อมูลงาน และเงินเดือนอย่างละเอียดอีก 30 คณะ >>>>
ติดตามจาก serch google พิมพ์ ..........  เงินเดือน unigang
11 ความคิดเห็น
เคยได้ยินมาค่ะ ว่าถ้าได้ทำงานที่ชอบจะไม่ต้องทำงานเลยตลอดชีวิต เราฟังเสียงตัวเอง เรารักอาชีพนี้ เรื่องเงินไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ แต่มันจะตามมาเองถ้าเรารักอาชีพนี้ด้วยใจจริง
ครับ วิชาชีพของเรากำลังพัฒนานะครับ หวังว่าคงมีอะไรดีกว่านี้แน่นอนครับ ต่างประเทศยกย่องให้เกียรติมากกว่าในไทยนะครับ คะแนนสอบเข้า เงินเดือน หรืออะไรต่างๆๆต่างประเทศเค้าให้ความสำคัญมากครับ แต่มันคือความสุขเล็กน้อยครับ ผมว่าการได้ทำให้ตนเอง สัตว์ คน มีความสุขก็พอแล้วครับ
วิชาชีพนี้ยิ่งใหญ่นะครับ ไม่ได้ดูแลสัตว์อย่างเดียว ยังดูแลคนด้วย หากเนื้อสัตว์ที่บริโภคไม่ปลอดภัย คุณทุกคนจะเป็นอย่างไรกันครับ
ตอนนี้กำลังรอผลแอดอยู่ยื่นสัตวแพทย์ไว้ ได้มาอ่านเพจนี้โล่งใจขึ้นเยอะ วันที่ 9 นี้ก็ประกาศแล้ว ขอให้ติดด้วยเถอะ !!!
เงินเดือนทำงานราชการเยอะพอสมควรค่ะ อยู่ที่ 9000 บาท อัพสูงสุด 12000 ตอนนี้พี่ได้ 10000 ถ้วนค่ะ
สัตวแพทย์จบใหม่ สัตว์เล็ก 20,000 ขั้นต่ำ ไม่รวมเคสผ่าตัด ค่านู่นนี่ บลาๆๆ
ถ้าทำบริษัท 15,000 ไม่รวมค่าคอมมิทชั่น เงินเดือนขึ้นอีกตามประสบการณ์
มีอีกหลายสายงาน
สำคัญที่สุดคือ ทำในสิ่งที่ชอบมั้ย  มีความสุขกับมันมั้ย
ตอนนี้กำลังจะขึ้น ม.4 ลุง ก็บอกว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือ จะทำตามตวามฝันให้ได้ครับ อยากเป็นสัตวแพทย์มากครับ ^^
หนูกำลังอ่านหนังสือสอบอยู่ หนูเครียด T T
หันหน้ากลับไปอ่านหนังสือต่อ
ปล ไม่ใช่สอบเข้าครัช สอบ final ชั้นปีที่...
ถ้าไปทำในอควาเรียมได้มั๊ยครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?