พี่เตือนน้อง ....มองอนาคตและผลลัพธ์ล่วงหน้า ก่อนเลือกเรียน หมดยุค คนที่ชอบบอกเรียนที่ชอบ แต่ไปเรียนจริง อาจไม่ชอบ จบไปทำงานจริง กลับไม่ชอบ เพราะไม่ได้ศึกษาข้อมูลหรือผลลัพธ์ของอาชีพในอนาคต ก่อนเลือกคณะ
ตั้งกระทู้ใหม่
สถิติปัญหาที่พบจากการทำงาน จากเว็บ Infographic Thailand
จุดมุ่งหมายของกระทู้ คือ
สื่อว่า จบออกไปแล้ว ควรได้ไปทำงานที่ชอบจริงๆ หรือได้เงินเดือนที่ชอบ ทางใดทางหนึ่ง
ไม่ได้มุ่งเน้นแค่เรื่องเงิน ขอเอาเรื่องจริงของเพื่อนๆที่รู้จักกันในบริษัท และหลายๆที่ คือ
สุดท้าย พอเห็นว่าได้เงินเดือนน้อย ก็เปลี่ยนงานกันเป็นแถว เป็นเรื่องธรรมดาในยุคนี้
เพราะค่าตอบแทนมันต่างกัน ไม่คุ้มกับความสามารถ หากคุณเก่งมีหลายทักษะ เงินได้แค่นี้
สรุปง่ายๆ คนที่เขาทำงานกัน จะพัฒนาความสามารถ เพื่อจะได้เพิ่มค่าตอบแทน ค่าตัว
เงินเดือนเพิ่ม เมื่อไปสมัครงานหรือเปลี่ยนงานกัน เป็นเรื่องธรรมดาในการทำงาน
ส่วนเด็กก็คิดกันเรื่องเดียว จะเรียนที่ชอบ แต่ไม่รู้หรอกว่าจบไปทำงาน ต้องทำงานไรบ้าง ?
การเรียน กับ การทำงาน มันคนละเรื่อง
จริงๆแล้วจะเรียนอะไร หรือมองอนาคตกันอย่างไร
พื้นฐาน คือ ความกระตือรือร้น ความขยัน ความอดทนต่อสิ่งยากๆ
แล้ววันนี้คุณได้กระตือรือร้น ที่จะศึกษา อาชีพที่คุณจะออกไปทำ ลักษณะงานที่ต้องทำ อนาคตและความก้าวหน้าของอาชีพ ที่คุณบอกนักบอกหนาว่าชอบ กันแล้วหรือยัง ?
ความเป็นจริงของเด็กสมัยนี้ แค่เจอวิชาที่ไม่ชอบ ก็บอกว่าไม่ถนัด ไม่อยากเรียน ทั้งที่คนเราเกิดมามีสมองและสองมือเท่าๆกัน ทำไมบางคนทำได้ บางคนไม่อยากทำ เพราะต่างกันที่ทัศนคติและความทุ่มเท ซึ่งจริงๆแล้ว สามารถเปลี่ยนทัศนคติกันได้ แค่พยายามทำอะไรยากๆ เช่น เรียนเลข ฟิสิกส์ เคมี เป็นต้น เพื่อวันข้างหน้า จะมีงานหรืออุปสรรคที่ยากกว่านี้ให้ทำ เราจะได้ทำได้ นี่แหละ จึงทำให้เงินเดือนของคนเก่งหรือคนที่เลือกที่จะทุ่มเทใช้เวลาศึกษา และทำจริงจัง กับคนที่ตัดสินใจว่า ตนเองจะไม่เก่ง โดยการเลือกที่จะไม่ทำ นิ่งเฉยหรือเปลี่ยนใจ โดยให้เหตุผลว่าไม่ชอบเรียนบ้าง ขี้เกียจอ่านบ้าง
เงินเดือนของคนเก่งกับคนที่ตัดสินใจว่าตัวเองไม่เก่ง เลยต้องต่างกันนั่นเอง
อย่าลืมคตินี้ "ไม่มีใครเก่งหรือโง่ ไม่มีใครถนัดหรือไม่ชอบ"
มันอยู่ที่ทัศนคติความคิดที่ว่า
"จะทำหรือไม่ทำ จะสู้หรือไม่สู้ จะเป็นผู้ชนะหรือไอขี้แพ้ แค่นั้นเอง"
235 ความคิดเห็น
ไมปู่ชอบเผยแพร่แนวคิดนี้จัง ทุกทู้เลย
เพราะเด็กยังเอ็ง ไม่มีแนวคิดไง ยังไม่มีความคิด และไม่รู้อนาคต จะเรียนที่ชอบกันอยู่นั่นแหละ ทั้งที่ไม่รู้อนาคตของอาชีพที่ตนจะไปทำ ชอบแต่จะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเล่นไง พ่อแม่เสียเงินค่ากินค่าเรียนให้ลูกมาซื้ออนาคต ไม่ใช่มาเล่นปา-่ เลยต้องมีคนสอน คนชี้นำ เหมือนศิษต้องมีครูไง เรียกปู่ว่า อาจารย์ นะ ทีหลัง อิอิ
ต่างคนก็ต่างมุมมอง ต่างความคิด
แปลว่าตอนนี้ปู่ยังตกงานอยู่อีกหรอ ไม่ก็เงินเดือนไม่พอใช้เป็นความหลังฝังใจมากว่า 40 ปี
เรื่องของ...คะ อย่า...ไปเลย เอาตัวเองให้รอดก่อน
อย่ามาทำตัวมีปมด้อยเรียกร้องความสนใจเลย เพราะในบอร์ดเท่าที่ดูเนี่ยจนใจจะด่าจะว่าคุณแล้ว อยู่เงียบๆเรียบร้อยไม่เป็นรึ สร้างกระแสแล้วสนุกเหรอ
พ่อแม่คงดีใจมีลูกดูถูกอาชีพอื่น
โผล่กระทู้เตือนก็คนเดิมๆ คำเดิมๆ = =
มีตรงไหนดูถูกอาชีพอื่น มีปมด้อยหรอคร่ะ ถึงคอยแย้งค่อยด่า ทั้งที่ตนยังเรียนไม่จบ ไม่ต้องมาแสดงความรู้ที่มีอันน้อยนิด เรียนๆกันให้จบซะก่อน มีเงินใช้เอง โดยไม่ต้องขอพ่อแม่ก่อน แล้วค่อยมาแสดงความรู้จริงๆว่ามันเป็ยยังไงจะดีกว่า อายเปล่าๆ
เล่นกับหมา หมาเลียปาก 55
เจองานให้ปู่แล้ว อ่านแล้วคิดถึงปู่คนแรกเลย ทำงานมา 40 ปียังไม่พอ
ไปเก็บผลไม้นอกโลกกันดีกว่้า ไปมะไปมะ เงินดีงานสบาย ถ้าขอเงินพ่อแม่แล้วยังไม่พอก็ขยันทำงานกันหน่อย
แจ้งการเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดน-ฟินแลนด์
นครปฐม - จัดหางานจังหวัด แจ้งใกล้ถึงฤดูเก็บผลไม้ป่าในสวีเดน และฟินแลนด์ สนใจติดต่อไปที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด
วันนี้ (20 ก.ค.) นางศุภนา คุ้มวงศ์ดี จัดหางานจังหวัดนครปฐม แจ้งว่า ขณะนี้ใกล้ถึงฤดูเก็บผลไม้ป่า ในประเทศสวีเดน และประเทศฟินแลนด์ (กรกฎาคม-กันยายน) สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม จึงขอประชาสัมพันธ์แนวทางการเดินทางไปเก็บผลไม้ป่า โดยการเดินทางไปสวีเดน ผู้ประสงค์ทำงานสามารถขออนุญาตได้ในรูปแบบการเป็นลูกจ้างของนายจ้างในประเทศไทยยื่นคำขอไปทำงาน ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีรายได้ให้แก่สวีเดน (ซึ่งคิดเป็นเงินร้อยละ 25 ของรายได้) นายจ้างจะกำหนดค่าจ้าง และประกันรายได้ให้เดือนละ 18,975 โครนาสวีเดน หรือประมาณ 85,000 บาท พร้อมจัดทำประกันสุขภาพให้ลูกจ้าง
ส่วนอีกวิธีหนึ่ง คือ การเดินทางด้วยตนเองซึ่งคนหางานยื่นแบบเดินทางเอง โดยมีสัญญาจ้างงานผ่านการรับรองจากสถานทูตไทยในประเทศสวีเดน และวิธีนี้คนหางานต้องรับภาระในการเสียภาษีรายได้ร้อยละ 25 และนายจ้างต้องจ่ายภาษีประกันสังคมร้อยละ 32 ให้แก่สวีเดน
ส่วนประเทศฟินแลนด์ อนุญาตให้เดินทางไปทำงานได้วิธีเดียว คือ เดินทางด้วยตนเอง เอกสารประกอบการยื่น คือ วีซ่าเชงเกน สัญญาจ้างงาน หรือหนังสือเชิญจากบริษัทผู้รับซื้อผลไม้ป่า โดยคนหางานไม่ต้องเสียภาษี
ทั้ง 2 กรณีต้องใช้แบบคำขอยื่นยื่นเรื่องแจ้งการเดินทาง ตามที่กรมการจัดหางานกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม โทร.0-3425-0861-2 ต่อ 23 ในวัน และเวลาราชการ
อยากเป็นแบทแมน VS มนุษย์น้ำแข็ง ในฟินแลนย์ เหมือนในหนังจัง
เสียดาย ที่นี่มันโลกแห่งความจริง ไม่ใช่โลกแห่งความฝันของเด็กน้อย อิอิ
ปล. ไม่อยากตายในป่าน้ำแข็งนะค่ะ อยากมีอายุยืนๆ ทำฟันให้เด็กน้อยต่อไป
ปู่นี่ก็นะ งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ ดันชอบงานดมขี้ฟัน เหม็นได้ใจ
เจอกันทู้หน้านะปู่
มีความสุขที่ได้ชอบ
มีความสุขที่ได้เรียน
เรียนที่ชอบมันต้องมีเป้าหมายอยู่แล้ว
ถ้าชอบจริงต้องอยู่กับมันได้
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกเรียนที่ชอบเพราะใจรัก
เงินเดือนไม่เกี่ยงหรอกค่ะ จะมากจะน้อย
ขอแค่เรามีความสุขกับมัน
ทำไมบางคนเค้าตัดสินใจใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ ทั้งๆที่ตัวเองมีพรสวรรค์เหลือล้น
เพราะความสุขของเค้า
อยู่ที่การได้ทำ ไม่ใช่การได้เงิน
เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ
คนเรามีหลายประเภท
เพราะงั้นไม่ควรมาพูดแบบนี้ เพื่อทำให้จิตใจของคนที่กำลังลังเลไขว้เขวเลยนะคะ
ให้เค้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ชีวิตของเค้า
เค้าเป็นคนเลือกเองว่าเค้าต้องการไปทางไหนเถอะค่ะ
ถูกครับ
ผมก็เป็นคนๆหนึ่งที่เรียนที่ชอบ จบมาได้ทำงานที่ชอบ
ถึงงานจะหนัก เงินจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่ผมก็มีความสุขกับมัน
ผมสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ด้วยเงินน้อยๆของผม
สำหรับบางคนความสุขไม่ได้อยู่ที่เงินทองเลยครับ
นี่เพื่อนๆ ตกลงว่าอยากเป็นหมอต้องกินเปปทีนหรือเปล่า เราเครียดมากเลยขี้ไม่ออกมา5ปีแล้ว จะม.6แล้วสอบติดหมอจะได้ขี้สักที
จะว่าไปถ้าหนักไปมันก็ไม่คุ้มมันก็จริงเนอะ แหะๆ
แต่ว่าฉันก็มีความสุขนะ สุดท้ายมันก็คืองานที่ฉันรัก ฉันเฝ้ารอ
เงินไม่เยอะก็ไม่เป็นไร แต่ทุกๆวันที่ฉันอยู่แล้วทำงานที่รัก นั้นก็คุ้มที่สุดแล้ว♥
ให้ทำงานนี้ต่อไปอีก 40 ปีน้อยไหม 100 ปีฉันก็ยังมีความสุข
ความสุขของคนเราไม่เหมือนกันนี้เนอะ ต่างคนต่างความคิด
ไม่ได้แปลว่าความคิดคุณไม่ดีนะ มันแค่ไม่ตรงกับฉันเท่านั้นเอง
บางคนต้องให้เจอกับตัวเองถึงรู้.....แต่กว่าจะรู้ก็...!!
แต่เราเห็นด้วยกับ จขกท. นะ
แต่ขอเสริมอีกนิดนึงได้ป่ะ คือเวลาเราเลือกเรียนคณะเนี่ย
อย่าเลือกเรียนในวิชาที่ชอบ และอย่าเลือกเรียนเพราะมีเงินเดือนสูง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่ให้นำมาผสมกันคือเลือกเรียนวิชาที่ชอบและเงือนเดือนสูง มันไม่อาจไม่ใช่วิชาที่ชอบที่สุด แต่มันก็ 2 in 1 ได้อย่างลงตัวนะ
อย่างน้อยก็ได้ทำงานที่เราถนัดและชอบบ้าง แถมยังได้เงินเดือนโอเค ความมั่นคงในอาชีพไม่แย่เท่าไหร่
เราต้องนึกถึงอนาคต นึกถึงว่าถ้าเกิดมีครอบครัวขึ้นมาล่ะ? แล้วพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาล่ะ??
ไม่ได้บอกให้เลือกเข้าคณะที่จบไปแล้วได้ทำงานมีเงินเดือนสูงนะ ถ้าคุณคิดแบบนั้นกรุณาจงอ่านคอมเม้นท์ของผมใหม่อีกครั้ง เพราะอย่ามาดราม่าเดี๋ยวหน้าแตก
ไม่ต้องเปนหมอก็ได้ลูก เปนอะไรก็ได้ ที่เป็๋นอาชีพที่ตนจบออกไปแล้ว คือ รู้ว่าตัวเอง ต้องออกไปทำอะไร ชอบหรือเปล่าล่ะ ไม่งั้นจะเป็นแบบเด็กจบบัญชีจุฬากับวิศวะจุฬาที่จบไปแล้ว และทำงานไปแล้ว2-3ปี มาเอนใหม่ติดแพทย์วชิระปีนี้ สดๆร้อนๆ เพราะรู้ช้าไป พวกเขาจบไปทำงานที่ไม่ชอบงาน แต่คงเก่ง พอมาสอบใหม่ก็ติดในการสอบครั้งแรกเลย แอบฮาจริงๆ
พี่จึงต้องเตือนน้องว่า เรียนที่ชอบได้ 4 ปี กับต้องออกไปทำงานที่ชอบ 40 ปี เรียนกับทำงานต่างกันคนละเรื่องเลยนะ เลยต้องมาเตือน
ถูกต้องนะครับ
การกระทำทุกอย่างตามหลักวิทยาศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์
ต้องมีเหตุผลที่ดีพอที่จะลงทุน หรือพยายามทำมากกว่าคนอื่น
ต้นทุนที่มี คือ เงินที่พ่อแม่ส่งเสียให้เรียนให้ใช้ ทำอะไร โปรดคิดถึงพ่อแม่ที่ท่านทุ่มให้เรา
ดังนั้น อย่าตัดสินใจเลือกคณะด้วยเหตุผลที่ไร้สาระ ไม่ศึกษาผลลัพธ์แล้วจะเสียเวลามาทำ
เสียเวลามาเรียนทำไม เสียค่าเทอม เอาเงินพ่อแม่ท่านมาโยนทิ้งเล่น ?
คนฉลาดจะเลือกทำ ก็ต่อเมื่อพิจารณาเหตุผลที่คุ้มค่าพอที่จะทำ ไม่ใช่ทำด้วยความรู้สึก
เราไม่ใช่สัตว์ที่ใช้สัญชาตญาณในการดำเนินชีวิต แต่เราต้องมีการวางแผน มีเหตุผล
ไม่ใช่คิดทำหรือเลือกด้วยเหตุผลของเด็ก คือ ไม่สนใจผลลัพธ์ ทำเพราะอยากทำ
นี่แหละ คือ สิ่งที่กระทู้ต้องการบอกน้องๆ อยากให้คิดก่อนทำ พิจารณาเหตุผลที่จะทำ
มนุษย์ต่างกับสัตว์ คือ สามารถคิดก่อนลงมือทำ เพราะพิจารณาหรือคาดการณ์ผลลัพธ์ได้
เข้าใจหรือยังว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่กำลังจะบอกคืออะไร
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?