Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อักษร กับ แพทย์ เครียดมากกก เข้ามาหน่อยค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เลือกไม่ถูกจริงๆ ค่ะ สำหรับสองอย่างงี้ความจริงเราอยากเป็นทั้งสองอย่างเลยแต่ก็ต้องเลือกซึ่งส่วนใหญ่คนใกล้ตัวแน่นอนอยู่แล้วที่จะสนับสนุนให้เราเลือกแพทย์มีเพียวไม่กี่คนที่พูดให้เราชื่นใจว่าเรียนในสิ่งที่ชอบค่ะ ซึ่งยังดีอยู่ที่เขาปล่อยให้เราได้เลือกเอง

แพทยศาสตร์ - จะได้ช่วยเหลือคน ชอบค่ะ ชอบทำงานที่เป็นจิตอาสาแบบนี้ คิว่าคงจะมีความสุขมากแน่ๆ ถ้าได้รักษาใครแล้วคนๆ นั้นหายป่วย และมีเกียรติด้วยมั้งข้องนี้ไท่ค่อยคิดถึงค่ะ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่รายได้เยอะก็เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาคิดทบทวนจะเรียนคณะนี้ด้วยค่ะแต่ก็ต้องแลกกับเวลาการทำงานในอาชีพที่ค่อนข้างจะใช้ชีวิตแบบวงจรอุบาทว์นิดนึงค่ะ

อักษรศาสตร์ - ชอบภาษาญี่ปุ่นมาก ชอบทุอย่างทั้งดาราทั้งอะไรหลายๆ อย่างค่ะ ภาษาอื่นก็ชอบ ใฝ่ฝันอยากเรียนภาษาเยอะๆ ค่ะ อาชีพในสาขานี้ตรงตัวเราที่สุดน่าจะเป็นนักแปลค่ะ อยากเป็นล่ามญี่ปุ่นและภาษาอื่นๆ เปิดสถาบันเรียนพิเศษรับแปลเอกสารภาษาเป็นของตัวเองซึ่งประยุกต์กับเราอย่างมีธุรกิจเป็นของตัวเองในอนาคตด้วย เรียนได้ไม่เบื่อเลยค่ะ ในแง่ของรายได้ก็ไม่แพ้หมอเลยนะคะ รายได้ของล่ามญี่ปุ้น นักแปล โดยเฉพาะถ้าได้วัดระดับสูงๆ ถึง N1 N2 เงินเดือนเริ่มต้น 50000 - 60000 เลยค่ะแถมรับงานฟรีแลนซ์ได้อีกชั่วโมงละ 2000-3000 รับงานปลจากเอเจนซี่นอก สอนพิเศษก็เรียนจบได้เงินเดือนเริ่มต้นมีสทธ์ถึง 100000-200000 เลยะนะคะคนใกล้ตัวเราเอง งานก็แค้พูดๆ จัดการเอกสาร ไม่ค่อยมาตามเก็บจุกจิกเหมือนหมอได้เที่ยวใช้ชีวิตกระดิกตีนใช้เงินแบบไม่ค่อยเหนื่อยได้สวนๆ ด้วยค่ะ

แต่ แต่ ความคิดที่จะเรียนอัหษรถูกเบรกด้วยผู้ใหญ่บางคนที่ว่า " ภาษาไปเนียนเอาข้างนอกเรียนเสริมเอาก็ได้ " ในมุมนี้เรามองว่าจริงค่ะ แต่เราคิดว่าอักษรจริงๆ ในคณะไม่ได้คงสอนให้เรียนแค่ภาษาแต่ยังสอนให้เรียนถึงความลึกซึ้งของการใช้ภาษาอย่างสวยงามด้วย เราว่าน่าสนใจค่ะ และอักข้อ 1 คือ ลงเรียนอักษรที่รามคำแหงก็ได้เรียนควบไปเลย แต่เราเป็นคนยึดติดสถาบันค่ะ อย่าว่ากันนะคะ นี่คือความคิดส่วนตัวจริงๆ

มาถึงตอนนี้ก็ยังลังเลอยู่ค่ะ สิ่งที่เราเอามาตัดสินสามสิ่งในใจที่จะเรียนอะไรคือ

1. ความชอบ 50%:
2. เศรษฐกิจของอาชีพนั้นและจำนวนบุคลากรของอาชีพนั้นในปัจจุบันรวมถึงการต่อยอดและใช้ปริญญาทำงานได้หลากหลาย ( อย่างแพทย์ก็ ทำในโรงพยาบาลได้ เปิดคลินิกได้ เอกชนได้ เรียนต่อบอร์ดก็ทำให้รุ่งอีกค่ะ ส่วนอักษร เอกญี่ปุ่น เป็นล่ามได้ เปิด รร สอนพิเศษได้ เปิดสถาบันรับแปลภาษาได้ เอาไว้ใช้ในการทำธุรกิจเมื่อ co กับต่างประเทศได้ ข้อดีไม่แพ้กันเลยค่ะ มองดีๆ ) ตรงส่วนนี้ให้น้ำหนัก 20%
3. รายได้ค่ะ ตรงนี้สำคัญมากเหมือนกัน เราไม่ได้โลกสวยค่ะแต่มันเป็นสิ่งที่เลี้ยากท้องค่ะใครจะคิดยังไงก็ชั่งค่ะ แพทย์ห็เงินดีเสียตรงไม่มีเวลาใช้ อักษรก็เงินดีค่ะ มีเวลาว่างให้ใช้เยอะ แต่ทั้งสองคณะกำลัวอยู่ในสภาวะลังเลยอยู่

สับสนจริงๆ ค่ะ ตอนนี้แต่ทุกครั้งที่ทำแบบทดสอบอสชีพเราได้อาชีพๆ แนวๆ อักษร ครุ ทั้งนั้นเลยค่ะ แปลกดีเหมิอนกันค่ะ แต่ตอนนี้เหนือสิ่งอื่นใดกำลัวฟิตอ่านหนังสือลงสนามเต็มที่ค่ะ แต่ก็ยังลังเลอยู่ดี เราควรจะเรียนอะไรดีคะ อยากฟังแนวคิดๆ จากหลายๆ คนค่ะ มันสับสนจริงๆ ที่จะต้องเลือก

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

Igakusei 26 ธ.ค. 56 เวลา 04:38 น. 1

ไม่เปนไรนี่ครับ ชอบสองอย่างก็ดีแล้ว สอบติดแพทย์ ก็เปนหมอไป ระหว่างเรียนหมอ ถ้ายังชอบภาษาญี่ปุ่น ก็มาเรียนเสริมเอา จะเรียนเอง หรือไปเรียนโรงเรียนสอนภาษาก็ได้ พอได้พื้นฐาน อ่านรูปประโยคเข้าใจ ที่เหลือก็เอาศัพท์ด้วยการ อ่านหนังสือญี่ปุ่นที่ชอบๆ จดศัพท์มาท่องบ้าง วันละห้าคำสิบคำ หาหนังญี่ปุ่นมาดู หาคนญี่ปุ่นคุยด้วย แค่นี้ภาษาก็ก้าวหน้าได้ล่ะครับ

พี่ก็เรียนหมอปีหนึ่งอยู่ และเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย ช่วงนี้เรียนไม่หนักมาก มีเวลาเติมภาษาญี่ปุ่นเปนกอบเปนกำ

หมอรักษาคน คนหายจากโรคก็ดีใจ แต่ที่รักษาแล้วไม่หาย หรือตายกับมือเราก็ต้องมีแน่นอน วงจรชีวิตก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์นะครับ อยากเปนหมอสบาย ก็ลาออกจากราชการ เปิดคลีนิก หรือทำเอกชน รายได้พอโอเคครับ

ล่าม พอทำๆไป จะเบื่อที่จะแปลให้คนอื่นนะครับ บางคนพูดวกไปวนมา เราแปลไม่ได้อย่างใจ ก็อาจบ่นว่าเรา ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆมีแนวโน้มจะใช้ภาษาอังกิดได้ดี แทบไม่ต้องใช้ล่าม เว้นแต่แปลเอกสารที่ยากๆมีศัพท์เฉพาะเยอะๆ ต้องใช้ล่ามแปล ซึ่งก็ต้องพวก N1 แหล่ะครับ ถึงจะแปลที่ยากมากๆได้

ภาษาน่าจะเปนสิ่งที่ทำให้เราใช้ชีวิตได้สนุกขึ้น มากกว่าจะเอาไปยึดเปนอาชีพ แต่เวลานี้ ล่ามญี่ปุ่นยังจำเป็น และทำรายได้ดีมากๆ แต่ก็ยากมากๆเช่นกัน

0
kungkung 26 ธ.ค. 56 เวลา 23:10 น. 2

รู้จักอาจารทันตแพทย์คนนึง
เก่งญี่ปุ่นเหมือนกัน เคยไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วย
แล้วก็ได้แฟนคนญี่ปุ่นกลับมาอยู่ที่ไทยด้วย
ลูกสาวสามคนน่ารักมาก ในบ้านคุยกันสองภาษา ไทย-ญี่ปุ่น
ก็แปลกดี แล้ว รร ในไทยก็ต้องเรียนอังกฤษอยู่แล้ว สรุปได้สามภาษาเลย

ไม่ใช่ประเด็น...

แล้วแต่นะว่าจะเลือกยังไง
แต่เป็นหมอที่พูดภาษาที่ 3 ได้ก็เก๋ดีนะ
หมอพูดอังกฤษได้เราว่าธรรมดาแล้วอะ
สามารถไปทำงานที่เมืองนอกได้ด้วย
การแพทย์ของญี่ปุ่นก็ออกจะเจ๋ง


0
อืมนะ 27 ธ.ค. 56 เวลา 01:40 น. 3

เหยยยยยยยยยยย

จขกท เหมือนเราเป๊ะ


เปีะจริงอะ เป๊ะมาก

แบบ ชอบญี่ปุ่นมาก อยากเข้าอักษร ญี่ปุ่น (แต่ จขกท เรียนสายวิทย์ป้ะ ต้องไปติว Pat7 เพิ่มให้ปึ้ก พร้อมกะอ่านสอบหมอ = =)

แล้วเรียนญี่ปุ่นก็สบายกว่าแพทย์ด้วย จบมาทำงานเงินก็ดี (แต่งานล่ามเราว่ากดดัน เพราะเคยไปต่างประเทศ และลองแปลสิ่งที่เขาพูดมาอธิบายให้อีกคนฟังมันไม่ได้สนุก และสบายอะ

โดยเฉพาะถ้าเจอล้อสำเนียง ไม่รู้ศัพท์ แปลพลาดอะ ก็แบบแย่มาก แต่ข้อดีก็มี เช่น เงินเยอะ ทำงานเป็นเวลา)

เราอยากทำงานแนว จขกท เลย



แต่เราเลือกสอบแพทย์อะ

เพราะพ่อเราเป็นแพทย์ทำให้เรารู้สึกว่าอยากเป็นแบบนั้นมากกกเหมือนกัน แล้วถ้าเรียนอักษร ใจเราก็จะเหมือนแบบ แล้วสิ่งที่เราฝันไว้ตอนเด็กละ ?

แล้วเรารู้สึกว่า ถึงรู้แค่ภาษาเฉยๆ ไปทำงานไงก็สู้คนที่มีความรู้อีกด้านไม่ได้ อันนี้เราดูจากน้ากับพี่เราที่จบอักษร ฬ มาเขาบอก

แล้วภาษาเรียนเอาก็ได้ จริงๆ ยิ่งไปเรียนเมืองนอกยิ่งสบายอะ ได้มากกว่าเรียน อักษร ที่ไทย อีก


เราไม่อยากให้เธอยึดติดสถาบันมากอะ เรียนรามมันก็ไม่ได้แย่ป้ะ = =

แต่เท่าที่อ่านมา เราว่าเธอไปเรียนอักษรดีก็ดีนะ ถ้าไม่อยากใช้ชีวิต 6 ปี อ่านสือหนัก วงจรชีวิตแย่ แบบหมอ (จริงๆก็ไม่แย่ขนาดนั้น พี่เราเป็นหมอ ชิวเว่ออออ เว้นตอนเข้าเวรปีท้ายๆ)

แต่ก็เห็นว่า อักษร ฬ เอกญี่ปุ่น อ่านหนักมากกกเหมือนกัน ต้องเทพจริง



เราว่าถามใจเธอเถอะ

อยากเป็นล่าม หรือ อยากเป็นแพทย์ ?????



ถ้าเก่งจริง อาชีพไหนก็รวยทั้งนั้นอะ แต่หมอ มั่นคงกว่า แต่เครียดกว่า แต่มีเกียรติแบบคนนับหน้าถือตามากกว่า

ส่วนอักษร ก็นั่นละ ตามที่เธอคิด

0
omikatakara 30 ธ.ค. 56 เวลา 19:03 น. 4

อาจจะยาวนิดนึงนะ

บางครั้งสิ่งที่เรากำลังพุ่งเข้าไป พอเจอเข้าจิง ๆ มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิดก็ได้ อย่างพี่ พี่ซิ่วจากหมอไปเรียนวิดวะ ไม่ใช่ไม่ชอบหรอว่าเรียนไม่ไหวหรอกนะ แต่ชอบวิดวะมากกว่า
พ่อพี่เป็นหมอ เคยสอนไว้ว่า คนที่เก่งจิงๆ ไม่ได้ หมายความว่าต้องเป็นหมอ ต้องเรียนได้ a ทุกตัว แต่คนเก่งจิงๆ คือคนที่รุ้ว่าจิงๆ
ตนเองต้องการอะไรมากกว่ากัน แล้วทำในสิ่งที่ตนเองต้องการนั้นได้สำเร็จจิงๆ พี่ชายพี่สาวพี่ที่เป็นญาติๆกันรวมถึงตัวพี่ สอบติดหมอ ทุกคนแต่มีไม่กี่คนที่เลือกเรียนหมอ อย่าไปซีเรียสน้องมีถมเถ โอชีวะค่าย 3 ไปเรียนนิเทศ เพื่อนพี่เยอะไป แต่พี่ยอมรับเลย นะว่า ประเทศนี้หมอคือคำตอบที่ดีีที่สุดสำหรับหลายๆ ครอบครัว แต่สำหรับครอบครัวพี่ไม่ใช่ ถ้าบอกว่าอยากช่วยคน จำไว้ว่ถ้ามีแต่หมอ อย่างเดียว ไม่มีเภสัช
ไม่มีเทคนิึคการแพทย์ บลาๆๆ (อื่นๆ) หมอก้ทำอะไรไม่ได้มากหรอก แล้วพ่อพี่ยังเคยเล่าให้ฟังอีกว่า มี เพื่อนของพ่อพี่คนนึง ออกตอนจบปี 5 กำลังจะขึ้นปี 6 ลาออกไป แปลงเพศเรียนการโรแรม ตอนนี้แต่งงานกับฝรั่งอยุ่เมืองนอก สบายแล้ว
ทุกอาชีพมีเกียรติ ทุกอาชีพมีความสำคัญ จะขาดอาชีพใดอาชีพนึุงไปไม่ได้ แม้แต่ึคนเก็บขยะ
เรียนหมอไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดนะจ่ะ
อย่างเรียนหมอ ตาม มาตราฐานเด็กไทยนะ จบ ตอน ประมาน 23- 24 แล้วตัองใช้ทุนอีก 3 ปี รวมๆ แล้ว ก้ ประมาน 26-27 เกือบสามสิบแล้วน้อง หายไปแล้ว เสี้ยวชีวิต ยังไม่รวมเฉพาะ ทางอีกนะ ที่น้อง ยังไม่มี อิสระในทางอาชีพเป็นของตนเอง เว้ย แต่ ต้อง เรียน เอกชน ซึ่งค่า้เทอมก้ เอิ่มม .. เก็บตังไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า
แล้วดูอักษร จบ ประมาน 21- 22 น้อง สามารถ ต่อเมืองนอกได้สบาย ๆ เผลอๆ 25 ก้จบ ป.เอกแล้ว
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีข้อดีข้อเสีย ในตัวมันเอง อยุ่ที่ว่าจะชอบ จะรัก อะไรจิงๆ
สิ่้งที่พยายามค้นหา เมื่อได้พบกับ ตัวเข้าจิงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่เสมอไป อย่าลืมคำนี้
โกรธแล้วนะ

0
ถามตัวเอง 30 ธ.ค. 56 เวลา 19:30 น. 5

แค่ผมอ่านนิดเดียว
ผมก็รู้แล้วครับ ว่าคุณจะเลือกอะไร
ตัวคุณเองก็รู้ แต่คุณไม่กล้าเลือก
คุณแค่ต้องการหาเหตุผลมาสนับสนุนตัวเองเท่านั้นแหละ
ต่อให้ใครพูดอะไรไปก็เปลี่ยนใจคุณไม่ได้หรอก
หรือไม่จริง ?

0
MDPI 30 ธ.ค. 56 เวลา 23:10 น. 7

เอ่อน้องคะ คือ คำตอบของน้องมันเหมือนอยู่ในคำถามน้องเต็มๆเเล้วละค่ะน้องคะ
เรียนที่น้องรักจริงๆ น้องลองหลับตาดูนะคะ ว่าถ้าเกิดน้องเรียน หมอ น้องจะคิดถึงอักษรมั้ย ลองนะคะ ถ้าน้องคิดถึง น้องต้องคิดหนักเเล้วละค่ะ

0
gasft 31 ธ.ค. 56 เวลา 00:40 น. 8

ชีวิตน้องเลือก เอง ไม่ใช่ ชีวิต พ่อ ชีวิตแม่ อย่าให้ใครมาบงการชีวิตเรา มันอาจจะอยุ่กับพ่อแม่ได้ไม่นาน
แต่มันจะอยุ่ไปกับเราตลอดชีวิต คำตอบอยุ่ที่ตัวเอง อย่าเชื่อ อย่าสนใจใคร ทำตามใจตัวเอง แล้วน้องจะมีความสุขเองเยี่ยม

0
Minmina 31 ธ.ค. 56 เวลา 11:16 น. 9

จะบอกว่า เห็นบรรทัดที่บรรยายถึงอักษรก็รู้แล้วค่ะว่าชอบอะไร 555
ถ้าพูดในแง่ความมั่นคง หมอจะมั่นคงมากกว่า แต่ ถ้าไม่มีความสุข ทั้งหมดนั่นก็ไม่ได้อะไรหรอก

ทำในสิ่งที่อยากทำดีกว่า
เราก็เป็นคนที่กำลังจะสอบหมอนะ 555
พี่ ๆ เค้าบอกว่า ปีแรกอะ จะสบายหน่อย หลังจากนั้นก็ไม่แล้ว
ส่วนเรื่องเรียนเสริม... จริง ๆ มันก็ได้นะ แต่มันจะไม่ค่อยได้ใช้เท่ากับคนที่ใช้ชีวิตร่วมกับภาษานั้น ๆ 

ถ้าอยากเรียนอักษรก็สู้ ๆ พยายามเข้านะคะ
ต้องพยายามหนักกว่าคนที่เรียนศิลป์-ญี่ปุ่นเยอะเลย
โชคดีค่ะ

0
icepphassorn 2 ม.ค. 57 เวลา 17:48 น. 10

เท่าที่ได้อ่านมาแล้วน้าา แนวโน้มของใจเธอน่าจะอยากไปอักษร แต่แค่ยังลังเลว่าถ้าไม่เลือกหมอจะมีผลอะไร หรือถ้าไม่เลือกอักษรจะมีผลอะไร

พูดถึงการจะเลือกคณะ มันมีผลต่ออนาคตเรามากๆ สิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขมากกว่าในตอนเรียน มันจะสบายยันตอนทำงาน 

ถ้ายังห่วงเรื่องค่านิยมสถาบัน ให้นึกว่า คณะที่เราจะเรียนสำคัญกว่า
ถ้ายังกังวลเรื่องปากท้อง ความมั่นคง ให้คิดว่า เรากำหนดเองได้

ไม่อยากฟันธงให้ไปทางใดทางหนึ่งเลยน้า เพราะ ถึงจุดๆนั้นแล้ว ใครก็เลือกให้ไม่ได้ เธอจะเป็นคนเลือกเอง :-)

สู้ๆๆๆนะ 

0
AM,,ampare 2 ม.ค. 57 เวลา 19:36 น. 11
เท่าที่พี่อ่าน ดูเหมือนน้องจะคิดเน้นไปที่อนาคตเมื่อตอนที่เรียนจบแล้ว มันก็ไม่ผิดอะเพราะส่วนใหญ่การที่เราจะเลือกเรียนอะไร เราก็มักดูที่จุดหมายปลายทางกันก่อน แต่พี่อยากให้น้องลองคิดถึงตอนเรียนด้วยนะ เช่น วิชาแต่ละวิชาที่เราจะต้องเจอเมื่อเข้าไป เผื่อจะทำให้ช่วยตัดสินใจได้ เพราะก่อนจะจบ เราต้องเรียนก่อน แล้วตอนที่เรียนเนี่ยแหละ ตัวชี้อนาคตเลยล่ะ

อย่างอักษรเนี่ย ในฐานะที่พี่เรียนอยู่และมีน้องรหัสจะเข้าเอกญี่ปุ่น ขอบอกเลยว่าที่น้องบอกว่าคณะคงไม่ได้สอนแค่ภาษาญี่ปุ่นเนี่ย ถูกต้อง แล้วก็ไม่ใช่แค่สอนการใช้ภาษาให้สวยงามด้วย มันยังมีวิชาพื้นฐาน วิชาบังคับอื่นๆที่น้องต้องเรียนเมื่อเข้าไปอีกมากมาย วิชาเหล่านี้ก็เช่น ประวัติศาสตร์ วรรณคดี ภาษาศาสตร์ การแปล ปรัชญาและอื่นๆ แล้ววิชาพวกนี้ก็อ่านเยอะมาก เขียนเยอะมาก (ไม่เรียนไม่ได้ด้วยเพราะเป็นวิชาบังคับ555)  น้องลองถามตัวเองดูว่า "เราชอบอะไรแนวนี้มั้ย?" เพราะเท่าที่เคยคุยกับรุ่นน้องมา มีหลายคนเลยที่คิดว่าอักษรเรียนแต่ภาษา ไม่นึกว่าจะเจออะไรแบบนี้ ฯลฯ ถ้าเกิดน้องไม่ถนัดอะไรแนวนี้ ชีวิตน้องอาจจะลำบากได้เมื่อเข้ามาเรียน แต่ถ้าน้องไฟท์หน่อย ก็ไม่มีอะไรยากเกินพยายาม (พี่เองก็ไม่ชอบอ่าน เขียนก็ไม่เก่ง แต่ก็ถูๆไถๆมาได้555 =..=;)

ส่วนวิชาญี่ปุ่นที่น้องอยากเรียน เท่าที่ฟังเพื่อนเอกนี้บ่นมา ก็ว่าโหดพอสมควรทั้งฟังพูดอ่านเขียน เอกนี้เป็นเอกที่น้องต้องไฟท์ด้วยตัวเองล้วนๆ เข้าได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง พลาดแล้วพลาดเลยด้วย ถ้าจะเข้าอีกก็คือต้องซิ่วมาใหม่ เพราะฉะนั้น อยากให้น้องคิดอีกด้วยว่า "แล้วถ้าเกิดเราไม่ได้เอกนี้ล่ะ เราจะทำยังไง?

ฝากสองคำถามนี้ให้น้องกลับไปคิดเพิ่มดูนะ :)

ส่วนแนวทางคณะแพทย์ของน้อง พี่ว่ามันก็เข้าท่าอยู่นะ เหมือนที่ คห. ก่อนหน้าบอกไว้

และสุดท้าย.. นิสัยยึดติดสถาบัน ไม่ผิดถ้าน้องจะยึดติด แต่อย่ายึดมากจนปล่อยวางไม่ได้ ทุกที่มีข้อดีต่างกันไป ขอให้น้องเปิดใจมองอย่างมีเหตุมีผล :)


สู้ๆจ้า 
0
chonnaporn 20 เม.ย. 57 เวลา 22:28 น. 12

เท่าที่เราอ่านนะ เรารู้สึกว่าเวลาเธอพูดถึงการเรียนแพทย์ เธอดูปกติ ธรรมดาๆ อ่านเเล้ว เฉยๆ  

แต่พอมาดู ข้อ 2 ที่พูด ถึงอักษร ดูเเล้วเธอตื่นเต้น อยากเรียน ชอบ เเละอยากจะพรีเซ้นมันกว่าที่พูดถึงคณะแพทย์เยอะเลย    

แค่นี้ก็น่าจะตัดสินได้เเล้ว ว่าเธอทำอะไรแล้วมีความสุข   นี่เป็นความรู้สึกของเรานะ  อาจจะไม่ถูกใจเธอ แต่ถ้าเป็นเรา เราจะเลือกในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข

เป็นกำลังใจให้นะ 

0