Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

!! สุดยอดอาชีพในฝันของเด็กไทย ปี 2557 อนาคตกำหนดได้ด้วยอาชีพและความสามารถ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
วันเด็กปีนี้ ผลสำรวจเด็กๆอยากทำอาชีพอะไรมากที่สุด ?


MFPNmI.jpg [711x911px] ฝากรูป

38MZLy.jpg [605x549px] ฝากรูป



กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย บริษัทจัดหางานอันดับ 1 ของประเทศไทย
บริษัทติดอันดับของ Fortune Global 500 Company และเป็นผู้นำระดับโลกในการให้บริการด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร บริษัทได้ก่อตั้งและจดทะเบียนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และบริหารโดยทีมผู้บริหารมืออาชีพผู้คร่ำหวอดในสายงานทรัพยากรบุคคล ซึ่งมีการขยายเครือข่ายไปทั่วโลก


http://oteacademy.gr/sites/default/files/Adecco.jpg



กลุ่มบริษัทอเด็คโก้เผยผลการสำรวจ “อาชีพในฝันของเด็กไทยในปี 2557” เป็นประจำทุกปี และนำผลที่ได้จากการสำรวจไปเปรียบเทียบกับผลที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นของเด็กๆ ในลักษณะเดียวกันของบริษัทอเด็คโก้ในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา โดยการถามคำถามง่ายๆ 6 คำถามกับเด็กไทยอายุระหว่าง 7-15 ปี ในแบบสอบถาม จำนวน 12,000 คน ประกอบด้วย 6 คำถาม ดังนี้


1. เมื่อโตขึ้นอยากประกอบอาชีพอะไร เพราะเหตุใด และคิดว่าจะได้รายได้ประมาณเท่าไร?
ผลสรุป คือ เด็กกว่า 90% ยังคงเทใจให้อันดับ 1 เป็นของอาชีพแพทย์และทันตแพทย์ ซึ่งครองสถิติ 5 ปีซ้อน และเด็กส่วนใหญ่คาดหวัง รายได้ประมาณ 1 แสนบาท ต่อเดือนขึ้นไป


จากผลสำรวจเห็นได้ชัดว่าสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เช่น ทีวีและสื่อเว็บไซย์ต่างๆ ส่งผลกระทบถึงความคิดของเด็กๆ ในเรื่องของอนาคตและการแสดงออกของพวกเขา ซึ่งผลจากการสำรวจของกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย พบข้อคิดที่น่าสนใจหลายด้านอย่างเช่น แม้ว่าเด็กๆ ผู้ตอบแบบสอบถามจะมีลักษณะและพื้นฐานการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน แต่อาชีพในฝันยอดฮิต 5 ปีซ้อนของเด็กๆ คือ การเป็น “หมอ” ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากช่วยเหลือรักษาคนไข้และสมาชิกในครอบครัว โดยมีความต้องการด้านรายได้ต่อเดือนเริ่มต้น ตั้งแต่ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาท





ในขณะที่อาชีพในฝันรองลงมา คือ วิศวกร ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีรายได้ต่อเดือนเริ่มต้นในปัจจุบัน โดยเฉลี่ย 20,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่อาชีพ อันดับ 10 ซึ่งเป็นลำดับสุดท้ายที่เด็กๆเลือก ซึ่งไม่เป็นที่นิยม คือ อาชีพนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่บอกว่ายาก แต่ได้เงินเดือนน้อย เนื่องจากผลสำรวจของกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ปัจจุบันพบว่าเป็นสาขาอาชีพที่มีโอกาศตกงานสูงสุด และการประเมินพบว่าได้รับระดับเงินเดือนน้อยที่สุดในระดับวุฒิปริญญาตรี หรือประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่บัณฑิตสาขาอื่นๆในสายศิลป์และภาษา ผลสำรวจส่วนใหญ่ในบริษัทต่างๆ พบว่ามีระดับเงินเดือนเริ่มต้นในการทำงาน ตั้งแต่ 15,000 - 20,000 บาท ต่อเดือน


ในขณะที่กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ได้สรุปผลการสำรวจ "ชั่วโมงการทำงานของบริษัทภาครัฐและเอกชน" พบว่า กลุ่มอาชีพแพทย์มีชั่วโมงทำงานเฉลี่ยมากที่สุด คือ 20 ชม.ต่อวัน


Hosting Thanks: THAIHOSTWEB.COM


จากผลการวิจัยและสำรวจโดยกรมการแพทย์ เกี่ยวกับสภาพการทำงานของประชากรแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน , โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี  ในปี 2556  และศึกษาระบบการคุ้มครองการทำงานของแพทย์ โดยใช้การศึกษาเชิงคุณภาพด้วยการทบทวนเอกสารที่มีฐานะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับสภาพการทำงานของแพทย์  เปรียบเทียบกับกฎหมายว่าด้วยการทำงานที่มีอยู่และบังคับใช้ในประเทศไทย  วิเคราะห์โดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ได้ทำการสำรวจแพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ป่วย จำนวน 2 กลุ่ม

1. กลุ่มอายุ 25-29 ปี  จำนวน 3,105 คน พบแพทย์กลุ่มอายุ 25-29 ปี
- มีค่าเฉลี่ยชั่วโมงการทำงานต่อวัน เท่ากับ
20.5 ชั่วโมงต่อวัน
- มีค่าเฉลี่ยชั่วโมงพักผ่อนต่อวันเท่ากับ
4.2 ชั่วโมงต่อวัน
- พบค่าเฉลี่ยของวันพักผ่อนในแพทย์ เพียง 1.2 วันต่อเดือน
- ทำงานต่อเนื่องติดต่อกันทั้งวันหรือ 24 ชั่วโมง รวมทำงาน 1 วัน เท่ากับ ร้อยละ 75
- ทำงานติดต่อกัน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ที่ร้อยละ 25


2. กลุ่มอายุ
30-34 ปี  จำนวน 2,203 คน  พบแพทย์กลุ่มอายุ 30-34 ปี 
- มีค่าเฉลี่ยชั่วโมงการทำงานต่อวัน เท่ากับ
15.3 ชั่วโมงต่อวัน
- มีค่าเฉลี่ยชั่วโมงพักผ่อนต่อวันเท่ากับ 
3.4 ชั่วโมงต่อวัน  
- เคยทำงานต่อเนื่องติดต่อกันทั้งวันหรือ 24 ชั่วโมง รวมทำงาน 1 วัน เท่ากับ ร้อยละ 64  
- ทำงานติดต่อกัน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ที่ร้อยละ 36


ในรอบปีที่ผ่านมาแพทย์ทั้งสองกลุ่ม เคยทำงานในวันหยุดและทำงานล่วงเวลาในวันหยุดทั้งสิ้น  พบว่าในรอบปีที่ผ่านมา เคยทำงานไม่มีเวลาพักเมื่อทำงานติดต่อกัน
12 ชั่วโมงแล้ว ร้อยละ 100 ทั้งสองกลุ่ม พบแพทย์กลุ่มดังกล่าวได้รับการคุกคามจากผู้ป่วย , ญาติผู้ป่วย และบุคคลอื่น ในทุกวิธีการคุกคามที่ร้อยละ 33.0 จากผู้ป่วยทั้งหมดที่มารับการรักษา


Hosting Thanks: THAIHOSTWEB.COM


สำหรับกฎหมายคุ้มครองสภาพการทำงานของแพทย์โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าไม่ชัดเจน ได้แก่ ไม่มีข้อกำหนดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาการทำงานในวันหยุด , การทำงานในยามวิกาล , การทดแทนเมื่อประสบอันตรายจากการทำงาน 

แตกต่างจากผู้ทำงานในภาคเอกชน ที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายคุ้มครองหลายฉบับ




ในขณะที่ผลสำรวจจำนวนผู้จบการศึกษาใหม่ในปี 2556 ที่ผ่านมา พบว่า
อาชีพสาขาแพทย์ มีผู้จบการศึกษาจำนวน 3,107 คน และทันตแพทย์ จำนวน 507 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยที่สุด เนื่องจากมีสภาวิชาชีพกำหนดจำนวนรับเข้าศึกษา เมื่อเทียบกับจำนวนผู้จบในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งไม่จำกัดจำนวนรับเข้าศึกษา มีผู้จบการศึกษา จำนวน 92,500 คน และผู้จบในสาขาวิทยาศาสตร์หรือเทียบเท่า จำนวน 76,800 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดใน 3 อันดับแรกรองจากคณะบริหารธุรกิจและการจัดการต่างๆ ซึ่งมีผู้จบการศึกษามากที่สุด


wUHq5C.png [627x562px] ฝากรูป





ขณะที่กลุ่มอาชีพทันตแพทย์ ทหาร ตำรวจ วิศวกร ครู มีชั่วโมงทำงานเฉลี่ย 8 ชม. /วัน 

โดยอาชีพทันตแพทย์ สำรวจพบว่ามีรายได้ต่อเดือนเริ่มต้นในภาคเอกชนที่ 120,000 บาท 

และอาชีพทหาร ตำรวจ และครู สำรวจพบว่ามีรายได้ต่อเดือนเริ่มต้นโดยเฉลี่ย 15,000 บาท



8NDO5N.jpg [634x654px] ฝากรูป




2. เด็กๆ คิดว่าอะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างหาเงินให้ได้มากๆ กับใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
ผลสรุป คือ เด็กๆ 94% เลือกการมีเวลาเหลืออยู่กับครอบครัว มากกว่าการหาเงินได้มากๆ

สำหรับคำถามที่ถามเด็กๆ ว่า อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่าง "การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว" หรือ "การหาเงินได้มากๆ" ผลการสำรวจพบว่าเด็กๆมากกว่า 94% บอกว่า การใช้เวลาอยู่กับครอบครัวสำคัญกว่าการหาเงินให้ได้มากๆ

แม้แต่เด็กๆ บางคนที่เลือกว่า การหาเงินสำคัญกว่า ก็ให้เหตุผลว่า

"จะทำงานหาเงินมากๆ เพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบาย และมีเงินซื้อของที่อยากได้"

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ครอบครัวได้ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีในการเลี้ยงดูเด็กๆ เหล่านี้ ทำให้เด็กๆ เหล่านี้ เห็นความสำคัญของครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งนี้ เด็กๆให้เหตุผลว่า เป็นเพราะมีความอบอุ่นและมีความสุขเมื่ออยู่กับครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


Xj9iXo.png [1008x738px] ฝากรูป



3. เด็กๆคิดว่าอาชีพใด ดีหรือเท่ห์ที่สุด
ผลสรุป คือ อาชีพยังคงมาเป็นอันดับ  1



4. ปี พ.ศ. 2557 เด็กๆ อยากจะทำอะไรมากที่สุด และอยากทำกิจกรรมอะไรในยามว่าง
ผลสรุป  คือ  เด็กๆว่า 95% ตอบว่าต้องการตั้งใจเรียนให้ดีขึ้น

คำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่ต่อคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมที่เด็กๆ ทำในเวลาว่าง ก็เป็นคำตอบที่คล้ายกับเด็กๆทั่วโลก คือ เป็นกิจกรรมเพื่อการพักผ่อน หรือฆ่าเวลา อย่างเช่น การดูทีวี เล่นเกมส์ ฯลฯ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคำถามที่ว่า “สิ่งที่ต้องการทำในปี พ.ศ.2557 ” แล้ว เด็กไทยโดยส่วนใหญ่ตอบว่า ต้องการตั้งใจเรียนให้ดีขึ้น และอยากใช้เวลากับครอบครัว และเพื่อนๆ โดยมีคำตอบว่าอยากเล่นเกมส์เป็นคำตอบรองลงมา แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เด็กไทยก็ยังให้ความสำคัญกับครอบครัวและคนรอบข้างก่อนเสมอ ผลการสำรวจยังพบอีกว่า เด็กๆ ยังคงให้ความสำคัญกับการเรียน โดยจะพยายามตั้งใจเรียนให้มากขึ้น และเรียนให้เก่งขึ้นในปีนี้ เด็กๆ หลายคน ก็ยังอยากใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนให้มากยิ่งขึ้น และบางส่วนก็อยากทำงานช่วงวันหยุดเพื่อนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว



5. ถ้าหากเลือกได้ เด็กๆ อยากไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศอะไรมากที่สุด
ผลสรุป คือ ประเทศไทยยังคงเป็นอันดับ 1  และญี่ปุ่นเป็นอันดับ 2

สำหรับคำถาม “ถ้าหากเลือกได้เด็กๆ อยากไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศอะไรมากที่สุด?” คำตอบที่ได้รับจากเด็กๆ มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่น อเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ และเกาหลี แต่ประเทศที่ได้รับคำตอบจากเด็กๆ มากที่สุดคือ “ประเทศไทย” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “ไม่ว่าประเทศใดจะมีความน่าสนใจ หรือมีความน่าตื่นเต้นอย่างไรก็ตาม แต่ประเทศไทยก็เป็นประเทศที่เด็กๆ อยากอยู่มากที่สุด”



6. หากได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย 3 สิ่งที่ต้องการทำ คืออะไรบ้าง
ผลสรุป คือ การดูแลช่วยเหลือประชาชน


5AWybH.jpg [698x904px] ฝากรูป


ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคไทย กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า เราสามารถรับรู้ถึงความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเด็กๆ ซึ่งเห็นได้จากการตอบคำถามด้วยความจริงใจและตรงไปตรงมา ผลการสำรวจนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันที่เด็กๆ เหล่านี้มีต่อครอบครัวของตนอย่างมากมาย อีกทั้งยังมองเห็นได้ถึงความเอื้ออาทรห่วงใยต่อผู้คนรอบข้าง ซึ่งความรักของพ่อแม่นั้นจะสามารถใช้เป็นเกราะป้องกันการถูกครอบงำของเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ ทั้งนี้การสำรวจนี้เป็นการยืนยันว่าเด็กๆ นั้นเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของโลก และเป็นความหวังที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของประเทศ


ข้อมูลเงินเดือน 30 สาขาจาก  http://unigang.com/Forum/Topic/11982



v7C7y9.png [832x623px] ฝากรูป





10 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงใน ASEAN

L983tR.jpg [580x580px] ฝากรูป





20 อันดับ อาชีพที่มีรายได้ต่อปีสูงสุดในอเมริกา

ผลการจัดอันดับล่าสุดในปี 2556 โดยสำนักงานสถิติ กระทรวงแรงงานแห่งสหรัฐ 
(US. Bureau of Labor Statistics)



tLLq1e.png [594x1266px] ฝากรูป

1 ดอลลาร์ สหรัฐ  = 33.27 บาท  อัตราในเดือนกุมภาพันธ์ 2557




http://image.ohozaa.com/i/859/wRxr7S.png

ZlwZY5.png [836x622px] ฝากรูป



http://image.ohozaa.com/i/g8a/5eyWA2.png


JO2veC.png [830x559px] ฝากรูป

e7jXh3.png [839x623px] ฝากรูป


L0VjKN.png [821x498px] ฝากรูป



FwSTqX.png [832x615px] ฝากรูป



iGbZt4.png [796x574px] ฝากรูป



UlTexQ.png [837x614px] ฝากรูป



K6JqBS.png [876x650px] ฝากรูป



NGU85x.png [831x563px] ฝากรูป


https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/734104_581095881909521_23129905_n.jpg








รู้จักพ่อของมาร์ค ผู้ก่อตั้ง facebook เขาสอนลูกอย่างไร? 

จนสามารถสร้างลูกเป็นเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก


http://www.dek-d.com/board/view/3044225/




แสดงความคิดเห็น

>

36 ความคิดเห็น

ofast 11 ม.ค. 57 เวลา 22:49 น. 1

ค่านิยมแบบนี้ ต่อให้มีเพิ่มสองเท่า หมอเป็นล้าน ยังไงไทยก็ขาดแคลนหมออยุ่ดี

0
.... 11 ม.ค. 57 เวลา 23:22 น. 2

การเข้าเรียนหมอกลายเป็นคอขวดไปละ
พวกที่ไม่ได้ก็จะลองใหม่ปีต่อๆไป อัดกระจุกกันอยู่ตรงนั้น
โดยที่จำนวนที่รับเข้าศึกษาต่อก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
คงต้องรอให้หมอล้นประเทศหรือเปลี่ยนค่านิยมก่อน
สุดท้ายก็มากระจุกตัวกันในเมืองอยู่ดี
อนาคตประเทศเราจะเป็นยังไงกันนะ เห้อ...

0
WrToTae 12 ม.ค. 57 เวลา 00:14 น. 3

ความคิดจะเป็นหมอนั้น จะเสื่อมถอยไปตามกาลเวลาและการเรียน ม.ปลายครับ ผมพิสูจน์มาแล้ว

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาที่เป็นข่าวลือซึ่งไม่เป็นความจริง และก่อให้เกิดการเข้าใจผิด บางครั้งมาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ไม่จริงแล้วคนส่งต่อจนทำให้เข้าใจผิดกันเป็นวงกว้าง

Viyo 12 ม.ค. 57 เวลา 10:06 น. 6

      เราเป็นคนนึงที่คิดว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง - เงินมีไว้ซื้อปัจจัยในการสร้างความสุขได้ 

      คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตนเองนะ เรามีความถนัดไม่เหมือนกันหรอกค่ะ 

การมีเงินเยอะไม่ได้แปลว่าจะมีความสุขเยอะนะคะ ถ้าจะคิดแต่จะหาเงิน เอาเวลาไปอยู่กับพ่อแม่ดีกว่ามั้ย เอาเวลาไปอยู่กับคนที่รัก ทำกิจกรรมที่ชอบ โดยมีอาชีพที่ตนเองชอบด้วยและผลตอบแทนก็โอเค ไม่จำเป็นต้องเยอะ คุณภาพชีวิตไม่ใช่เงินนะคะ ถ้าเรียนสิ่งที่ไม่ชอบแล้วจะไปทำงานที่ชอบได้ยังไง -_-;; สมมติคุณไม่ชอบเรียนบัญชี แต่จบไปจะไปทำงานเป็นนักบัญชีเนี่ยนะ?? คือกระทู้นี้จะสื่ออะไรคะ?? 

คุณลองถามตัวเองว่าชอบวิชาอะไรแล้วก็แค่เรียนมันค่ะ! เรียนด้วยความชอบความถนัด ไม่ตกงานหรอกค่ะหากเราตั้งใจเรียนและพยายามในที่สุดเราก็จะเป็นคนเก่งนะคะ 

อยากให้เด็กไทยคิดถึงความฝันแล้วก็ลองพยายามทำมัน 
เงินไม่ใช่ทุกอย่าง เป็นหมอก็ไม่ได้แปลว่าจะมีความสุข


ต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาล ออกมาก็ต้องเปิดคลินิค เวลาว่างก็แทบไม่มี 
มีเงินเยอะแต่ไม่มีเวลา เงินซื้อเวลาไม่ได้หรอกค่ะ - ประสบการณ์จากอาของเรา

0
โออิโชะ 12 ม.ค. 57 เวลา 11:08 น. 7

นั้นดิ แรกๆเด็กที่ฝันไว้สวยหรู หลังๆอยู่ม.6 เอาเหอะ ตอนนี้ติดคณะและมหาวิทยาลัยที่พอใจ+ความสามารถที่ทำได้ของตนเองที่ทำได้ และเรียนให้ดี เรียนให้จบ มีงานทำได้ก็ดีแล้วหล่ะ

อ๊าก

0
เล่ามาก็เล่าต่อ 12 ม.ค. 57 เวลา 11:45 น. 8

เคยมีคนบอกว่า..คนเป็นหมอน่ะไม่สบายหรอก..คนที่สบายคือ ครอบครัวของหมอ(สามี ภรรยา พ่อ แม่ ลูก )...พ่อ แม่ ส่งลูกชายเรียนหมอ คนที่สบาย คือ เมียหมอ...(รึเปล่า)....อ้อ...หมอมีบ้านสวยแต่แทบไม่มีเวลาอยู่บ้านเลย.....

0
Angela 12 ม.ค. 57 เวลา 13:40 น. 10

เราว่าทันตแพทย์อ่ะสบายกว่าหมอมากนะ ได้เงินเดือนพอๆกันหรือต่ำกว่านิดหน่อย แต่เวลาพักมากกว่าเยอะ // แต่ชั้นติดหมอ OTL คำกล่าวของคุณแม่คือ "มีลูกเป็นหมอ เหมือนเสียลูกไปคนนึง" มันก็เหมือนจะสบายนะ แต่เราก็ต้องดูแลรับผิดชอบชีวิตคนซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าอยากรวยจริงเราว่าไปเป็นนักธุรกิจ เล่นหุ้น อะไรพวกนี้ยังจะรวยกว่าอีก

ส่วนที่ว่าแพทย์ขาดแคลน เราว่าตามรพ.ชนบทค่ะ เพราะแพทย์ส่วนมากจะอยู่ในเมืองแลทำงานเอกชน กระจุกกันอยู่เป็นกลุ่มๆ มากกว่าจะกระจายไปทั่วประเทศ

ป.ล. เขาไม่ถามแต่อยากตอบ ถ้าเป็นนายกแล้วจะไม่โกงค่ะ กำจัดคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศไทย *-* (ทำหน้าใสซื่อพร้อมกับเนรเทศตัวเองออกจากกระทู้อย่างรวดเร็ว)

0
ฟูฟ่องปุยยะ 12 ม.ค. 57 เวลา 15:20 น. 14

เด็กบางคนอยากเป็นเพราะเงินเดือนไม่ใช่ความเสียสละอ่ะ
พ่อแม่ก็บอกเป็นข้าราชการณ์นะเพราะมันมั่นคงไม่ใช่เพราะรักที่จะทำสิ่งนั้นจริงๆอ่ะผมพิสูจน์มาแล้ว
ที่อยากเป็นหมอ ครู ข้าราชการกันเพราะคิดว่าสบาย
นี่คือใจจริงของเด็กๆนะเพราะถูกปลูกฝังมาแบบนี้ผมก็ถูกสอนมาแบบนี้
แต่ผมไม่ค่อยชอบคนที่อยากเป็นหมอได้ก็ต้องเพราะอยากให้เขามีชิวิตอยู่ต่อไป
การที่อยากเป็นครูเพราะอยากให้เด็กๆได้ความรู้ที่ถูกต้องสิพ่อแม่มักจะพูดแบบนี้ด้วยเช่นกันแต่ประโยคต่อท้ายคือเป็นอะไรก็ได้ที่เป็นข้าราชการจะได้สบายๆ
ผมไม่ชอบเอามากๆเงินคือพระเจ้ารึไงคนที่เค้าไปรักษาแล้วหมอไม่ได้ชอบไปรักษาเข้าแล้วเขาจะได้รับการรักษาที่ดีหรือ
มีเด็กไปเรียนหนังสือแล้วครูก็ให้การบ้านงานแบบส่งๆไม่ได้ใส่ใจแล้วเด็กจะได้อะไรกลับบ้างครูแบบนี้ผมเห็นมาเยอะมากมายยิ่งครูสมัยนี้มักจะพูดกับเด็กเพราะๆแต่ให้ความรู้ได้ไม่เท่าคนที่พูดไม่เพราะเยอะเลยล่ะ

0
Apiwat Plakpla 12 ม.ค. 57 เวลา 18:09 น. 17
เราว่ากระทู้นี้เหมือนกระทู้ล้างสมอง  หรือกระทู้ที่มาจากความคิดของคนประเทศอื่นมากกว่า

ขี้เกียจอ่านให้จบ ฮ้วย!!  ใครจะเรียนอะไรก็เรียนไปเถอะ  โตไปขอเเค่ไม่ตกงาน  ได้มีเงินเลี้ยงพ่อเเม่  ไม่ต้องเป็นหนี้  อยู่เเบบมีความสุขก็พอเเล้ว
0
golf 13 ม.ค. 57 เวลา 00:24 น. 18

เราว่ากระทู้นี่ดีมากอ่ะ ถ้าบางคนเข้ามาอ่านอาจมีความคิดที่เปลี่ยนไปก็ได้ อาจจะมีเเรงฮึด ความพยายามมากขึ้ไปอีก เเล้วถ้าเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ เผอิญมาอ่านกระทู้นี้ แล้วมองเห็นว่าอนาคตไม่ใช่สิ่งที่ง่าย เเล้วเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ขยันมากขึ้นเพื่อสอบให้ได้ดี ทำงานดีๆ มีเงินเลี้ยงพ่อแม่ คิดดูสิ พ่อเเม่เขาจะภูมิใจแค่ไหน และเท่ากับว่า ประเทศชาติของเรา มีบุคลากรที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเลยนะ คิดดีๆ กระทู้นี้ดีมาก เยี่ยม

0
เบื่อ 13 ม.ค. 57 เวลา 00:38 น. 19

บางคนผู้ใหญ่ไทยก็ปลูกฝังเด็กในสิ่งที่ผิดไป
เจอบางครอบครัว ต้องเปนหมอเท่านั้น

จากข้อมูลสำรวจของโรงพยาบาลเอกชน มันจะหมอซักกี่คนที่ได้ทำเอกชน
ถ้าไม่เก่งจริงประสบการณ์ไม่โชคโชน เอกชนเขาก็ไม่เรียกตัวไปอยู่ดี

เราคนนึงก็เคยคิดอยากจะเป็น อยากจะช่วยคน ดูแลคนอื่น
แต่พอโตมา มันมีภาระหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเงิน เรื่องครอบครัว
และรู้เลยว่าบางทีเราก็ไม่ได้พร้อมกับอาชีพนี้อยู่แล้ว
แต่ตอนเด็กๆ ที่อยากเป็นก็เพราะผู้ใหญ่ไซโคด้วยส่วนนึง

จริงๆ ควรสนับสนุนทุกสายอาชีพ ทุกอาชีพดีหมด (ยกเว้นค้ายาบ้า หรือเป็นโจรอะน้ะ)

0
ตูเอง 13 ม.ค. 57 เวลา 09:52 น. 20

เป็นกระทู้ล้างสมอง
ใครเข้าบอร์ดเด็กดีบ่อยๆ สักสองปีขึ้นไป จะเจอกระทู้แบบนี้ตลอด
ล้างสมอง และสอนให้คนคิดเห็นแต่ค่านิยม จนดูถูกและละเลยอาชีพอื่นๆ ในสังคม

ไม่ได้บอกว่าหมอ ทันตะ วิศวะ หรืออะไรไม่ดี แต่อาชีพเหล่านี้กลับทำให้อาชีพอื่นๆ ที่ไม่ติดรายชื่อกลายเป็นอาชีพที่ไม่มีค่าในสายตาคนอื่น ในสายตาเด็กๆ เด็กๆ ที่อ่านแล้วรู้สึกว่าโอ้วว พระเจ้า อาชีพพวกนี้มันเทพ มาก ก็ไม่มองอาชีพอื่นๆ ทำให้ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรในอนาคต เพราะกรอบความคิดถูกจำกัด

ถ้าดชคดีเรียนเก่ง ไปรอดในอาชีพนั้นๆ ก็โชคดีไป แต่คนเราไม่ได้เก่งวิชาการพวกนี้เท่ากัน แล้วอีกกว่าค่อนที่เรียนไม่เก่งหรือสอบไม่ติด ก็เคว้งไม่รู้จะทำอะไรดี กลายเป้นคนไร้จุดหมาย รู้สึกด้อยค่าในสายตสตัวเอง

คิดดีๆ ไอพวกเปิดเงินเดือนเนี้ย ดูเอาไว้บ้างก็ได้ มันช่วยแรงใจ กำลังฮึด แต่อย่าไปเชื่อทั้งหมด อาชีพอื่นๆ เคยเปิดให้ดูไหม ไปถามหรือยัง หรือคิดว่าถ้าใครคนนั้นไม่ได้เป้นหมอ ต้องโง่ และจนกันไปหมด

พวกล้างสมอง! หันกลับมาดูโลกบ้าง

0