[ระบาย]ทำไมผู้ใหญ่ชอบมองว่าสายศิลป์ภาษาไม่ดี?
ตั้งกระทู้ใหม่
MeNe
7 มี.ค. 57 เวลา 09:38 น.
2,692
views
62 ความคิดเห็น
อาจจะเป็นค่านิยมก็ได้นะ เพราะบ้านเราค่อนข้างมีค่านิยมเกี่ยวกับพวกวิศวะ หมอ ไรงี้สูงมาก อีกทั้งสายศิลป์-ภาษายังเลือกคณะได้น้อยกว่าสายศิลป์-คำนวณหรือวิทย์มาก แล้วเหตุผลอีกอย่างเราว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมด้วยรึเปล่า อย่างโรงเรียนเราในสายตาคนในโรงเรียน ห้องศิลป์ = ห้องที่ต่อม.4ด้วยเกรดกากจนเข้าห้องวิทย์ไมได้ ดังนั้นมันก็เลยเต็มไปด้วยเด็กเกเร ไม่ตั้งใจเรียน ไม่มีอนาคต เป็นสก๊อย อะไรอย่างงี้ ซึ่งถามว่าดีๆมีมั้ย มีจ้ะ แต่น้อยกว่าพวกไม่ดีมาก(เราก็เรียนศิลป์คำนวณ) แล้วก็ความเห็นส่วนตัวเรานะ เราชอบภาษามากกว่าคณิต-วิทย์ เพราะมันดูน่าเรียนกว่า เอาไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทางกว่ามาก ตามความคิดเรา เราคิดว่า
(หมายถึงวิทย์-คณิตในระดับสูงอ่ะนะ ไม่ใช่พื้นฐาน)
ปล.โรงเรียนเราติด1/10ของปท.(แต่ไม่ใช่เตรียม/มหิดลนะ) ห้องเรียนยังเป็นแบบนั้นเลย ดังนั้นอย่าคิดมาก ลองอธิบายให้พ่อแม่เธอเข้าใจดู ว่าวิทย์มันอาจไม่เข้ากับเรา อาชีพที่เราใฝ่ฝันมันไม่ใช่ทางนั้น ลองพูดๆเป่าหูดู อาจจะดีก็ได้นะ
เราก็อยากเรียนสายศิลป์-ภาษานะ
ตั้งใจทําสิ่งที่เราชอบให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ
เราชอบภาษามากกว่าวิทย์-คณิต อีก เพราะว่าเราคิดว่ามันได้ใช้มากกว่า คนไทยนิยมเรียนวิทย์-คณิตกันเยอะ ศิลป์-ภาษาก็ใช่ว่าจะเรียนง่ายๆนะ ทุกอย่างมีค่าหมดแหละ อย่าคิดมากเลย ^^ พี่สาวเราก็เรียนภาษารัสเซีย ตอนนี้อยู่เมืองนอก (อยากไปบ้างT^T)
มันแล้วแต่ความชอบแหละค่ะ ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นหรอก :)
เราเป็นเด็กวิทย์ - คณิต แต่เราเข้าใจนะ
ขนาดพวกวิทย์ - คณิตอย่างเรายังโดนพูดแบบนี้เลย
อย่าไปใส่ใจคำพูดพวกเค้าเลยค่ะ เราเคยถามว่าทำไมพูดแบบนี้เวลาอยากเรียนสายศิลป์ พวกผู้ใหญ่สวนใหญ่ เค้าบอกเราว่า
"เรื่องเงินสำคัญที่สุด เรียนจบออกมายังไงก็ต้องใช้หนี้ที่เค้าส่งเรามา ถ้าเราไม่เรียนดีๆก็เปลืองเงินเค้า" อย่างนี้ = =
แม้ส่วนตัวเราจะเถียงก็เถอะว่าทุกอาชีพทำไปยังไงก็มีงาน ไม่งั้นจะมีสายนี้มาให้เรียนจริงมั้ย 5555 แต่ก็นะ เค้าไม่ได้มาเรียนเหมือนเรานิ คนที่กำหนดทางเดินเราได้จริงๆคือตัวเราต่างหาก
จขกท. ลองพูดกันดีๆ หาข้อมูลการศึกษาต่อให้ดูตัวๆไปเลยค่ะ เอาให้ชัวร์เลยว่าเนี่ย มีงานทำจริงๆ พูดด้วยเหตุผลนะคะ อย่าใช้อารมณ์ (เราเป็นมา 5555) สนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ชอบค่ะ อย่าพลาดแบบเรา TT แต่ต้องมั่นใจนะว่าไปทางนี้แล้วเราจะทำให้ดีที่สุด สักวันเค้าจะเข้าใจเราค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^[+++]^
เรียนไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์
ถ้าเค้าถามว่าจบมาทำอะไร? ตอบไปเลยค่ะ ทำได้ทุกอย่างบนโลกนี้ยกเว้นสายอาชีพ เพราะภาษา หากินได้ตลอด
เค้าจบม.6ปีนี้แหละ
จากประสบการณ์เค้านะ อย่าไปฟังคนอื่นเชื่อมั่นตัวเองเค้าไว้
เค้าก็เคยโดนแบบเดียวกันเลย คือโควต้าได้สายศิลป์-คำนวณ แต่มีคนบอกว่าเรียนสายวิทย์ดีกว่า เค้าเลยไปสอบใหม่ก็ติดสายวิทย์
เรียนม.4เทอมแรกมันก็ดีอยู่หรอก พอขึ้นเทอมสองมันเริ่มไม่ใช่ล่ะ
เริ่มเรียนไม่ไหวมันหนักเกิน พอไปขอย้ายสายอาจารย์บอกว่า
ถ้าจะย้ายก็ไปสอบเข้า ม.4 ใหม่
เค้าเลยทนเรียนมาจนจบ ม.6 เกรดได้น้อยมาก
ด้วยความที่เน้น ฟิสิกส์ เคมี คณิต มันยากนะสำหรับคนที่ไม่ชอบมันอ่ะ
ยิ่งฟิสิกส์ 2 หน่วยกิต เยอะกว่าวิชาอื่นๆ มันถ่วงเกรดมาก
เรียนสายวิทย์แล้วไง โก้หรอ ดูดี ถ้าเรียนไม่รอดมันแย่กว่าการเรียนสายศิลป์อีก
สู้เรียนสายศิลป์ยังดีกว่า เดี๋ยวนี้เค้าเน้นภาษากัน สายศิลป์ก็สอบหมอได้ แถมได้เกรดดีกว่าเด็กสายวิทย์อีก
แต่ถ้าเก่งวิทย์ ชอบและสนุกกับมัน เรียนสายวิทย์ก็ดีมีโอการเลือกอาชีพที่หลากหลายขึ้นนะ
สู้ๆนะ เลือกในสิ่งที่ชอบจะได้ไม่เสียใจภายหลังแบบเค้า^^
เราเข้าใจ เพราะเราก็เรียนศิลป์เศส ตอนนี้ม.5 ขึ้นม.6 ทุกคนที่บ้านอยากให้เราเรียนวิทย์คณิต เหมือนกัล แต่เพราะเกรดคณิตเราไม่ถึงเราเลยเลือกอย่างอื่น คืออย่าไปแคร์ บอกไปเลย พวกเรียนวิทย์เก่งกว่าหนูก็จริง แต่ถ้าฝรั่งเศส มันคงรู้จักแค่หอไอเฟลอ่าแหละ
แล้วถ้าถามถึงเรื่องเรียนต่อหรืองาน หรือจะเป็นเงิน เราว่าศิลป์ภาษาได้เปรียบมากนะ
เรียนและสู้ต่อไปค่ะ
ปล.เราไม่ได้ชอบภาษาเลยนะ บอกตรงๆ ตั้งใจจะเข้่สถาปัตย์ชอบวิทย์มากกว่า แต่เพราะเราเกรดไม่ถึงเอง เราก็จะตั้งใจเรียนฝรั่งเศสให้ดีที่สุดเพราะเราเลือกเดินทางนี้3ปี (แต่เราก็ลำบากอยู่เพราะต้องเรียนเพิ่มเยอะทั้งฟิสิกส์กับดรออิ้ง เหนื่อยแต่สู้ค่ะ)
จขกท.หาตัวเองว่าอยากเรียนอะไร แล้วทำใหห้มันเป็นจริง แล้วทุกคนจะมองว่าจขกท.เก่งกว่าพวก เด็กวิทย์ที่หาที่เรียนไม่ได้เยอะเลยค่ะ
ทำไมเราคิดว่าตอนนี้สายภาษาสำคัญกว่าสายวิทย์ คณิตใช่อยู่ที่สายวิทย์คณิตมันต่อได้หลายคณะแต่มันไม่ใช่แนวของดาว TT
เรียนไปก็มีแต่เกรดตกเปล่าๆกลัวเกรดสอบรับตรงไม่ได้แค่นั้นแหละ5555
เราเลือกเเล้วก็เรียนไปเลยค่ะ อย่ามัวใส่ใจกับความคิดที่อื่น
มีภาษาอยู่กับตัวไม่ต้องกลัวอดตายค่ะ
โรงเรียนเราห้องภาษาถือเป้นห้องที่เก่งอันดับ1นะ ลองลงมาถึงจะเป้นวิทย์คนิต เพราะที่โรงเรียนห้องภาษาจะเน้นวิชาวิทย์คนิดเท่ากันห้องวิทย์คนิตเลย แต่จะเพิ่มภาษามาด้วย เราก้ออยู่ห้องนั้น ภาษาสำคันกว่าวิทย์คนิตอีก สื่อสารทั่วโลก จะเปิดอาเซียนแล้วด้วย
เราเรียนสายวิทย์-คณิต
แต่เป็นคนที่อยากเรียนภาษา 555
ที่เราเข้าวิทย์-คณิตก็เพราะพ่อเเม่นั่นแหละ
ที่พ่อเเม่เขาให้เรียนวิทย์-คณิต ตามมุมมองผู้ใหญ่อ่ะน่ะ เราเคยปรึกษาเรื่องนี้กับรุ่นพี่ ตามที่เราคุยกับรุ่นพี่อ่ะน่ะ
1.ที่พ่อเเม่เราให้เรียนวิทย์-คณิต เพราะอยากให้เรามีสิทธิที่จะเลือกคณะที่มากกว่าเพราะเรียนวิทย์-คณิตเราสามารถสอบได้ทุกคณะ แต่ถ้าเราเรียนศิลป์-ภาษา มีบางคณะที่เราสอบได้ (เลือกวิทย์-คณิตเพื่อเลือกทุกคณะ เรียนวิทย์คณิตไม่ดีเลยจริงๆ)
2.เขาให้เรียนวิทย์-คณิตเพราะว่าเขาไม่มั่นใจว่าเราอ่ะจะเอาดีตรงสายศิลป์เลยไหม(เพราะเด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ว่าอยากเป็นอะไร)เพื่อจบม.6 เเล้วเราอยากเป็นอย่างอื่นที่ไม่ไช่ทางภาษาหล่ะ?? เพราะถ้าเราไปสอบเเข่งกับสายวิทย์เราเสียเปรียบมากๆ (แต่ถ้าสายวิทย์ไปสอบศิลป์ก็เสียเปรียบเหมือนกันเพราะทุกวิชาเราก็ต้องอาศัยการฝึกฝนเเละประสบการณ์)
ปล.เขาก็คิดอีกเเหละว่าถึงเรียนสายวิทย์ เเล้วอนาคตอยากเปลี่ยนเป็นภาษาเราก็เรียนพิเศษภาษาเพื่อไว้เอาก็ได้ เขาเลยสนับสนุนสายวิทย์มากกว่า
3.อาชีพที่มั่นคง มันมี 7 อาชีพในอาเซียนที่เป็นอิสระเวลาทำงานในกลุ่มอาเซียน
1.สถาปัต 2.วิศวกรรม 3.ครู 4.พยาบาล 5.เภสัชกร 6.เเพทย์ 7.ทหาร (ถ้าเราจำไม่ผิดน่ะ ฮ่าๆ) จากอาชีพที่เราบอกส่วนใหญ่มันก็มาจากสายวิทย์ไช่ไหมหล่ะ
พ่อเเม่เขาก็คงคิดประมาณว่าอยากให้ลูกมีโอกาสในการทำงานมากขึ้น เขาก็ห่วงอนาคตลูดนั้นแหละ
4.ภาษาถ้าอยากได้เงินเดือนสูงๆ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเอกชน เขาก็คงมองว่ามันไม่มั่นคงเพราะการเเข่งขันมันสูง วัยทำงานเราไม่รู้หรอกว่าใครดีกับเราเพราะต่างคนต่างอยากให้ตัวเองขึ้นอยู่ในระดับสูงๆทั้งนั้น
เราไม่ได้บอกว่าเรียนภาษาไม่ดีน่ะ ภาษามันดีเพราะมันติดตัวเราตลอด เราทำงานได้มากกว่าในประเทศ ทำงานต่างประเทศก็ได้ไรงี้ งานสนุกกว่าสายวิทย์เป็นไหนๆ
เวลาเรียนไม่ต้องเครียดมากเท่าสายวิทย์ (แต่เวลาสอบก็เครียดพอกัน55)
อีกอย่างสังคมของการเห็นแก่ตัวสายศิลป์น้อยกว่าสายวิทย์เยอะ สายวิทย์ไอคิวมีเเต่อีคิวต่ำ-*- เกรดสายวิทย์ได้มายากลำบากมากด้วยกดเกรดสุดๆ
เเต่ถ้าขจกท.มั่นใจเเล้วว่าอยากเรียนภาษาจริงๆ อนาคตอยากทำงานเกี่ยวกับสายนี้จริงๆก็สู้ๆน่ะ เพราะคนเก่งภาษาไม่ไช่ง่ายๆเลยสำหรับเมืองไทย เราเป็นกำลังใจให้ เพราะถ้าขจกท.ทำได้ขจกท.จะสุดยอดมาก! งานดีกว่าสายวิทย์แน่นอนเรารับประกัน ไฟท์ติ้งน่ะ >< เรียนภาษาแทนเราด้วยเพราะเราเรียนสายวิทย์มันทรมานมาก 5555
พี่ก็อยู่ศิลป์ฝรั่งเศสนะ ตอนนี้จะจบม.6และ ก็ที่ผู้ใหญ่พูดมามันก็มีส่วนถูก
เรื่องเด็กเกเร เพราะอย่างว่าเกณฑ์วิทย์-คณิต มันสูง(มาก) คือเรื่องนี้พี่อยาก
ให้คิดดีๆ เพราะพี่ไม่อยากให้น้องเจอเหมือนพี่ ก็คือตอน ม.4 พี่ก็เหมือนน้อง
อยากเรียนภาษา พ่อกับแม่พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร พอเรียนไปได้ได้สักพักก็เริ่มเครียด
ไม่ได้เรียนหนักนะ แต่เหนื่อยใจ พี่ต้องตามจี้งานกลุ่มบ้าง บางครั้งและหลายครั้ง
ก็ทำคนเดียว โดดเรียนกันยกห้องบ้าง พี่คอยตอบคำถามอาจารย์ว่าคนนี้ไปไหน
เมื่อไหร่จะมา บลาๆๆ แต่พี่ก็คิดในแง่ดีว่า เด้วม.5 มันก็ขยันขึ้นเองแหละ จน ม.5
เทอม 2 แล้ว มันก็ยังไม่ดีขึ้น (เผลอๆ แย่ลง) จากแค่เครียดเฉยๆ กลายเป็นร้องไห้
ทุกวัน ไม่อยากเรียนมันแล้ว ม.6 พี่เลยต้องย้ายโรงเรียน...
พี่อยากให้น้องคิดดูดีๆ น้องอาจโชคดีไม่เจอเหมือนพี่ก็ได้ เพราะพอพี่ย้ายไป
ทุกอย่างก็ดีขึ้น เกือบทุกคนมีความรับผิดชอบ แต่ถ้าน้องเจอเหมือนพี่
(ซึ่งเป็นไปได้สูง) น้องต้องทำใจได้นะ
โชคดี
Bonne Chance
ชอบก็ไปเรียนเลยครับ พูดกับผู้ใหญ่ดีๆ อธิบายว่าทำไมเราจะเรียน หาอาชีพในอนาคตมาบอกท่านไว้ก่อนก็ได้ ผู้ใหญ่เขาอยากมีหลักประกันในใจว่าลูกหลานจะไม่ลำบากหลังเรียนจบ ตั้งใจเรียนเป็นพอ
น้องผมก็เกรด ม ต้น สูง แต่สุดท้ายก็เลือกภาษา เพราะเขารักที่จะเรียน และทำได้ดีด้วย สังคมอยู่ที่เราเลือกคบครับ
เราว่าสายอาชีพก็ดีนะ แต่ทำไมพวกเขาไม่เปิดใจเปิดความคิดกันบ้างนะ
พี่เป็นเด็ก
ศิลป์ฝรั่งเศสค่ะ
ตอนนี้จะจบม.6แล้วด้วย
แล้วพี่บอกเลยนะคะ ว่าพี่ภูมิใจในการเป็นเด็กศิลป์ฝรั่งเศส เด็กศิลป์ภาษาของพี่มาก พี่ก็ต่อสู้กะที่บ้านพี่มาตั้งแต่ม.3 ค่ะ น้าพี่เค้าจบวิทย์คณิต และเค้าก็พูดตอกย้ำพี่มาโดนตลอด แต่โชคดีที่พ่อแม่เค้าสนับสนุน แต่พี่ก็ ไม่แคร์ พี่คิดมาเสมอว่า ถ้าพี่เรียนในสิ่งที่พี่รัก พี่จะทำได้ดีเสมอ แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
พี่ไม่ได้จะอวดตัวเองนะคะ แต่สิ่งที่พี่จะบอกน้อง และเป็นสิ่งที่พี่พร่ำบอกน้องๆของพี่มาโดยตลอดก็คือ การที่เราจะต้องทำ เกรด4 ให้ได้ตลอด 6 เทอมสำหรับสายที่เราเรียน นี่คือสิ่งที่พี่คิดและยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด และพี่ก็ทำสำเร็จจนทุกวันนี้ค่ะ พี่เชื่อมาเสมอว่า ถ้าตัวเราทำเกรด 4 ได้ให้ได้ในวิชาฝรั่งเศสซึ่งเป็นสายที่เราเรียนถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของเรา
ส่วนเรื่องที่โดนผู้ใหญ่เหยียดหยาม พี่แนะนำน้องนะคะ พี่ก็ใช้คำนี้มาตั้งแต่พี่เริ่มสมัครเรียนจนทุกวันนี้ ถ้าเค้าตอกหน้าเรามาได้เราก็ตอกหน้าเค้ากลับไปได้เหมือนกันเราไม่ต้องไปนั่งแคร์ค่ะตราบใดที่เค้าไม่ใช่คนในครอบครัว บอกเค้าไปเลยค่ะ
" หนูชอบค่ะ หนูอยากเรียน หนูคิดว่าอะไรที่หนูชอบ หนูจะทำได้ดี จบไปไม่ใช่ไม่มีที่เรียนนะคะ คณะอักษรนิเทศคณะอื่นๆ เค้าก็มีรองรับสายศิลป์ที่หนูเรียน ตรงไหนหรอคะที่หนูจะไม่มีงานทำ "
พูดไปเลยค่ะน้อง ไม่ต้องแคร์ เค้าก็จะได้รู้นะว่าเราก็มีความคิดเหมือนกันไม่ใช่ว่าเป็นเด็กโง่ๆไม่มีอะไรจะเรียน
ส่วนเรื่องที่เป็นเด็กห้องเกเร สภาพสังคมแวดล้อมไม่ดีไม่ต้องไปใส่ใจค่ะ ทุกวันนี้พี่เรียนในห้องพี่ก็มีทั้งต่ำสุดและสูงสุดเหมือน มันแล้วแต่คนจะมองค่ะน้อง ถ้าตัวน้องทำตัวดีทั้งเรื่องเรียนและเรื่องการอยู่ในสังคม น้องก็จะยกระดับตัวน้องให้สูงขึ้นมาจากสังคมที่น้องอยู่ จากสังคมที่ผู้ใหญ่เค้าดูถูกได้ค่ะ
แต่โชคดีที่สายศิลป์ภาษาโรงเรียนพี่ค่อนข้างให้ความสำคัญไม่น้อยกับพวกวิทย์คณิตพี่เรียนอยู่ได้อย่างมั่นใจ เดินไปไหนมาไหนไม่ต้องอายพวกวิทย์คณิต ทุกวันนี้พี่ก็เรียนได้เกรด 3.8 กว่าไม่เห็นจะแย่ตรงไหน หนำซ้ำยังมากกว่าพวกวิทย์คณิตบางคนด้วยซ้ำ (ในที่นี้พูดถึงเรื่องเกรดไม่ใช่หลักสูตร) เป็นเด็กกิจกรรมสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมากมาย พี่ก็ภูมิใจในความเป็นเด็กภาษาของพี่และพ่อแม่พี่ก็ภูมิในใจตัวพี่ นี่มากกว่าคือสิ่งที่เราควรจะทำให้ดีนะคะ ^^
[จำไว้นะคะน้อง]
"อย่าเอาความเป็นสายภาษาไปเปรียบเทียบกับวิทย์คณิต ความถนัดและความชอบของเราไม่เหมือนกัน การเลือกสายการเรียนไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าเราจะดีหรือไม่ดี ทั้งหมดทั้งมวลมันอยู่ที่ตัวเรา"
สุดท้ายพี่ขอให้นองมีความสุขกับการเรียน ฝรั่งเศส ให้มากๆนะคะ ^^ น้องจะหลงรักทุกสิ่งทุกอย่างของฝรั่งเศสเลยแหละ และน้องจะได้รู้ว่า "ประเทศที่มีภาษาพูดที่เพราะที่สุดในโลก" มันเป็นยังไง
เเต่ตอนนี้เราเรียนศิลป์คำนวณ
เรียนไปเหอะภาษาอ่ะถ้าเราชอบเราอยากเรียนยังไงเราก็ทำได้ดีอยู่เเล้ววว
อย่าไปเชื่อ!!!เรียนภาษาไม่มีทางตกงานค่ะ
ปล.เห็นด้วยกับคห.1,6,15
อย่าไปใส่ใจมาก เลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ
เราเหมือนกัน ตอนไปสมัคร ม.4 แม่บอกให้ลงวิทย์ - คณิต แต่เราแอบไปลง ศิลป์-ฝรั่งเศส (ร้ายชิป 555)
ช่วงแรกๆแม่เราก็บ่นนะ อคติมากด้วยกับสายศิลป์ แต่เราก็บอกเหตุผลว่าเราชอบ แกก็ เอ้อ! ตามใจละกัน
อยากจะบอกว่า มีความสุขนะ ที่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วเชื่อสิ ว่าอนาคตภาษาเป็นเรื่องสำคัญ
แล้วอยากจะเล่าเรื่องนีงให้ฟัง เรารู้จักเพื่อนคนนึงอยู่สายวิทย์ (เป็นเพื่อนกับเพื่อนเราอีกทีนึง) วันนั้นก็พูดกันเรื่องคะแนน เรื่องเกรดธรรมดานี่แหละ คือโรงเรียนเรามีสายภาษาอยู่สองห้องไง ว่าเทอมหน้าเค้าจะยุบมาเป็นห้องเดียวรึเปล่า อะไรประมาณนี้ แล้วอยู่ๆนางพูดขึ้นมาว่า "ยุบแน่นอน โอ้ย! เด็กสายภาษาอีกหน่อยก็พากันออกไปเอาผัว (ขอใช้คำไม่สุภาพ) พวกที่เรียนภาษาก็มีแต่พวกที่กาก เกรดไม่ถึง สอบเข้าสายวิทย์ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ"
เราอยากจะพูดไปนะว่า พวกที่เรียนสายภาษาไม่ได้ว่าจะโง่เสมอไปนะ คนที่เค้าชอบก็มี
แต่เราไม่ค่อยอยากสนทนากับนางเท่าไหร่หรอก คือนางเป็นคนที่แบบว่า ค่อนข้างเยอะ พูดเอาเหตุผลตัวเองเป็นหลักอ่ะ แต่ก็ช่างมันเหอะ เนอะ!
#ระบาย
คห. 15 ไหนพี่บอกว่าอย่าเอาความเป็นสายภาษาไปเปรียบเทียบกับวิทย์คณิต แล้วพูดทำไมครับว่า "หนำซ้ำยังมากกว่าพวกวิทย์คณิตบางคนด้วยซ้ำ"
ผมเกือบจะเห็นด้วยกับความคิดพี่แล้วครับ พูดดีนะครับ ดูมีหลักการแต่บางทีย่อหน้าบนกับย่อหน้าล่างไม่ค่อยสัมพันธ์กันครับ
เห็นใจเจ้าของกระทู้ครับผม วิทย์กับศิลป์แตกต่างกันครับ เปรียบเทียบกันไม่ได้ เรียนแบบที่สบายใจ ผมเชื่อว่าจขกท.ต้องผ่านมันไปได้แน่นอน เสียงชาวบ้านแค่ได้ยินพอครับ ใครจะว่าอะไรก็ช่างมันครับ ทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข
เพราะในรร.ส่วนใหญ่ เด็กที่เรียนสายภาษานั้นคือพวกเกเร แต่ก็มีเด็กศิลป์อีกจำนวนไม่น้อยครับที่เข้าเพราะชอบภาษาจริงๆ
เป็นกำลังใจให้ครับ
เอิ่ม..ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่ไม่ชอบนะ
สายศิลป์ภาษา งานจะค่อนข้างน้อย เวลาต่อมหาวิทยาลัย
ก็จะมีสาขาให้เลือกเรียนน้อย แต่ช่วงนี้เข้าอาเซียน งานก็น่าจะเยอะขึ้นแล้วล่ะ
แล้วเราก็ได้ยินผู้ใหญ่บางคนบอกว่า เรียนภาษาไม่อดตายหรอก
อยากจะเถียงจัง แล้วลูกป้าล่ะ หางานมาไม่ได้กี่ปีแล้วล่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?