[ถาม]ม.4ออกมาอยู่คนเดียวดีมั้ย
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
14 ความคิดเห็น
คำถามข้อนี้.. จขกท. เองน่าจะเป็นคนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดนะคะ เพราะไม่มีใครอีกแล้วนอกจากตัวคุณที่รู้ว่าขีดจำกัดความสามารถของตนอยู่ระดับไหน สามารถดูแลตัวเองได้ไหม ทำความสะอาดบ้านได้ไหม อยากจะอยู่คนเดียวจริงๆ หรือเปล่า ฯลฯ
สำหรับเรา การที่เด็กม. 4 แยกไปอยู่คอนโดตามลำพัง มันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลยค่ะ
ถ้าจขกท. ต้องการจะย้ายออกไป เพียงเพราะเหตุผลช่วงวัยที่กำลังอยู่ในอารมณ์แปรปรวนกันทั้งสองฝ่าย อยากจะบอกให้จขกท. อดทนค่ะ เกือบทุกบ้านเขาก็มีปัญหาแบบนี้กัน แต่ยังผ่านจุดนั้นมาได้เลย
มันก็ขึ้นกับจขกท. น่ะนะ ไม่มีใครตัดสินชีวิตของใครได้นอกจากตัวเอง
การแยกกันอยู่ไม่ใช่การแก้ปัญหาค่ะ ทุกครอบครัวล้วนมีเรื่อง มีปัญหากันทั้งนั้น ดูจากที่เล่าแล้วครอบครัวคงมีฐานะระดับหนึ่งที่ไม่ขัดสนหากต้องจ่ายเงินต่างหากให้จขกท. ม.ปลายกำลังเป็นวัยรุ่น แม้จะบอกว่าดูแลตัวเองได้ ไม่เคยมีปัญหา เด็กดี อยู่ในกรอบ แต่พอส่วนใหญ่ลองได้ออกมาอยู่คนเดียวแล้ว จะแน่ใจไหมว่าจะยังควบคุมตัวเองได้? ไม่เที่ยว ไม่ติดเพื่อนจนเสียการเรียน ม.4 = 16 เพิ่งผ่านการเป็นนางสาวมาหมาดๆ ไม่คิดว่ายังเด็กไปหรือคะกับการออกมาอยู่คนเดียว? ไม่บอกว่าถูกหรือผิดค่ะ แค่เพียงอยากจะถามให้จขกท.แน่ใจเสียก่อน ถ้าได้ออกมาอยู่คนเดียว จขกท.ก็จะไม่อยากกลับบ้านแล้ว เพราะที่บ้านมีแม่ที่คอยบ่นคอยใช้อยู่ มันผิดกับตอนอยู่คนเดียวที่อยากทำอะไรก็ทำ ไม่คิดว่าระยะห่างระหว่างแม่ลูกจะยิ่งกว้างออกไปหรือคะ? (เป็นแค่ความคิดของคนที่ติดมหา'ลัยต่างจังหวัดแต่เลือกเรียนเอกชนใกล้บ้านแทน)
ลองดูก็ได้นะครับ ถ้าคุณแม่พูดขึ้นมาแบบไม่ได้ใช้อารมณ์ ก็แสดงว่าเขาก็อยากให้คุณลองดู
อีกอย่าง ถึงแยกไปอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดขาดกับครอบครัวเสียเมื่อไหร่ ทางบ้านเขาก็คงมาคอยดูแลแบบห่างๆบ้างล่ะครับ เท่าที่อ่าน คอนโดที่จะไปอยู่ก็ปลอดภัยดี เจ้าของกระทู้เป็นผู้หญิงอาจจะต้องกังวลมากหน่อย แต่ถ้ามีสติดี รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร อาจจะต้องระวังตัวสักนิด
ลองดูก่อนสักอาทิตย์นึงก็ดีนะครับ ถ้าอยู่ไม่ไหวค่อยกลับบ้านแค่นั้นเอง ทางบ้านเขาก็คงจะแวะเวียนมาดูแลบ้างล่ะ
ชจขกท คิดยังไงล่ะคะ? รำคาญ เบื่อ อยากออกสู่โลกกว้าง เเต่ทิพย์คิดว่าอยู่ที่บ้านดีกว่าค่ะ 16 ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้เท่าไหร่ ถึวออกมาก็ต้องพึ่วเงินพ่อเเม่อยู่ดีนั่นเเหล่ค่ะ มหาลัยยัวอยู่หอทันนะคะ อย่าวน้อยก็โตขึ้นอีกระดับ
จขกท., ถึง, พึ่ง, แหล่ะ, ยัง, อย่าง // แก้ให้นะ ทิพย์เมาเหรอ? ผิดบานเลย(ฮา)
ผมว่าข้อมูลที่ให้มามันไม่สำคัญเท่ากับตัวจขกท.อยากไปอยู่คนเดียวหรือเปล่า ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าวัยต่างกัน อยู่ในช่วงอารมณ์แปรปรวนเลยต้องแยกกันอยู่ ผมว่ามันไม่ใช่การแก้ไขต้นเหตุ แต่เป็นปลายเหตุที่อาจนำไปสู่การแตกปลายปัญหาอื่นๆ ด้วย ทุกคนเคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน เคยทะเลาะกับพ่อแม่มาก่อน (และผมว่าส่วนใหญ่คิดอยากหนีออกจากบ้าน หรือออกไปอยู่เดียวบ้างล่ะ แต่ผมก็เห็นส่วนใหญ่นั้นผ่านช่วงเวลานั่นไปได้โดยที่ยังอยู่กับครอบครัวนะครับ)
ผมคิดว่าการพยายามปรับตัวเข้าหากันและความอดทน น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ไขความไม่เข้าใจกันได้ดีกว่า โดยเฉพาะตัวเราเอง การอ้างว่าเราเป็นวัยรุ่น เราอารมณ์แปรปรวนพ่อแม่ต้องเข้าใจสิ หรือแม่วัยทองขี้บ่นไม่เข้าใจวัยรุ่นหรอก ผมว่ามันเหมือนข้ออ้างที่จะทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่า คือแม่ผมก็จะหกสิบแล้วนะ แต่ก็ยังขี้บ่นมากๆ เหมือนเดิม คือถ้าจะแยกกันอยู่เพราะทนอีกฝ่ายจู้จี้ขี้บ่นไม่ได้ ผมว่าคงต้องแยกกันอยู่ตลอดชีวิตแล้วล่ะ
ไม่รู้นะครับ แต่ถ้าเป็นผม วันหนึ่งพ่อแม่ผมมาบอกว่าอยากออกไปอยู่ข้างนอกไหม อย่างแรกเลยผมคงสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ท่านถึงอยากให้ผมออกไปจากบ้าน ผมคงจะสงสัยว่าผมทำอะไรผิดไป ผมไม่ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ผมไม่ดูแลท่าน หรือผมมัวแต่สนใจเร่ื่องของตัวเองจนไม่สนใจพวกท่านหรือเปล่า ไม่รู้ว่าพ่อแม่ท่านอื่นๆ เป็นยังไง แต่พื้นฐานผมค่อนข้างเชื่อว่า ถ้าไม่ที่สุดจริงๆ หรือมีเหตุผลหนักจริงๆ พ่อแม่คงไม่อยากให้ลูกไปอยู่ไกลหูไกลตา ไม่ว่าลูกจะดูแลตัวเองได้หรือไม่ได้ก็ตาม โดยสัญชาตญาณน่าจะเป็นห่วง และเขาน่าจะรู้ว่าต่อให้มีเงินส่งให้ลูกซื้อข้าวกินได้ มันก็ไม่อุ่นใจเท่ากับดูแลด้วยตัวเอง
คือผมอยากถามนะว่า จขทก.ถามแม่หรือเปล่าว่าทำไมเขาอยากให้เราไปอยู่ที่อื่น ถ้าเหตุผลคือ เข้ากันไม่ได้ ผมว่าจขกท น่าจะปรับตัวเข้าหาแม่และเข้าใจท่านมากขึ้นนะครับ(อย่ารอให้ท่านเข้าใจเราฝ่ายเดียว) พิจารณาตัวเองด้วยว่า ที่ผ่านมาเราทำตัวดีหรือเปล่า เราผลักภาระให้แม่ดูแลเรามากเกินไปจนท่านรับไม่ไหวจนอยากให้เราไปหัดอยู่ด้วยตัวเองหรือเปล่า
เราอายุสิบสามอยู่ม.สอง อยู่หอคะ แต่อยุ่แค่จันทร์-ศุกร์ เสาร อาทิตย์ก็กลับบ้าน ตอนแรกดีใจนะไม่มีคนมาบ่นให้ฟัง แต่พอเอาเข้าจริงๆเริ่มร้องไห้คิดถึงพ่อกับแม่คะ ฮ่าาาาา อยู่หอต้องมีความรับผิดชอบในตัวสูง ต้องทำงานบ้านทุกอย่างเอก งานที่โรงเรียนก็ต้องทำ ถือว่าหนักคะสำหรับคนที่รักความสะอาดอย่างหนู แล้วต้องมีสติด้วย เพราะไม่มีใครคอยตักเตือน เรื่องแบบนี้มันอยุ่ที่คนคะ ไม่ใช่ไรเลย พี่ลองปรับความเข้าใจกับพ่อแม่ดูดีๆนะ พ่อแม่ทุกคนย่อมห่วงลูกอะ จะเล่าไรให้ฟัง มีครั้งหนึ่งเราอาบน้ำอยุ่ มีคนเข้ามาใจห้องเรา ไม่รู้เข้ามาได้ไง ตอนนั้นเรากลัวมาก เหมือนเข้าพยายามจะเข้ามาในห้องน้ำอะ โชคดีที่เราเอาโทรศัพท์เข้ามาฟังเพลงในห้องน้ำด้วยเลยโทรหาเจ้าของหอ เจ้าของหอตกใจมากรีบพาคนมาห้องเราแล้วลากคนๆนั้นออก ถึงรู้ว่าคนนั้นอะเป็นคนป่วยหลุดออกมาจากรพ.ศรีมหาโพธิ์ เพราะหอเราอยุ่แถวนั้น กลัวจนตัวสั่นไปหมด นึกถึงแล้วเสียวคะ TT เป็นผู้หญิงว่าอันตรายแล้วนะ อยุ่คนเดียวยิ่งอันตรายยิ่งกว่า อย่าถามว่าทำไมไม่อยุ่กับพ่อแม่ เพราะบ้านไกลจากรร.คะเลยต้องอยุ่หอ แล้วทำไมพ่อแม่ถึงให้อยุ่หอ ก็เพราะบ้านไกล พ่อแม่ไว้ใจ หรืออาจจะเพราะหนูชอบโทรไปฟ้องพ่อแม่ก็เป็นได้..
คำถามนี้ ผมว่า จขกท ตอบด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า ทำตารางข้อดีข้อเสียเทียบขึ้นมาเลยเป็นสองช่อง อยู่บ้าน/อยู่หอ คำถามแบบนี้ผมว่ามันต้องตอบด้วยตัวเอง การที่ จขกท มาถามคนอื่นเท่ากับอยากได้แรงคิดของคนอื่น ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หวังก็จะมาโทษคนอื่นได้ ถ้าเลือกด้วยตัวเองผิดยังไงก็โทษที่ตัวเองครับ
แต่จากประสบการณ์ การอยู่หอจะมีสิ่งยั่วเย้าเยอะมากและเหงามาก เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเชื่อที่คนเขาพูดๆกันหรอกนะ แต่พอได้ไปอยู่จริงๆถึงได้รู้ว่ามันยิ่งกว่าที่เขาพูดกันซะอีก ลองดูก็ได้ครับเป็นประสบการณ์ของการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
ป.ล. แนะนำว่าถ้าไปอยู่คนเดียว ต้องฝึกฝนตัวเองให้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ครับ เท่าที่อ่านมาคุณสมบัติของ จขกท พออยู่ได้ครับแต่คงไม่สบาย 3 เดือนแรกคงร้องไห้กลับบ้านแน่ๆถ้ามีความรับผิดชอบระดับนี้
ข้าน้อยทะเลาะกับแม่บ่อยค่ะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าน้อยกับแม่เหมือนกันคือพอทะเลาะบ้านแตกกันเสร็จก็กลับมาคุยกันดีๆซะงั้น
ส่วนเรื่องที่ว่าจะอยู่คนเดียวดีไหม ส่วนตัวข้าน้อยไม่เห็นด้วยเท่าไร ต่างประเทศเขาให้ลูกไปอยู่คนเดียวตั้งแต่15ก็จริง แต่การเลี้ยงดูมันต่างกันค่ะ ถึงจะบอกว่าพ่อแม่สอนให้เราทำงานบ้านงู้นงี้แต่ข้าน้อยเชื่อว่าลึกๆมันก็ยังต่างกันมาก ยอมรับค่ะว่าทุกวันนี้บางเรื่องยังต้องให้แม่เป็นคนตัดสินใจอยู่เลย
ส่วนตัวอยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆเลยพอจินตนาการออกค่ะว่าชีวิตในหอเป็นยังไง บอกตรงๆว่ามันไม่ได้ทำให้ใจสงบเลย มันยิ่งกังวลกว่าอยู่กับพ่อแม่แล้วต้องทะเลาะกันอีก(มันเหงามากค่ะ...)
ถ้าอยากอยู่คนเดียว เชื่อเถอะว่าพอโตกว่านี้เดี๋ยวก็ได้อยู่เองแหละค่ะ
ส่วนวิธีแก้ปัญหาเรื่องทะเลาะกับพ่อแม่ ชอบของท่านรสดามากค่ะ ทำในสิ่งที่เขาอยากให้เราทำก่อนเขาจะบ่น หูเราก็จะไม่ชาค่ะ วินสุดๆ//ฮา
คิดว่าเรื่องนี้ จขกท.น่าจะให้คำตอบกับตัวเองได้ดีที่สุดละค่ะ
อันนี้เราขอพูดในฐานะที่อายุใกล้เคียงกันนะ เราอยู่ ม.5 แล้ว แต่ไม่เคยคิดที่จะแยกออกไปอยู่ตัวคนเดียวเลยค่ะ
อย่างแรกที่ จขกท.บอกว่าทะเลาะกับแม่ ไม่ว่าจะบ้านไหนๆก็ต้องมีเรื่องขัดๆกันบ้างทุกๆบ้าน ถ้าหาก จขชกท.จะบอกว่า ทะเลาะกับแม่เลยเป็นเหตุผลที่ต้องแยกออกมาอยู่คนเดียว เราว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกค่ะ สิ่งที่ต้องทำคือใช้ความอดทน แต่จากที่ลองๆอ่านดูที่บอวก่าคุณแม่แนะนำให้ลองออกไปอยู่ตัวคนเดียว อันที่จริงคุณแม่อาจจะลองให้คุณไปลิ้มรสความลำบากรึเปล่า? (แม่เราเคยจะให้เราใช้วิธีนี้ดัดนิสัยเรารอบนึง)
อันนี้เราไม่สนับสนุน อย่างแรกคือการอยู่คนเดียวกับอยู่เป้นครอบครัวมันต่างกันมาก เรื่องขีดจำกัดของ ตัวของ จขกท. น่าจะรู้ดีที่สุด แล้วต้องคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมตัวเองได้ดีแค่ไหน ถ้าอยู่บ้านกับครอบครัวจะมีพ่อแม่คอยตักเตือนไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง แต่พอออกมาอยู่คนเดียวหมายถึงจะไม่มีคนคอยตักเตือน จุดนี้ จขกท.สามารถควบคุมตัวเองได้แค่ไหน? จากที่เล่าว่าไม่เคยทำผิดระเบียบ อันนี้ยิ่งน่าคิดค่ะ เพราะคนที่ไม่เคยทำผิรเบียบอะไรอย่างนี้ มันเหมือนกับปกติมีคนคอยเตือนให้อยู่ในระเบียบ พออกมาอยู่คนเดียว อาจจะติดเพื่อน ติดเที่ยว และยิ่งไม่มีคนตักเตือนยิ่งทำให้ออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งเป็นคนที่ไม่เคยทำผิดกฏด้วยยิ่งถูกชักจูงง่าย
ถามว่า ม.4ควรออกไปมั้ย มันแล้วแต่ แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าตอนนี้ อยู่ ม.4 แล้วเป็นช่วงวัยแรกเริ่มของชีวิต ม. ปลาย ชีวิตในอนาคตจะหันเหไปทางไหนขึ้นอยู่กับจุดนี้ ถ้าเกิดออกมาอยู่คนเดียวคุณต้องทำใจให้พร้อมก่อน คือ พร้อมรับความลำบากไหม ชีวิต ม.ปลายไม่ได้ง่ายๆ งานเยอะ แล้วไหนจะเรื่องทำความสะอาดอะไรอีก คุณต้องจัดเวลาให้เป้นด้วย ถ้าในอีกมุมมองคือ ได้ฝึกความลำบาก แต่ในอีกแง่ ตือ ถ้าคุณอยู่บ้าน ยังพอมีคนช่วยเหลือคุณ ตักเตือนคุณ ช่วยคุณได้เยอะเลย ทำให้คุณมีเวลามากขึ้น แต่ถ้าคุณพร้อมรับความลำบากในการอยู่คนเดียว มั่นใจว่าสามารถควบคุมตนเองได้ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง การออกไปอยู่คนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องผิด
จากที่บอกคิดว่าบ้านของ จขกท.มีฐานะพอตัวเลยค่ะ ดังนั้นเรื่องระบบความปลอดภัยควไม่ต้องห่วง
คิดว่าเป็นกันแทบทุกบ้านนะคะคุณ เรื่องกระทบกระทั่งกันในครอบครัว
ยิ่งเพศเดียวกันจะยิ่งแรงกว่าต่างเพศ เช่น แม่กับลูกสาว พ่อกับลูกชาย
ด้วยความที่พี่เจอมากับตัวเองเยอะแล้วอายุอานามก็ไม่น้อย
ได้ลองผิด ลองถูก แก้ปัญหาเอง ถามคนอื่น ฯลฯ
รับรู้ทุกรสชาติการมีชีวิตแบบนักเรียน นิสิต และทำงาน ไม่ว่าจะเป็น
การอยู่บ้านพ่อแม่ การอยู่หอมหาวิทยาลัยกับคนที่เราไม่รู้จัก การอยู่บ้านญาติ
การอยู่กับ Host การอยู่กับเพื่อนร่วมงานในต่างประเทศ
จนมาถึงการอยู่บ้านที่ตัวเองซื้อ(อยู่คนเดียว)
ไม่มีอะไรสุขใจเท่ากับได้อยู่กับพ่อแม่ พี่น้อง
ทุกวันนี้นานๆได้กลับบ้านแม่ ก็มีความสุขดีจนอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่เหมือนเดิม
ตอนสบายดีก็ลั้นลาไป พอเริ่มทุกข์ใจ หรือไม่สบาย นอนป่วย เป็นไข้อยู่คนเดียว คิดถึงบ้านสุดๆ
อย่างน้อยก็มีคนหาข้าว หานั้ำให้เรากิน เพื่อนหรือใครที่ไหนว่าดี ต่อให้ดียังไงก็ไม่เท่าคนที่บ้านเราหรอก ความรู้สึกสุขใจ ปลอดภัยที่สุดคือที่บ้าน
อยากมา confirm อีกครั้งว่า อยู่กับพ่อแม่ดีแล้วค่ะ (ถ้าแยกมาอยู่ก็สุขอยู่ได้ไม่นานหรอก)
ชอบที่คุณ timmy บอกว่า
"ถ้าอยากอยู่คนเดียว เชื่อเถอะว่าพอโตกว่านี้เดี๋ยวก็ได้อยู่เองแหละ"
เดี๋ยวจะรู้รสชาติว่า การคิดถึงบ้านเป็นยังไง
จากคนที่ ไม่เคยคิดเลยว่าความคิดถึงบ้านมันจะเกิดกับตัวเอง
ขอบคุณทุกความเห็นมากๆนะ คือตอนแรกที่แม่บอกก็ตกใจอยู่เหมือนกันถามใหญ่เลยว่าเราจะอยู่ได้หรอ? ปลอดภัยมั้ย? เอาจริงหรอ? คือยังไงเราก็เป็นลูก แม่ก็ต้องเซฟไว้ให้ส่วนนึงแล้ว(ไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกไปอยู่ในที่ที่ไม่ปลอดภัยหรอกค่ะ) เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างห้าวด้วยเพราะแม่เลี้ยงมากับเด็กผช.สองคน(แม้ตอนออกนอกบ้านเราจะกลายเป็นเด็กเรียบร้อยคนนึงหารู้ไม่เรื่องเตะต่อยเราถนัดนักแล เคยเรียนมานิดหน่อย) แล้วก็อย่างที่คห.3บอกนั่นละค่ะ แม่บอกว่าให้ไปลองดูถ้าไม่ไหวก็กลับบ้าน สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวคือ'อยากลอง'ล้วนๆ คือไม่เคยห่างจากแม่เลยยกเว้นตอนไปซัมเมอร์(เวลาปิดเทอมใหญ่แม่มักส่งไปซัมเมอร์ ยกเว้นปีนี้เพราะติดสอบม.4)ตอนนั้นบางครั้งก็อยู่กับhostบางครั้งก็อยู่หอที่เค้าจัดให้เลยคิดว่างานบ้านไม่น่าเป็นปัญหามากเพราะตอนนั้นก็ซักผ้า ทำความสะอาด หาอะไรกินเอง เดินไปรร.เอง คห.5 ส่วนตัวคิดว่าตัวเองมีปัญหาจริงๆนั่นล่ะค่ะ ตัวเราเป็นคนที่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิดจะเถียง รู้อยู่แก่ใจนะว่าแม่พูดเพราะหวังดีแต่เรามีน้องสองคน(ผช.ทั้งคู่) แล้วเพื่อนที่รายล้อมมีแต่พวกเรียนเก่งๆ วินัยดีเลยอาจมีข้อเปรียบเทียบเยอะแบบที่แม่ชอบบ่นให้ฟังอยู่เนืองๆ(เราไม่ชอบสุดคือคนอื่นเอาเราไปเปรียบเทียบกับคนโน้นคนนี้) บางครั้งก็ขุดเรื่องเก่ามาพูดเลยทะเลาะกันบ่อย แต่ครอบครัวเราเป็นประเภททะเลาะเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายพอเจอหน้ากันอีกทีเราสามารถคุยกันเหมือนไม่เคยมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นในบ้านนี้ได้(เพราะทะเลาะกันเฉลี่ยต่อสัปดาห์บ่อยมากถ้ามัวแต่เอาเวลามางอนก็365วันไม่ต้องคุยกันสักวัน) แม่กับเราเป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ บางครั้งการงอบ้างก็ไม่น่าใช่เรื่องเสียหาย(ต้องโดนคนอื่นสั่งสอน พ่อแม่สอนมันชาจนชินแล้ว//ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเตือน) แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะเราไม่ทิ้งความคิดที่จะออกไปอยู่คนเดียวนะคะแต่อาจลองหันหน้าเข้าหาแม่ดูว่าตอนนี้เรามีปัญหาอะไรกระทบกระทั่งกันอยู่เพราะตอนคุยกันเรื่องนี้ก็ไม่ได้โกรธเคืองหรือประชดกันแต่อย่างใด ปล.ถ้าตัวหนังสือติดกันเป็นพรืดก็ขออภัยด้วยนะคะพยายามเว้นแล้วไม่รู้ตอนโพสมันจะเว้นให้มั้ย
แยกกันอยู่ดีกว่าครับ และอย่าไปพึ่งแม่เลย ตราบใดที่ยังขอเงินแม่ก็ยังต้องทะเลาะกันอีก ออกไปทำงานหาห้องเช่าเอง จ่ายค่าน้ำไฟเองเลย อยู่ม.ปลายแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ ลุย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?