3 อย่างที่โหดหินในการเป็นนักเขียน
พอดีเราไปเจอบทความนึงเหมาะกับคนที่อยากจะเป็นนักเขียน ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ><
แต่กว่าจะได้เป็นนักเขียนตามที่ใฝ่ฝันจะต้องเจออะไรบ้าง เชิญอ่านจ้ะ^^
v
v
v
วันนี้จะมาพูดกันถึงสามสิ่งที่คนเป็นนักเขียนทุกคนต้องเคยเจอ และมักจะมีคนบ่นถึงกันมากที่สุดค่ะว่า ไม่ชอบสามอย่างนี้เลย แต่นักเขียนรุ่นพี่ก็จะสอนกันมาว่า อยากเป็นนักเขียนที่ดี แค่นี้ต้องทนให้ได้
จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
1 การรอคอย
การส่งต้นฉบับไปสำนักพิมพ์นั้นต้องรอนานมากค่ะกว่าจะได้คำตอบ สมัยก่อนรอกันครึ่งปีเลย แต่เดี๋ยวนี้พี่ๆ บก.เก่ง ทำงานเร็วขึ้นแล้ว ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 เดือนค่ะ บางสนพ.เก่งมากๆ หรือยังมีต้นฉบับน้อยอยู่ ก็จะ 1 เดือนคือเร็วที่สุดค่ะ
นักเขียนหน้าใหม่มักจะบ่นว่า ทำไมต้องรอนานจังเลยกว่าจะรู้ผล อยากรู้ผลไวๆ แต่เนื่องจากต้นฉบับมีจำนวนมากและต้องพิจารณาตามคิวไป จึงใช้เวลานานค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับให้ได้ ระหว่างรออาจจะกระวนกระวายสักหน่อย แต่ส่งบ่อยๆ จะค่อยๆ ชินไปเองค่ะ เป็นนักเขียนต้องรอได้ค่ะ ระหว่างรอก็เขียนเรื่องใหม่ไปด้วยเลยก็ดีค่ะ จะได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์
2 คำปฏิเสธ
เอ๊ะ จากข้อที่แล้ว ทำไมถึงต้องส่งบ่อยๆ ด้วยล่ะ คำตอบก็คือ ไม่ใช่ว่าทุกต้นฉบับที่เราส่งจะผ่านการพิจารณาน่ะสิคะ หลายครั้งที่สนพ.จะตอบกลับมาด้วยการปฏิเสธ ซึ่งทำให้นักเขียนหลายคนเสียใจ และเลิกเขียนมานักต่อนักแล้ว แต่ถ้าเพื่อนๆ อยากจะเป็นนักเขียนอาชีพ ต้องทนต่อคำปฏิเสธให้ได้ค่ะ เพราะกว่าจะได้ตีพิมพ์ อาจต้องพบกับคำปฏิเสธจำนวนมากค่ะ คิดซะว่าเรื่องแบบนี้มีกันทุกคนค่ะ แม้แต่นักเขียนดังๆ ก็ยังต้องเคยโดน
ใครโดนแล้วอย่าเฟลนะคะ ตอนนี้สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การเสียใจ แต่คือการมองหาบทเรียนจากคำปฏิเสธค่ะ ลองดูว่าทำยังไงงานของเราจึงจะดีขึ้นได้ และปรับแก้ เขียนงานให้ดีขึ้นต่อไปค่ะ
3 คำวิจารณ์
สนพ.บางที่ก็น่ารัก ไม่ปฏิเสธเฉยๆ แนบคำวิจารณ์มาให้ด้วย ว่าทำยังไงถึงจะเขียนงานได้ดีขึ้น บางทีคำวิจารณ์ก็ไม่ได้มาจากสนพ. แต่มาจากผู้อ่านของเราด้วย
นักเขียนบางคนรับไม่ได้ รู้สึกเสียใจที่งานที่เขียนอย่างตั้งใจถูกติ แต่ความจริงแล้วคำวิจารณ์ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนะคะ มันเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ช่วยชี้ให้เราเห็นข้อด้อยของงานเราที่เราอาจจะมองไม่เห็น จะเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาตัวเราขึ้นไปอีกขั้นค่ะ เมื่อได้รับคำวิจารณ์ แทนที่จะไม่พอใจ ควรจะขอบคุณผู้ที่ช่วยแนะนำมากกว่านะคะ
แม้สามหัวข้อนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย แต่มันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตนักเขียนทุกคนค่ะ
ยังไงทำใจยอมรับมันให้ได้ มองหาประโยชน์จากมันให้เจอ อย่าให้มันมาเป็นสิ่งที่สกัดคุณจากความฝันในการเป็นนักเขียนนะคะ
ข้อมูลโดย ร เรือในมหาสมุท
Cr. http://www.thaibooksociety.com/knowledge/detail.html?id=61
หวังว่ากระทุ้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะคะ ขอให้ทำตามความฝันได้ทุกคนค่าาาา
5 ความคิดเห็น
ศัตรูอันดับ 1 ที่ต้องฝ่าฟัน : ความขี้เกียจ..
ประมาณสองเดือนก่อน เจอสำนักพิมพ์ปฏิเสธมาค่ะ ก็เสียใจนะ แต่ก็พยายามคิดแค่ว่า งานต่อไปต้องดีขึ้น แล้วก็คิดว่า ดีแค่ไหนแล้วที่เขาอ่านและวิจารณ์งานเรากลับมา
การเป็นนักเขียนไม่ได้อยู่ที่นิยายจะได้ตีพิมพ์หรือเปล่า แต่แค่คุณหยิบปากกามาเขียน และเขียนอย่างเป็นประจำ ไม่ขาด เขียนเป็นเรื่องเป็นราว อย่างไม่หยุดหย่อยย้อท้อ คุณก็เป็นนักเขียนได้แล้ว
ดูเหมือนสมัยนี้จะเข้าใจผิดกันหมดแล้วนะว่า การเป็นนักเขียนคือ การมีหนังสือตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ทั้งที่สิ่งนั้นคือการประกอบ "อาชีพ" นักเขียน แต่ไม่ได้หมายถึงการ "เป็น" นักเขียน
พูดแบบนี้จะมีใครเข้าใจเราบ้างไหมนะ /มองท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า
มายกมือว่าเข้าใจ... เพราะกำลังคิดแบบเดียวกันอยู่เลย (ฮา)
ยกมือด้วยคน เห็นด้วยครับ ^^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?