Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความจริงเกี่ยวกับเด็กทรานและศิลปินSM (โหดมากและยาวมาก)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
[แปล] คำสารภาพของอดีตเด็กเทรนSM
เดือนกันยายน วันที่ 19 ปี 2013, เวลา 08:00
"คำสารภาพของอดีตเด็กเทรนค่ายเอสเอ็ม"
ขอเล่าตรงส่วนที่เขาสามารถเข้า sm ได้แล้วนะค่ะ เพราะยาวมากจริงๆ
           ผมเริ่มต้นเข้ารับการฝึกที่หนักหน่วง ที่เอสเอ็มมีระดับการฝึกที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเภทของการเรียน ซึ่งก็ประกอบไปด้วย การร้อง การเต้น การแสดง การแร็ป ภาษา (อังกฤษ
ญี่ปุ่น จีน รวมถึงภาษาเกาหลีสำหรับชาวต่างชาติด้วย) แล้วก็เครื่องดนตรีต่างๆ มีตั้งแต่เลเวล1-6 เลเวล1สำหรับบรรดาน้องใหม่เพิ่งเริ่มต้นและเลเวล6คือพวกที่เชี่ยวชาญแล้ว เด็กฝึกทุกคนมีอายุที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่แปดขวบไปจนถึงยี่สิบห้า
       ชีวิตของเด็กฝึกนั้นมันค่อนข้างจะโหดร้ายเอาการเลยล่ะแต่มันก็เป็นอะไรที่น่าภูมิใจในขณะเดียวกัน ผมถูกจัดให้อยู่ในประเภทตัวใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ไซส์ยักษ์นะ แค่ตัวใหญ่เท่านั้นเอง และเมื่อผมออกจากการเป็นเด็กฝึกผู้คนภายนอกต่างพากันบอกว่าผมน่ะโคตรแห้งเลย (ตลกเนอะ) มันตลกชะมัด.. ผมถูกจัดให้ไปอยู่ในหอของเด็กฝึกจากนานาประเทศซึ่งความจริงก็เป็นแค่ที่พักง่อยๆเท่านั้นล่ะ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรกับมันนะ ยินดีที่จะอยู่รวมกับทุกๆคนแต่มันก็นะ.. ผมได้พักร่วมกับอีกสองคน ทั้งคู่เป็นคนจีน ด้วยความที่เป็นเด็กฝึกพวกเราถูกจัดให้ต้องฝึกซ้อมอย่างน้อยหกครั้งต่อสัปดาห์ แต่เอสเอ็มไม่ค่อยจะได้เข้ามาควบคุมหรือจัดการอะไรพวกเรามากนักใครก็ตามที่ต้องการเข้ามาฝึกก็เข้ามาฝึกได้ทุกเวลาทั้งนั้น ส่วนใครที่ไม่ต้องการจะทำก็ไม่จำเป็นจะต้องเข้ามาเช่นกัน ตามจริงแล้วคุณก็มีอิสระที่จะทำทุกสิ่งบนโลกนี้ได้หมดนั่นล่ะแต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการที่จะทำงาน/ฝึกอย่างหนักหรือไม่ เด็กฝึกบางคนผมก็เห็นแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ในขณะที่บางคนผมก็เห็นพวกเขาแทบทุกวัน และแทบจะทุกครั้ง ใครที่ฝึก "ทุกวัน" หรือไม่ก็แทบจะส่วนมากของคนประเภทนี้ มักจะได้เดบิ๊วท์ผมมักจะถูกรังแกหรือไม่ก็ข่มเหงเนื่องจากไม่ใช่คนเกาหลี มันมีหลายสถานการณ์เลยล่ะ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรืออะไรก็ตาม และอะไรพวกนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณแสดงออกว่า "น่าแกล้ง" มากแค่ไหน  พวกเรามักจะถูกสอนมาให้ไม่ต้องไปสนิทกับใครมากนัก เพราะว่า...ก็อย่างที่รู้ๆกันล่ะนะ พวกเราอาจจะไม่ได้เดบิ๊วไปด้วยกันก็ได้ พวกคุณก็คงเคยคิดกันใช่มั้ยล่ะว่ามันจะต้องมีเด็กฝึกบางคนที่เข้ามาฝึกที่เอสเอ้มเพียงเพราะอยากจะได้ใกล้ชิดกับบรรดศิลปินของค่ายนี้ แต่ก็นะ...มันเป็นแค่จุดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นล่ะ มันมีการแข่งขันกันที่โคตรจะหนักหนาเลยนะ แต่ถึงแม้คุณจะไม่ได้ถูกกำหนดให้เดบิ๊วท์ มันก็ยังคงมีเด็กฝึกหยาบคายแล้วก็เย่อหยิ่งอยู่อีกเยอะ แต่เมื่อเหล่าคนใหญ่ๆหรือสต๊าฟมาเมื่อไหร่ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที การฝึกทำให้ผมคิดได้ว่า...อะแฮ่ม...สคริปต์และการ "เฟค" ในโลกของเคป็อบนะมีอยู่จริงๆ ....แต่ บรรดาสต๊าฟและคนจากเบื้องบนนั้นก็ยังคงจัดการมันได้ดี พวกเขารู้หมดนั่นล่ะว่าใครที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะและเมื่อถึงเวลา คนที่สมควรจะได้เดบิ๊วก็มักจะได้เดบิ๊วท์กัน ในท้ายที่สุดแล้วนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการกำหนดทิศทาง ความมุ่งมั่น และความเป็นตัวตนของตัวคุณเองทั้งนั้น เอสเอ็มมีทั้งหมดสี่ตึกนะเท่าที่ผมคิด ?? หนึ่งคือตึกสำหรับเด็กฝึก อีกตึกหนึ่งมีไว้สำหรับศิลปินส่วนที่เหลือก็สำหรับพวกสต๊าฟทั้งหลาย ผมเคยอยู่แต่ที่ตึกของเด็กฝึกเพียงเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเรามีโชว์เคส (ส่วนหนึ่งของการฝึก)ไอดอลที่จะมาดูพวกเราก็มีเพียงแค่ ยุนโฮ โบอา อึนฮยอก ทงเฮ ทิฟฟานี่ ซันนี่ อนยู และก็คนอื่นๆบ้างเล็กน้อยเท่านั้น ผมบอกได้เลยล่ะว่า ไอดอลที่โคตรจะติดดินแบบสุดๆเลยนั่นก็คือทิฟฟานี่ ลูน่า ยุนโฮ และแอมเบอร์ ผมไม่อยากจะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินบรรดาสมาชิกของเอกโซ เพราะผมได้ฝ่าทุกๆอย่างมาพร้อมกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว เหล่าโซนยอชิแดแทบจะไม่เคยมาที่ตึกของเด็กฝึกเลย หนึ่งคนที่ผมได้เจอบ่อยสุดน่าจะเป็นซันนี่ เธอน่าจะเป็นคนที่ผมชื่นชอบที่สุดแล้วหลังจากที่ได้เริ่มรู้จักโซนยอชิแดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย พวกเรามักจะมาที่ตึกกันเฉยๆและบรรดาคนที่เข้ามาทักทายพวกเรานั่นก็มีซันนี่ ทิฟฟานี่ แทยอน และยุนอา ส่วนคนที่เหลือทักจะเดินผ่านพวกเราไป พวกเธอให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆแก่พวกเรา บอกพวกเราว่าอย่ายอมแพ้และมันก็มักจะจบลงแค่นั้น จากที่ผมเห็นนะ สิ่งที่พวกเธอแสดงออกกันบนจอนั้นไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งเลยสักนิด สมาชิกวงซุปเปอร์ จูเนียร์ไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับบรรดาเด็กฝึกนัก อึนฮยอกพูดอะไรเยอะแยะเลยล่ะกับบรรดาเด็กฝึกผู้หญฺง ส่วนชิยดงก็ทำเพียงพูดคุยอะไรฮาๆกับพวกที่อายุเยอะๆแล้ว เขาไม่ค่อยจะมาอะไรกับพวกที่ยังเด็กๆนัก ที่ผมบอกว่าลูน่าเป็นคนที่โคตรติดดินก็เพราะว่า ถึงแม้ว่าเธอจะได้เดบิ๊วไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ยังคงมาพูดคุยกับบรรดาเด็กฝึกและเธอก็มักจะมาให้กำลังใจพวกเรามากมายเพื่อไม่ให้พวกเรายอมแพ้ คริสตัลก็ไม่ได้เย่อหยิ่งอะไรเลยนะ แต่เธอก็มักจะถูกมองว่าเป็นอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงเธอก็เป็นคนที่นิสัยดีนะ เธอเคยมาดูโชว์เคสของพวกเราบ้างเป็นบางครั้งแล้วก็บอกให้พวกเราพยายามทำให้ดียิ่งขึ้นไป แอมเบอร์น่ะดูเป็นทอมบอยอย่างชัดเจนเลยล่ะ หลายคนพากันบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เอสเอ็มกำหนดภาพลักษณ์ให้เธอ แต่ไม่ใช่เลยนะ ในช่วงแรกพวกเขาพยายามจะทำให้ลุคของเธอ ดูเป็นผู้หญิงมากกว่านี้ แต่มันก็ไม่เวิร์คเอาซะเลย นั่นทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนคอนเซปต์ของ f(x) โดยการเพิ่มทอมบอยเข้าไป ถึงแม้ว่าแอมเบอร์จะเป็นทอมแต่เธอก็มีจิตใจโอบอ้อมอารีนะ ผมพูดได้เลยว่าเธอเป็นไอดอลที่เด็กฝึกต่างชาติสนิทด้วยมากที่สุดเธอเองก็เป็นชาวต่างชาติ เป็นคนจีนแล้วก็ยังเป็นทอมอีก ผมไม่ได้พบกับชายนี่บ่อยเท่าไหร่นัก ทุกครั้งที่ผมเจอ พวกเขามักจะดูเคร่งเครียด แล้วก็เหมือนเอาแต่จดจ้องอะไรสักอย่าง พวกเขาเป็นไอดอลที่ค่อนข้างจะจริงจังกันเลยล่ะ พวกเขาก็ไม่ค่อยจะดูเป็นกันเองสักเท่าไหร่นักจากเท่าที่ผมเห็นนะ เอาล่ะ..ตอนนี้ก็จะเข้าสู่เอกโซแล้ว....เนื่องด้วยผมน่ะฝึกมาเป็นเวลาห้าปี คุณคงคาดหวังว่าผมคงจะได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้นใช่มั้ย? แต่ก็ไม่...อย่างน่าเศร้าเลยล่ะ ผมหมายความว่าหนึ่งในผู้จัดการเคยบอกผมว่าให้ตั้งใจทำงานให้หนัก นี่เกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อแพลนของ บอยแบนด์วงใหม่ เริ่มมีข่าวลืมออกมา พวกเราเริ่มการฝึกที่หนักหน่วงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นสมาชิก "ที่มีศักยภาพ" บรรดาสมาชิกของวงเอกโซก็ไม่ได้ถูกเลือกตั้งแต่แรก
     
 ซูโฮนั้นเป็นเด็กฝึกมากว่าเจ็ดปี พวกไม่เคยยอมแพ้แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของการขับร้อง ย้อนกลับไปในปี 2008 ที่ผมเพิ่งจะเข้ามานั้น ผมคิดประมาณว่า...ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ หลังจากนั้นผมก็ได้เห็นใบหน้าของเขา ผมแบบ...โอ้.... แต่ก็ใช่นะ ซูโฮทำงานหนักโคตรๆเลยล่ะ แถมเขาก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาเด็กฝึกด้วยกันอีกด้วย เหมือนกับว่าเขาเป็นเพื่อนกับแทบจะทุกคนในนั้นเลยล่ะ เขาน่ะติดดินเอามากๆแถมยังขี้แยอีกด้วย เขาร้องไห้ทุกครั้งที่เกิดเรื่องกระตุ้นอารมณ์อะไรสักอย่างขึ้นกับเขาที่จะทำให้เขาก้าวเข้าไปใกล้กับความฝันของเขามากยิ่งขึ้น เขาร้องไห้เมื่อได้รับการยืนยันให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของเอกโซ แบคฮยอน พวกคุณหวังจะได้ยินว่าเขาเป็นพวกอวดดีหรืออะไรทำนองนั้นใช่มั้ยที่เข้ามาฝึกเพียงปีเดียวก็ได้เดบิ๊วท์ซะแล้ว แต่พวกคุณน่ะคิดผิดซะแล้วล่ะ เพราะเขามีน้ำเสียงที่น่าทึ่งมากตอนที่เขาเข้ามาฝึกในเอสเอ็มแล้ว แต่ทักษะการเต้นของเขาก็พอถูๆไถๆได้อะนะ เขาตั้งใจทำงานอย่างหนกเพื่อพัฒนาทักษะการเต้นและการร้องของเขา แถมภาพลักษณ์ของเขาก็ยังอยู่ในจุดที่เป็นที่ต้องการเรียบร้อยแล้วด้วย เขาจึงเข้าไปอยู่ในระดับสี่ของเด็กฝึกจนได้ ส่วนเลย์ก็เป็นผู้ชายที่โคตรจะนิสัยดีเลยล่ะ เขามักจะยิ้มอยู่เสมอแถมยังคอยส่งยิ้มที่สดใสให้กับคนอื่นด้วย แต่ก็อย่างที่ผมพูดไปแล้วนะ ว่าผมไม่ได้รุ้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัวมากนัก แต่ใครบ้างล่ะที่จะไม่รู้จักคนที่กำลังเป็นที่นิยมเอามาๆ สมาชิกของวงเอกโซมาที่ตึกของเด็กฝึกบ้างเป็นครั้งคราว และเมื่อพวกเขามา พวกเขาดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวามากนัก ชานยอลนั้นแตกต่างจากที่เคยเห็นในจอ เขารู้ตัวว่าเขาน่ะน่ารักนั่นทำให้เขาค่อนข้างจะถือตัวหน่อยๆและก็ไม่ค่อยจะดูเป็นคนที่น่าคบหาสักเท่าไรนัก ไคดูค่อนข้างจะสะบัดสะบิ้ง (short-tempered ไม่รู้จะใช้ภาษาไทยว่าอะไร) นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้ยินมานะ บรรดาสมาชิกไม่ได้พูดคุยกันเยอะเหมือนในจอหรอกนะ มีเพียงแค่เฉินเท่านั้นล่ะ เฉินเท่านั้นที่พูดคุยกับสมาชิกทุกๆคน ผมได้ยินมาว่าถ้ามีบางสิ่งที่เริ่มไม่ค่อยโอเค หรือควรเป็นไปตามที่ควรจะเป็น คนจากเบื้องบนหรือเหล่าสต๊าฟจะสั่งการให้บรรดาสมาชิกทำตามนั้น ชานแบค ถูกสร้างขึ้นโดยสต๊าฟ เพราะพวกเขารู้ว่าทุกวงนั้นต่างก็ต้องมีคู่จิ้น เพื่อที่จะได้รับความนิยมเยอะๆ
      ดังนั้นก็เริ่มจากคนหนึ่งจากฝ่ายร้อง รวมกับอีกหนึ่งคนที่ได้จากทักษะดนตรีบ้าๆบอๆ จับรวมเข้าด้วยกัน มันโคตรจะเป็นอะไรที่เตี๊ยมกันไว้ก่อนเลยล่ะ
       หลังจากที่เอกโซเดบิ๊ว คำถามที่เกี่ยวกับการที่ผมยังคงอยู่ในเอสเอมทั้งๆที่ผมอายุ21แล้วก็ยังคงเป็นคำถามต่อไป เอสเอ็มคงจะยังไม่มีแผนการที่จะเดบิ๊วท์บอยแบนด์กลุ่มต่อไปในเวลาอันใกล้นี้ และผมก็คิดถูกด้วยนี่สิ ผู้จัดการของผมคุยกับผมว่าเบื้องบนตัดสินใจกันแล้วว่าจะเดบิ๊วเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มใหม่ (GE7) ในปี 2014 และบอยแบนด์อีกทีในปี 2016 ซึ่งตอนนั้นผมก็คงจะอายุ26แล้วล่ะ ผมเริ่มประเมิณเป้าหมายของผมแล้วก็ได้รู้ตัวสักทีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมาตลอดนั้นก็เป็นเพียงการสูญเวลาไปอย่างไร้ค่า ผมดูเป็นเหมือนอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นก็จริง แต่ก็ไม่เคยได้รับโอกาสเลยสักครั้ง
ต้นฉบับจากhttp://kpopsecrets.tumblr.com/…/confessions-of-an-ex-sm-tra…

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

22 ก.ย. 57 เวลา 21:56 น. 2

ถ้าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง มันทำให้เรารู้เลยนะว่า SM ไม่ใช่ค่ายที่แย่ถึงขั้นจะชักใยทุกคนอย่างที่ใครๆพูดกัน ทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจใครสักคนจะต้องบอกว่าค่ายสร้างขึ้นๆ พออ่านแล้วรู้สึกรักค่ายและสงสารค่ายในเวลาเดียวกัน -///-

"จากที่ผมเห็นนะ สิ่งที่พวกเธอแสดงออกกันบนจอนั้นไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งเลยสักนิด" อ่านแล้วรู้สึกรักโซชิมากขึ้นไปอีก จากเดิมที่ก็ไม่รู้ว่าจะรักมากกว่านี้ได้ยังไงอ่ะนะ >< อ่านแล้วรัก f(x) มากขึ้นด้วย พวกนางน่ารักอ่ะ ลูน่าทำให้รู้สึกว่าเรามองนางถูกด้านจริงๆ ส่วนน้องจองนี่น่าสงสารอ่ะ คือใครๆก็บอกว่านางหยิ่งๆๆๆๆ เวลาเราพยายามจะปกป้องก็จะโดนหาว่าเพราะเป็นแฟนคลับค่ายนี้ เศร้า T^T อ่านถึงเรื่องแอมเบอร์แล้วรู้สึกขอบคุณSMอีกครั้ง อย่างน้อยๆมันก็เคารพในสิ่งที่แอมเบอร์เป็นและสร้างให้วงเป็นแบบที่แอมเบอร์สามารถอยู่ได้โดยไม่ขัดกับตัวเองอ่ะ ซึ้ง T_T พออ่านถึงซูโฮกับอี้ชิง คือรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก เหมือนเรามองคนไม่ผิดจริงๆ โหยปริ่มอ่ะ แล้วเรื่องของแบคฮยอนมันทำให้เราทึ่ง มันเป็นผู้ชายที่เก่งจริงๆเว่ย เราเชื่อแบบนั้นจริง ToT

เวิ่นยาวมาก คือปริ่มจริงๆที่อ่านกระทู้นี้ เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจริงเท็จแค่ไหน อ่านไปก็ต้องเผื่อใจไว้ตลอด แต่ถ้ามันเป็นอย่างในกระทู้ทั้งหมดก็ทำให้เรารู้สึกว่าค่ายนี้มันฝึกโหดก็จริงแหละ แต่ก็ไม่ได้พากันไปลงนรกอะไรแบบนั้น

0