Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เก่งภาษาอังกฤษง่ายๆ!!!สนุก เก่งจริง เเถมไม่พึ่งกวดวิชา

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่า วันนี้เราว่างๆเลยจะเอาเคล็ดลับมาฝากกันหน่อย ว่าด้วยการเก่งภาษาอังกฤษ

เราเป็นคนนึงที่ไม่เคยเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเลย โรงเรียนที่เราอยู่ก็เป็นโรงเรียนไทยธรรมดา เรียนภาษาอังกฤษวันละคาบ ครูฝรั่งสัปดาห์ละ1 วันเอง เเต่เราสอบชิงทุนไปต่างประเทศ เราได้ที่ 1 สอบเเข่งภาษาอังกฤษระดับประเทศก็ได้ที่ ใน Top 10 ( ไม่บอกนะค่ะว่าอะไร เดี๋ยวมีคนไปสืบหาตัวเรา5555) หลายรายการ เเข่งSpeech เราก็ได้รางวัล เเละก็เคยเเข่งEssayได้รางวัลด้วย เราเห็นหลายคนมีปัญหากับว่า เรียนภาษาอังกฤษกวดวิชาตั้งเยอะ ทำไมไม่เก่งขึ้นซะที วันนี้เรามีวิธีเคล็ดลับดีๆ ที่เราทำเองที่บ้านไม่พึ่งกวดวิชามาเเชร์กันค่ะ ดูเลย!! 

อย่างเเรกคือ ฝึกฝนด้าน การอ่าน การเขียน Grammar เเละ Vocab 

    1.นิยายภาษาอังกฤษ เวลาใครถามเราว่า เก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง ไม่เรียนพิเศษเเล้วทำอย่างงี้ได้ยังไง เราบอกเลย นิยายภาษาอังกฤษ เชื่อเราสิหลายๆคนก็บอกว่า โอ้ย มันไม่ช่วยอะไรหรอก เเต่เราคอนเฟิร์มเลยค่ะ บ้านเราพี่น้องอ่านนิยายภาษาอังกฤษกันทั้งบ้านเเล้วก็เก่งภาษาอังกฤษทุกคนเลย 

อย่างเเรกเราบอกประโยชน์ที่ได้จากการอ่านนิยายภาษาอังกฤษก่อนนะค่ะ

1.1เราจะรู้ศัพท์เพิ่มเยอะมากโดยไม่รู้ตัว เเบบทำข้อสอบ คำนี้ก็เคยเจอในหนังสือ คำนู้นก็เคยเจอในหนังสือไปหมด บอกเลยว่ารู้เยอะจริงๆ เราเล่นพวกเกมที่ให้ความหมายเเล้วถามคำได้เต็มเกือบทุกครั้งเลย เพราะพวกศัพท์พวกนี้ในหนังสือมีเยอะค่ะ เเล้วเวลาอ่านมันจะเข้าสมองโดยไม่รู้ตัว ดีกว่ามานั่งท่องศัพท์จากกวดวิชาเเบบที่เพื่อนเราทำกันตั้งเยอะ ท่องไปนะค่ะ เดี๋ยวสักพักก็ลืมมันก็เเค่ท่องเก็บเข้าหัว มันไม่เคยเจอหรือใช้จริงๆมันก็จำไม่ได้หรอกค่ะ 

1.2.ทักษะGrammarเราจะดีขึ้น เวลาทำพวกข้อสอบอะค่ะ มันจะมีพวกWhich one is correct ไรพวกนี้ รูปประโยคทั้งหลายนี่เเหละ เจอในหนังสือนิยายเยอะมาก เเบบอ่านไปสักพักพอมาทำ
ข้อสอบมันจะSenseเลยว่า รูปประโยคเเบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ เเบบนี้มันถูก 

1.3.ทักษะ writing skill จะดีขึ้นมาก บอกเลยว่าถึงคุณเรียนเเละอ่านทฤษฎีมาเยอะเเค่ไหน การเขียนEssay มันไม่ใช่เเค่รู้หลักGrammarเเต่มันคือการที่เราจะเรียบเรียงเรื่องในหัวสมองเราออกมาเป็นคำ เป็นเนื้อหาที่เราต้องการ ปัญหาเด็กไทยหลายคนเลยคือ ถึงทำข้อสอบทฤษฎีGrammarได้เยอะเเค่ไหน เเต่พอมาเจอEssayทีไร ตกเหวกันทุกคน เวลาอ่านหนังสือ มันจะช่วยให้เราเขียนได้ดีขึ้น เพราะเราจะรู้ว่า เขาเขียนกันยังไง เขียนรูปประโยคเเบบนี้ดีไม๊ ศัพท์คำนี้เหมาะไม๊ อ่านหนังสือช่วยได้เยอะมากค่ะ มันจะรู้เลยว่า ศัพท์ควรจะใช้ตอนไหน ยังไง ประโยคเเบบนี้ควรเขียนอะไร ตอนเราไปสอบชิงทุนเราได้Essay เต็ม ซึ่งมีคนTopอยู่2คน คือเรา เเล้วก็อีกคนเป็นเด็กนานาชาติ บอกเลย เวลาเราเขียนเนื้อเรื่องมันFlowออกมาจากหัวเองเลย เเต่ถึงยังไง ถ้าใครที่ว่าอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเเล้วมันก็ยังรู้สึกว่า ไม่รู้จะเเต่งอะไร เเนะนำนะค่ะ เเต่งเป็นภาษาไทยในหัวก่อนก็ได้ เเล้วค่อยเป็นภาษาอังกฤษออกมา

1.4.Reading skill ดีขึ้นมาก เพราะเราอ่านนิยายไงค่ะ เราก็จะฝึกตีความหมาย ฝึกอะไรมากกว่าคนอื่น เวลาทำข้อสอบReading เราก็จะได้เปรียบกว่ามากจริงๆค่ะ 



ถึงตอนนี้หลายคนก็จะบอกว่า โอ้ยมันยาก อ่านไปก็ไม่ได้อะไรหรอก อ่านไม่ออก บลาๆๆๆ 
ตอนที่เราเริ่มอ่านเเรกๆมันก็ยากเหมือนกันค่ะ บางเล่มเราใช้เวลาอ่านเป็นเทอมเลย ตอนเด็กๆ เเต่เรามีเคล็ดลับอ่านนิยายภาษาอังกฤษยังไงให้สนุก เเละได้ประโยชน์สูงสุด 

1.01 อ่านให้ถูกLevel เรา ไม่ใช่ว่าเริ่มอ่าน เเล้วไปอ่านเเบบยากๆเลยเช่นGame of Thrones เลยไรงี้ คุณจะท้อได้ตั้งเเต่หน้าเเรก ถ้าเริ่มอ่านก็อ่านเรื่องง่ายๆก่อน เเบบ50หน้า ตัวใหญ่ๆเลยก็ได้ ที่คิดว่าเหมาะสมกับเรา เรามีกระทู้ที่เราจัดอันดับนิยายภาษาอังกฤษตามความยากง่าย เเละตามเพศอยู่ ตรงนี้เลยค่ะ http://www.dek-d.com/board/view/3383467/         เลือกอ่านตามความสนใจเเละตามความยาก ง่ายให้เหมาะสมนะค่ะ 

1.02ไม่รู้ศัพท์ทำไงดี เปิดมันทุกคำก็ไม่ไหว อ่านเจอศัพท์นี้หลายรอบเเต่จำไม่ได้สักที 
เเนะนำนะค่ะ เวลาอ่านให้มีDictอยู่ข้างๆ1อัน เเนะนำเลยใช้มือถือหรือคอมเถอะค่ะ ถ้าใช้เป็นเล่มๆระวังจะท้อก่อนเพราะขี้เกียจเปิด เเล้วเวลาอ่านเจอศัพท์คำไหนที่ไม่รู้ ให้เปิดDict ถ้าคำไหนที่รู้สึกว่าจำไม่ได้ เเล้วเจอบ่อยๆ เดี๋ยวนี้ DictในมือถือมันจะกดFavourite ได้ ก็กดเอาไว้ก็ได้ค่ะ พอมาเจอใหม่จะได้ไม่ลืม หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ เอาดินสอมาอันนึง เขียนความหมายลงไปบนคำนั้นในหนังสือเลยก็ได้ค่ะ เเต่มันอาจจะทำลายหนังสือ ก็ตามใจชอบเลยนะค่ะ ตอนเราอ่านเเรกๆเราก็ใช้ เขียนลงไป เเล้วมาลบทีหลัง สักพักไปก็เริ่มเปิดDict อีกอย่างนึงคือ บางคนจะมีปัญหาว่า ไม่รู้ศัพท์หมดทุกคำเลย หรือ ไม่รู้เยอะ ขี้เกียจเปิดDictทุกคำ บางคำเราก็ข้ามไปก็ได้ค่ะ เเต่จะข้ามได้ต่อเมื่อ พอจะตีความหมายออกว่าคำนั้นเเปลว่าอะไร เเละประโยคนั้นมีความหมายว่าอะไรนะค่ะ ไม่ใช่ข้ามมั่วอย่างงั้นอ่านไม่รู้เรื่องนะค่ะ การเดาศัพท์ก็มีข้อดีนะค่ะ เราจะได้คำนั้นเข้าไปในหัวเลย เราลองเจอมันหลายๆรอบเเล้วเดาความหมายมันจากประโยคดูสิค่ะ :) 

          **ว่าด้วยเรื่องDictนิดนึง สำหรับคนที่อ่านหนังสือเป็นE-bookในApple (ในAndroidเราไม่มั่นใจนะค่ะ) มันจะกดตรงWord เเล้วกดDefineได้เลย จะเป็นDict ที่เร็วขึ้นเยอะเลยค่ะ 

1.03เวลาอ่านให้อ่านให้รู้เรื่องนะค่ะ ไม่ใช่สักเเต่ว่าอ่าน พออ่านจบยังงงๆเลยว่าเรื่องมันเกี่ยวกับอะไร อันนี้ไม่ดีค่ะเพราะเราจะไม่ค่อยได้อะไรเลย อ่านเเล้วตีประโยคให้รู้เรื่องก่อน ไม่ต้องอ่านเร็วมากก็ได้ ตอนเริ่มอ่านไปเถอะช้าๆเเต่รู้เรื่อง พออ่านไปเยอะๆเดี๋ยวก็เร็วเอง ตอนเราเริ่มๆเล่มนึงเราอ่านเป็นเทอมเลย เดี๋ยวนี้เล่มหนาๆ เเบบPercy Jackson / I am number four วันเดียวก็จบเเล้ว 

1.04เวลาอ่านให้ลองสังเกตรูปประโยค เเละ Tenseที่นักเขียนใช้ดู​ เช่นเล่มนี้ เค้าเล่าด้วย Past tense เล่มนี้เค้าเล่าด้วย Present Tense เเล้วสังเกตรูปประโยคที่ใช้ ลักษณะที่เขียน การเล่าเรื่องเเละใช้ศัพท์จะช่วยพัฒนาทักษะได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ 


1.05 อันนี้ปัญหาโลกเเตกของหลายคน นิยายภาษาอังกฤษเเพงมาก!! เเล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเล่มไหนสนุกไม๊ ซื้อมาไม่อ่านก็ไม่คุ้ม 

      ข้อนี้เรามีคำตอบให้เยอะเลยค่ะ 
อย่างเเรก เราจัดอันดับความยาก เเละลักษณะของหนังสือไว้ ไปดูกระทู้นี้ได้ค่ะ >http://www.dek-d.com/board/view/3383467/
             หรือจะลองSearch Reviewทางเน็ต หรือไปลองอ่านสักบทสองบทที่ร้าน นส ก็ได้

อย่างสอง  E-Book ฟรี ไปเสิร์ชเน็ตเรื่องที่อยากได้ตามด้วย epub เช่น เราเอาเรื่อง The maze runner ก็เสิร์ช The maze runner epub เเล้วลองหาดูค่ะ เเต่จะได้เป็นE Book นะค่ะ อ่านก็ดูเเลสายตาตัวเองด้วย เเละทางเลือกนี้อาจจะไม่มีทุกเรื่อง เเต่เรื่องดังๆส่วนใหญ่มีหมดเเหละค่ะ 


อย่างสาม Wattpad (www.wattpad.com)  อันนี้เป็นWebsite เเละมีApplicationด้วย ข้อดีของมันคือเเอปฟรี เเละหนังสือก็ ฟรีทุกเล่ม!!! เเละมีหนังสือเยอะมากๆๆๆๆๆๆ มีทั้งนิยาย Fanfic Poem Short Story ทุกเเบบอย่างเลยค่ะ เเอปนี้เราติดมากเพราะมันโหลดมาอ่านในมือถือได้ไม่ต้องใช้เน็ตเวลาอ่านด้วยเพราะมันจะโหลดมาเลย นิยายพวกนี้จะเป็นผู้เล่นเเอปเเต่ง เเต่อย่าดูถูกนะค่ะ ไม่ใช่นักเขียนมือสมัครเล่น เเต่หนังสือในWattpadพวกนี้มีคนอ่านเยอะมาก เล่มที่เยอะที่สุดมี 90กว่าล้านRead เเล้วค่ะ เเล้วหลายเล่มก็Publishขายตามร้าน นส บางเล่มถึงกับไปเป็นหนังเลยนะ (ใครสนใจเป็นนักเขียนก็มาลองเขียนลงWattpadได้ ฟรีจ้า เราเคยส่งเเข่งOne Shotของนิยายเรื่องนึงไปได้ที่4 ดีใจมากเลย รู้สึกว่าเราก็มีSkill การเขียนไม่เเพ้ฝรั่งนะเนี้ยะ 555) ถ้าใครสนใจนิยายในWattpad ว่างๆเดี๋ญวเราตั้งกระทู้เเนะนำให้ค่ะ 


อย่างสี่ (archiveofourown.org) อันนี้ส่วนใหญ่ไว้อ่านFanfiction เเต่ของWattpadมันจะโหลดเรื่องที่เราอ่านลงLibraly ในเเอป เเต่อันนี้ไม่มีเเอปต้องเปิดในคอม หรือSafariเเล้วกดOpen in ibooks มันจะโหลดมาเป็นFile ใน ibooksเอา มีเยอะเรื่องดีเเต่มันเป็นFanfiction เพราะงั้นเราไม่ได้ตั้งกระทู้นะค่ะ ใครอ่านเรื่องไหนเเล้วอยากอ่านFanfic ก้ไปหาในเว็บนี้หรือWattpadเอาเองนะค่ะ 

หนังสือนิยายมีข้อดีมาก ทั้งสนุก (อ่านฉบับภาษาอังกฤษสนุกกว่าเเปลไทยเป็น10เท่า อันนี้คอนเฟิร์มค่ะ) ดีกว่าไปนั่งท่องศัพท์หรือเรียน เเถมยังเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ 

                            อ่านเถอะค่ะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน555



พูดเรื่อง อ่าน เขียน grammar vocab ไปเยอะเเล้ว ทีนี้มาดูด้าน การพูด เเละ การฟังกันบ้าง 

 ง่ายๆเลยนะ เราใช้สี่อย่างนี้ 

1. Youtube เคยเห็นพวก Vloggerใน Youtubeไม๊ค่ะ พวกนี้เเหละ เช่น Tyler Oakley, Troye Sivan, John/Hank Green, Ryan Higa, Smosh , Superwomen etc. พวกนี้เเหละค่ะ วิดิโอของเค้า ส่วนใหญ่มันจะสนุก เเล้วก็ฟังง่าย ลองฟังสำเนียงเค้าเเละพูดตามดู เช่นอยู่บ้าน ก็ลองเอากล้องมือถือก็ได้ มาลองพูด Vlog เล่นๆ เป็นภาษาอังกฤษดู เเต่นอกจากAccentเเล้ว สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างนึงคือ การที่เราจะรู้ว่า เราควรพูดว่าอะไร การจะคิดคำออกเเละสื่อสารได้ บางคนAccentดีเเบบฝรั่งเเท้ เเต่พอมาเจอสถานการณ์จริงๆก็นึกอะไรไม่ออก จากจะนึกคำออกเเละพูดได้ มันขึ้นอยู่กับการฝึกใช้บ่อยๆนี่เเหละค่ะ เเล้วนอกจากนี้การฟังพวกนี้ยังช่วยเพิ่มทักษะการฟังด้วย พวกนี้จะฟังง่ายกว่าหนังหน่อย เพราะมันเป็น Vlogเค้าจะพูดชัดเจน เสียงชัดเจนเเละAccent ชัดเจนค่ะ 

2. ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ช่วยเรื่องการฟังได้มาก เพลงพวกนี้เวลาเค้าร้องเค้าจะมีAccentเเบบเเปลกๆ หรือ ร้องเร็วมากจับไม่ทัน ฟังไปเยอะๆเราจะฟังรู้เรื่องมากขึ้นนะค่ะ เช่นตอนเราฟังเพลงTaylor Swift ใหม่ๆ เราก็ไม่รู้เรื่องหรอกเพลงเร็วๆอะ เเต่ฟังไปเยอะๆเราก็ฟังรู้เรื่องเองโดยไม่ต้องเปิดLyricเลย เเต่พวกเพลงRapนี่ บางอันฟังมา10รอบก็ยังไม่รู้เรื่องหมด5555

3.ร้องเพลงภาษาอังกฤษ ช่วยAccentได้ดีมากๆ ลองร้องจนเรารู้สึกว่า สำเนียงเราไม่ไทยอะค่ะ คือบางคนเราฟังเค้าร้องเพลงภาษาอังกฤษเสียงก็เพราะดีเเต่มันAccent ไทยมาก การฝึกAccentก็ลองร้องเพลงง่ายๆ ชัดๆดู เเล้วพยายามดัดให้Accentเราเหมือนฝรั่ง ลองใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ อัด เเล้วฟังดูก็ได้ค่ะ พอมาใช้พูดในชีวิตจริงAccentเราก็จะพัฒนาไปด้วยเอง  (TIPS : สำหรับใครที่อยากลองอัดดีๆ ลองหาMacbook มาเครื่องนึง เเล้วก็หูฟังอันนึง เปิดโปรเเกรมGarageband โหลดKaraokeมา เเล้วอัดด้วยโปรเเกรมนั้นดู​ Mixเพลงได้ระดับมืออาชีพเลยค่ะ )

4.หนังฝรั่ง อันนี้ก็คงรู้ๆกันอยู่ ยังไงก็ช่วยทั้งด้านฟัง เเละ พูดอยู่เเล้วค่ะ เพราะมันจะเหมือนฟังเค้าใช้กันในชีวิตจริง ดูเยอะๆ (เเต่อย่าเยอะไปจนไม่เรียน นส นะ5555) ฝึกพูดตาม ฝึกฟัง ทักษะจะเพิ่มอย่างไม่รู้ตัวเลยเเหละค่า 
 

        อย่าลืมนะค่ะ การพูดจะพูดได้ดีนอกจากจะต้องAccentดีซึ่งมาจากการฝึกพูดบ่อยๆ เเล้วยังต้องพูดให้คล่องเเคล่วเเละใช้ได้จริงอีกด้วย ลองพูดภาษาอังกฤษเพิ่มสักวันละนิด เเค่ก่อนนอนก็ได้ เวลาว่างเเทนที่จะอ่านนิยายเเปลไทย หรือ หนังไทย ก็เปลี่ยนเป็นนิยายภาษาอังกฤษดู ทำไปเยอะๆ ภาษาอังกฤษจะดีขึ้นจนงงเลยค่ะ อันนี้เราทำมาจริงๆกับตัวเเล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษให้น่าเบื่อ หรือ ไปเรียนต่างประเทศ หรือ เป็นเด็กนานาชาติ ก็เก่งภาษาอังกฤษได้ 

ใครๆก็ทำได้ค่ะ เเค่มีความพยายามเเละมุ่งมัน 


ลิ้งค์

เเนะนำนิยาย >> http://www.dek-d.com/board/view/3383467/



PS. ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับที่เราใช้ เเละเรานำมาเเบ่งปันเพื่อให้ทุกๆคนได้ลองใช้ดู ไม่ได้จะพาดพิงถึงอะไร เเละ ใครในทางไม่ดีนะค่ะ เเค่เเบ่งปันกันค่ะ ใครทำเเล้วได้ผลยังไงก็มาเเบ่งปันกันได้นะค่ะ 


BYE BYE 

แสดงความคิดเห็น

>

25 ความคิดเห็น

kkolk 26 ก.ย. 57 เวลา 19:07 น. 1

ขอบคุณค่ะเป็นประโยชน์มาก

ยอมรับเลยว่าขยาดมากการอ่านอะไรยาวๆเนี่ย แต่ชอบนะเวลามีรีดดิ้งในข้อสอบ เราก็อ่านพอรู้เรื่องบ้างสนุกดี

0
หุงอุ่นต้มนึ่ง 26 ก.ย. 57 เวลา 20:23 น. 2

เราก็ทำนะตัวเองเช่นฟังเพลงอ่ะ แต่เราไม่เคยหาความหมายใช่มั้ยมันถึงไม่กระดิกเลยภาษากิดอ่ะ หนังสือนี่เรายังไม่เคยอ่านแต่เราเคยคิดจะทำน้า แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะที่มาเติมไฟเรา555555555555555

0
Hello Kylie 27 ก.ย. 57 เวลา 11:57 น. 4

ขอบคุณมากกก เราไปดูกระทู้เเนะนำนส ของ จขกท เราไม่เเปลกที่ จขกทเก่งขนาดนี้ อ่านหนังสือเยอะมากกกกกกกก นับถือเลยย

0
MyniEw N\'wamin 27 ก.ย. 57 เวลา 13:42 น. 6

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ 5555 มีครั้งนึง โหลดหนังสือมาอ่านในโทรศัพ
ภาษาอังกฤษ Alice in wonderland เปิดมาโอยยยย ไม่รู้เรื่องเลยยย สุดท้ายท้อ
55555 สงสัยอยู่ระดับยากๆมั้ง มีศัพท์เต็มไปหมดด มึนนน แต่ก็ขอบคุณนะค้ะ
จะลองฝึกอีกที fighting!

0
kingdomdragon 27 ก.ย. 57 เวลา 20:49 น. 9

ขอบคุณมากค่า เป็นประโยชน์มาก

Vocab ได้ แต่ Grammar คือตาย TOT

ขอบคุณสำหรับวิธีการดีๆนะคะ เราต้องทำได้ค่ะ

0
Min'Zz Jingjer Bred 28 ก.ย. 57 เวลา 18:44 น. 10

วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราคือ "เล่นเกม"คะ คือเราเล่นเกมมันต้องเข้าใจเนื้อเรื่องหรืออ่านคำแนะนำในเกมมันถึงจะเล่นเปนใช่ไหมคะทีแรกเราก้ไปไม่เปนหรอกคะแต่พยายามไปเรื่อยๆจนเก่งภาษาเลยคนอื่นเราไม่รุนะแต่สำหรับเราเกมอาจาร์ที่ดีที่สุดค่ะ^^ (แถมยังคลายเครียดด้วย) 
สู้ๆนะคะทุกคน

0
smoke 29 ก.ย. 57 เวลา 14:59 น. 12

ขอบคุณมากๆเลยค่า จะเอาไปใช้ดู55555 ตอนนี้เราใช้วิธีฟังเพลงฝรั่งมาประมาณครึ่งปีละ เริ่มฟังศัพท์ในเพลงออกมากขึ้น ขอบคุณ จขกท. นะคะ ^^ 

0
kitties potter 30 ก.ย. 57 เวลา 20:35 น. 14

เฮ้ยยยยยยยยยยย!!!

จขกท. ฝึกเหมือนเราเลยอ่า (รู้สึกดีใจที่มีคนฝึกภาษาอังกฤษวิธีเดียวกับเรา)

ข้าน้อยคนนี้ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน กระโดนยัน อีกเสียงเลยจ้าาาา...ว่าวิธีที่ จขกท แนะนำมาเนื่อได้ผลจริงๆ เพราะเมื่อก่อน สมัยเรียนประถมเราแทบอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แต่พอเริ่มขึ้น ม.ต้น ด้วยความที่เราชอบดูหนัง(แล้วก็ชอบผู้ชายต่างชาติ 5555555) ก็เลยทำให้เราอย่างพูดภาษาอังกฤษได้ หลังจากนั้นเราก็เริ่มอ่านหนังสือที่มันง่ายๆก่อน (รู้สึกว่าเล่มแรก เรายืมของพี่เรามาอ่าน เป็นหนังสือนิทานภาษาอังกฤษที่มีความหมายอยู่ข้างๆช่วยให้อ่านง่ายขึ้น) 

         แต่จุดเปลี่ยนที่เราเริ่มเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาจริงๆก็ตอนเริ่มขึ้น ม.ปลาย นี่ล่ะจ้า พอเริ่มโตก็เลยหาซีรีย์ดู พอดูซีรีย์ฝรั่งมันก็จะมีคู่จิ้น พอมีคู่จิ้นก็จะมี fanfic  เราก็อ่านไปฟินไป แรกๆเราอ่านficที่เป็นภาษาไทย แต่ficที่คนไทยแต่งมันมีน้อย ก็เลยลองหาเป็นภาษาอังกฤษ...ปรากฎว่าแจ๊คพอลแตก มาเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง(นี่ก็เว่อไป) ก็เริ่มอ่านแบบรู้คำศัพท์บ้างไม่รู้บ้าง แต่อ่านไปนานๆก็จะเกิดความชำนาญ แก่กล้าในวิทยุธเองแหละ เราเชื่อว่าทุกคนทำได้!!!!

        และส่วนตัว เราไม่ฟังเพลงภาษาไทยอ่ะ (ไม่ใช่เพลงไม่ดีน่ะ แต่เราชอบฝรั่งงงงงงง)  พอฟังแล้วร้องตามไป สำเนียงก็จะชัดแบบเพื่อนทักเลยว่า มัยแกพูดสำเนียงได้อร่อยขนาดนี้ว่ะ!

        อีกสิ่งที่เราฝึกเหมือน จขกท ก็คือ เราชอบดูพวก youtuber หรือ vlog นี้ล่ะ ตัวสำคัญที่ทำให้ได้ทั้งสำเนียงและศัพท์วัยรุ่นเยอะแยะเลย youtuber ที่เราชอบก็คือ finn and jake(หล่อมว๊ากกก) ,Zoella,Nash Grier,Cameron Dallas,Bethany Mota แล้วก็พวกเพื่อนๆของที่กล่าวมา

        

        เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ ถ้าอดทนกับจุดเริ่มต้นได้เส้นทางที่เหลือก็สบายเลยล่ะ

สู้สู้ๆ  

0
kitties potter 30 ก.ย. 57 เวลา 20:39 น. 15

มาจาก คำว่า Video ผสมกับคำว่า blog ค่ะ กลายเป็นคำว่า vlog
และคนที่ทำบลอกเป็นวิดีโอ ก็จะเรียกว่า vlogger

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Kwanjira__ 1 ต.ค. 57 เวลา 18:58 น. 19

ขอบคุณค่าา มีประโยชน์มากๆเลย จะพยายามนะค่ะ เราเป็นคนภาษาอังกฤษนี้คืออ่อนมากถึงมากที่สุด = ='

0
Pearendless 1 ต.ค. 57 เวลา 19:58 น. 20

โหยยย  ขอบคุณมากๆๆๆๆ เลยค่ะ >3<''

คุณเขียนเรื่องที่มีประโยชน์กับชีวิตของเรามากๆๆๆ เลยค่ะ

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ;))


0