Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ผมควรทำยังไงกับความรักครั้งนี้ครับ ตอบผมหน่อย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ความรักน้ำเน่าของผมให้ฟัง เพิ่งเข้ามาเล่นครั้งแรกนะครับ

เป็นประสบการณ์ตลอด 3 ปี ของชีวิตม.ปลาย ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งคือผม ที่เผลอไปชอบ ผช.อีกคนหนึ่ง
ผมขอเรียกมันว่า "เอ็ม" แล้วกันนะครับ เรื่องนี้อาจยาวไปหน่อยนะครับ แต่มันเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยพูดกับใคร เลยอยากให้ใครหลายๆคนได้อ่าน ถือว่าเป็นการระบายไปในตัว

ขอย้อนไปเล่าเริ่มจาก ม.4 ก่อนแล้วกันนะครับ โรงเรียนที่ผมเรียน ตั้งอยู่ในตัวอำเภอเมืองของจังหวัด...ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการสอบเข้าของเด็ก ม.1 และ ม.4 ทุกปี ผมเป็นเด็กต่างอำเภอที่อยากจะไปเรียนในเมือง เลยไปสอบเข้า ผมเรียน ม.ต้นต่างอำเภอ พอ ม.ปลายไปสอบเข้าในเมือง ผมจำภาพวันที่ไปสอบเข้าได้ติดตาเลย คือ วันนั้นตอนพักเที่ยงของการสอบ ผมกับเพื่อนๆไปเดินเล่นใต้ต้นไม้ ซึ่งเพื่อนของผมคนหนึ่งไปเจอเพื่อนเก่าต่างโรงเรียนเลยไปทักทายกัน ผมก็เดินเข้าไปด้วยกับเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งเหตุการณ์นี้เองเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเอ็ม แต่เราไม่ได้คุยกัน ไม่ได้ทักทายอะไรกันเพราะยังไม่รู้จัก (ตอนนั้นผมยังไม่ได้ชอบมันที *ไม่ใช่รักแรกพบ อิอิ)


หลังจากผ่านวันนั้นไปประมาณสองสัปดาห์ผลสอบก็ประกาศ ปรากกฏว่าผมติดท๊อปเท็นของเด็กที่สอบเข้าจากพันกว่าคน(ขอโม้นิดนึง ฮ่าๆ) ส่วนเอ็มก็ติดท็อปเท็นเหมือนกัน หลังจากวันนั้นไปไม่กี่วันก็เป็นวันสอบสัมภาษณ์ ตอนที่ผมเดินไปนั่งรอเพื่อที่จะสอบสัมภาษณ์ปรากฏว่ามีเอ็มนั่งรออยู่ตรงนั้น ผมเลยไปนั่งข้างมัน แต่มีเพื่อนผมอีกคนนั่งกั้นกลางไว้ ผมไม่ได้คุยอะไรกับเอ็มเลย แต่เพื่อนผมคุยกับเอ็ม เพราะเพื่อนผมรู้จักเพื่อนเอ็ม ผมได้ยินมาว่า เด็กจากโรงเรียนของเอ็มสอบติดที่นี่แค่สองคนคือเอ็มกับเพื่อนผู้หญิง สักพักถึงคิวของเอ็มสัมภาษณ์ พอมันเดินออกมาก็คุยกับเพื่อนผมสักพักก่อนจะกลับบ้าน เหลือแต่ผมกับเพื่อนที่รอสัมภาษณ์ หลังจากวันนั้นก็ประกาศผลสัมภาษณ์ก็ติดกันทุกคน



หลังจากวันนั้นไปก็เป็นวันปฐมนิเทศ จะมีการแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆเพื่อทำกิจกรรม ผมก็ไปเช็ครายชื่อว่าอยู่กลุ่มไหน ปรากฏว่าเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกับผมถูกแยกกันหมดเลย แต่ที่โชคดีคือเอ็มได้อยู่กลุ่มผม วันนั้นทั้งวันเราทำกิจกรรมด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน แต่เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย พอถึงวันที่สองของการปฐมนิเทศเราก็เริ่มคุยกัน และกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้คือการจับมือเป็นวงกลมแล้วร้องเพลง มันมายืนข้างผม เป็นครั้งแรกที่ผมได้จับมือมัน เราร้องเพลงกันจนจบ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกอะไรกับเอ็ม


ก่อนวันเปิดเทอม ม.4.   หนึ่งวันก็มีการประกาศรายชื่อว่า ใครได้อยู่ห้องเรียนไหน ผมดีใจมากที่ได้อยู่ห้องคิง แต่โคตรเสียใจที่ผมไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเก่าเลย มีแค่เพื่อนที่รู้จักกันตอนปฐมนิเทศสองวันซึ่งยังไม่สนิท ผมเลยทำใจและพร้อมที่จะรับเพื่อนใหม่ พร้อมที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ทุกคน วันนั้นด้วยความที่เสียใจที่ไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเก่าร่วมห้องเลย จนไม่ได้ดูรายชื่อให้ละเอียดว่ามีใครบ้างที่อยู่ห้องคิง พอวันโรงเรียนเปิดเทอมคาบแรกเป็นการพบปะอาจารย์ที่ปรึกษา ตอนเข้าไปในห้องผมตกใจมาก เห็นเอ็มนั่งอยู่ แต่ก็ไม่คิดไรมาก ก็มันเก่งพอๆกับผมคงไม่แปลกที่จะได้อยู่ห้องคิงส์ด้วยกัน


ช่วงแรกๆผมกับมันก็ยังไม่ได้คุยไรกันอยู่ดีเพราะเราอยู่คนละกลุ่มกัน พวกผู้ชายในห้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มของผมออกจะเรียบร้อยแต่กวนตีน อยู่ด้วยกันหกคน (ผมบอกก่อนนะคับว่า ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเกย์ตอน ม.3 ผมยังไม่แสดงออก ไม่เคยบอกใคร และผมยังไม่เคยมีแฟน ) ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มของเอ็มพวกนี้มักจะเข้าเรียนสาย หนีไปเตะบอล แต่เรียนเก่ง
 


เวลาผ่านไปเรื่อยๆเพื่อนในห้องก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ผมกับเอ็มก็เริ่มสนิทกัน มีอยู่วันหนึ่งผมกลับบ้านตอนเย็น(ปกติผมอยู่หอ ส่วนเอ็มไป-กลับบ้าน) เห็นเอ็มรอรถอยู่ที่เดียวกับที่ที่ผมจะกลับ ผมเลยเข้าไปทักมัน เราก็คุยๆกัน ก็ได้รู้ว่า บ้านมันไปทางเดียวกับบ้านผม อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่กิโลเมตรด้วย ถ้านั่งรถจากโรงเรียน บ้านมันจะถึงก่อนบ้านผม ผมดีใจมากที่ไม่ต้องนั่งรถกลับบ้านคนเดียว ระหว่างทางเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อย ตอนนั้นผมไม่ได้ชอบมัน ยังไม่คิดอะไรกับมัน เห็นมันเป็นเพื่อนคนหนึ่งเหมือนเพื่อนทั่วๆไป หลังจากวันนั้น พอตอนเย็นเอ็มมักจะชวนผมกลับบ้าน ทั้งๆที่มันก็รู้ว่าผมอยู่หอ มันบอกว่าอยากมีเพื่อนนั่งรถ มีบางครั้งที่ผมกลับบ้านช่วงกลางสัปดาห์ เพราะกลับบ้านกับเอ็ม ก็มันเล่นชวนผมซะทุกวัน จนบางวันก็กลับกับมัน


ช่วง ม.4 เทอม2 ใกล้ๆจะปิดเทอม ก็มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งมาคุยกับผม พี่เขาชื่อบอส พี่เขานิสัยดีมาก พี่เขาบอกว่าชอบผม ทั้งๆที่พี่เขาก็มีแฟนเป็นผู้หญิง ผมก็บอกว่า "พี่ไม่กลัวผู้หญิงคนนั้นเสียใจหรอ" 
                     พี่เขาก็บอกว่า "ถ้าคบต่อไป ผู้หญิงคนนั้นคงจะเสียใจกว่านี้ พี่เลยจะบอกเลิก แล้วมาคบกับผม" 


ผมให้พี่บอสตัดสินใจอยู่หลายวัน จนพี่บอสกลับมาอีกครั้ง พี่เขามาขอผมเป็นแฟน พี่เขาบอกว่าเขาเลิกกับพี่ผู้หญิงคนนั้นแล้ว ผมก็ไม่ปฏิเสธอะไร ก็คบกับพี่เขา แต่ผมก็ตั้งกฎไว้ข้อนึงก็คือ อย่าให้เพื่อนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้เป็นอันขาด เพราะผมกลัวว่าเพื่อนจะรับไม่ได้ เพราะยังไม่สนิทกับใคร พวกเราคบไปด้วยความยากลำบากมาก จะไปดูหนัง กินข้าว ทำอะไร ก็ลำบาก ต้องโกหกเพื่อนต่างๆนาๆ ผมไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ คงเป็นเพราะกฎที่ตั้งขึ้นมาว่าไม่ให้ใครรู้ เลยทำให้มันลำบาก แต่ผมก็ทนคบกับพี่บอสมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปิดเทอม เราเริ่มห่างกัน ไม่ได้เจอกันทุกวัน คุยกันน้อยลง อีกอย่างใจผมมันเริ่มรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกคิดถึง-เอ็มมากกว่าพี่บอส. รู้สึกเหมือนกับว่าผมไม่เคยรักพี่บอสเลย ที่ผ่านมามันคืออะไร ผมทำอะไรไป ผมเริ่มสับสน จากปกติช่วงเปิดเทอมพี่เขาจะโทรมาคุยกับผม แต่พอปิดเทอมผมไม่อยากคุยกับพี่เค้า ผมมักจะหาเรื่องวางสายตลอด ในหัวผมเริ่มมีเอ็มเข้ามา ผมไม่ได้คุยทั้งพี่บอสและ-เอ็มเลยช่วงปิดเทอม ผมไม่ได้เจอเอ็มตั้งแต่ปิดเทอมเพราะมันไปเที่ยวต่างจังหวัด และผมก็ไม่เคยคุยโทรศัพท์กับมัน ในหัวผมเลยมีแต่มันแทนที่จะเป็นพี่บอส 



ช่วงประกาศผลสอบของ ม4 เทอม 2 ผมตกใจกับเกรดตัวเอง มันลดจาก 3.6 กว่าๆ เหลือแค่ 3.1 ผมได้แต่โทษพี่บอสว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียว ทั้งๆที่มันคือความผิดผมคนเดียว ผมขี้เกียจเอง ผมไม่สนใจเรียน จนผมกับพี่เขาทะเลาะกันทุกวัน หลังจากนั้นไม่นานผมเลยบอกเลิกพี่เขา 


เปิดเทอม ม5 ผมกับพี่บอสมองหน้ากันไม่ติด แต่พวกเราต่างฝ่ายต่างก็ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันเป็นแผลใจของผมมาจนถึงทุกวันนี้ 


เอ็มกลับมาต่างจังหวัดซื้อของฝากให้ผมด้วย ผมดีใจมากไม่รู้ทำไม ผมกับมันเริ่มสนิทกันมากขึ้น ช่วง ม5 เป็นช่วงที่ผมกลับบ้านบ่อยมาก สัปดาห์นึง 2-3 วัน ปกติกลับสองสัปดาห์ครั้ง จนแม่ผมเริ่มแปลกใจ ผมบอกว่า ยิ่งเรียนยิ่งคิดถึงบ้าน แม่ก็ไม่ว่าอะไร แม่จะดีใจทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน ผมก็ดีใจเหมือนกัน เพราะผมจะได้นั่งรถกลับบ้านกับเอ็ม มีอยู่วันนึงตอนผมนั่งรถกลับบ้านกับเอ็ม 
มันถามผมว่า "มึ*คบกับพี่บอสหรอ มึ*เป็นเกย์หรอ"
ผมตอบว่า "มั่วแล้ว กูเนี่ยนะ"
มันว่า "กูรู้หมดแล้ว ก่อนปิดเทอมกูเห็นมึ*กับพี่เค้ากินข้าวด้วยกัน แล้วไหนจะข้อความในโทรศัพท์ เบอร์ที่ได้รับสายก็มีแต่บอสๆๆๆ"


ตอนนั้นผมตกใจมาก คือไม่รู้ว่ามันไปแอบเล่นโทรศัพท์ตอนไหน และไม่คิดว่ามันจะเห็นตอนกินข้าวกับพี่เค้า ผมอุตส่าเลือกร้านที่ไม่มีใครไปแล้วนะ และตอนนั้นผมกลัวด้วยว่ามันจะเลิกคบ
ผมเลยบอกมันไปว่า "เออกูคบกับพี่บอส กูเป็นเกย์ ทำไมมึ*จะเลิกคบกับกูหรอ"
มันหัวเราะ แล้วบอกว่า"เห้ย เรื่องแค่นี้กูจะเลิกคบมึ*ทำไม มึ*ไม่ได้ทำไรกูซักหน่อย มึ*เพื่อนกูนะเว้ย แต่อย่ามาชอบกูก็เท่านั้นแหระ"


ผมได้แต่ยิ้ม น้ำตาคลอ ดีใจมากที่มันไม่ว่าอะไรแต่ผมก็แอบสะดุดกับคำพูดสุดท้ายของมัน ผมยังจำบทสนทนานี้มาจนถึงปัจจุบัน ผมบอกมันว่าอย่าไปบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะผมเลิกกับพี่เขาแล้ว อีกอย่างใครรู้ว่าผมเป็นเกย์ตอนนี้คงซวย ยังไม่พร้อมที่จะบอกใคร ยังไม่อยากให้ใครรู้ 


หลังจากวันนั้นผมกับเอ็มก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นครับ รวมถึงหัวใจของผมก็เริ่มที่จะชอบมันด้วย แต่ผมก็พยายามนึกถึงคำพูดของมันอยู่เสมอ ว่าห้ามชอบมัน แต่ใครจะห้ามใจตัวเองได้ -เอ็มมีผู้หญิงที่มันชอบอยู่คนละห้องกัน มันมักจะมาเล่าให้ผมฟังและปรึกษาผม แต่ผมก็แนะนำอะไรให้มันมากไม่ได้หรอกเพราะผมก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงหนิ 555 ผมได้แต่บอกมันว่า ชอบก็รีบบอกเดี๋ยวโดนคาบไปกินเพราะ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก แต่เอ็มยังไม่ได้คบกับผู้หญิงคนนั้น ได้แต่คุยกันในเฟสบุ๊ค หลังจากนั้นไม่นานมันก็ไปสารภาพรัก แต่มันก็ต้องแห้ว เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีแฟนเป็นรุ่นพี่อยู่แล้ว ช่วงนั้นมันเสียใจมาก มันด่าผู้หญิงไปซะมั่วหมดว่าเลว นิสัยไม่ดี ผมเลยปลอบมันว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นแบบนั้นกันทุกคนนะเว้ย มึ*ก็ผิดเหมือนกันที่ไปชอบเอง ไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน ช่วงนั้นมันเศร้าๆไปสักพัก
**มีต่อครับ**

แสดงความคิดเห็น

>

450 ความคิดเห็น

Emem1739 11 มี.ค. 58 เวลา 01:39 น. 1
**ต่อจากด้านบน**
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมเปลี่ยนจากชอบเป็นรักมัน คือ หลังจากที่เอ็มมันอกหักไม่กี่สัปดาห์ เป็นวันที่ประกาศผลผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ทุนศึกษาต่อต่างประเทศซึ่งทั้งจังหวัดรับแค่ไม่กี่คน แต่ดันประกาศผู้มีสิทธิสอบสัมภาษณ์ซะเยอะมาก แค่โรงเรียนผมอย่างเดียวก็เกือบสิบคนแล้ว ซึ่งรวมทั้งผมและเอ็มด้วยที่ติด ผมดีใจมาก แต่ก็ทำใจไว้บ้างแล้วเพราะผมไม่เก่งอังกฤษเลย ผมเลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก พอวันจะสอบสัมภาษณ์มาถึงผมก็ดันป่วยซะงั้นเลยคิดไว้ว่าจะไม่ไปยังไงก็คงไม่ได้อยู่แล้ว แต่-เอ็มมันขอร้องผม มันอยากสอบสัมภาษณ์ มันอ้อนผม มันบอกว่าไม่มีเพื่อน ทั้งๆที่เพื่อนในห้องก็ติดกันหลายคน เพื่อนสนิทมันก็ติด อีกอย่างผมก็ป่วย แต่ผมก็รับปากมันว่าไปก็ได้
โชคดีที่ตอนเช้าอาการผมดีขึ้นตัวไม่ร้อนเท่าไหร่ อาการปวดหัวลดลงบ้าง



วันนั้นการสอบสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี กรรมการถามเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมขออนุญาตตอบเป็นภาษาไทยเพราะไม่ไหวจริงๆกับภาษาอังกฤษ คิดในใจว่าไม่ผ่านแน่ๆ ผมสอบเสร็จช่วงเที่ยง แต่ต้องรอเอ็มมันสัมภาษณ์ในช่วงบ่าย ซึ่งช่วงบ่ายไข้ผมขึ้นสูงมากผมปวดหัว ตัวร้อนจี๋ ผมอยากกลับบ้านมากตอนนั้นแต่ต้องรอเอ็ม ผมไปนั่งรอมันที่หน้าห้องสัมภาษณ์ข้างมัน มันให้นอนหนุนตักมัน มืออีกข้างนึงมันกอดผมไว้ มืออีกข้างมันเอาลูบหัวผมและวัดไข้เป็นระยะๆ มันไม่อายใครเลย แต่ผมเขิลมาก มีคนนั่งรอสัมภาษณ์เยอะมาก ตอนนั้นบอกเลยผมหวั่นไหวมากที่สุด คำพูดที่มันบอกว่าห้ามชอบมันหายไปในหัวของผม ผมหลับตาปี๋ หัวผมชนกับท้องของมัน มันก็ลูบหัวผม จนผมเผลอหลับไป  ไม่กี่นาทีผมก็ตื่นเพราะมือผมชา ผมเงยหน้ามองมัน ปรากฏว่ามันนั่งจ้องผมอยู่ ผมเขิลมาก มันถามว่า"ตื่นแล้วหรอ"
ผมว่าบอก "ช่ายมือผมชา"


ผมเลยลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ถึงคิวมันไปสัมภาษณ์พอดี ผมนั่งรอมันจนสัมภาษณ์เสร็จก็เย็นมากพอดี เราเลยกลับบ้านกัน คืนนั้นกลับไปบ้าน ในหัวผมมีแต่มัน ผมพยายามคิดแล้วว่ามันคงคิดแค่เพื่อนสนิทไม่มีอะไรมาก แต่อีกใจก็เข้าข้างตัวเองคิดว่ามันอาจชอบเรา ผมเริ่มสับสนกับตัวเอง ว่าจะเอาไงต่อดี ควรบอกมันว่าผมชอบมันหรือเก็บความรู้สึกนี้ต่อไป ผมคิดไปคิดมาจนหลับตอนไหนไม่รู้ วันต่อมาเราไปเรียนกันปกติ ผมตัดสินใจว่าจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ เพราะกลัวเสียมันไป


หลังจากนั้นไม่นานก็ประกาศผลสัมภาษณ์ปรากฏว่าทั้งโรงเรียนติดแค่คนเดียวเพื่อนในห้องผมเองมันเก่งภาษาอังกฤษมาก ผมเสียดายนิดหน่อยแต่ก็ทำใจไว้แล้วเลยไม่มีอะไรมาก 



หลังเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่ให้มันรู้ว่าผมชอบมัน แต่ก็มีบ้างครั้งที่ผมหยอดมุกใส่มันว่าผมชอบมันบ้าง มันก็เท่าแต่ยิ้มไม่ว่าอะไร คงเป็นเพราะผมแค่พูดเล่นๆ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีเหตุการณ์อะไรจนเรียนจบ ม.5 เทอม 2 หลังจากที่เกรดผมตกต่ำไปเหลือ 3.1 ผมก็สามารถอัพมาได้เป็น 3.7 เพราะมีเอ็มคอยกระตุ้นให้ผมตั้งใจเรียน เราก็วางแผนกันในการเตรียมตัวอ่าน นส. ช่วงตลอด ม.6 เพื่อเตรียมตัวเข้ามหาลัย มันชวนผมเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมนี้ ผมก็เรียนเพราะจะได้เตรียมตัวเข้ามหาลัย ปิดเทอมนี้ผมเลยได้อยู่กับมันเกือบทุกวันเรานั่งรถมาเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นั่งรถกลับบ้านด้วยกัน ผมอยากบอกว่าผมมีความสุขมากเลย มีบางวันที่ผมขี้เกียจเรียน ชวนมันโดดเรียนไปดูหนังมันก็ตามใจไปดูหนังกับผม 555 (เป็นคนเลวนิดนึง) แต่นานๆครั้งนะ แบบช่วงที่เบื่ออะไรแบบนี้ 

จนเปิดเทอม ม.6 ผมรู้สึกได้ว่าเอ็มมันแปลกๆไป เพื่อนในห้องสนิทกันมากถึงมากที่สุด ผมกับเอ็มก็เช่นกัน แต่ที่ผมว่าเอ็มเปลี่ยนไปคือพอต่อหน้าคนอื่นมันชอบด่าผมโดยไม่มีสาเหตุ ชอบทำเป็นร้ายใส่ผมต่อหน้าคนอื่น ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น แต่พอมันอยู่กับผมสองต่อสองมันจะคุยดีมากถึงมากที่สุด คุยเหมือนกับคนเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ ซึ่งเราจะได้คุยกันแบบนี้เฉพาะนั่งรถกลับบ้าน(ช่วง ม.6 ผมกลับบ้านเกือบทุกวัน เพราะที่โรงเรียนไม่ค่อยมีเรียน ผมเลยได้กลับบ้านเร็ว) ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ผมโกรธมันมาก ผมด่ามันว่า "พอไม่มีเพื่อนคุยก็มาคุดีกับกูสินะ"  ทำให้ที่โรงเรียนผมกับมันคุยกันน้อยลง ผมก็ใช้เวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อนในกลุ่มมากขึ้นเพราะอยากให้ปีสุดท้ายที่โรงเรียนได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนในกลุ่มมากที่สุด เพื่อนในกลุ่มเราสนิทกันมากจนรู้นิสัยใจคอกัน บ้าบอคอแตกกัน ไปไหนไปด้วยกัน ผมแทบไม่ได้คุยกับเอ็ม.ไม่ได้กลับบ้านพร้อมมัน พอได้กลับบ้านพร้อมกันก็ไม่ได้นั่งด้วยกันอีก 

จนมาถึงงานเลี้ยงรุ่นหลังสอบปลายภาค ม.6 เทอม 2 เสร็จ ที่โรงเรียน งานเริ่มช่วงบ่าย 3  ซึ่งตอนเที่ยงหลังสอบเสร็จผมต้องรีบไปตรวจร่างกายให้เสร็จเพื่อที่จะใช้สอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัยในวันถัดไป ผมออกไปตรวจแค่คนเดียว จะได้รีบกลับมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นทัน พอตรวจร่างกายเสร็จบ่าย 3 กว่าๆเลทไปนิดนึง แต่โชคดีที่งานเริ่มช้า พอถึงหน้าซอยทางเข้าโรงเรียนผมก็รีบโทรตามเพื่อนให้รีบมารับ ผ่านไปสักพัก ก็มีคนขับรถมารับ ผมตกใจมากที่คนที่มารับไม่ใช่เพื่อนที่ผมโทรตาม แต่กลับเป็นเอ็ม ตอนนั้นผมทั้งตกใจและดีใจ ผมทำตัวไม่ถูก ผมถามว่าทำไมมารับ มันบอกว่า "เพื่อนผมยุ่งอยู่เลยใช้ให้มันมารับ จะไปป่าว ไม่ไปก็เดิน"

ผมชักสีหน้าใส่ แล้วก็รีบขึ้นซ้อนท้ายมอไซต์ ผมนั่งห่างจากมัน ไม่กล้าเข้าใกล้ ผมเขิล ระหว่างทางมันก็ถามว่าตรวจเป็นไงบ้าง มันก็พยามยามชวนคุย แต่ผมก็ตอบไปสั้นๆ พอถึงโรงเรียนผมก็รีบไปหาเพื่อน โชคดีที่โต๊ะกินข้าวในงานนั้นผมกับเอ็มนั่งแยกคนละโต๊ะ ไม่งั้นไม่ได้กินแน่ งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนค่ำ ก็มีมินิคอนเสิร์ตให้เด็ก ม6 ได้แดนซ์กัน ผมกับเพื่อนๆก็ไปโชว์สเต็ปกันอย่างเมามันส์ สักพักเอ็มมันมาเต้นข้างผม 
มันบอกผมว่า "คืนนี้ขอนอนที่หอ-ด้วยดิ กูไม่มีรถกลับอะ ดึกแล้ว"
ตอนนั้นอยากตอบตกลงมาก แต่ด้วยความที่ผมยังโกรธมันไม่หาย เลยตอบไปว่า "กูนอนกับรูมเมทก็เต็มแล้ว"
มันก็บอกว่า "กูนอนพื้นก็ได้ ขอนอนด้วยดิ"

ผมยังใจแข็งปฏิเสธมันไป แต่ในใจผมอยากตอบตกลงใจจะขาด มันทำหน้าเศร้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไปเต้นกับเพื่อนต่อ เป็นเหตุการณ์ที่ผมโคตเสียใจ จำได้ขึ้นใจเพราะเพิ่งเกิดไม่กี่อาทิตที่ผ่านมานี่เอง หลังจากเต้นกันเสร็จก็เป็นกิจกรรมอำลาของเพื่อนๆ ผมกับเพื่อนในกลุ่มร้องเพลงกันและห้องไห้กันหนักมาก แล้วเราก็เดินไปอำลาเพื่อนคนอื่นๆ

ระหว่างที่ผมกำลังยืนร้องไห้อยู่ เอ็มมันมากอดผม ผมตกใจมาก ยืนนิ่งก่อนจะกอดมันตอบ มันกอดผมแน่นขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมร้องไห้หนักเข้าไปอีก ก่อนผมจะพูดว่า "-อย่าลืมกูนะ" ผมพูดออกแค่นั้น มันกอดต่อสักพักก่อนจะปล่อยผม ผมรีบเดินไปหาเพื่อนคนอื่นๆ แล้วงานก็เลิก ผมไม่ได้เห็นว่ามันกลับยังไง พอผมกลับถึงหอ ปรากฏว่ารูมเมทของผมไม่อยู่มันไปฉลลองต่อกับเพื่อน ผมอยู่ในห้องนั่งร้องไห้คนเดียว ผมคิดถึงเอ็ม ผมเป็นห่วงเอ็มมาก ผ่านไปสักชั่วโมงผมเริ่มทนไม่ไหว เลยทักเฟสบุ๊คเอ็มไปว่า "-อยุ่ไหนแล้ว ถึงบ้านยังวะ" 

มันบอกว่า "ถึงเรียบร้อยแล้ว มากับรถเพื่อน"

ผมก็หายเป็นห่วง แต่คิดถึงมันมาก คืนนั้นเลยรีบเข้านอน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะวันต่อไปมีสอบสัมภาษณ์ ตอนเช้าผมไปสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยกับเพื่อน พอสัมภาษณ์เสร็จ ก็มีเพื่อนทักแชทมาชวนไปเรียนพิเศษสอบแกทแพทโค้งสุดท้าย ผมก็สนใจเพราะว่าไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเรียนที่นี่ ผมถามมันว่าใครเรียนบ้างมันก็บอกว่ามี-เอ็มคนเดียวที่มันชวนกับผมนี่แหระ พอได้ยินชื่อเอ็มแค่นั้นแหระผมตอบตกลงแทบไม่ทัน ผมดีใจมากที่จะได้เจอเอ็มอีกครั้ง นึกว่าปิดเทอมจะไม่ได้เจอมันอีก

พอวันเรียนมาถึงผมรีบไปก่อนเลย ถึงเวลาเรียนแล้วแต่ไม่เห็นว่าเอ็มมันจะมาเลย เพื่อนผมคนที่ชวนก็ไม่มา ผมคิดในใจว่ามันคงไม่มาแล้วแหระ เลยเรียนไป จนพอพักเที่ยงผมไปกินข้าวในห้างใกล้ที่เรียนคนเดียว สักพักเอ็มก็เดินมาจากไหนไม่รู้ มานั่งข้างผม
มันถามผมว่า "มาเรียนที่นี่ด้วยหรอ-ชายโทรมาบอกกูเมื่อกี๊เอง" (ชายคือคนที่ชวนผมมาเรียนครับ) 
ผมก็ตอบว่า " ใช่ ทำไมตอนเช้าไม่มาเรียนละ แล้ว-ชายหายไปไหน" 
มันบอกว่าตอนเช้าตื่นสายไม่มีรถมา เลยมาเรียนช่วงบ่าย แล้ว-ชายไปสอบกระทันหันเลยไม่ทันได้บอก 

ผมก็กินข้าวกับมันแล้วไปเรียนด้วยกัน มันชวนผมคุย ผมก็คุยกับมันเหมือนปกติ พอเรียนเสร็จเราก็กลับบ้านด้วยกัน เรากลับรถตู้  ครั้งนี้ผมนั่งติดกับมันครับ วันนี้ผมเหนื่อยมากเลยเผลอหลับบนรถ ตื่นมาอีกทีมันก็หลับเหมือนกัน ตอนนั้นผมไม่รู้คิดอะไรนอนเอาหัวไปซบตรงไหล่ของมัน ผมคิดในใจว่าเดี๋ยวพอใกล้ถึงบ้านมันค่อยตื่นละกัน แต่ปรากฏว่าผมหลับลึกไปหน่อย ตื่นอีกทีตอนขึ้นสะพานใกล้ถึงบ้านมัน ผมลืมตาช้าๆ ปรากฏว่ามันนั่งจ้องผมแล้วยิ้มให้ ผมตกใจมาก รีบผละหัวตัวเองจากบ่ามัน มันไม่ได้พูดอะไร ผมก็ไม่พูดอะไร ผมเขิลมาก เลยหันหน้าหนี มองออกไปนอกหน้าต่าง จนถึงหน้าบ้านมัน มันบอกลาผมแล้วยิ้มให้ ก่อนจะลงรถ ผมนั่งรถต่อกลับบ้านอยากบอกว่าใจลอยตลอดทางเลย ผมรู้สึกเขิลยังไงไม่รู้ ผมไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานาน ผมคิดถึงเอ็มมากขึ้น
พอกลับถึงบ้าน มันมาทักในแชทว่า อาทิตหน้าไปสอบแกทแพทจะอยู่โรงแรมเดียวกับมันไหม ตอนนั้นผมตอบตกลงไปโดยไปคิดอะไรเลย มันบอกว่าจะมีเพื่อนมันอยู่ด้วยอีกสองคน คืออยุ่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน ผมก็ตกลงไป แต่หลังจากนั้นสองวันเพื่อนในกลุ่มผมก็ชวนผมไปอยู่กับมัน มันบอกว่าอยู่กับเพื่อนแค่สองคนไม่มีใครช่วยหารค่าห้อง ผมสงสารพวกมันเลยไปยกเลิกเอ็มเพราะมันมีเพื่อนช่วยหารค่าห้องอยู่แล้ว เอ็มก็ไม่ว่าอะไร เพราะเราอยู่โรงแรมเดียวกันแค่คนตึกกันแค่นั้นเอง 
พอวันก่อนสอบหนึ่งวันผมก็นั่งรถมาจากบ้านกับเอ็มสองคน แล้วเราไปต่อรถอีกทีกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ บขส. วันแรกที่โรงแรมเราไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็นกับเพื่อนๆ 


พอวันที่สอง(วันแรกของการสอบ)ตอนนั้นช่วงเย็นเพื่อนผมอ่านหนังสือสอบกันอยู่ 

สักพักเอ็มมันทักมาว่า "ลงมาหามันข้างล่างหน่อย"
ผมบอกว่า "อ่านหนังสืออยู่"
มันบอกว่า "เร็วๆ" ผมก็บอกเพื่อนในห้องว่าเดี๋ยวมาลงไปข้างล่างแปป มันก็แซวว่า-นัดใครไว้วะ ผมก็ขำ แล้วรีบลงไปหา-เอ็ม มันขอเข้าไปนั่งเล่นในห้อง ผมบอกว่าเพื่อนอ่านหนังสืออยู่ มันบอกว่า"เข้าไปนั่งเงียบๆ เพื่อนห้องเดียวกันทั้งนั้น มันจะว่าอะไร" ผมเลยนำมันไปที่ห้อง พอเปิดประตูเข้าไปในห้องเท่านั้นแหระ เพื่อนผมแซวไม่หยุดเลย 
มันแซวว่า "นี่หรอแฟน- ไปแอบกิ๊กกันตอนไหนว่ะ" 
อีกคนนึง "กูว่าแล้ว-เอ็มต้องกิ๊กกับ-แน่ เห็นที่โรงเรียนมีอะไรผิดปกติ"
ผมหน้าแดง ผมบอกว่า"มั่วแล้วพวก- ไม่มีอะไร" 
ส่วน-เอ็มได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร เอ็มนั่งในห้องผมสักพักก่อนที่เพื่อนจะโทรตาม 


พอสอบวันที่สองเสร็จเราก็ไปเลี้ยงกันทั้งๆที่มีเพื่อนบางคนยังสอบวันที่สามอีก 555 (พวกนั้นโดนบังคับ). หลังจากเลี้ยงเสร็จก็แยกย้ายกันกลับห้อง ในห้องผมมีเพื่อนที่ยังสอบพรุ่งนี้อีกวันอ่านหนังสือกัน เอ็มก็ยังสอบอีกวัน มีแค่ผมกับเพื่อนคนละห้องที่สอบเสร็จแล้ว ผมนอนเล่นเบื่อๆ เลยทักแชทเอ็มไปว่า "คิดถึง" ไม่น่าเชื่อว่าสักพัก เอ็มมาเคาะประตูห้อง เพื่อนผมไปเปิด และยังแซวด้วยว่า "แฟนมาหา" ผมตบกะโหลกมันไปทีนึง ก่อนที่จะมานั่งคุยกับ-เอ็ม มันบอกว่าอ่านหนังสือเบื่อเลยอยากมาเที่ยว มันคุยสักพักก่อนกลับห้อง 
วันต่อไปหลังสอบเสร็จเราก็กลับบ้านกัน ตอนก่อนกลับมันทะเลาะกับผม มันหาเรื่องผมทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ระหว่างทางนั่งรถไป บขส. ผมกับมันไม่คุยกันเลย เราไม่ได้นั่งใกล้กัน มีเพื่อนอีกคนนั่งกั้นกลาง พอถึง บขส. ก็แยกย้ายกับเพื่อนคนอื่นๆ เหลือผมกับเอ็ม ที่รอรถตู้ไปต่างอำเภอ ระหว่างที่รอรถมันก็ซื้อน้ำให้ผม ผมก็รับมากินนะ แต่ไม่พูดอะไร ผมนั่งทำหน้าบึ้ง จนขึ้นรถมันก็ชวนผมคุย ผมก็ตอบคำ นั่งทำหน้าบึ้ง มันก็ถามว่า "งอแงไรอีกอะ" ผมโกหกไปว่า "คิดถึงบ้าน"

มันก็ไม่พูดอะไร จนถึงหน้าบ้านมัน มันบ๊ายบายผมก่อนจะลงรถ แล้วยิ้มให้  แต่ผมเบือนหน้าหนีมัน มันพูดว่า "-อย่าทำแบบนี้กับกูดิ" แล้วมันก็รีบลงรถ พอผมถึงบ้านผมก็รีบ ทักแชทไปบอกว่า "เดินทางปลอดภัยนะ" เพราะมันต้องรีบไปสอบสัมภาษณ์ที่ กทม. ซึ่งนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมคุยกับเอ็ม 

หลังจากปิดเทอมเราก็ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกันอีกเลย  ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไป ควรจะบอกว่าผมชอบมันดีหรือไม่ ผมไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกับผม ผมกลัวว่าถ้าผมบอกว่าชอบมัน ผมจะเสียใจมากกว่านี้ก็ได้ มันอาจเลิกเป็นเพื่อนกับผม เพราะประโยคนั้นที่มันบอกว่า "ห้ามชอบมัน" ยังเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเวลา. ผมควรทำยังไงดีครับ  
0
#.Slurpy 11 มี.ค. 58 เวลา 02:13 น. 2

จะบอกว่าให้ทำใจมันยากมากค่ะ ขอแบบในความคิดแบบมั่วๆแล้วกันนะคะ ประสบการณ์น้อยกว่าพี่มากค่ะ เแต่เนื่องต้องห้ามนี่เคยล้ำเส้นไปแล้ว แล้วก็เจ็บจนถึงวันนี้ค่ะ แต่เท่าๆที่อ่านมาเหมือนพี่เอ็มเริ่มชอบพี่ (รึเปล่า) ไม่ก็เป็นเพื่อนสนิทสุดยิ่งยวดแหละค่ะ มันคงมีซักนิดมั้งคะที่พี่เอ็มอาจจะเริ่มชอบพี่ อยากรู้ประเด็นที่ว่าคุยกันถูกคอมากแค่ไหน (เดาส่วนนี้อาจง่ายหน่อย) แต่ถ้าพี่รักพี่เอ็มมากจริงๆอย่าเก็บไว้เลยค่ะ บอกพี่เขาไปดีกว่ามั้งคะ หนูเคยคบกับเพื่อนแต่ทำเรื่องโง่ๆไปเขามาบอกเลิกร้องไห้หนัก มองหน้าไม่ติดจนแทบมิดเทอม กำลังมาเริ่มทักกันช่วงต้นๆเดืินนี่แหละค่ะ ถ้าทำได้ก็ต้องรับผลเสียที่ตามมาเหมือนช่วงที่พี่กับพี่บอสเลิกกันแหละ (บางคนก็ไม่เป็นนะ) เวลาช่วยรักษาได้ถ้าพี่สารภาพแล้วผิดหวังกลับมา 
อวยพรขอให้โชคดีค่า :D

0
#.Slurpy 11 มี.ค. 58 เวลา 02:18 น. 3

อยากบอกว่ามั่วมากค่ะ 5555+ 
ปล. เราเป็นที่ระบายความรักของเพื่อนในกลุ่ม เลยค่อนข้างจะบอกได้มั้งคะ ขอให้ข้อความข้างบนเป็นประโยชน์นะคะ 
ความรักของพี่นี่ อ่านกี่ทีก็ฟินตามค่ะ แงนิยายได้เลอออ 5555+ 

0
เด็กกทม.งิ 11 มี.ค. 58 เวลา 07:56 น. 4

เข้าใจครับ เข้าใจค่ดๆเลยพี่ เพราะผมก้สถานะคล้ายๆพี่นี่ละ

ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นม.6 อยู่โรงเรียนชายล้วนในกทม.

ผมชอบเพื่อนคนนึงครับพี่ อาจจะรักเลยก็ได้//น้ำเน่าแพพ55

เค้าเองก็เคยบอกกับผมว่า เค้าไม่เป็นเกย เค้าชอบผญ ซึ่งผมก็เข้าใจ

พวกผมคบกันเป็นเพื่อนมาได้ซัก5ปี(ตั้งแต่ม.1) ผมก็อารมแบบพี่มาตลอดแหละ อยากจะบอกใจจะขาด แต่ติดไอประโยคว่า เค้าชอบผญ ไม่ชอบเกย์

ผมกะเค้าก้โดนเพื่อนแซวบ่อยด้วย พี่เชื่อมะ การโดนแซวอะ มันมีอำนาจมากกว่าที่คิด ยิ่งถ้าแซวบ่อยๆถี่ๆละก็ วันนึงมันจะเป็นจริงขึ้นมานะ //เช่นแบบพวกผมเป็นต้น //เหตุผลก้ มันเป็นหลักจิตวิทยาอย่างนึง มันจะทำให้คนโดนแซวคิดตามคำแซวไป บ่อยๆก็นั่นแหละ

พี่เชื่อผมเห้อะ ถ้าเค้าดูแลพี่ได้ โดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างนะ เค้าต้องมีสักเสี้ยวนึงในใจที่คิดมากกว่าเพื่อนแหละ

เพื่อนที่ไหนจะดูแลพีได้แบบนี้ เพื่อนที่ไหนจะยอมลำบากเพื่อจะได้ไปนอนห้องเดียวกับพี่ แม้แค่คืนเดียว เพื่อนที่ไหนจะมาหาพี่ทันทีที่บ่นว่าคิดถึง

บอกเถอะครับ บอกให้ได้ ทำใหทุกอย่างชัดเจนครับ ไม่งั้นมันอาจจะทำให้พี่เสียใจไปตลอดชีวิต ที่ปล่อยพี่เอ็มไป

0
Emem1739 11 มี.ค. 58 เวลา 09:20 น. 5

ขอบคุณครับ พี่จะรวบรวมความกล้าไปบอกเอ็มมัน ให้เร็วที่สุด แต่รวบรวมความกล้าแปปโกรธแล้วนะ

0
Funเหล็ก 11 มี.ค. 58 เวลา 14:59 น. 7

โหพี่...มันใช่เลย
ผมว่าเค้าก็คงจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้วล่ะ
ทั้งดูแลตอนป่วย อยู่ด้วยตอนคิดถึง โอ้ยยยย...ขอฟินตาย5555
ลองๆแอบบอกเค้า...ไม่ก็ลองถามเค้าดูนะพี่
ผมเชียร์ให้พี่สมหวังนะคับ^^

0
เด็กกทม.งิ 11 มี.ค. 58 เวลา 17:20 น. 9

กล้าๆเข้าไว้พี่ สู้ๆครับ ขอให้สมหวัง แต่ถ้าไม่ก็อย่าเสียใจหนักไปนะครับ เป็นบททดสอบครั้งใหญ่ครั้งนึงในชีวิต

0
Onanong Nuraksa 11 มี.ค. 58 เวลา 17:58 น. 10

น่าอิจฉามากกก #พูดโลยยย ><  ถ้าเป็นน้องนะแหม่ๆบอกชอบตั้งแต่ม.4ละ ( รีบๆบอกหากเค้าปฎิเสธเราจะได้หาเป้าหมายใหม่ 5555 ) พี่บอกโลยเชื่อน้อง !!ยังไงเค้าต้องรับรู้อะไรสักอย่างแน่นอน #เชื่อเถอะ //น้องยังไม่กลัวเลยบอกชอบผช.โดนปฎิเสธมาเยอะ 555 #เป็นคนที่เจ็บแต่แล้วง่ายมาก #เพราะน้องชอบมางให้อะไรใหม่ๆ555 ( ผช.คนใหม่ไรงี้ ) ////สุดท้ายนี้คืออยากเห็นหน้าพี่มากกก ( นะๆ ) #ทิ้งไอจีไว้ก้ได้นะ หรือแอดเฟสน้องก้ได้นะ chanawut tubtrai ( นะๆคืออยากให้หน้าพี่จิง )

0
ณิรนาม 11 มี.ค. 58 เวลา 22:37 น. 12

ผมก็เป็นครับตอนนี้ ม.6 ละ ผมพยายามไม่พูดอะไรแล้วล่ะเพราะตอนนี้แทบไม่ได้พูดกันทำให้มันเบาลงหน่อย

0
dorkondekd 11 มี.ค. 58 เวลา 22:38 น. 13

แหม่ ปิดเทอม เหล่าสาววายมาเชคเรตติ้งนิยายกันใหญ่เลย
เด็กน้อยทั้งหลาย

0
ต้องบอกไหม 11 มี.ค. 58 เวลา 22:39 น. 14

มอมยาลากขึ้นเตียงข่มขืน อัดคลิปแบล็คเมล์ ขู่นัดมาซั่มบ่อยๆให้ติดใจ เด๋วก็รักกันค่ะ หนังสือวายมีบอกไว้ อืม สู้ๆนะคะ ของขวัญ

0
dcmkv 11 มี.ค. 58 เวลา 22:43 น. 15

เหตุการณ์เดียวกันกับผมเลย... ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนในห้องคนนี้หรอก จนวันหนึ่งผมได้ย้ายไปนั่งข้างมัน ผมแม่งก็รู้สึกแปลกๆไปช่วงแรกผมก็พยายามห้ามใจอยู่ สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ตลอดเทอมม.6 ผมคอยช่วยเหลือมันตลอด.. ทุกเรื่องและหลายๆเรื่อง อยากให้มันเห็นด้านที่ดีของผม จนวันหนึ่งผมบอกมันไปว่า ผมชอบมัน ต่อหน้าเพื่อนในห้อง วันนี้อึ้งงกันทั่วหน้าเลย มันก็ทักเฟสมาว่า "มันชอบผญ. มันไม่ได้เป็นเกย์ มันเป็นผู้ชาย " ผมพยายามทุกวิถีทาง ถามสาระพัดว่าไม่รู้สึกดีกับกูบ้างอ๋อ ละที่-ทำมันคือไรวะ มันก็ตอบว่า ก็ "เพื่อน" มันยังบอกอีกว่า เหมือนเดิมอะดีแล้วหนุกดีออก มันเบื่อที่มันโดนเพื่อนในห้องล้อเรื่องผม สุดท้าย.. จนตอนนี้จนจบม.6 ผมกับมันก็จะแยกจากกันแล้ว มันก็ยังคุยกับผมมาตลอด.. จนตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไงต่อไป..

0
pingpong 11 มี.ค. 58 เวลา 22:45 น. 16

บางทีการเป็นเพื่อนกันมันก็ยั่งยืนกว่านะครับ เก็บเอาไว้ในใจ แค่ได้รักเค้า ได้เป็นห่วงเขา ได้ดูแลเขาอยู่ห่างๆ แค่นี้ก็อาจจะมีความสุขมากกว่าการที่บอกเขาไป แล้วเขารับไม่ได้ เพราะเท่าที่เป็นอยู่นี้ เขาก็น่าจะเห็นว่าคุณเป็นเพื่อนรัก และเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุดคนนึง

มันอาจจะทำใจยาก หรือ ต้องเจ็บอยู่ตลอดเวลา แต่ก็สักวันนึง คุณคงทำใจคิดกับเขาแค่เพื่อนได้จริงๆ และวันนั้นอาจจะเป็นวันที่คุณมีความสุขมากๆ ก็ได้ เพราะคุณจะได้เพื่อนที่ดีมากๆ อยู่กับคุณ และคุณก็จะเป็นเพื่อนที่ดีของเขา และอยู่กับเขาตลอดไป

แต่...เขาอาจจะรู้ก็ได้นะครับ ว่าคุณคิดอะไรกับเขา เพียงแต่เขาไม่ว่าอะไร และ เห็นว่าคณเป็นเพื่อนที่เขารักและไว้ใจ จึงไม่อยากพูดหรือถามให้ความสัมพันธ์ดีๆ มันพังลง

เรื่องต้องห้ามสำคัญสำหรับการรักเพื่อน ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม คือ ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด อย่าแสดงความหึงหวง ซักถามซอกแซกจนออกนอกหน้า ถ้าอยากรู้ให้หาวิธีถามอย่าให้เค้ารู้สึกรำคาญ และ คิดว่าเรายุ่งวุ่นวายกับเขามากเกินไป รักเลย

เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้นะครับ และเป็นกำลังใจให้...

0
Beamsuchawalee 11 มี.ค. 58 เวลา 22:48 น. 18

ฟินนาเล่~พี่คะหนูว่าลองบอกไปเลยค่ะหนูคิดว่าพี่เขาก็น่าจะหวั่นไหวบ้างแหละน่าเชื่อนะๆ55555 สู้ๆนะคะเขินจังงง55555

รักเลย

0
ตุ๊บป่องง 11 มี.ค. 58 เวลา 22:49 น. 19

พี่ลองถามเค้าก่อนดีม่ะว่าเค้ารู้สึกยังไง.อย่างน้อยถ้าเค้าไม่รู้สึกอะไร พี่จะได้ไม่เสียเพื่อน

0
คนฝวย 11 มี.ค. 58 เวลา 22:52 น. 20

เราว่านะเอ็มต้องชอบเเกบ้าวเเน่ๆ เพราะว่าเอ็มชอบหาสาเหตุทะเลาะหาเรื่องตลอดทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร เเต่พออำลาเอ็มก้อกลับมากอดเเล้วพออยู่โรงเเรมตอนเพื่อนเเซวเอ็มกลับไม่ปฏิเศษมันเเปลกนะสำหรับคนที่พูดว่า"-อย่ามาชอบกุเเล้วกัน"
เเนะนำคะบอกชอบไปเลยคะ สมัยนี้เเล้วไม่เเบ่งเเยกเพศหรอก เเมนๆคุยกันเลย ใครรุกใครรับค่อยว่ากัน5555ให้เดานะคะ หลังจากบอกชอบไปเดี๋ยวมีเฮเเน่เลย><เขินเเทนคะเศร้าจัง

0