Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

กรุ๊ปเลือดกับการแต่งนิยาย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ

เอาเข้าจริงๆ ผมนี่คลั่งเรื่องกรุ๊ปเลือดมาเลย

เราลองมาเล่นเกมกันดีกว่า
เพิ่มเติมตัวเองไปด้วย หาเรื่องที่มีสาระมาให้เลยนะเนี่ย!!

กติกา : แต่งนิยายในฉบับของตัวเอง ไม่จำกัดแนว ตัวละครไม่เกิน3 ตัว แล้วแต่ว่าตัวละครนั้นจะนิสัยอย่างไร แล้วแฮชแท็กว่าตัวละครของคุณกรุ๊ปเลือดอะไร แต่งไม่จำกัด กี่ฉากก็ได้ ยกตัวอย่าง

    ของผมนะ
    เพื่อนรักทั้งสอง...ตัวฉันชื่อ มีนา และเพื่อนของฉันชื่อ ธันวา เราทั้งสองสนิทกันมาก ตั้งแต่ก่อนเวลาเราทั้งสองเดินข้างกัน ยิ้มให้กัน สู้ด้วยกัน เจออุปสรรคมาตั้งมากมาย แต่หลังๆ เมื่อไม่นานมานี้ ธันวาดันไปทะเลาะกับแฟนเสียได้ ฉันก็อดเป็นห่วงธันวาไม่ได้ มีนาร้องห่มร้องมาอยู่ตลอด ส่วนตุลาแฟนของธันวา ก็ไม่มาง้อขอคืนดี แต่ดันโกรธงอนธันวา เรื่องไม่ให้อิสระในตัวเขา ส่วนธันวาก็ดันงี่เง่า โกรธกับตุลาที่ไม่เคยดูแลเอาใจใส่เธอเลย ฉันเห็นก็น่าสงสารทั้งคู่ ฉันกลัวว่า ทั้งสองจะไม่คืนดีกัน ฉันจึงใช้วิธีนี้
    "ตุลา จริงๆ นายก็ลองไปเคลียร์กับธันวาดู เผื่อธันวาจะยอมรับฟังในตัวนาย" ฉันตบบ่าของตุลาเบาๆ ตอนนี้ดูกำลังคิดหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ทะเลาะกัน
    "ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น" เขาตอบ

    ฉันเดินไปหาธันวา ที่ตอนนี้เธอดูเหม่อลอย เธอชอบคิดอะไรอยู่ในหัวเยอะแยะไปหมด อาจจะรวมถึงเรื่องที่เธอทะเลาะกับตุลาก็ได้ เธอนั่งชิงช้าแกว่งตัวเบาๆไปตามลมที่พัดพาใบไม้ที่แห้งกรอบไปตามลม มีชิงช้าตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ ฉันจึงไปนั่งชิงช้าที่ว่างเปล่าตัวนั้น เพื่ออธิบายอะไรบางอย่าง ให้ธันวาได้เข้าใจ
    "คิดอะไรอยู่...เรื่องของตุลาเหรอ?" ฉันถามเธอไป
    "เปล่าซะหน่อย ผู้ชายแบบนั้น ไม่มีได้ก็ดี" เธอตอบ
    "ฉันเข้าใจว่าเธอกำลังโกรธ ลองไปคุยกันดีๆ ลองปรึกษาดูไหม เผื่อช่วยได้ ฉันเชื่อว่าตุลาไม่ใช่คนใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผมหรอก"  ฉันตอบ "ตุลาอาจจะเรียกร้องความสนใจกับเธอก็ได้ ก็เหมือนที่เธอจีบตุลาไง" 
    "บ้า! ฉันรู้ว่าตุลาเป็นคนยังไง ฉันก็อยากจะมีในสิ่งที่เขามีกันบ้าง"
    "ถ้าอย่างนั้น...ลองไปบอกตุลาดูสิ ฉันว่าตุลาจะเข้าใจ"

    หลังจากที่ฉันทำให้ทั้งสองคืนดีกันสำเร็จ... ฉันก็ยินดีด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะชอบตุลามาก่อนก็ตาม  แต่เพื่อเพื่อน ฉันทำได้ทุกอย่าง

มีนา #AB
ตุลา #B
ธันวา #O

อันนี้ผมลองแต่งนิยายรัก ฉากสั้นๆเป็นครั้งแรก อาจจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่เนอะ อันนี้เป็นตัวอย่าง เรียนรู้เกี่ยวกับนิสัยของตัวละครเพิ่มเติมครับ ^^

ลองดูนะครับ


 

แสดงความคิดเห็น

>

19 ความคิดเห็น

มัชฌาวี [เด็กน้อยเปื้อนเลือด] 22 มี.ค. 58 เวลา 14:42 น. 1

ขอเมษลองเล่นบ้างนะครับ


"เมษ...."ใครบางคนเรียกผมทำให้ผมที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนสะพานในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งถึงกับต้องรีบเดินหนี ถ้าหากถามว่าทำไมผมต้องหนี ก็เพราะว่า...หมอนั่นแหละที่ทำให้ผมร้องไห้

"เมษ....มาคุยกันก่อนดิ อย่าเพิ่งหนีพี่สิ"เขาพยายามเรียกผม แต่ผมกลับเลือกที่จะวิ่งหนีทั้งน้ำตาโดยที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะมองยังไง ผมไม่อยากเจอเขา แค่เรื่องที่เกิดมันก็มากพอแล้ว แค่เขาทำเรื่องเลวๆกับผม ผมไม่อยากจะคุยกับเขา ทางทีดีผมอยากจะหนีไปให้ไกลๆ

"ไม่คุย...ผมไม่อยากคุยกับคุณ!!!!!!!!!!!"ผมตะโกนพร้อมกับรีบวิ่งหนี ด้วยความที่ขาผมมันสั้น ทำให้เขาวิ่งตามผมมาทันจนได้ เขากระชากตัวผมเข้ามาสู่อ้อมกอดได้อย่างง่ายดาย ผมได้แต่มองหน้าเขาพร้อมกับร้องไห้อีกครั้ง แต่มีหรือที่คนอย่างงนายก้อง จะปล่อย มัชฌาวีคนนี้ไปง่ายๆ ใช่สิ....ผมมันเจ็บไม่เป็นนี่นา เขาคงเห็นผมเป็นตุ๊กตายางสินะ ถึงได้อยากทำอะไรก็ได้

"เมษ....ฟังพี่"

"ไม่ฟัง....เรื่องอะไรที่คุณต้องมาเรียกชื่อผม คุณก้อง คุณต้องการอะไรจากผมอีก คุณได้ไปหมดแล้ว คุณยังต้องการอะไรจากผมอีก ปล่อยผมนะก่อนที่ผมจะเรียกแฟนผมมากระทืบคุณ"ผมบอกเขาไปแบบนั้นพร้อมกับพยายามสบัดมือออก แต่มีรึที่แรงของผมจะสู้แรงเขาได้ ก้องกระชากผมเข้ามาในอ้อมแขนและกอดรัดผมไว้แน่น ผมขยับแทบไม่ได้ก็แรงพี่แกเยอะแล้วดูตัวผมสิครับ เล็กยังกับไม้เสียบผี
"ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วยผู้ชายคนนี้จะข่มขืนเมษ"เชอะ...ในที่สุดผมก็ใช้ความที่ผมอ้อนแอ่นเคะแตกเป็นสาวน้อยเป็นอาวุธโดยการตะโกนเรียกคนมาช่วยซะเลย

และทันใดนั้นเอง....

"พี่ก้อง พี่ถอยห่างจากน้องเมษาเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!!!!!!!!"เสียงสวรรค์มาช่วยเมษแล้วครับ เมษลืมไปได้ไงว่าวันนี้เมษามากับเมษด้วย แต่เมษาดันไปซื้อขนมกินถึงได้หายไปนาน

และทันทีที่ได้ยินเสียงของเมษา ทำให้ตอนนี้ก้องปล่อยผมแล้วครับ ผมรอดแล้ว รอดครับ ผมรีบวิ่งไปหาเมษาทั้งน้ำตา ราวกับเป็นสาวน้อยเพิ่งเสียตัว//ห๊ะ?

เมษามองก้องตาเขม่งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ยังไม่ทันที่ก้องจะอ้าปากพูด เมษากับตบก้องเต็มแรงเสียจนหน้าหัน

"ทำได้แม้กระทั่งน้องเมษา....เลวจริงๆ"


เมษ #B
ก้อง #O
เมษา #B

0
Ambitious 22 มี.ค. 58 เวลา 14:56 น. 2

ผมชอบนะครับ การทะเลาะกันในนิยายดูแล้วเหมือนจะตลก แต่ถ้าเกิดขึ้นในชีวิตจริง คงหน้ากลัวหน้าดู ในตัวละคร คนกรุ๊ปบี ถ้าทะเลาะกับใครแล้วจะเดือดผุดๆเลยครับ เพราะเวลาคนกรุ๊ปบีเสียใจ ต้องลองปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก หรือไม่ก็ทำอะไรแล้วให้คนกรุ๊ปบียอมรับ จะสามารถลดละความโกรธลงได้ ต่างจากคนกรุ๊ปโอที่เวลาเสียใจ เราต้องหาต้นเหตุที่ทำให้เสียใจ เพราะถ้าไม่มีเหตุผลให้โกรธ คนกรุ๊ปโอจะไม่โกรธครับ วิธีแก้คือพูดเคลียร์ด้วยเหตุผล สามารถช่วยได้ครับ #กูรู

0
มัชฌาวี [เด็กน้อยเปื้อนเลือด] 22 มี.ค. 58 เวลา 15:02 น. 3

ทะเลาะกันน่ากลัวนะครับ ตัวเมษเองก็กรุ๊บบี เวลาโกรธคือด่าเป็นด่าครับ เมษเคยโกรธคนหนักสุดถึงขึ้นต่อยเลยก็มีครับ คนเค้าไม่ผิดเมษไม่สน เมษโกรธเลยกระทืบสักทีสองที

0
Ambitious 22 มี.ค. 58 เวลา 15:07 น. 4

ใช่ครับ คนกรุ๊ปบีมักจะตามอารมณ์ตัวเอง ไม่ยึดหลักเหตุผล ต้องหาอะไรมาระบายอารมณ์ครับ อย่างเช่นผมเนี่ยคนกรุ๊ปโอก็ไม่ใช่กรุ๊ปเอบีก็ไม่ใช่ครับ สองบุคลิก นิสัยที่จะตรงกับกรุ๊ปเลือดมันก็ต้องมีต่างครับ เวลาผมโกรธก็จะชอบไปอยู่คนเดียว(นิสัยกรุ๊ปเอบี) แต่ถ้าเจอศัตรู จะประชดประชัน (นิสัยกรุ๊ปโอ) บางครั้งก็เหมือนทำให้ศัตรูไร้ตัวตนเลยล่ะครับ แบบจะไม่สนใจเหมือนธาตุอากาศ (นิสัยกรุ๊ปเอบี) เพราะถ้าผมโกรธขึ้นมา ไม่มีใครจะทำให้หายโกรธง่ายเลยละครับ

0
22 มี.ค. 58 เวลา 18:09 น. 5

เล่นด้วยนะ ลงทุนนั่งแต่งเป็นชั่วโมงเลย สนุกไม่สนุกก็อย่าว่ากันนะ ^^
เมนคูนส์ขอร่วมด้วย!!            

ชื่อเรื่อง...เกมของคนโง่ (ยาวนะ ><)

            จะเชื่อใจใครได้ในเวลานี้?

            ใช่แล้ว นาทีนี้แม้กระทั่งตัวเองยังไม่กล้าไว้เลยใจสักนิด ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าตัวเองซื่อสัตย์กับความเป็นมนุษย์ของตนมากแค่ไหน ต้นยืนสั่นเทิ้มอยู่ในกล่องเหล็กทรงสูงรูปสี่เหลี่ยมซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยเป็นตู้เอกสารมาก่อน ความมืดมิดปกคลุมรอบตัวจนไม่สามารถมองเห็นแม้เพียงฝ่ามือของตนเอง มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาทางช่องเล็กๆ เท่านั้นที่ทำให้เขาพอจะมองไปยังนอกกล่องเหล็กนี้ได้...ซึ่งมันมีแค่เพียงห้องที่แสนรกเต็มไปด้วยของใช้เก่าๆ เท่านั้น

            ลมหายใจของตัวเองยังดังเกินไปสำหรับต้น มันอาจจะนำพาความตายมาสู่เขาได้ทุกเมื่อ ในยามที่ทุกๆ อย่างกำลังกำหนดชีวิต เขา...อยากหยุดลมหายไว้ไว้สักชั่วคราว เพราะในเวลานี้สมองสั่งการเรียบร้อยแล้วว่าเขาต้องทำอะไร

            นั่นคือการมีชีวิตรอดให้ได้เท่านั้น!!

            มือของต้นถือท่อนเหล็กขนาดเหมาะมือไว้แน่น เตรียมพร้อมที่จะเหวี่ยงมันเข้ากับใครก็ตามที่คิดจะเอาชีวิตเขา เพื่อวันพรุ่งนี้ เพื่อความหวัง เพื่อชัยชนะ!

            เขาเริ่มเกมนี้ไปแล้ว ก็จะหยุดไม่ได้ นั่นคือกฎของการแลกเปลี่ยน

            เพียงข้อเดียวเท่านั้น คือต้องฆ่า และห้ามโดนฆ่า

            “โธ่เว้ย! มาสิ มาสิพวกแก...มาหาฉัน” เขากระซิบกับตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะเงียบสงบเพื่อนิ่ง รอ อยู่ในห้องที่แสนเงียบสนิทนี้

 

            เขาไม่น่ารับคำท้านั้นมาเลยให้ตายเถอะ!

            ก้องยืนนิ่งอยู่บนชั้นดาดผ้าของตึกแห่งนี้ เขาแนบลำตัวกับกับผนังตึกข้างๆ ประตูดาดฟ้า ซึ่งมันคือทางเดียวที่ทำให้เขาสามารถรู้การเคลื่อนไหวของใครก็ตามที่ก้าวเข้ามา ลมหายใจขาดห้วงไปเป็นระยะๆ ท้องฟ้าในคืนนี้ดำมืด แม้จะมีแสงจันทร์ ทว่าไร้ซึ่งแสงระยับของดวงดาว ปุยเมฆสีหม่นลอยเอื่อยไร้ทิศทาง มันช่างเหมือนกับเขาจริงๆ ที่นาทีนี้ชีวิตมันไร้ทิศทางเสียเหลือเกิน

            ถ้าตอนนั้นเขาไม่รับจดหมายนั่นมาแล้วตอบรับข้อเสนอบ้าๆ นั่นไป เขาก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์ชวนประสาทเสียนี่ รอบนอกของอาคารคือกำแพงสูงที่มีกระแสไฟฟ้าพร้อมจะคร่าชีวิตผู้หลบหนี เขาหนีไม่ได้...เพราะต้องเป็นคนสุดท้ายเท่านั้น ถึงจะออกไปอย่างปลอดภัย

            งานนี้ต่อให้แขนกุดขาขาดเขาก็จะยอมไม่ได้ เขาผ่าฟันมาถึงขนาดนี้แล้ว เพื่อจุดหมายของตัวเอง...เขาก็ได้ฆ่าคนที่ถูกเรียกเข้ามาไปแล้วเกือบสิบคนด้วยมีดขนาดใหญ่ในมือ แม้ทุกครั้งจะสั่นกลัว และพรั่นพรึงเพียงใดก็ตาม แต่ตามความจริงของมนุษย์แล้ว...ถ้าให้เลือกระหว่างฆ่ากับถูกฆ่า ไม่มีใครโง่ยืนหลับตาให้คอหลุดจากบ่าไปเฉยๆ หรอก

            ตอนนี้เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั่น...ใช่ เหมือนกับที่เขาไม่เคยไว้ใจใครมาตลอดนั่นแหละ ถึงจะมีเพื่อนแต่ก็ไม่มีใครรู้จักเขาจริงๆ สักคน ความโดดเดี่ยวและตัวเองเท่านั้นที่ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะผ่านเกมนี้ไปได้

            ผู้รอดชีวิตมีเพียง 3 คนเท่านั้น ท่านจงฆ่าพวกมันอีกสองคนซะ แล้วความปรารถนาของท่านจะเป็นจริง

                เสียงประกาศดังขึ้นลั่นอาคาร นี่เป็นครั้งแรกที่มีการบอกกล่าวจาก-คนสร้างเกมบ้าๆ นั่น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ก้องรู้ว่า เขาจะไม่ต้องฆ่าคนมากมายอีกแล้ว เพียงสองคนเท่านั้น ทุกๆ อย่างจะเป็นของเขา เงินสิบล้าน บ้าน รถ...ถ้าเทียบกับที่ฆ่ามาแล้ว จะฆ่าอีกสองคนเป็นไรไป

            เข้ามาเลย ให้เหยื่อหน้าโง่ทั้งสองตัว!!

 

         

0
22 มี.ค. 58 เวลา 18:09 น. 6

ต่อๆ

เลือดสีแดงฉานในความมืดมันสาดกระเซ็นอยู่ตรงหน้าเปรอะพื้นผนังทางเดินเป็นทางยาว แสงจันทร์ส่องสะท้อนเอาสีสันและกลิ่นคาวที่โชยคลุ้งชัดเจนขึ้นในความทรงจำ โถงทางเดินยาวเหยียดและมืดมิดตรงหน้าคือทางที่เขาต้องเดินไป ‘เอก’ หันกลับไปมองร่างไว้วิญญาณที่นอนจมกองเลือดทั้งสองศพที่เขาเพิ่งคาดโทษมันไปเมื่อครู่ด้วยแววตาที่แสนเฉยเมย ราวกับว่าความปราณีในตัวเขามันหายไปหมดสิ้น

ทั้งๆ ที่ศพทั้งสองคือคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน!

มันก็แค่ความหวังเท่านั้น หวังมาตลอดว่าสักวันเด็กหนุ่มจะมีเพื่อนที่แสนจริงใจและเชื่อใจกันได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งเมื่อไม่มีกี่นาทีก่อนเขาก็คิดเช่นนั้น จนได้ยินความคิดทรามๆ ของพวกมันสองคนที่วางแผนหลอกเขามาฆ่าไงล่ะ...เขาจึงต้องขอลงมือฆ่าพวกมันก่อน

สิ่งมีชีวิตน่ะ มิตรภาพยังเป็นสิ่งที่ห่างไกล เพื่อนแท้อะไรนั่นมันไม่ได้มีอยู่บนโลกนี้หรอกไม่ว่าใคร ไม่ว่าฐานะอะไร มนุษย์ของคนเราเกิดมาเพื่อพึ่งพาตัวเองให้อยู่รอดและอาศัยคนอื่นเพื่อเป็นเบาะรองเท้าสำหรับการก้าวหน้าของชีวิต ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคนจำพวกทำทุกอย่างให้ได้ไปในที่ๆ สูงกว่าต่อให้ต้องเหยียบหัวใคร หรือข้ามศพใครก็ตาม

เพื่อน...มันก็แค่เพื่อน มันก็แค่คนรู้จัก

‘ผู้รอดชีวิตมีเพียง 3 คนเท่านั้น ท่านจงฆ่าพวกมันอีกสองคนซะ แล้วความปรารถนาของท่านจะเป็นจริง’

เสียงประกาศดังขึ้นมาแล้วในวินาทีนี้ เอกยกยิ้มขึ้นทันที สายตาของเขาแข็งกร้าวเกินจะมีความเป็นมนุษย์ เขาจะต้องจัดการอีกสองคน...อีกสองคนเท่านั้น

กึก!

แล้วเสียงบางอย่างก็ดังข้างหลังของเขา เด็กหนุ่มหันขวับกลับไปในทันที ก่อนจะพบว่าหนึ่งในสองผู้รอดชีวิตที่กล่าวถึงพุ่งเข้าประชิดตัวของเขาอย่างเร็ว ในมือของศัตรูตรงหน้านั้นคือท่อนเหล็กที่ถือเอาไว้แน่น มันถูกเหวี่ยงเข้ามาเร็วจนเกินกว่าที่เอกจะตั้งตัว

นัยน์ตาเบิกโพลงปากอ้าค้างด้วยความตื่นตระหนก

ต้องหลบ! ไม่...ช้าไปแล้ว

ผัวะ!!

โสตประสาทสั่นคลอนไปชั่วขณะ ทุกอย่างหนักอึ้งภาพที่เอกมองเห็นในตอนนี้ดับวูบไปพร้อมๆ กับใบหน้าที่แสนเย็นเยือกนั้น... เขารู้จักใบหน้านั้นดี เพื่อนของเขา ต้น!! เขาอาจจะหมดหนทางรอดในตอนนี้ เพราะทุกอย่างกำลังชัดเจนโดยเฉพาะความมืดมิดที่มองเห็น หากเขาล้มไปแล้ว เขาต้องโดนซ้ำจนตายแน่ๆ

แววตากราดเกรี้ยวของคนตรงหน้าทำให้เอกเข้าใจแน่ชัดแล้วว่ามนุษย์ที่แท้จริงก็เป็นเพียงแค่สัตว์ที่พูดได้เท่านั้น จิตใจลึกๆ แล้วไม่สามารถก่อร่างสร้างตัวให้มันเป็นไปตามเส้นทางที่ถูกสางไว้ได้หรอก คนดีอะไรกัน?

“อั๊กกก!”

เด็กหนุ่มรวบรวมเรี่ยวแรงครั้งสุดท้ายกำมีดในมือแน่นจนสั่นเกร็ง มันคือการตัดสินสุดท้าย หากไม่โดนเขาก็พลาดไปโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เอกแทงปลายมีดนั่นออกไปอย่างแรงทันที แล้วภาพตรงหน้าของเขาก็ดับวูบลง เขาไม่รู้ว่าเขาโจมตีถูกมั้ย แต่แรงเสียดทานที่มือมันดูหนักอึ้ง พร้อมกับเสียงตุบ! เขาแทงคนๆ นั้นโดนแล้ว...อย่างน้อย ถ้าจะตายก็ไม่ขอให้คนที่ฆ่าเขาได้เป็นคนสุดท้าย...

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจนมันชาชืด ความมืดที่มองเห็นเริ่มกลายเป็นแสงสว่าง...เอกกำลังหลุดพ้น ขอให้โลกหน้าเขาได้พบ ได้พบกับโลกที่มีเพื่อนดีๆ ด้วยเถิด...ฉันยังหวังนะ ยังโหยหาเสมอ มิตรภาพ!!



‘ผู้แข่งกันเผชิญหน้าและเสียชีวิตทั้งคู่ ผู้ร่วมแข่งกันเหลือเพียงคนสุดท้ายแล้ว คุณคือผู้ชนะ’

เคร้งงง!

มืดในมือถูกปล่อยลงพื้นอย่างโล่งใจ ก้องทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเปรมปรีดิ์ เขาคือคนสุดท้าย...พวกมันฆ่ากันตายแล้ว ไม่ต้องฆ่าใครแล้ว

“ฮึก...ดีใจจัง!” ความรู้สึกที่แสนอัดอั้นล้นทะลักออกมาเป็นหยาดน้ำตาท่วมใบหน้า เขาดีใจจนทนแทบไม่ไหวที่ทุกๆ อย่างที่โหยหากำลังจะเป็นจริง!

‘ขอเชิญผู้แข่งขันคนสุดท้ายออกจากสนามแข่งขันได้ ท่านปลอดภัย แล้วเราจะมอบรางวัลให้ในวันรุ่งขึ้นทันที’

เสียงประกาศสุดท้ายดังขึ้นก่อนที่ทุกๆ อย่างจะตัดไป ความเงียบคลอบคลุมรอบข้างอีกครั้ง เด็กหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดที่ทอดยาวนั้นไป ค่ำคืนนี้แสนเลวร้าย...เขาได้กลิ่นเลือด ได้ฆ่าคน และได้เรียนรู้อะไรมากมาย ถึงมันจะโหดร้าย แต่เขาไม่ตายมันก็เป็นเรื่องดี

ก้องเดินมาถึงชั้นล่างของตึก อีกไม่ไกลแล้วอิสระของเขากำลังจะมาหา เพียงแค่เห็นทางออกความกลัว ความเหนื่อยล้าก็มลายไปสิ้น เขาเริ่มออกวิ่งตรงไปยังประตูทันที เพื่อตรงออกไปจากกำแพงนี้ เด็กหนุ่มวิ่งตึงตังไปสู่ประตูอาคารกระจกใสทันที ก่อนที่จะมีเสียงๆ หนึ่งแว่วขึ้น

“ยินดีด้วยกับผู้ชนะ”

“......”

ฉัวะ!!

ตุ่บ...คลุ่กๆๆ

ในเสี้ยววินาที ทุกอย่างหายไปราวกับความฝัน คมมีดคมกริบถูกเหวี่ยงเข้าที่กลางลำคอของก้องอย่างแรงจนทำให้ศีรษะของเด็กหนุ่มนั้นหลุดกระเด็นออกจากตัวแล้วกลิ้งหลุนๆ ไปอีกทาง เหลือไว้ซึ่งร่างไร้ศีรษะที่ยืนค้างนิ่ง เลือดกระฉูดออกจากบาดแผลไม่ต่างจากท่อน้ำพุ ร่างนั้นคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะล้มลงกระตุกแล้วแน่นิ่งไป

“แต่ผู้ชนะคือฉันนะ!” น้ำเสียงนุ่มๆ ดังขึ้นมาจากมุมหนึ่งของบานประตูกระจก เขาค่อยๆ ก้าวออกมาจากความมืดสลัวของมุมอาคาร พร้อมกับมีดขนาดใหญ่ที่เพิ่งเก็บมาได้จากศพล่าสุดที่เขาเพิ่งฆ่าไป!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“โธ่เว้ย! มาสิ มาสิพวกแก...มาหาฉัน” ต้นกระซิบกับตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะเงียบสงบเพื่อนิ่ง รอ อยู่ในห้องที่แสนเงียบสนิทนี้ แต่แล้วสายตาของเขาก็พบบางสิ่งบางอย่างเข้า มันกำลังทำงานอยู่ และแทบไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่ตรงนี้

มันคือหน้าจอคอมพิวเตอร์เก่าๆ ที่กำลังเชื่อมต่อกับระบบกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งอุปกรณ์กระจายเสียงที่ปรากฏดวงไฟสีแดงพร้อมทำงาน เด็กหนุ่มรีบออกมาจากตู้นั้นแล้วเดินไปล็อคห้องเสีย เขาเจอแจ็คพ็อตแล้ว!

กล้องจรปิดทั้งสิบสองตัวแสดงผลอยู่ตรงหน้า มันชัดเจนแล้วว่าในเวลานี้ทั้งหมดของผู้แข็งขันนับยี่สิบชีวิตเหลือเพียงแค่สามคน นั่นคือตัวเขาเอง กับคนหนึ่งบนดาดฟ้า และอีกคนที่อยู่ตรงชั้นล่างของชั้นที่เขากำลังอยู่ ต้องไปฆ่าตัวเกะกะใกล้ๆ นี้ก่อน...และต้องทำการปลุกเหยื่อให้พร้อมด้วย

ว่าแล้วเขาก็จัดการใช้เครื่องกระจายเสียงส่งเสียงทุ้มๆ ที่พยายามดัดให้แหบต่ำออกไปทันที

‘ผู้รอดชีวิตมีเพียง 3 คนเท่านั้น ท่านจงฆ่าพวกมันอีกสองคนซะ แล้วความปรารถนาของท่านจะเป็นจริง’

เมื่อประกาศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้นก็จัดการออกจากห้องนั่นซะแล้วตรงไปยังเหยื่อรายแรกที่เขาจ้องไว้ เพราะเท่าที่สังเกตคนบนดาดฟ้าแล้ง เขาไม่มีท่าทีว่าจะลงมาง่ายๆ เพราะนั่นคือที่ๆ ปลอดภัยสำหรับเขาแล้ว

ต้นเดินตามเหยื่อรายที่ต้องการไว้ในทันที แต่แล้วเขาก็พลาดเตะเข้ากับบางอย่างจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

กึก!

เอกหันขวับกลับไปในทันที ก่อนจะพบว่าหนึ่งในสองผู้รอดชีวิตที่กล่าวถึงพุ่งเข้าประชิดตัวของเขาอย่างเร็ว ในมือของศัตรูตรงหน้านั้นคือท่อนเหล็กที่ถือเอาไว้แน่น มันถูกเหวี่ยงเข้ามาเร็วจนเกินกว่าที่เอกจะตั้งตัว

นัยน์ตาเบิกโพลงปากอ้าค้างด้วยความตื่นตระหนก

ต้องหลบ! ไม่...ช้าไปแล้ว

ผัวะ!!

โสตประสาทสั่นคลอนไปชั่วขณะ ทุกอย่างหนักอึ้งภาพที่เอกมองเห็นในตอนนี้ดับวูบไปพร้อมๆ กับใบหน้าที่แสนเย็นเยือกนั้น...เขาอาจจะหมดหนทางรอดในตอนนี้ เพราะทุกอย่างกำลังชัดเจนโดยเฉพาะความมืดมิดที่มองเห็น หากเขาล้มไปแล้ว เขาต้องโดนซ้ำจนตายแน่ๆ

แววตากราดเกรี้ยวของคนตรงหน้าทำให้เอกเข้าใจแน่ชัดแล้วว่ามนุษย์ที่แท้จริงก็เป็นเพียงแค่สัตว์ที่พูดได้เท่านั้น จิตใจลึกๆ แล้วไม่สามารถก่อร่างสร้างตัวให้มันเป็นไปตามเส้นทางที่ถูกสางไว้ได้หรอก คนดีอะไรกัน?

“อั๊กกก!”

เด็กหนุ่มรวบรวมเรี่ยวแรงครั้งสุดท้ายกำมีดในมือแน่นจนสั่นเกร็ง มันคือการตัดสินสุดท้าย หากไม่โดนเขาก็พลาดไปโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เอกแทงปลายมีดนั่นออกไปอย่างแรงทันที แล้วภาพตรงหน้าของเขาก็ดับวูบลง เขาไม่รู้ว่าเขาโจมตีถูกมั้ย แต่แรงเสียดทานที่มือมันดูหนักอึ้ง พร้อมกับเสียงตุบ! เขาแทงคนๆ นั้นโดนแล้ว...อย่างน้อย ถ้าจะตายก็ไม่ขอให้คนที่ฆ่าเขาได้เป็นคนสุดท้าย...

ร่างของเอกแน่นิ่งไปต่อหน้าต้น

“พลาดนะนายน่ะ” ต้นยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับหายใจโล่งอกที่ปลายมีดแหลมนั่นแทงพลาดเข้าที่ข้างชายโครงเขาเพียงนิดเดียวเท่านั้น...ภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เพียงเท่านี้ก็จัดการตามแผนสุดท้ายที่คิดออก นั่นคือจัดการ-คนที่อยู่บนดาดฟ้านั่นซะ...โดยให้มันคิดว่าเขาและเอกนั้นฆ่ากันตายทั้งคู่

ต้นกลับมาที่ห้องเดินอีกครั้ง แล้วทำการกระจายเสียงอีกรอบ

‘ผู้แข่งกันเผชิญหน้าและเสียชีวิตทั้งคู่ ผู้ร่วมแข่งกันเหลือเพียงคนสุดท้ายแล้ว คุณคือผู้ชนะ’

เพียงเท่านั้น...เขาก็เดินลงมาดักรอเป้าหมายอย่างใจเย็นและจัดการบั่นคอมันเสียเท่านั้นก็จบ!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ต้นมองดูร่างของไร้ศีรษะของก้องอีกครั้ง ความโง่ของคนเราในยามคับขันมักทำให้คนเราทำอะไรโดยไม่ต้องคิด ต้นโยนมีดเล่มนั้นลงไปข้างๆ ศพ แล้วมองไปยังประตูกำแพงที่เปิดออก...เขารอด เกมนี้เขาชนะ

“เฮ้อ...เงินร้อยล้าน แล้วพบกันนะ” ต้นยิ้มออกเป็นครั้งแรก ยิ้มอย่างคนทั่วไปเขายิ้มกัน ยิ้มให้กับความสุขที่กำลังจะมาให้เสวยกันเต็มที่ เพราะเขาทำภารกิจเสร็จแล้ว ภารกิจที่รับมาจากชายแปลกหน้าคนนั้น ที่ให้เขาส่งจดหมายเชิญไปให้คนที่เขาเกลียดเพื่อนำมาฆ่าเสียที่นี่ แลกกับเพื่อให้ได้มาซึ่งของที่ต้องการ และกำจัดเสี้ยนหนามชีวิตซะ

แน่นอนว่าต้นทำ และทำได้ดีด้วย เพราะความโชคร้ายของเขากระมังที่ทำให้เขาถูกเพื่อนหลอกใช้อยู่เสมอๆ จนกลายเป็นเพียงคนโง่ที่โดนหลอกตลอดเวลา..ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ถูกมิตรภาพหลอกลวงจนลำบาก

แล้วงานนี้ งานที่ฆ่าเพื่อนตัวเองเพื่อแลกกับเงินแบบนี้...ทำไมเขาจะไม่รับมันซะล่ะ สนุกจะตายกับการเฝ้ามองเพื่อนๆ ผ่านจากกล้องวงจรปิดให้มันฆ่ากันด้วยความปรารถนาปลอมๆ ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเองเขา มองพวกมันฆ่ากันอย่างสนุกสนาน...ฆ่ากันราวกับคนโง่งม ของรางวัลของพวกมันน่ะไม่มีหรอก...แต่พวกมันโง่ที่เชื่อไปเอง...นี่เหรอ? เพื่อนที่แสนฉลาดของต้นน่ะ แค่นี้เองเหรอ?

นี่น่ะเหรอคนฉลาดที่หลอกใช้เขาได้เสียตลอดเวลา...โถเพื่อนเอ๋ย

คนโง่อย่างฉันย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาดอย่างพวกนาย

แต่จำไว้นะ...คนฉลาดอย่างพวกนาย ก็เป็นเหยื่อของ “คนฉลาดที่แกล้งโง่อย่างฉัน “

ลาก่อนนะ -พวกโง่ คิกๆๆ



#ต้น กรุ๊ป O

#เอก กรุ๊ป A

#ก้อง กรุ๊ป B

เย๊ๆ จบแล้ว TT^TT
เยี่ยม



0
Me14543 22 มี.ค. 58 เวลา 18:19 น. 7

นั่งเวลาเก้าโมงที่สถานนีรถไฟเเห่งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมายืนรอหน้าชานชาลารถไฟ เพื่อพอเพื่อนที่นัดจะไปเที่ยวทะเลกันที่ต่างจังหวัด

"ทำไมเจ้าพวกบ้านั้นยังไม่มาอีกเนื่ย! รอจนรากจะงอกเเล้วนะ"เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อกันยา เขามาเพื่อที่สถานีรถไฟนี้มาจวนจะครบชั่วโมงเเล้วเเต่ก็ยังไม่มีวี่เเววของเพื่อนอีกสองคนเลย

"....ฮัลโหล โอส เอ็งจะให้ข้ารอนานเเค่ไหน"กันยาหมดความอดทนขึ้นมาเลยติดต่อหาเพื่อน

"หา?? พูดอะไรของเเกวันนี้วันเสาร์นะโว้ย ไม่ได้ไปโรงเรียน"เสียงของเพื่อนชายอีกคนที่อยู่อีกฝากของสายโทรศัพท์ เสียงเหมือนยังง่วงๆสติยังไม่สมบูรณ์ 

"วันนี้ไปเที่ยวกับเว้ย!! นี่เอ้งลืมเเล้วเรอะ!!! ให้ตายซิเป็นอีหรอบนี้อยู่เรื่อย"

"ขออีก5นาที..."

"ยังมีหน้ามานอนอีกเรอะ!!"

มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทิศที่กันยาอยู่ ถือเป้สะพายขนาดใหญ่ กับข้าวของที่ลากมา คาดว่ามีตั่งเเต่ข้าวของเครื่องใช้ยันเครื่องมือเอาชีวิตรอด

"โทษทีกันยา..เฮ้อ สายไป5นาที"เด็กหนุ่มที่พึ่งมาถึงพูดกับกันยา

"เป็นชั่วโมงเเล้วโว้ย!! กุมภา"

หลังจากนั่นทั้งสองคนก็เดินทางไปทะเลกันโดยไม่รอเจ้าบ้าที่มัวเเต่นอนอยู่บ้านจนลืมเวลา เเล้วพอถึงทะเลที่กำลังจะไปเล่นกัน ไอขี้นอนก็โทรมาบอกทำนองว่า"ทำไมไม่โทรมาปลุกวะ!"กันยาเลยเทศยามเเละบอกให้มาเอง

A(กันยา)
O(กุมภา)
B(ไอขี้นอน)

[โปรโหมดนิยายถ้าชอบใจการบรรยายทำนองนี้
http://writer.dek-d.com/thauayut123/writer/view.php?id=1327247]

0
Ambitious 22 มี.ค. 58 เวลา 18:24 น. 8

ลงทุนแต่งเป็นชั่วโมง ผมดีใจสุดเลย อย่างน้อยกิจกรรมที่สรรหามาให้เล่น ก็มีคนมองเสียที ขอบคุณนะครับเยี่ยม

0
22 มี.ค. 58 เวลา 18:28 น. 9

แหะๆ ก็อยากให้มีคนอ่านนิยายเราเหมือนกันจ้า ^^
ลงทุนแต่งเพราะอยากมีคนอ่าน // ปรกติเขียนแนววาย ไม่ได้เขียนแนวสยองขวัญเท่าไหร่ ท้าทายดีเหมือนกันจ้า ^^

0
cannelt 22 มี.ค. 58 เวลา 19:03 น. 10

โห้วววว เล่นในมือถือ ขอพิมพ์สั้นๆก็แล้วกันนะครับ ย่อน่ง ย่อหน้าไม่ต้องหรอกเนาะ เคาะเบาๆ เพราะนี่ไม่ใช่มหกรรมการเคาะ Enter แห่งชาติแบบเวลาหมดมุข *ฮา* XD

waring yaoi นะจ๊ะ

"ลาเต้ พี่มีอะไรจะคุยด้วย...ได้ไหม ?"

เสียงนุ่มทุ้มของร่างสูงนาม 'กวิน' ดังขึ้น เขาเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่ยืนอยู่กับร่างหนาอีกคน สายตาของทั้งคู่สบกันอย่างนิ่งเงียบ

"แต่...?"

เสียงทุ้มหวานดังออกมาจากปากร่างเล็ก ใบหน้าฉายแววกังวล ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบแว่นอันโตแอบเฉมองไปที่ร่างหนาที่ยืนอยู่ข้างกัน มือบางยกขึ้นมาขยี้หัวทุยย้อมสีฟ้าเทาอ่อนๆของตัวเองอย่างคิดไม่ตก กวินมองการกระทำนั้นเงียบๆพลางเอ่ยปากย้ำ

"นะ พี่คุยไม่นานหรอก พี่แค่มีเรื่องอยากจะบอกเรา"

"อ่า...ถ้างั้น...พี่บลู เดี๋ยวผมมานะครับ"

เมื่อได้ยินกวินเอ่ยซ้ำ เจ้าตัวเล็กก็ต้องจนใจไปกับเขาจนได้ จึงจำต้องหันมาบอกร่างหนาที่ยืนอยู่ด้วย เจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้าว่ารับรู้แล้วเท่านั้น



เมื่อออกห่างจากจุดเดิมมาได้ไกลพอสมควร ทั้งสองคนจึงหยุดเดิน ลาเต้หันมามองกวินที่ยืนอยู่ตรงข้าม ก็พบกกับสายตาที่กวินกำลังมองตนอยู่เช่นกัน

"พี่มีอะไรจะบอกผมเหรอ ??"

ลาเต้เริ่มเปิดบทสนทนา หลังจากที่ยืนจ้องกันมาสักพักจนเขาแทบตั้งท้องเด็กได้แล้ว

"พี่ชอบเรา"

กวินพูดออกมานิ่งๆก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าเหลอหลาอย่างตกใจ มือหนายกขึ้นลูบแก้มอีกฝ่ายอย่างนิ่มนวล

"เราอยากคบกับพี่ไหม ?"

"ผม...."

ร่างเล็กอึกอัก พลางค่อยๆขยับหนีสัมผัสที่ข้างแก้ม กวินมองการกระทำนั้นเงียบๆ มือหนายังค้างอยู่กลางอากาศที่เดิม ปากหนาเริ่มขยับเอ่ยคำพูดต่อ

"มีคนที่ชอบแล้วเหรอ....??"

"ผม...ผมขอโทษ"

ลาเต้เอ่ยออกมาพลางก้มหน้าลง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ไม่เคยสังเกตเลยว่าคนที่นับถือว่าเป็นพี่ชายตรงหน้ามีความรู้สึกแบบไหนกับตน ไม่เคยรับรู้เลยว่าอีกคนคิดยังไง ไม่เคยที่จะสนใจ...

เพราะเขาเอง...ก็มองอีกคนนึงมาตลอด จนไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพี่ชายคนนี้

กวินมองท่าทางนั้นเงียบๆ เขารู้ดีว่าคนตรงหน้ารักใคร รู้มาตลอด ในตอนแรกก็จะยอมปล่อยไป หากแต่พอเห็นการกระทำเย็นชาที่มีต่อคนสำคัญของเขา มันก็ทำให้เขาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ลองเลือก..ที่จะขอโอกาสจากคนๆนี้ อยากจะดูแลและปกป้อง อยากจะเป็นคนที่ทำหน้าที่นั้น แทนพระรองแสนดีที่คอยหลีกทางอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

และอาจจะเป็นตลอดไป...

มือหนาที่ค้างอยู่กลางอากาศค่อยๆหดกลับมาอยู่ข้างลำตัวอีกครั้ง สายตาคมก้มมองร่างตรงหน้าที่กำลังก้มหน้ามองพื้นอีกครั้ง พลันสังเกตถึงหยาดน้ำใสที่ไหลอาบแก้ม

พร้อมกันนั้นก็พลันให้น้ำตาของเขารื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่ต้องการทำให้ลำบากใจ ไม่ต้องการทำให้โทษตัวเอง

ไม่ต้องการให้คนคนนี้ร้องไห้

แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ต้องพูดไปให้หมด... ถึงความรู้สึกที่มี... ถึงทุกสิ่ง เขามีโอกาสแค่ครั้งนี้เท่านั้น ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น

"เต้... เต้รู้ไหม...."

เสียงนุ่มทุ้มที่ออกมานั้นสั่นเครือ พาลทำให้อีกคนยิ่งรู้สึกผิด ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่นองหน้า

"เต้ ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ...เพราะคนที่ใช่ ยืนเฉยๆมันก็ใช่"

เสียงที่ออกมานั้นสั่นเครืออย่างเจ็บปวด น้ำเสียงบ่งบอกว่าเขานั้นกำลังรู้สึกปวดร้าวมากแค่ไหน

"แต่คนไม่ใช่อย่างพี่น่ะ พยายามไปก็ไร้ประโยชน์"

หลังจากสิ้นคำ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ลาเต้ปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น พลางพยักหน้ารัวๆเพื่อบอกกับคนตรงหน้าว่าตนได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อแล้ว

กวินปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออก มือหนายกขึ้นลูบหัวทุยของอีกคนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหมุนตัวเดินจากไป ทันใดนั้นเสียงที่สั่นและแหบแห้งจากการร้องไห้ก็ดังขึ้น

"ผมขอโทษ... ผม..ฮึก ผมรักพี่ชายนะ.."

แค่นั้นก็มากพอ ถึงจะรักแบบพี่น้องก็ไม่เป็นไร

ไม่เป็นไร

ช่างเป็นคำที่ออกมาได้ตรงข้ามกับน้ำตาที่นองใบหน้านั้นเสียจริง....

- Fin -
จบแล้ว วู้ๆๆ  XD สั้นกะทัดรัดที่สุด อย่าได้สนใจสำนวน เอาให้อ่านรู้เรื่องก็พอเนาะ เล่นในโทรศัพท์จะไม่เกลาหรือเก็บรายละเอียดอะไรมากนะครับ คำผิด ตกหล่นยังไงขออภัย

เอาล่ะ งั้นเรามาเดากรุ๊ปเลือดของพวกนางกันดีกว่า จะบอกใบ้ลักษณะให้ได้ชมกัน - w -

อย่างที่ทราบๆจากที่อ่านมา กวินนี่มันพระรองตัวพ่อ พระรองที่แสนดี ถ้าพูดถึงพระรองที่แสนดีขนาดนี้ กรุ๊ปที่แวบออกมาเลยก็คือ...!

อย่างต่อมา หน่องลาเต้ ไอนิสัยพอรักหรือชอบใครทีก็จะไม่สนใจหรือรู้สึกถึงสิ่งรอบตัวเลยเนี่ย มีอยู่เจ้าเดียวเท่านั้น เป็นประเภทเก็บกดมีเรื่องอะไรไม่ค่อยบอกใคร แถมยังชอบทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย ฉะนั้นพอเห็นใครรู้สึกแย่เพราะตัวเองที่จึงรู้สึกผิดขนานหนัก

อย่างสุดท้าย ขุ่นบลูเอง เดาง่ายที่สุด = = กรุ๊ปที่นิ่งเงียบไม่แสดงอารมณ์ออกมา แถมจีบยากระดับเลเวล Max มีอยู่กรุ๊ปเดียวเท่านั้น - - )b

-ขอบคุณที่ให้ร่วมเกรียน...ไม่ใช่สิ ร่วมสนุกครับ-

#Edit ถ้าไม่ใส่ชื่อไว้ตอนใบ้เดี๋ยวงงกัน กรรม ผมขอโทษ = 3 =
0
cannelt 22 มี.ค. 58 เวลา 20:25 น. 14

อ้าว กรรมๆ สลับกันครับๆ 5555 คือ ผมสื่อผิดหรือเข้าใจคาแรคเตอร์ของกรุ๊ปเลือกผิดรึเปล่า แต่พระรองแสนดีนี่อ้างอิงจากเพจนึงในเฟซบุ๊ค ลาเต้อ้างอิงจากแฟนและเพื่อนสนิทและที่เคยๆอ่านครับ อยากลองเสนอมนหลายๆมุมดู บางอย่างที่ไม่ถึงกับเป็นเอกลักษณ์มาก ^^"

0
Ambitious 22 มี.ค. 58 เวลา 20:55 น. 15

ครับ แต่มันมีสองกรณี
1.ถ้ากวินเป็นกรุ๊ปบี ซึ่งคนกรุ๊ปบีเป็นกรุ๊ปที่กล้าแสดงออก ถ้าในเรื่องความรักจะเป็นฝ่ายที่จะบอกชอบแฟนก่อนใครเพื่อนถ้าเปรียบกับคนทั้งสี่กรุ๊ปครับ
2.ถ้ากวินเป็นกรุ๊ปเอ คนกรุ๊ปเอ เป็นคนขี้อาย ดังนั้น ถ้ามองในแบบความรัก คนกรุ๊ปเอเป็นคนรักคนยาก จะไม่ชอบให้ใครมาบอกรักก่อน แต่จะชอบไปรักคนอื่นแทนมากกว่า

ผมอ้างอิงมาจากทฤษฎีมาจริง แล้วผมก็ศึกษาเรื่องกรุ๊ปเลือดมาห้าเดือนกว่าแล้วล่ะครับ

รักเลย

0
ลูกไม้ครัช 22 มี.ค. 58 เวลา 23:33 น. 18

กริ๊งงงงงงง

ผมหยิบนาฬิกาปลุกบนโต๊ะหัวเตียงมาปิดแล้วดูเวลาอย่างงัวเงียเหมือนทุกวัน จะต่างกันแค่ตรงที่...

"ปึงๆๆๆๆ // แบมแบม ออกมาเร็วๆเข้าสายแล้วนะ! รถออก 7 โมงนะลูก"

"ครับท่านหญิง"

ผมเดินอืดเข้าห้องน้ำไปทั้งๆที่รู้ว่าสายแล้ว อยากนอนต่อชะมัดให้ตาย ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ต้องไปทัศนศึกษาล่ะก็ไม่ได้ลุกจากเตียงง่ายๆแน่ล่ะ

ผมใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวไม่นานนัก ตอนนี้ผมอยู่บนรถคันหรูเรียบร้อยแล้ว ผมมองออกไปนอกกระจกรถที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านสุสานแห่งหนึ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี
"จอดรถที่สุสานให้ด้วยครับ"

เมื่อเห็นว่ายังเหลือเวลาอีก 20 นาทีกว่าๆผมก็ตัดสินใจบอกลุงคนขับรถให้จอดรถที่สุสานที่ผมมักจะมาบ่อยๆ

เดินทอดน่องมาเรื่อยๆผมก็มาหยุดที่หน้าหลุมศพหลุมหนึ่ง
"พี่กัสครับ วันนี้แบมต้องไปทัศนศึกษากับโรงเรียน.. อาจจะไม่ได้มาเยี่ยมพี่ตอนเย็นนะ ถ้ายังไง..แบมจะซื้อของมาฝาก ไม่โกรธแบมใช่มั้ย? ฮ่ะๆ..."

ผมมองคนในรูปบนแผ่นหินแล้วได้แต่หัวเราะกับตัวเองทั้งที่น้ำตายังไหลออกมาไม่ขาดสาย ชวนคุยทั้งที่รู้ว่าเค้าคุยกับผมไม่ได้ เพราะไม่มีเค้าอยู่แล้ว เพราะเค้าไม่กลับมาแล้ว ไม่สิเค้ากลับมาไม่ได้อีกต่อไปแล้วต่างหาก เมื่อไหร่ผมจะลืมเค้านะ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนหรือผมจะต้องเจ็บปวดอย่างนี้ตลอดไป

'แบมแบม~ หันมาทางนี้หน่อยครับ'
'ไม่อาว~ เค้าไม่ชอบถ่ายรูป'
*แชะ*
'ฮ่าๆๆ รูปนี้น้องแบมมน่ารักจังเลยน้า~'
'เดี๋ยวเหอะๆ มาให้ตีเดี๋ยวนี้เลยนะ'




'พี่กัส ทำไรกินเนี่ย'
'ตื่นช้าว่ะ เด็กขี้เซา555'




'นี่แน่ะๆฮ่าๆๆ'
'เฮ้ย ทำไมชอบแกล้งกันจังวะ แบมมไม่เล่น ฮะ..5555 ไม่เอา5555 ไม่จี้ดิ5555555'

มันไม่มีอีกแล้วคนที่คอยถ่ายรูปหลุดของผม

ไม่มีอีกแล้วคนที่ทำอาหารให้ผมกินทุกวันแม้รสชาติมันจะไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

ไม่มีแล้วคนที่จะแกล้งจี้เอวผม แล้วก็แกล้งอย่างอื่นอีกสารพัด

ผมรู้ดีว่าพี่กัสไม่ชอบให้ผมนอนดึกเพราะผมมักขี้เซาในตอนเช้า ทำให้เค้าดุผมบ่อยๆ


แต่ถ้าการนอนดึกแล้วขี้เซาแบบนั้นทำให้ผมได้คุยกับเค้าอีกสักครั้ง ผมก็อยากขี้เซาแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้จะได้คุยกับเค้าอีกครั้งเดียว ผมก็อยากใช้เวลานั้นให้มีค่าที่สุด

แค่อีกสักครั้ง...

แบมแบม กรุ๊ปab
กัส กรุ๊ป b

0
ปลาปิ้ง(feelling) 6 มี.ค. 61 เวลา 20:50 น. 19

มี น้ำ ไฟ ลม

"ทำไมล่ะ!ทำไมล่ะไฟ"เสียงของน้ำที่ได้ตะคอกใส่ของคนข้างหน้าเขา นั้นก็คือ ไฟคนที่เขารักสุดหัวและลมคนที่เขาเกลียดสุดหัวใจ

"เพราะฉันรักลมคนเดียว"ไฟได้เอ่ยตอบน้ำเสียงเรีบโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ ใบหน้าของน้ำเต็มไปด้วยน้ำตามากมาย

"เอ่อ..ทั้งคู่อย่า.."

"หุบปากไป!!"ลมพยายามที่จะเอ่ยหยุดทั้งคู่แต่ก็ไม่เป็นผมเพราะน้ำได้ตะคอกใส่ลม ด้วยความตกใจลมจึงงับปากฉับพลัน

"อย่ามาตะคอกใส่ลม!"คราวนี้เป็นตาของไฟที่ได้ตะคอกใส่น้ำ แต่น้ำนั้นตอนนี้จิตใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและปิดเบียวจึงไม่คิดกลัวแต่กลับแสยะยิ้มมาแทน

"รักมันมากใช่ไหม?.."น้ำเอ่ยถามเสียงเรียบ ทั้งลมและไฟนั้นนิ่งเงียบ

"ถ้ารักกันมากก็ไปตายด้วยกันเถอะ!!!!"พอน้ำตะโกนจบอยู่ๆพวกเขาทั้งสองก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจ

"เป็นไงละ..ยาพิษที่ฉันเอาให้อร่อยมั้ย?ถึงจะนานหน่อยแต่ก็คงจะอร่อย..มาก"น้ำเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม ทั้งลมและไฟนั้นต่างตกใจพร้อมนึกถึงขนมที่น้ำนั้นให้พวกตนมา....บ๊าเอ๊ย!!


น้ำ-AB

ลม-A

ไฟ-O

0