Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ตอบคำถามข้อดี ข้อเสียของแพทย์แผนไทย(ประยุกต์)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เหลืออีกไม่ถึง 1 เดือน น้องๆเด็กแอด58 ก็จะยื่นแอดมิชชั่นกันแล้วใช่มั้ยคะ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อดีนะ วันนี้พี่ก็เลยอยากจะชวนน้องๆและผู้อ่านทั่วไปมาทำความรู้จักและนั่งวิเคราะห์กันว่าคณะแพทย์แผนไทย(ประยุกต์) มันมีดีตรงไหน.....ทำไมถึงมีคนอยากเรียน? แล้วมันไม่ดีตรงไหน.....ทำไมคนถึงไม่อยากเรียนและดูถูกกันนักกันหนา?

ก่อนอื่นที่เราจะมาวิเคราะห์กัน พี่อยากให้น้องๆไปทำความรู้จักก่อนว่าคณะนี้คืออะไรและเรียนอะไรกันบ้างนะคะ ตามไปที่นี่เลยค่ะ 
เจาะลึก! แพทย์แผนไทยประยุกต์ ศิริราช เรียนอะไรบ้าง จบมาทำอะไร


เริ่มแรกเลย เรามาดูที่ข้อเสียกันก่อนดีกว่าค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนไม่อยากเรียน หรืออยากเรียนแต่ก็ต้องยอมแพ้ยกธงขาวเพราะรับมันไม่ได้ไปเสียก่อน แต่ว่าสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นข้อเสีย มันจะเสียจริงๆเหรอ?

1. โบราณ ไสยศาสตร์ ไม่มีเหตุผล
หลายคนอาจจะยังไม่รู้นะคะว่าวิชาความรู้ของแพทย์แผนไทยถือว่าเป็นสิ่งที่ได้มาจากการเก็บสถิติ!!! คนโบราณได้ลองผิดลองถูก เฝ้าสังเกตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านการใช้งานมาหลายชั่วอายุคน จนมั่นใจได้ว่ารักษาแล้วหายแน่นอน และในปัจจุบันยังมีการเรียนวิทยาศาสตร์ พื้นฐานทางการแพทย์ เภสัชพฤกษศาสตร์และเภสัชเวท เพื่อให้นักศึกษาที่จบออกไปสามารถนำความรู้ทางแพทย์แผนไทยไปอธิบายกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ค่ะ

2. ไม่มีศักดิ์ศรี สู้หมอ ทันตะ เภสัช พยาบาล ไม่ได้สักนิด
ทุกอาชีพล้วนมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีในตัวเองค่ะ อาชีพแต่ละอาชีพมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างตรงนี้จะคอยเกื้อหนุนกันและกัน เมื่ออาชีพที่1 ทำไม่ได้ อาชีพที่2 ก็จะช่วยทำแทนให้เอง ดังนั้น ถ้าสังคมขาดอาชีพใดอาชีพหนึ่งไปก็คงจะกลายเป็นสังคมที่ไม่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับแพทย์แผนไทย แม้จะถูกลดความสำคัญไปหลายสิบปี แต่เพราะสังคมเห็นถึงความสำคัญและคิดว่าไม่สามารถขาดอาชีพแพทย์แผนไทยไปได้ อาชีพนี้จึงถูกฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง เรามีหน้าที่ให้คำแนะในการดูแลสุขภาพ ป้องกันอาการเจ็บป่วย สอนการทานอาหารให้เป็นยา ใช้ธรรมชาติและธรรมะในการรักษาโรค มีใจรักในการรักษาและอยากเห็นทุกคนมีความสุขจากการไม่มีโรคค่ะ

3. ใครๆก็เรียกว่าหมอนวด
ใช่แล้วค่ะ เราคือ 'หมอที่มีความสามารถในการนวดเพื่อรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรคได้ค่ะ' คนอื่นเค้าเรียกไม่ผิดหรอกค่ะ บางที่คำว่าแพทย์แผนไทยอาจจะยาวเกินไป ก็เลยเรียกแบบสั้นๆแทน ฮาาา แต่เราต้องทำให้เขาเข้าใจความหมายที่แท้จริงด้วยนะคะ เพราะเราไม่ใช่หมอนวดที่อยู่ตามสปาหรืออาบอบนวดที่ทำได้แค่นวดผ่อนคลาย แต่เราสามารถรักษาโรคได้จริง เช่น นิ้วล็อก ไมเกรน ไหล่ติด ตะคริว ข้อเท้าพลิก เป็นต้น
เราเรียน Anatomy เพื่อจะได้รู้จักตำแหน่งกล้ามเนื้อ เส้นเลือดและเส้นประสาท เราต้องประเมินสภาพร่างกายและซักประวัติของผู้ป่วยก่อนนวดด้วย ถ้ามีไข้เกิน 38.5 ํc เราก็ไม่นวด ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานเราก็ต้องระวังเรื่องแรงกด เพราะอาจมีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า ทำให้รับรู้แรงกดได้น้อยกว่าความเป็นจริง ถ้าผู้ป่วยเคยผ่าตัดเราก็ต้องดูก่อนว่าแผลผ่าตัดหายดีหรือยัง แผลติดดีแล้วใช่มั้ย ต้องดูว่าก่อนมานวดผู้ป่วยทานยาแก้ปวดมาหรือเปล่า เพราะจะทำให้รับรู้แรงกดได้น้อยลง
หลังการนวดก็มีการสอนท่าบริหารเพื่อให้ผู้ป่วยกลับไปทำที่บ้านซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้เร็วขึ้นและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงอีกด้วย เราคือผู้นวดไทยสายราชสำนักซึ่งใช้นิ้วมือในการนวดเท่านั้น จึงต้องฝึกกำลังนิ้วมือโดยการยกกระดาน นั่งขัดสมาธิเพชร(สองชั้น) แล้วโหย่งนิ้วทั้งห้าวางมือเป็นรูปถ้วยไว้ข้างลำตัวแล้วยกให้ตัวลองขึ้นให้ได้นาน 60วินาทีเป็นอย่างน้อย
เห็นมั้ยคะ การเรียนนวดไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ถ้าพี่เรียนจบเมื่อไร พี่โครตภูมิใจในตัวเองเลยล่ะ

4. เงินเดือนน้อย
เงินเดือนก็ได้เท่ากับขั้นต่ำของปริญญาตรีนั่นแหละค่ะ แต่จะแปรผันไปตามสถานที่ทำงานและมีโอทีให้ตามการอยู่เวรค่ะ โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 15000 - 23000 บาท แต่ที่ศิริราชอาจจะถึง 30000 ค่ะ
แต่บางคนอาจจะมีปัญหาตรงจุดนี้มากหน่อย เพราะต้องทำงานเพื่อดูแลครอบครัว เงินเดือนเท่านี้อาจจะไม่พอ แต่ถ้าเราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย 1 เดือนก็อยู่ได้แบบสบายๆ เพียงแค่เราใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง เราก็มีความสุขได้ค่ะ 

5. หางานทำยาก
ขอบอกเลยค่ะ ถ้าน้องไม่เลือกงานก็มีงานทำแน่นอนค่ะ เพียงแค่น้องต้องสอบใบประกอบโรคศิลป์ให้ผ่านเท่านั้นเอง
- ในระบบโรงพยาบาล ในปัจจุบันมีตั้งแต่ รพ.สต. มีโครงการว่าจะให้แพทย์แผนไทยประจำอยู่ทุกแห่ง (มีเกิน 200 แห่งทั่วประเทศ และมีหลายแห่งที่ยังไม่มีแพทย์แผนไทยไปประจำ) รพ.ศูนย์ หรือ รพ.เอกชนก็เริ่มแล้วเหมือนกันค่ะ
- ทำงานด้านสปา
- เปิดคลินิกส่วนตัว
- เปิดโรงงานผลิตยาสมุนไพร แต่ต้องใช้ทุนเยอะนะ
- ทำงานในทีมของหน่วยแพทย์ พอสว.ได้เดินทางไปช่วยเหลือผู้อื่นตามพระปณิธานของพระบิดา ^^
- เป็นอาจารย์สอนในสถาบันต่างๆ
- เป็นนักวิชาการ ตามสถาบันการวิจัยแผนไทยต่างๆ เช่น ของกรมแพทย์แผนไทย ของศิริราช
- เรียนต่อปริญญาโท เช่น กายวิภาค(พัฒนาการนวด) เภสัช(พัฒนาสมุนไพร) แพทย์แผนไทย สาธารณสุข วิทยาศาสตร์การกีฬา(ดูแลนักกีฬา) บริหารธุรกิจ เป็นต้น

6. มีแต่คนไม่เก่งมาเรียน อยากเรียนพวกคณะสุขภาพ แต่สอบไม่ติด
อยากจะเถียงอย่างสุดใจขาดดิ้นเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าหมอ ทันตะ แต่พวกเราก็คะแนนถึงเภสัชอยู่หลายที่นะคะ พยาบาลก็คะแนนพอๆกับแพทย์แผนไทย รวมทั้งเทคนิคการแพทย์ กายภาพ สาธารณสุข รังสีเทคนิค พวกเราก็แค่ต้องการดูแลสุขภาพและรักษาโรคเหมือนกับวิชาชีพทางสาธารณสุขอื่นๆ เราควรมาจับมือกันดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย^^

7. เรียนหลายอย่าง แต่ไม่รู้จริงสักอย่าง
ยอมรับเลยค่ะว่าเรียนหลายอย่างจริงๆ จนพี่กับเพื่อนๆจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่าคณะจับฉ่ายอยู่แล้ว ฮาาาาา (ถ้ามีคนสงสัยว่าเรียนอะไรบ้าง แสดงว่ายังไม่ได้อ่านลิงค์ที่ให้ไว้ข้างบนนะคะ) เนื่องจากแพทย์แผนไทย(ประยุกต์)เป็นวิชาชีพที่ต้องใช้องค์ความรู้กว้างมาก เพราะพวกเราดูแลชีวิตของผู้ป่วยตั้งแต่ตื่นจนถึงนอน ดูแลอาหารและยาตั้งแต่ปลูกจนเข้าปาก อ่านคัมภีร์ตั้งแต่ภาษาขอมไทย ไทยโบราณ ไทยปัจจุบัน แต่ว่าหลักสูตรให้เวลาเรียนแค่ 4 ปีเท่านั้น ใครจะไปเรียนทัน!!! งานจับยัดจึงเกิดขึ้นค่ะ เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน อาจารย์จึงให้พื้นฐานไว้ก่อน เมื่อเรามีฐานความรู้ที่ดีแล้ว เราก็สามารถต่อยอดความรู้ได้ด้วยตัวเอง ยิ่งมีหลายฐาน เราก็จะยิ่งมีหลายยอดค่ะ

8. รักษาโรคได้นิดเดียว เวลาฉุกเฉินก็ทำอะไรไม่ได้
รักษาได้หลายโรคนะคะ เพราะเราเน้นการรักษาสมดุลของธาตุในร่างกาย แต่ถ้าต้องผ่าตัด ใช้เครื่องมือแพทย์ที่อยู่นอกเหนือตามที่ข้อกฎหมายกำหนด 13 รายการ หรือจะให้ไปประจำอยู่ ER(แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน) คงเป็นเรื่องยากค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่นอกขอบเขตที่แพทย์แผนไทย(ประยุกต์)จะทำได้ค่ะ ขอยกเหตุผลข้อที่ 2 มานะคะ ว่าแต่ละอาชีพมีบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน

9. ทำได้แค่นวด ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย
สืบเนื่องมาจากการเรียนหลายอย่าง เราก็ต้องทำได้หลายอย่างสิคะ เริ่มตั้งแต่ซักประวัติผู้ป่วย ตรวจร่างกายตามหลักของแพทย์แผนปัจจุบัน(ชีพจร อุณหภูมิ ความดัน การหายใจ reflex เป็นต้น)และแพทย์แผนไทย(ธาตุเจ้าเรือน สมุฏฐานการเกิดโรค พฤติกรรมต่างๆ) วินิฉัยโรคตามหลักแพทย์แผนไทย ถ้ารักษาไม่ได้ก็ส่งต่อ ถ้ารักษาได้ก็วางแผนการรักษาว่าจะสั่งยาต้ม ยาเม็ด ยาลูกกลอน ยาทา หรือจะสั่งให้นวดรักษา ถ้าต้องนวดก็ต้องทำตามขั้นตอนในข้อที่ 3 ต่อไป แพทย์แผนไทยสามารถทำคลอดได้ด้วยค่ะ แต่ต้องเป็นการคลอดแบบธรรมชาติเท่านั้นนะคะ การผดุงครรภ์เราก็ทำได้ ทั้งการอยู่ไฟ ประคบหม้อเกลือ บำรุงรักษาผิวพรรณคุณแม่หลังคลอด(พอกผิว คล้ายสปา) มีการแนะนำถึงการทานอาหาร พฤติกรรม การบริหารร่างกายทุกครั้งหลังการรักษา และแม้ว่าผู้ป่วยจะมาด้วยโรคเดียว แต่ถ้าแพทย์แผนไทยพบว่าร่างกายขาดความสมดุล เราก็จะให้การรักษาไปพร้อมกันเลย เพราะหลักของศาสตร์แพทย์แผนไทยคือความสมดุล ดังนั้น ผู้ป่วยอาจจะหงุดหงิดได้ว่าทำไมเป็นหลายโรคจังเลย

10. อาชีพใหม่ ยังไม่มีการพัฒนา
แพทย์แผนไทย(ประยุกต์)ยังเป็นวิชาชีพใหม่อยู่ค่ะ เพิ่งเริ่มฟื้นฟูได้ประมาณ 30-40 ปี จึงอยู่ในช่วงบุกเบิก ปรับปรุง และพัฒนาหลายๆอย่าง จะพบว่ายังมีปัญหาทั้งเรื่องบุคลากร ความเข้าใจทางสังคม ความเข้าใจในวิชาชีพ เรียกได้ว่าค่อนข้างเหนื่อยสำหรับการทำงาน คนที่สนใจเรียนคณะนี้ต้องมีใจรักจริงๆค่ะ และต้องมีความมานะที่จะไปบุกเบิกงานด้วยนะคะ เพราะอาจจะมีตำแหน่งงานแพทย์แผนไทยให้ลงจริงๆตามโรงพยาบาล แต่บางที่อาจจะยังไม่มีหรือยังไม่ได้เริ่มอะไรไว้เลย ดังนั้น เราต้องไปบุกเบิกเอง ทั้งงาน ทั้งระบบ รวมถึงต้องทำงานร่วมกับวิชาชีพอื่นๆให้ได้ด้วย และการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็ถือว่าเป็นจุดเล็กๆที่พี่เริ่มทำเพื่อเป็นการพัฒนาแพทย์แผนไทยค่ะ


จบไปแล้วนะคะสำหรับข้อเสีย คิดว่าหลายคนคงเลิกอ่านตั้งแต่ข้อแรกๆแล้วมั้ง ฮาาาาา แต่ถ้าใครยังตามอ่านมาถึงตอนนี้ แสดงว่ากำลังใจยังดีอยู่สินะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญมาดูกันต่อเลยว่าข้อดีของแพทย์แผนไทยมีอะไรบ้าง อะไรคือแรงบันดาลใจของพวกพี่ๆที่ทำให้อยากเรียนคณะนี้

1.ยอมรับข้อเสียทุกข้อได้และมองเห็นข้อดีในข้อเสีย
ตามที่ได้เขียนอธิบายไว้ในข้อเสียค่ะ

2. ชอบสมุนไพร
หลายคนที่มาเรียนเพราะได้คลุกคลีอยู่กับสมุนไพรมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ใช้อยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับครอบครัวของพี่ค่ะ

3. ชอบการใช้ชีวิตและการรักษาแบบธรรมชาติ
การรักษาโรคบางโรคทำได้ง่ายๆแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแค่นั้นเอง หรืออาจใช้ยาสมุนไพรและการนวดก็รักษาโรคได้แล้วค่ะ ซึ่งสามารถช่วยชาติประหยัดเงินได้หลายบาทเลย เพราะปัจจุบันรัฐบาลต้องจ่ายค่ายารักษาโรคและสุขภาพเพิ่มขึ้นทุกๆปี จนจะทะลุกราฟแล้วค่ะ การหันมาใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติคงช่วยแก้ปัญหาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

4. รู้และเข้าใจว่าการนวดก็รักษาโรคได้ 
การนวดเป็นศาสตร์ที่มหัศจรรย์มากค่ะ ตอนเริ่มเรียนแรกๆก็ยังไม่แน่ใจนะคะว่าจะรักษาโรคได้จริงๆเหรอ แต่พอกลับบ้านมาลองวิชากับพ่อแม่ก็รู้สึกภูมิใจนะคะ แม้ว่าจะไม่หายจากโรคแต่ก็สามารถบรรเทาอาการได้ เพราะแรงกดยังไม่มากพอ(ข้อนิ้วยังไม่แข็งแรง ยังมีกำลังไม่พอ ต้องฝึกต่อไป) ตอนที่พ่อแม่บอกว่ารู้สึกดีขึ้น พี่นี่ยิ้มแก้มปริเลยค่ะ ภูมิใจที่สามารถดูแลและรักษาพ่อแม่ได้แล้ว

5. ได้รักษาภูมิปัญญาไทย
การแพทย์แผนไทยเป็นศาสตร์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยสุโขทัย(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานและอยู่กับคนไทยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
เพียงแต่คนไทยยังไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่เป็นความรู้ของแพทย์แผนไทย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น การทานอาหารรสชาติต่างๆ ถ้ารู้สึกปวดท้องเพราะมีลม(ท้องอืด) ผู้ใหญ่จะให้กินใบกะเพรา โหระพา ขิง ข่า เพราะผักพวกนี้เป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน ซึ่งมีสรรพคุณในการขับลมนั่นเอง

6. อยากทำงานในหน่วย พอสว. ในฐานะแพทย์แผนไทย 
คนในต่างจังหวัดหรือชนบทจะอยู่กับธรรมชาติและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติหลายอย่างทั้งอาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย ถ้าแพทย์แผนไทยสามารถสอนให้พวกเขาใช้ธรรมชาติให้เป็นยาได้ ดูแลรักษาตัวเองได้ เวลาที่เจ็บป่วยจะได้ไม่ต้องลำบากเดินทาง เพราะอยู่ห่างไกลโรงพยาบาลค่ะ

7. อยากช่วยเหลือและรักษาผู้ป่วย
หลายคนที่มาเรียนแพทย์แผนไทย(ประยุกต์) เพราะอยากเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ว่าสอบไม่ติดค่ะ แต่ก็ไม่ได้ยึดติดนะคะว่าการรักษาโรคจะต้องเป็นแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้น ศาสตร์ความรู้อื่นๆก็สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้เช่นกัน เพราะไม่ว่าขั้นตอนจะเป็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนกัน คือ ผู้ป่วยหายจากอาการเจ็บป่วยค่ะ

8. อยากพัฒนาแพทย์แผนไทยให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน
ตามที่พูดไปแล้วในข้อที่ 10 ของข้อเสียนะคะว่าแพทย์แผนไทยยังต้องการนักพัฒนาอีกมาก ดังนั้น ไม่ว่าจบออกมาแล้วจะประกอบอาชีพอะไร ก็ยังคงมีหน้าที่ที่ต้องพัฒนาแพทย์แผนไทยต่อไป พวกเราอยากเห็นแพทย์แผนไทยกลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกครั้งหนึ่งค่ะ

9. ต้อนรับAEC 
ประเทศไทยถูกวางบทบาทให้เป็นฮับทางเรื่องของสุขภาพค่ะ ดังนั้น เมื่อเปิดAEC จะมีผู้ป่วยต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยอีกมากมาย จึงถือเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะนำเสนอเอกลักษณ์ของประเทศให้ทั่วโลกได้รู้จักนอกเหนือจากการนวดไทยที่่ทุกคนรู้จักอยู่แล้ว เพราะในAEC ทุกคนจะต้องแสดงให้ประเทศอื่นได้รู้ว่าตัวเองมีดีอะไร สิ่งไหนคือหนึ่งเดียวของโลกที่ประเทศอื่นไม่มีทางเหมือนอย่างแน่นอน ซึ่งก็คือ แพทย์แผนไทย

10. ชอบดูหนัง ละคร ซีรีย์แนวพีเรียด
อันนี้เป็นแรงบันดาลใจส่วนตัวนะคะ ใครที่เคยดูแนวนี้จะเห็นได้ว่าแทบทุกเรื่องจะต้องมีหมอเข้ามาเกี่ยวข้อง พอเดินมาถึงก็แค่มองหน้า จับชีพจร ถามคำสองคำ ก็บอกได้แล้วว่าเป็นโรคอะไร แล้วก็สั่งสมุนไพรอย่างคล่องปาก คือรู้สึกว่าหมอเท่จังเลย คือเก่งอะค่ะ เรื่องแรกที่ทำให้อยากเป็นหมอ คือ แดจังกึมค่ะ เธอเป็นหมอหญิงประจำพระองค์คนแรกที่เป็นผู้หญิงของกษัตริย์เกาหลีค่ะ ตอนนั้นปลื้มสุดๆ อยากเป็นแบบนี้บ้างจัง แลดูเป็นเหตุผลที่ไร้สาระมาก ฮ่าๆๆ


ขอโทษด้วยนะคะที่กระทู้นี้ยาวไปหน่อย แต่ก็ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ใครที่มีความเห็นเพิ่มเติมอย่างไร อย่าลืมช่วยกันคอมเม้นท์นะคะ เพราะมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อน้องที่กำลังจะแอดและรุ่นต่อๆไป รวมถึงบุคคลทั่วไปที่เข้ามาอ่านด้วย ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นแง่บวกหรือลบ ทุกความคิดย่อมมีประโยชน์เสมอค่ะ

ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

Lalatar 15 เม.ย. 58 เวลา 17:26 น. 1

ยกกระดานยากจริงๆค่ะ ใครว่าเรียนนวดง่าย น่อววววววว เวชกรรมก็เป็นวิชากรรมของข้าจริงๆเเม่ย้อย เเต่ชอบเภสัชค่ะ เยอะดีเยอะจนคิดว่าชีวิตนี้จะจำสมุนไพรได้สักกี่ตัว

0
nuchpim68 20 เม.ย. 58 เวลา 19:00 น. 2

ขอถามหน่อยนะคะ เราเป็นเด็กซิ่วค่ะ ยื่นแอดได้เนอะ
ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนที่รับแอดมั้ยคะ รับเพิ่มขึ้น หรือลดลงคะ?? ขอบคุณนะคะ

1
imagine flower 20 เม.ย. 58 เวลา 20:08 น. 2-1

เด็กซิ่วสามารถยื่นแอดได้แน่นอนค่ะ
ส่วนเรื่องจำนวนที่รับจะอยู่ที่ปีะมาณ 60 คน ในแต่ละปีค่ะ
แต่ถ้าอยากรู้จำนวนที่แน่นอนคงต้องรอระเบียบการแอดมิชชั่นนะคะ

0
netyyy 2 มิ.ย. 58 เวลา 20:39 น. 3

จริงๆคือคนส่วนมากจะมองว่าหมอนวด
แต่คือมันก็เรียนทั้งยาทั้งเวชกรรมทั่วไป จำนู่นนี่ มันคือแพทย์ทางเลือก
นำไปต่อยอดการทำงานได้เยอะนะเปิดคลินิกเองก็ได้ คิกๆ

0