Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์ สอบไม่ติดแพทย์ แต่ก็ได้อะไรบางอย่างมา(ยาว)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คิดอยู่นานเหมือนกัน ว่าจะเขียนกระทู้นี้ดีไหม คิดว่าแหม เขียนเอาป่านนี้ใครมันจะมานั่งอ่านย่ะ
แต่ก็ว่างอ่ะ ไม่มีอะไรทำอ่า ยอมๆ อ่านหน่อยเถอะนะ พลีสสส

เรื่องของเรื่องคือเป็นคนที่เวลาทำอะไรมักทำได้ดี แล้วก็รู้ตัวค่ะ ว่าเป็นคนฉลาด(อวยตัวเองเหลือเกิน นิสัยไม่ดี5555)
เป็นเรื่องจริงนะคะ คือไม่ถึงขั้นว่าอัจฉริยะ แต่ก็ถึอว่ามากกว่าเฉลี่ย เรื่องที่ส่งผลต่อเราอย่างเห็นได้ชัดคือเรื่องเรียนค่ะ เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน วันก่อนสอบมักจะคิดว่า ช่างมัน แต่ผลที่ออกมามักจะดีเกินคาดค่ะ แม้แต่วิชาที่ไม่ถนัดที่สุดอย่างสังคมก็ทำได้ดีกว่าคนรอบข้าง

ไม่ว่าจะย้ายสังคมสักกี่ครั้ง ผลก็เป็นแบบเดิม

สิ่งที่ตามเรามาคือความขี้เกียจค่ะ มันเป็นคำกล่าวที่ถูกแล้วนะคะ ที่บอกว่า เก่งไม่กลัว กลัวขยัน ถูกแล้วค่ะ เพราะเราขี้เกียจมาก ชอบทำอะไรตามอารมณ์ตลอด ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน อ่านนี้คืออ่านอย่างบ้าคลั่งนะคะ ช่วงที่ขี้เกียจเรียนมากๆ มักจะหิ้วนิยายแปลเล่มหนาๆ ไปโรงเรียนด้วย โดนเพื่อนแซวว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นหนังสือเรียนคงเป็นดอกเตอร์ไปแล้ว แถมเวลาเรียนก็ชอบคุยค่ะ แล้วก็กินขนมในห้อง ตั้งใจเรียนเฉพาะวิชาที่ครูดุๆ(ตกลงนี้คือกระทู้ประจานใช่ไหม = =) แต่เราจะไม่สนใจเฉพาะวิชาที่เราคิดว่าเรารู้แล้วนะคะ คือเรียนเข้าใจแล้ว โอเคแล้ว คิดว่าสอบไม่ตก

ถามว่าชีวิตนี้เคยสอบตกไหม เคยค่ะ แต่เป็นกรณีที่สอบตกทั้งห้อง หรือว่าคุณครูลำเอียงอ่ะค่ะ(แล้วก็เลยโทษคนอื่น เลววว)

ค่ะ เข้าเรื่องต่อ หมดเวลาประจานตัวเองแล้ว พอทำได้ดีเกือบทุกอย่าง เราเลยคิดไม่ออกว่าจะเรียนอะไรดี แต่วันนึงโชคชะตาก็นำพาให้เราได้พบการ์ตูนเรื่องนึง(จริงๆ คือลูกค้าหยิบมาเช่า เลยเห็น) เป็นเรื่องเกี่ยวกับศัลยแพทย์ เราก็อ่าน แล้วปิ๊งว่าหมอที่เป็นตัวเอกเท่ดี เลยอยากเป็นหมอ จุดเริ่มต้นก็มาจากตรงนั้นแหละค่ะ

แต่ว่า เราทำงานพิเศษทุกเย็นและเสาร์อาทิตย์ เราเลยไม่ไปเรียนพิเศษค่ะ(เอาจริงๆ ก็ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย) อาศัยเรียนในคอมค่ะ เปิดยูทูปดูเอา แต่ก็นั่นแหละค่ะ ด้วยความขี้เกียจ เราก็เอาอีกจนได้ วันนึงเฝ้าร้านเกือบ 12 ชั่วโมง ถ้าวันไป รร ก็เฝ้าแค่ 4-5 ชัวโมง อ่านการ์ตูนกับดูหนังไปค่อนวันค่ะ บางวันก็ไม่เรียนเลย(เรียกว่าส่วนมากจะไม่เรียนดีกว่า) เรามักจะอ้างว่า ไม่มีอารมณ์(แหม จะเรียนยังต้องใช้อารมณ์ - -)

เข้าสอบความถนัดแพทย์ เคยทำโจทย์ในหนังสือ แต่ทำไม่จบเล่มสักเล่ม(เพราะเบื่อก่อน) วันก่อนสอบอ่านการ์ตูน พอไปสอบ โชคดีที่ทำเชื่อมโยงเก่ง เลยได้เต็ม วิเคราะห์พอได้ เลยได้ 53 แต่จริยธรรมนี่ไม่ค่อยมี เลยได้ 50 รวมๆ แล้วยังถือว่าดีค่ะ

เฟลแรกคือ สอบตรงที่จุฬา(เราอยู่สมุทรปราการ) วันก่อนสอบหยุดโรงเรียน 2 วัน(รวมวันพ่อด้วย) อ่านหนังสือค่ะ รู้นะคะ ว่าจุดอ่อนตัวเองคือโง่สังคม แล้วก็รู้ด้วยว่าจุฬาออกสังคมยาก แต่ด้วยความที่ไม่มีหนังสือ แล้วก็ถ้าดูในยูทูปมันนาน(แม้ว่าปกติเวลาดูจะเร่งความเร็วสองเท่าอยู่แล้วก็ตาม) เลยไม่ทบทวนสังคมเลย ทำแต่โจทย์คณิต ซึ่งทำไม่ครบทุกเรื่อง อ่านวิทย์ไม่ครบทุกบท วันไปสอบนี้นอนไปเกินครึ่ง(แต่เอาจริงๆ คิดว่าทำได้นะคะ คงพลาดตรงสังคม คะแนนคงไม่ผ่านเกณฑ์)
ผลออกมาคือไม่ติดค่ะ เฟลไปตามระเบียบ

สนามต่อมา 7สามัญค่ะ นี่ก็อีก คือเรียนเคมีในห้องไม่รู้เรื่องเลยค่ะ อันนี้เราโทษครูค่ะ เพราะเรียนในยูทูปรู้เรื่องแบบกระจ่าง แถมครูในห้องก็สอนผิดด้วยค่ะ แต่ดันเรียนในยูทูปไปไม่กี่บท ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ชีวะไม่ค่อยอ่านให้ละเอียด ปล่อยให้โจทย์หลอกไป ฟิสิกส์จำสูตรไม่ได้ แต่ยังโชคดีไปเดาสูตรในห้องสอบได้ เลยได้ไปสี่สิบคะแนนกว่าๆ คณิตศาสตร์ก็เช่นกัน ข้อง่ายๆ ดันจำสูตรไม่ได้ เพราะไม่อ่านมา
คะแนนที่ออกตามคาดค่ะ ดีกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่เยอะ เกิน 40 ทุกวิชา มี 3 วิชาที่เ
กิน 50 1วิชาที่ได้80คือภาษาไทย
แกทแพทก็ประมาณ 7วิชาสามัญแหละค่ะ แต่แพท2 ได้ไม่เกินครึ่งด้วยซ้ำ

สุดท้าย ไม่ติดค่ะ คะแนนรวมได้ประมาณ 56 กว่าๆ

ถามว่าเรื่องนี้โทษใคร ไม่โทษคนอื่นนอกจากตัวเองค่ะ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าพยายามอ่านหนังสือให้ครบทุกบท ท่องสูตรให้ได้ ใส่ใจวิชาที่เป็นจุดอ่อนตัวเอง คงจะทำได้ดีกว่านี้

แต่สิ่งนี้ได้บอกเราว่า เราคงไม่ได้อยากเป็นหมอจริงๆ หรอก เพราะเรื่องซิ่วนี่ไม่ได้อยู่ในหัวเราเลย สิ่งที่เราคิดคือเราต้องไปข้างหน้า เราหาหนทางของตัวเองได้ในทันที มุ่งแอดมิชชั่นต่อ

เราอยากจะฝากนะ น้องๆ อย่าประมาทเลย อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ ถึงเราจะไม่เคยคิดว่าเราเก่งที่สุด แต่เราก็ยังประมาทอยู่ดี อย่าวอกแวก ถ้ากำหนดหนทางแล้วก็มุ่งไปเลย อย่าขี้เกียจ อย่าคิดว่าไม่เป็นไร อย่าคิดว่าเรามาไกลแล้ว พักนิดพักหน่อยคงไม่เป็นไร

เพราะอย่าลืมว่า ที่กระต่ายแพ้เต่าก็เพราะคิดแบบนี้

ขยันๆ เข้าไว้ ขอให้น้องๆ ทุกคน โชคดีกับสิ่งที่เลือกค่ะ^^

แหม กลายเป็นกระทู้ด่าตัวเองเข้าซะแล้ว แต่ถ้าย้อนเวลาได้ เราก็คงไม่เลือกที่จะสอบตั้งแต่แรกหรอก อาชีพหมอมันโคตรไม่เหมาะกับคนขี้เกียจวอกแวกง่ายอย่างเราเลย TT

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

Shakspeare_aom 23 เม.ย. 58 เวลา 03:08 น. 1

หนูอ่านจนจบเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์นะคะ แต่ความถนัดแพทย์ดูจะง่ายจังเนอะ
ปล.(ที่อาจทำร้ายจิตใจ ไม่ต้องอ่านก็ได้)
มันแรงอ่ะ ไม่ต้องอ่านหรอก
 




ไม่ต้องอ่านไง อย่านะ อย่าเลื่อนลงปายยยย





เอ่อ คือ>>>สมควร













1
Nitipat Saiprapakorn 23 เม.ย. 58 เวลา 05:17 น. 2

มีคำกล่าวสืบต่อกันมาว่า "เข้าหมอว่าลำบากแล้ว เรียนหมอก็ว่าลำบากมากแล้ว จบไปเป็นหมอนี่ลำบากยิ่งกว่า" (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบรรทัดนี้ เป็นเพียงคำกล่าวกันมาเท่านั้นนะ)

เป็นข้อคิดที่ดีสำหรับผู้ที่อยากจะมาเรียนแพทย์ ต้องเข้าใจก่อนว่า เมื่อก้าวเข้ามาเรียนแพทย์ ต้องไม่มีคำว่าขี้เกียจ เพราะถ้าขี้เกียจ ก็จะส่งผลต่อชีวิตของคุณหลายอย่างมาก จะสรุปให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้

1. ขี้เกียจตอนเรียนก็ไม่ได้ เพราะกลายเป็นฐานให้เพื่อน และเสียโอกาสทางการศึกษาหลายๆอย่างเลยนะ
2. และถ้าขี้เกียจไปแล้ว ความรู้ก็จะหดหาย เอาไปสอบ NL1, NL2, OSCE ไม่ได้อีก (เรียนจบหมอ แต่รักษาคนไม่ได้ถ้าสอบทั้งสามอย่างไม่ผ่านนะ)
3. และถ้าขี้เกียจตอนราวน์วอร์ด ก็ขาดทักษะหัตถการเบื้องต้น ขาดความรู้ที่ต้องใช้เป็นประจำ(High-yield content) ขาดประสบการณ์อีก
4. และถ้าขี้เกียจตอนเรียนจบ อันนี้ ทำให้คุณเป็นหมอที่ล้าสมัย เพราะไม่แสวงหาความรู้อยู่เสมอๆ กลายเป็นหมอที่ขาดคุณภาพ

สุดท้ายนี้ ผู้คอมเมนต์ขอให้ผู้อ่าน อ่านด้วยวิจารณญาณ เพราะตัวผู้คอมเมนต์เอง กำลังขึ้นปีสาม ยังไม่ได้จบไปเป็นแพทย์หรอกนะ ข้อมูลเชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไหร่ รู้แต่ว่า

"คนขี้เกียจ ชีวิตจบไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่"

เอาเป็นว่า สู้ๆก็แล้วกันนะครับ เป็นบทเรียนชีวิตที่คุ้มค่า (ดีที่คิดได้ตั้งแต่ตอนนี้นะ)

3
ฉันก็คือฉัน และก็จะเป็นฉัน!!! 23 เม.ย. 58 เวลา 16:45 น. 2-1

จริงๆ คิดได้นานแล้วล่ะค่ะ แต่ทำไม่เคยได้ ประมาณว่าดราม่ากับตัวเอง ต้องขยันได้แล้วๆ แต่ไม่ยอมเปลี่ยนการใช้ชีวิตนั่นแหละค่ะ

ถึงได้บอกว่าต้องโทษตัวเอง

0
Nitipat Saiprapakorn 23 เม.ย. 58 เวลา 18:21 น. 2-2

โทษตัวเองได้ แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไปนะน้องนะ แล้วต่อไปน้องจะทำอย่างไรเอ่ย มีทางเลือกอื่นรองรับไว้แล้วหรือยัง

0
เเค่สงสัย 23 เม.ย. 58 เวลา 16:22 น. 4

จขกทอยู่โรงเรียนไหนหรอคะ ห้องไหน บางทีที่ทำได้ดีกว่าคนอื่นเรื่อยมาอาจเป็นเพราะโรงเรียน สังคมด้วยรึป่าวคะ คือไม่ได้ว่าจขกทเเต่รู้สึกตงิดใจ ว่ามีแบบนี้ด้วยหรอ

1
ฉันก็คือฉัน และก็จะเป็นฉัน!!! 23 เม.ย. 58 เวลา 16:44 น. 4-1

โรงเรียนชั้นกลางค่ะ ไม่ได้สูง
แต่เหมือนกับถ้าเราได้อาจารย์คนเดียวกัน เรียนแบบเดียวกัน จะทำได้ดีกว่าคนรอบข้างเสมอค่ะ แปลกๆ เหมือนกัน แต่ลองมาหลายที่แล้ว

0
เป็นคนใหม่ 23 เม.ย. 58 เวลา 22:12 น. 5

ใช่ เราก็คล้ายๆเธอ ตั้งแต่เด็กจนมาถึงม.ต้น เราก็เป็นคนขี้เกียจมาสม่ำเสมอน่ะนะ =_= แต่ก็มักจะเรียนเก่งกว่าคนรอบข้างเสมอ ทั้งๆที่ขี้เกียจมากกก หนังสือแทบไม่แตะ
แต่พอมามอปลาย ย้ายมาอยู่โรงเรียนท็อป 5 และทำตัวขี้เกียจเหมือนเดิม เราก็ไม่ใช่อันดับต้นๆอีกต่อไป ด้วยความยากที่มากขึ้นของเนื้อหา บวกกับสังคมที่เปลี่ยนไปมากด้วยล่ะมั้ง ทำให้ปกปิดผลลัพธ์ของการขี้เกียจไว้ไม่มิด สอบหมอก็ไม่ติด เราก็เข้าใจตัวเองแหละ ว่าเพราะอะไร ไม่ต้องโทษใครเลย นอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้เราก็มีเป้าหมายใหม่ เป็นอะไรที่เราก็อยากจะเรียนเหมือนกัน รองจากหมอ และเราก็คิดเหมือนกัน ว่าคนขี้เกียจอย่างเรา ถ้าไปเป็นหมอ ต้องรุ่งริ่งแน่ๆ แต่สิ่งที่เราจะเรียนก็หนักไม่แพ้หมอ เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง ทิ้งความขี้เกียจไปซะ แล้วเริ่มต้นใหม่ ต้องขยันให้มากๆๆๆๆ เพราะเกี่ยวข้องกับคนไข้เหมือนกัน

1
ไข่ดาว-หมูทอด 24 เม.ย. 58 เวลา 19:51 น. 6

แหม่ ยังกะอ่านชีวิตตัวเอง

เป็นเหมือนกัน  

รุ้เลยว่าบางที การได้คะแนนเยอะๆ  เกรดดีๆ สอบได้ที่ 1 ไม่ได้ช่วยให้ติดหมอเลย. ..คิดแล้วก็เศร้า

0
ตัวขี้เกียจ 24 เม.ย. 58 เวลา 23:10 น. 7

เราก็คล้ายๆเธอนะ แต่เราติดทันตะแทน เราอยากเรียนหมอมากเพราะเราไปเข้าค่ายมาทำให้เรารู้สึกชอบเพราะตอนเรียนวิชาที่พี่เค้าเอามาให้ลองเรียนคือเราชอบมากอ่ะ เราใช้เวลาอ่านหนังสือแค่2อาทิตย์ทั้งๆที่รู้ว่าควรอ่านมาแต่ไหนแต่ไร ก็ยังเลือกที่จะขี้เกียจ พอรู้ว่าติดคือดีใจนะที่ติดแต่เสียใจที่ทำไม่เต็มที่อ่ะ
เรายังคงโทษตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ว่าทำไมไม่พยายามมากกว่านี้
เศร้าจัง

0