Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(Review) หนังสือเตรียมสอบ ม.ปลาย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีครับน้องๆ ม.6 ทุกคน ตอนนี้พี่เชื่อว่าพวกเรากำลังจะเตรียมตัวสอบกันแล้ว เพราะปฏิทินการสอบ GAT, PAT, 9 วิชาสามัญ ออกมาให้พวกเราได้ดูแล้ว ตัวพี่เองในตอนที่อยู่ชั้น ม.6 ก็เป็นคนนึงที่ยังไม่รู้ เลือกไม่ได้ว่าจะเรียนอะไรดี อาชีพที่เลือกไป คณะที่เลือกไปมันจะใช่ตัวเรารึเปล่า หนังสือเตรียมสอบจะซื้อ/อ่านเล่มไหนดี มันมืดมนไปหมดสำหรับชีวิต ม.6 ที่จะต้องเข้าไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย พี่จะแนะนำทางในการเลือกคณะที่เหมาะกับตัวเรา การอ่านหนังสือให้ แต่ก่อนอื่นเราไปดูหนังสือที่พี่จะมารีวิวให้ดูก่อนกันดีกว่าครับ

Review Books

คณิตศาสตร์

- 1001 tests in Maths เล่ม 1, 2, 3 (ทรงวิทย์ สุวรรณธาดา)


เป็นหนังสือที่มีแต่โจทย์และแยกแต่ละบทในการทำ เหมาะสำหรับคนที่อ่านหนังสือจบแต่ละบท แล้วอยากทำโจทย์เจาะบทนั้นๆ ให้ความรู้แน่นมากขึ้นก่อนที่จะไปทำโจทย์รวม

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่อ่านเนื้อหาแล้วอยากทำโจทย์แยกบท (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

- HI-Speed Maths for PAT 1 & Exam, M. 4-5-6 เล่ม 1, 2 (คณิต มงคลพิทักษ์สุข)


มีสรุปเนื้อหาและตัวอย่างแต่ละบท และมีโจทย์แยกแต่ละบทให้ทำ เหมาะกับคนที่อยากอ่านสรุปเนื้อหาหรืออยากทำโจทย์แยกบทและโจทย์เสริมประสบการณ์ที่ยากขึ้นกว่า 1001 Tests in Maths

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่ต้องการทำโจทย์แยกบทเพิ่มเติมที่ยากมากขึ้น (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

- หัวใจ PAT 1 (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


หนังสือเล่มนี้จะสรุปเนื้อหาวิชาคณิตทั้งหมดเอาไว้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอ่านเนื้อหาทั้งแบบสรุปและศึกษาเนื้อหาด้วยตัวเอง ด้านหลังของหนังสือจะมีวิธีการอ่านหนังสือว่าต้องอ่านเล่มไหนก่อน (หนังสือของพี่ณัฐ เช่น Syntax, Vaccine ฯลฯ) และมีบทความให้กำลังใจในการอ่านหนังสือ

* เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่ต้องการอ่านเนื้อหาคณิตศาสตร์ (ถ้าเรียนพิเศษไม่ต้องอ่านเล่มนี้ก็ได้ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่าน)


- Syntax (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


หนังสือเล่มนี้มี Diagnostic Test สำหรับวัดทักษะและความรู้พื้นฐานในการทำโจทย์คณิตเพื่อที่จะรู้จุดบอดตัวเองแล้วเอาไปแก้ไข และด้านหลังมีโจทย์ผสมที่ยากเป็นระดับๆ ไปในแต่ละชุดโดยเอาไว้ฝึกทำเป็นประสบการณ์ก่อนลุยข้อสอบจริง

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่ต้องการหาจุดบอดและแก้ไขมันให้ทัน รวมทั้งเด็กที่อยากฝึกทำข้อสอบผสมแบบจับเวลา (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่าน หัวใจ PAT 1 หรือเนื้อหาคณิตเล่มอื่นมาแล้ว)

- Vaccine (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


ช่วงแรกของหนังสือเล่มนี้เป็นช่วง Workbook โดยจะให้เก็บเนื้อหาคณิตแยกบทของ ม.ปลาย ก่อน เพื่อให้คุ้นเคยกับโจทย์ แถม Mix Test มาเพิ่มเพื่อให้คุ้นเคยกับโจทย์ผสม แล้วช่วงหลังเป็นช่วง Vaccine จะเป็นโจทย์ผสมล้วน เรียงลำดับความยากง่ายของแต่ละชุด

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่อยากฝึกโจทย์เพิ่มเติม รวมทั้งเด็กที่อยากฝึกทำข้อสอบผสมแบบจับเวลา (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่าน หัวใจ PAT 1 หรือเนื้อหาคณิตเล่มอื่นมาแล้ว)

- หนังสือปกแข็ง 25 พ.ศ. (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


เป็นหนังสือคณิตที่รวมข้อสอบย้อนหลังหลายปีมาให้ได้ฝึกทำแบบจับเวลา เป็นข้อสอบผสมทุกชุด เพราะงั้นก่อนทำเล่มนี้ควรจะอ่านเนื้อหามาให้ครบและอ่านให้ดี พร้อมเก็บโจทย์แยกบทมาพอสมควร มีลำดับให้ว่าจะต้องทำพศ.ไหนก่อน

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่ อยากฝึกทำข้อสอบผสมแบบจับเวลา (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่าน หัวใจ PAT 1 หรือเนื้อหาคณิตเล่มอื่นมาแล้ว)

- Crack (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


เป็นหนังสือที่จำลองข้อสอบของการสอบจริงหลายๆ สนาม เป็นเล่มที่ยากกว่าเล่มอื่น ต้องอ่านเนื้อหาและฝึกทำโจทย์มาพอสมควร เล่มนี้ต้องจับเวลาในการทำแต่ละชุดเพื่อให้เหมือนการสอบจริง ประเมินตัวเองว่าจะทำข้อสอบทันไหม จุดไหนที่ยังพลาดอยู่

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์คำนวณ ที่อยากฝึกทำข้อสอบผสมแบบจับเวลา (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่าน หัวใจ PAT 1 หรือเนื้อหาคณิตเล่มอื่นมาแล้ว)

*หมายเหตุ หนังสือของพี่ณัฐทั้งหมดนี้ ลำดับวิธีการอ่านว่าต้องอ่านเล่มไหนก่อนจะอยู่ด้านหลังหนังสือ หัวใจ PAT 1 ก่อนอ่านควรศึกษาลำดับหนังสือให้ดี

- หัวใจ O-NET (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


หนังสือเล่มนี้เนื้อหาจะน้อยกว่า "หัวใจ PAT 1" เพราะจะเอาแต่เนื้อหาที่ O-NET ออกสอบมา เหมาะกับคนที่อยากรู้และอ่านเฉพาะเนื้อหาที่ O-NET ออก

*เหมาะสำหรับ เด็ก ม.6 ทุกคนที่จะอ่านสอบ O-NET (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

- เฉลยข้อสอบจริง 5 พ.ศ. O-NET (ณัฐ อุดมพาณิชย์)


รวมข้อสอบคณิต O-NET จริงตั้งแต่ปี 2549-2553 เพื่อสร้างประสบการณ์ในการทำข้อสอบ

*เหมาะสำหรับ เด็ก ม.6 ทุกคนที่ได้อ่านเนื้อหา หัวใจ O-NET หรือ อ่านเนื้อหาคณิต O-NET มาแล้ว แล้วอยากทำข้อสอบจริง (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

เคมี

- อ่าน + แบบฝึกหัด

-Absolute Chemistry Tests เล่ม 1-5 (อาจารย์ เสกสรรค์ ศิริวัฒนวิบูลย์)


หนังสือทั้งหมดนี้จะเป็นเนื้อหาเคมีแยกบทและโจทย์แยกบท เหมาะกับคนที่อยากทวนเนื้อหาพร้อมทำโจทย์ให้ละเอียดมากขึ้น

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ ที่ต้องการอ่านเนื้อหาวิชาเคมี(ไม่เรียนพิเศษ)

- โจทย์

-เคมี 15 พ.ศ. (สำราญ พฤกษ์สุนทร)




-Absolute Chemistry Tests เล่ม 6 (อาจารย์ เสกสรรค์ ศิริวัฒนวิบูลย์)


สองเล่มนี้จะเป็นโจทย์ผสม เหมาะกับคนที่ได้อ่านเนื้อหาเคมีมาครบถ้วนแล้วอยากฝึกทำโจทย์ให้คล่องและมีประสบการณ์ในการทำข้อสอบมากขึ้น

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (ถ้าเรียนพิเศษแล้วอยากฝึกทำโจทย์รวมแบบจับเวลาก็แนะนำ / ถ้าไม่เรียนพิเศษควรอ่านเนื้อหาเคมีมาจนครบถ้วนก่อนแล้วค่อยไปทำ)

*ปล. 1 : คนที่เรียนอาจารย์อุ๊ แนะนำเล่มส่วนที่เป็นโจทย์เพราะเนื้อหาและโจทย์แยกบทอยู่ในหนังสืออาจารย์อุ๊หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาที่อื่น)

*ปล. 2 : Absolute Chemistry Tests จขกท. ไม่เคยอ่านมาก่อน แต่ได้ไปลองเปิดดูแบบละเอียดแล้วเห็นว่าน่าสนใจ หนังสือดี ถ้าจะซื้อควรเปิดดูเนื้อหาให้แน่ใจก่อน

วิชาเฉพาะแพทย์


-คู่มือสอบวิชาเฉพาะแพทย์ (สำนักพิมพ์ Science Center และ สำนักพิมพ์ The Books)

จขกท. เคยอ่านแต่เล่มเขียว (ของ Science Center) ส่วนตัวก็ว่าดีพอสมควร วิชาเฉพาะแพทย์ต้องฝึกบ่อยๆ ทำบ่อยๆ ถึงจะคล่อง

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ ที่อยากฝึกทำโจทย์วิชาเฉพาะแพทย์ (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

*ปล. ในเรื่องการเชื่อมโยงของวิชาเฉพาะแพทย์ สามารถใช้ฝึกทำจนสอบ GAT เชื่อมโยงได้ แต่ในวิชาเฉพาะจะยากกว่า

มีต่อที่ comment เนื่องจากเนื้อหากระทู้ยาวมาก ต้องขออภัยด้วยนะครับ

แสดงความคิดเห็น

>

36 ความคิดเห็น

BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 12:53 น. 1
มาต่อนะครับ

อังกฤษ

-Basic Grammar (ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ)




-ตะลุยโจทย์ Grammar 1,500 ข้อ (ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ)




-Advance English Grammar (สำราญ คำยิ่ง)



-เก่งไวยากรณ์ได้ไม่ยาก (เศรษฐวิทย์)

สี่เล่มนี้ต้องไปด้วยกันถึงจะดีมาก (เล่มเก่งไวยากรณ์ฯ จะหายากหน่อยเพราะไม่น่าจะตีพิมพ์แล้ว ถ้าหาไม่ได้ให้เอา Writing Ability ของ อ.สุรเดช มาอ่านแทน) แนะนำวิธีการอ่านให้ดังนี้

1. อ่าน "Basic Grammar" ก่อนเพราะปูพื้นฐานให้แน่น โดยจะมีเนื้อหาคร่าวๆ มาให้อ่าน โดยอ่านเนื้อหาก่อน พออ่านเสร็จทำโจทย์ต่อเลย ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดเล่ม

2. พอเล่มแรกจบแล้วมาต่อที่ "ตะลุยโจทย์ Grammar 1,500 ข้อ" เนื้อหาจะเหมือนเล่ม Basic แต่จะมีบางบทที่เพิ่มเนื้อหามานิดนึง มีเนื้อหาคร่าวๆ มาให้ อ่านเนื้อหาก่อนแล้วค่อยไปทำโจทย์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดเล่ม

3. เมื่ออ่านสองเล่มด้านบนหมด จะเห็นว่าสองเล่มนั้นขาดเนื้อหาบางส่วนไป เช่น Subjunctive Mood เพราะงั้นต้องเก็บช่องโหว่โดยใช้สองเล่มหลัง หาบทที่เรายังขาดไป แล้วเอามาอ่านให้ครบซะ (แนะนำให้อ่าน เก่งไวยากรณ์ฯ หรือ Writing Ability มากกว่า Advance เพราะ Advance เนื้อหาเยอะมากแต่ลงลึกดี ถ้าคิดว่าอ่านไม่ทัน ไม่ควรอ่าน Advance)

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อยากทวนเนื้อหาหรือเริ่มอ่านเนื้อหาวิชาอังกฤษใหม่ (ถ้าเรียนพิเศษไม่ต้องอ่านก็ได้ / ถ้าไม่เรียนพิเศษก็อ่านตามที่แนะนำไป)

-สรุปเข้ม Vocabulary (ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ)



-ตะลุยโจทย์ Vocabulary 1,000 ข้อ (ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ)

สองเล่มนี้จะใช้วิธีการอ่านเหมือนกัน โดยให้เริ่มอ่านเล่มสรุปเข้มก่อนเล่มตะลุยโจทย์ วิธีการอ่านมีดังนี้

ไม่จำเป็นต้องอ่านศัพท์ก่อน พี่เป็นคนนึงที่เปิดไปทำแบบฝึกหัดเลย น้องเปิดไปทำแบบฝึกแรก ทำเลย คำไหนไม่รู้ก็ช่างมันทำไปก่อน พอเสร็จแล้วมาเฉลย แล้วเราค่อยดูว่าแต่ละตัวแปลว่าอะไร ทำแบบนี้คือเราได้ทำจริง ได้ผิดจริง แล้วก่อนจะทำแบบฝึกถัดไปให้มาอ่านแบบฝึกที่เคยทำไปแล้วก่อนเพื่อทบทวนศัพท์ แล้วค่อยไปทำแบบฝึกต่อไป ใช้ได้กับทุกแบบฝึกหัดในสองเล่มนี้ (หากใครจะอ่านก็ได้ไม่บังคับ แต่ต่อให้อ่านเยอะแล้วไม่เคยฝึกทำเลย สุดท้ายก็ลืมอยู่ดี)

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อยากอ่านหรือทวนคำศัพท์ให้แน่นยิ่งขึ้น เพราะ Vocab ถือเป็นอีกหัวใจในการสอบ (ถ้าเรียนพิเศษก็เอาไว้อ่านทบทวนศัพท์ / ถ้าไม่เรียนพิเศษก็อ่านตามที่แนะนำไป)

-ตะลุยโจทย์ Reading 500 ข้อ (ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ)



- Reading English O-NET & A-NET และ Key to exercise Reading English O-NET & A-NET  (อาจารย์ สุรเดช นิธิสุนธร)

ใช้สำหรับการเตรียมตัวทำข้อสอบ Part Reading โดยแนะนำวิธีการอ่านดังนี้

ให้อ่านเล่ม "ตะลุยโจทย์ Reading 500 ข้อ" ก่อนเพราะอ่านง่ายดี พออ่านจนจบจะได้หลักการทำพอสมควร ส่วนเล่ม Reading ของอ.สุรเดช นั้นเอาไว้จับหลักการเพิ่มเติม จะมีบางหลักการที่เล่มแรกไม่มี เล่มที่สามเป็น Key ของเล่มสอง

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อยากจะหาวิธีการทำและข้อสอบในการทำ Reading เพิ่มมากขึ้น (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

-ตะลุยโจทย์ Error 500 ข้อ (ดร. ศุภวัฒน์ พุกเจริญ)



-Writing Ability O-NET & A-NET (อาจารย์ สุรเดช นิธิสุนทร)



-Structure & Writing express (ผศ. ดร. ชัยวิชิต เจษฎาภัทรกุล)



-CU-TEP Error Identification (TGRE)



-Grammar Error (TGRE)

หนังสือ Error เหล่านี้ ต้องผ่านการอ่านเนื้อหา Grammar มาทั้งหมดก่อนถึงจะค่อยเข้าไปทำได้ โดยมีลำดับหนังสืออ่านดังนี้

1. อ่านเล่ม Writing Ability ของ อ.สุรเดช ก่อน โดยเมื่ออ่านเนื้อหา Grammar จบแล้ว มาเริ่มทำโจทย์ไปเรื่อยๆ ฝึกให้รู้ว่าโจทย์จะถามเกี่ยวกับอะไร รับมือข้อสอบแต่ละข้อยังไง

2. เมื่ออ่าน Writing Ability จบแล้ว ให้เอาเลือกหนังสือเล่มไหนมาอ่านต่อก็ได้เพราะถือว่าเราพื้นฐานแน่นพอ

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อยากทำโจทย์เรื่อง Error ให้แน่นมากยิ่งขึ้น(เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

-TU-GET ของ ธรรมศาสตร์ Volume 1, 2

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อยากเข้าธรรมศาสตร์หรือจะสอบ TU-GET หรือถ้าหากไม่สอบแต่อยากไปซื้อหนังสือเพื่อมาทำโจทย์เพิ่มก็ได้ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่านเนื้อหาอังกฤษมาก่อน)

-AX 25 พ.ศ. ภาษาอังกฤษ (พี่แนน Enconcept)

รวบรวมข้อสอบอังกฤษเยอะมาก เหมาะสำหรับการเตรียมตัวทำโจทย์ให้เยอะยิ่งขึ้น แต่ต้องอ่านเนื้อหาอังกฤษมาจนแน่นพอแล้ว

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อยากฝึกโจทย์จากข้อสอบจริงพร้อมจับเวลาทำเหมือนการสอบ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษไปอ่านหนังสือ Grammar หลายๆ เล่มที่แนะนำไปดู อาจจะช่วยได้)

*ปล. ต่างจังหวัดถ้าไม่มีที่ร้านหนังสือสามารถไปซื้อได้ที่ ที่เรียนพิเศษ Enconcept

-HI-Speed for English Proficiency Tests (อาจารย์ นพดล อังคนุพงศ์)

เป็นหนังสือสำหรับคนที่อ่านเนื้อหา Grammar แล้วยังไม่อยากทำโจทย์ที่ยากเกินไป ให้ฝึกทำโจทย์ Grammar แยกเรื่องจากเล่มนี้เพิ่มเติม โดยข้อสอบในเล่มนี้จะคล้ายๆ แบบฝึกหัด สามารถเอามาทำเพื่อกระตุ้นความจำในการอ่านได้

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ ที่อ่านเนื้อหามาครบแล้วอยากเก็บโจทย์ Grammar แยกเรื่องเพิ่มเติม (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ)

มีต่อนะครับ

0
BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 12:58 น. 2
ต่อนะครับ

ฟิสิกส์


-Absolute Series Physics (อาจารย์ กฤตนัย(สมชาย) จันทรจตุรงค์)






หนังสือชุดนี้จะมีเนื้อหาพร้อมโจทย์ตัวอย่าง ส่วนตัวชอบหนังสือชุดนี้เพราะเขียนอธิบายได้ดีพอสมควร มีแบบฝึกหัดหลายข้อ เมื่ออ่านจบสามารถไปทำแบบฝึกหัดทบทวนได้

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (ถ้าเรียนพิเศษแล้วยังไม่แม่นบทไหนก็ซื้อเล่มบทนั้นๆ มาอ่านเพิ่มเติมได้ / ถ้าไม่เรียนพิเศษก็สามารถอ่านจนเข้าใจ พออ่านเสร็จให้ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติมเพื่อฝึกประสบการณ์การทำข้อสอบให้มากขึ้น)

-1001 tests in Physics เล่ม 1, 2, 3 (รศ. มานัส มงคลสุข)

เป็นหนังสือโจทย์ฟิสิกส์ล้วนและแยกบท มีโจทย์ให้ฝึกประสบการณ์หลายข้อในแต่ละบท เหมาะกับคนที่อ่านฟิสิกส์มาแล้วแต่ยังไม่แม่นในโจทย์แต่ละบท

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (ที่เรียนพิเศษแล้วต้องการทำโจทย์แยกบทเพื่อฝึกประสบการณ์ / ถ้าไม่เรียนพิเศษ ต้องอ่านเนื้อหาฟิสิกส์มาแล้ว)

-Absolute Physics Tests มีหลายเล่ม (อาจารย์ กฤตนัย(สมชาย) จันทรจตุรงค์)



เป็นเล่มสรุปเนื้อหาฟิสิกส์โดยย่อ (ส่วนใหญ่สรุปแต่สูตรและอธิบายคร่าวๆ มาให้) และมีโจทย์แยกบทมาให้ฝึกทำ เหมาะกับคนที่อ่านเนื้อหาฟิสิกส์หรือเรียนพิเศษมาแล้วอยากทวนแบบรวดเร็ว เอาแต่เนื้อ และอยากทำโจทย์เพื่อสร้างประสบการณ์ให้มากขึ้น

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (ที่เรียนพิเศษแล้วต้องการทวนเนื้อหาแบบรวดเร็ว เอาแต่เนื้อและฝึกทำโจทย์แยกบทให้คล่อง / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่านเนื้อหาฟิสิกส์มาแล้ว เพราะเล่มนี้จะไม่อธิบายละเอียดเหมือน Absolute Series Physics)

มีต่อนะครับ

0
BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 13:10 น. 3

ชีววิทยา

- อ่าน

-Bio by tent (พี่เต็นท์ จิรัสย์ เจนพาณิชย์)



-Essential Biology (ศุภณัฐ ไพโรหกุล)



-Bio by TU(M)WIT (ณัฐพงศ์ ก้องคุณวัฒน์)

สามเล่มนี้ถ้าอ่านรวมกันแล้วมาสรุปให้เหลือเพียงหนึ่งเดียวจะดีมาก เพราะเนื้อหาบางอย่างที่มีในเล่มหนึ่ง อีกสองเล่มอาจจะไม่มี หรือบางเนื้อหามีในสองเล่ม แต่อีกเล่มไม่มี เราต้องเติมเนื้อหาให้เต็มมากขึ้น ในส่วนของเล่ม essential บางบทน้ำจะเยอะ เราก็อ่านสองเล่มที่เหลือก่อนแล้วมาดูว่าเนื้อมันคืออะไร แล้วมาคัดน้ำออกให้เหลือแต่เนื้อ

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (ที่เรียนพิเศษแล้วอยากทวนเนื้อหาให้แน่นยิ่งขึ้น / ไม่เรียนพิเศษ)

- โจทย์

-ตะลุยคลังข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ชีววิทยา (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมาน แก้วไวยุทธ)

เล่มนี้แนะนำเพราะเป็นโจทย์แยกบทไม่มีเนื้อหา เป็นการรวมข้อสอบชีวะล้วนๆ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อสอบปีเก่าๆ เหมาะกับคนที่อ่านเนื้อหาชีวะแล้วอยากฝึกทำโจทย์แยกบทเพื่อเพิ่มประสบการณ์มากยิ่งขึ้น

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ ที่อยากฝึกทำโจทย์แยกบทให้แน่นมากขึ้น (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษควรจะอ่านเนื้อหาเฉพาะบทให้แน่นก่อนลงมือทำ)

-Bio Question Bank คลังข้อสอบแข่งขัน ชีววิทยา (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมาน แก้วไวยุทธ)

เล่มนี้จะเป็นเล่มโจทย์แยกบทไม่มีเนื้อหา รวมข้อสอบชีวะล้วน เป็นโจทย์ข้อสอบแข่งขันและข้อสอบ Ent' เก่าๆ เล่มนี้จะโจทย์จะยากกว่าเล่มด้านบนพอสมควร ดังนั้นผู้อ่านจะต้องฝึกโจทย์ในเล่มด้านบนก่อนที่จะทำเริ่มทำเล่มนี้

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ : แต่ต้องอ่านเนื้อหามาอย่างดีและทำโจทย์ชีวะมาพอสมควร)

-เฉลยโควตา มข. ปี 51-56, มช. ปี 50-57, มอ. ปี 50-55 (ณัฐชัย เก่งพิพัฒน์ หรือ พี่บิ๊ก We by The Brain)

เล่มนี้จะเป็นโจทย์ผสม ไม่มีเนื้อหา เหมาะกับเด็กที่อ่านเนื้อหามาอย่างดีและทำโจทย์แยกบทมาพอสมควร แล้วอยากฝึกทำข้อสอบแบบจับเวลาเพื่อฝึกประสบการณ์ในการทำข้อสอบให้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้น้องจะไม่ได้เข้าโควตาของภาคต่างๆ แต่อย่าลืมว่ามันก็เป็นข้อสอบที่สามารถสร้างประสบการณ์ให้กับเราได้ ถ้าอยากทำโจทย์ผสมก็ลองซื้อไปทำกันได้

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ (เรียนพิเศษ / ไม่เรียนพิเศษ : แต่ต้องอ่านเนื้อหามาอย่างดีและฝึกทำโจทย์แยกบทมาพอสมควร)

ไทย - สังคม

-AX ไทย-สังคม (พี่หมุย Soci-Thai)

เป็นหนังสือโจทย์ผสมแต่แยกวิชาไทย-สังคม เหมาะกับเด็กที่อ่านเนื้อหามาแล้วอยากทำโจทย์ผสมเพื่อฝึกประสบการณ์จริงในการทำข้อสอบจริงแบบจับเวลา

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่านเนื้อหาไทย-สังคม มาก่อนเป็นอย่างดี)

*ปล. 1 : ต่างจังหวัดถ้าไม่มีที่ร้านหนังสือสามารถหาซื้อได้ที่ ที่เรียนพิเศษ Enconcept

*ปล. 2 : จขกท. ทำไม่ครบเล่ม เลยไม่กล้ารีวิวมาก ถ้าจะซื้อก็เปิดเช็คดูให้แน่ใจก่อนซื้อ

-เฉลยข้อสอบไทย-สังคม (ครูปิง ดาว้องก์)

เป็นโจทย์ผสมแต่แยกวิชาไทย-สังคม เป็นโจทย์และเฉลยข้อสอบย้อนหลังหลายปี เหมาะกับคนที่ต้องการทำโจทย์ฝึกประสบการณ์ให้แน่นยิ่งขึ้น

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องอ่านเนื้อหามาพอสมควร)

-แบบเลียนภาษาไทย (ครูลิลลี่)

เป็นหนังสือที่สรุปเนื้อหาวิชาภาษาไทย เหมาะกับคนที่อยากทวนเนื้อหาวิชาภาษาไทยเพื่อสอบ Ent'

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษควรอ่าน)

-Mini Thai book (ครูปิง ดาว๊อง)

เป็นหนังสือสรุปเนื้อหาวิชาภาษาไทย แต่เล่มนี้ไม่มีขาย ต้องหายืมเพื่อนที่ได้เรียนดาว้องก์เอา จขกท.ก็อ่านเล่มนี้มากกว่าเล่มอื่นๆ

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษต้องหายืมเพื่อนที่เรียนมาอ่านเอา)

-สรุปสังคม ม.ปลาย (พี่บอล ศิวพล ชมภูพันธุ์)

หนังสือเล่มนี้สรุปเนื้อหาสังคมดีและมีโจทย์แยกบทของสังคมให้ได้ฝึกทำกันเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับโจทย์สังคม (แยกพวก เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ออกจากกัน)

*เหมาะสำหรับ เด็กสายวิทย์ / ศิลป์ (เรียนพิเศษ / ถ้าไม่เรียนพิเศษควรอ่าน)

มีฝากให้กำลังใจน้องๆ ต่อนะครับ

0
BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 13:15 น. 4

ฝาก : ถึงแม้ว่าน้องจะเรียนพิเศษเยอะแยะมากมาย ถ้าน้องไม่เคยอ่านทบทวนเลย น้องก็ไม่สามารถทำข้อสอบได้เลยครับ

ฝาก   Page ข่าวสารการเรียนและให้กำลังใจในการเรียนต่างๆ สามารถไปกด Like ได้ที่ Facebook

เรื่องเรียน ; All about learns

ซิ่วสอบหมอ
Review หนังสือเตรียมสอบ ม.ปลาย

GAT Community

P'Dome

แก๊งค์เด็กแอดฯ : Admission

อาจารย์อู๋

MATH by NUTTY

คลินิกการศึกษา :::พาราเซตามอล+

Aj KLUI (เรียน GAT ไทย ฟรี)

GAT Eng & Connect Thailand

บันทึกโก๊ะๆของนศพ.

สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)

ปล่อยฝันไปเถอะ - Dream On

พร้อมสอบ กสพท. 59 แล้วนะ

Dek-D.COM - เด็กดีดอทคอม

กสพท. 59

สทศ.

หนังสือ "ติดหมอ"

รับตรงมหาวิทยาลัยขอนแก่น (เพจนี้สำหรับเด็กภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

ตามติดชีวิตเด็กแอด'59

OpenDurian

รับตรง

ฝากถึงน้องๆ ที่ยังไม่รู้จะเลือกเรียนอะไรดี คณะที่เราเลือก อาชีพต่างๆ ที่เราเลือกจะใช่เราไหม ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ


*หมายเหตุ บทความทั้งหมดนี้ จขกท. เป็นผู้เขียนเองทั้งหมด ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งหรือบรรทัดไหนก็ตามของบทความ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนหรือหากจะนำไปเผยแพร่ต้องทำลิงค์กลับมาที่กระทู้นี้เท่านั้น


- อาชีพในอนาคต น้องอยากเป็นอะไรน้องปักหมุดให้อยู่ครับ มีเป้าหมายที่ชัดเจนกับตัวเอง ตอนนี้เหมือนเราเล่นเกมเขาวงกต น้องอยู่ที่ปากทางเข้า หน้าที่ของเราคือเริ่มเกมจากจุดเริ่มลากตัวเองไปสู่ทางออก ถ้าเราอยากโกงเกมก็ง่ายๆ ลากจากทางออกไปหาทางเข้า เกมก็ง่ายขึ้นเพราะเราไม่ต้องงมทางที่จะไป

พี่เปรียบจุดหมายหรือทางออกเหมือนอาชีพ การโกงเกมคือเราเลือกอาชีพก่อน แล้วมามองคณะ เด็กสมัยนี้เลือกคณะก่อนโดยไม่รู้ว่าคณะนั้นสามารถไปประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง อย่าเป็นแบบนั้น ให้เริ่มคิดว่าอยากทำอาชีพอะไร แล้วไปมองที่คณะ อาชีพนั้นเราต้องรักที่จะทำมันด้วย ถ้าเราไม่รักมัน เราจะทำมันไม่ได้นาน และทำมันได้ไม่ดี คนปัจจุบันเปลี่ยนงานบ่อยมีได้หลายความหมาย คือ เขาเก่งและออกไปหาความก้าวหน้าของชีวิตในแบบของเขา หรือ เขายังไม่รู้จักตัวเองว่าเขารักที่จะทำงานแบบไหน

- การเลือกคณะ เมื่อได้อาชีพที่ชอบแล้วมามองคณะ คณะที่ชอบควรจะมีอันดับ 1 2 3 4 เพื่อที่เวลาที่เราล้มแล้วเราจะได้ลุกได้ ล้มแล้วไม่เจ็บ ล้มในที่นี้คือการสอบไม่ติด เราทุกคนไม่ได้เก่งที่จะติดอันดับหนึ่ง เพราะงั้นมีทางเลือกสำรองไว้เสมอ กันเอาไว้อย่าให้ตัวเองเจ็บ เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ติดอันดับหนึ่ง แต่ถ้าอันดับสองยังพอเรียนได้ พอเรียนไหวและยังชอบอยู่ ก็มาเลือกเรียนอันดับสองได้

- ถ้าถามว่าทำไมต้องเลือกเรียน เลือกทำอาชีพโดยเราต้องรักมันจริงๆ ต้องชอบมันจริงๆ ให้ดูง่ายๆ จากวิชาในโรงเรียน ขนาดวิชาที่น้องไม่ชอบน้องก็ไม่อยากจะเข้า นับประสาอะไรกับคณะที่มันใหญ่กว่านี้มาก เราเข้าไปเรียนโดยที่เราไม่ชอบคณะ มันจะมีประโยชน์อะไรครับ


บางคนบอก พี่บางทีชีวิตมันก็เลือกไม่ได้นะว่าจะเรียนอะไร จะทำอาชีพอะไร พี่เข้าใจว่ามีปัญหาไม่ว่าจะเป็น ฐานะทางบ้าน, พ่อแม่หรือญาติไม่อยากให้เรียน -- พี่อยากให้เราแก้ปัญหาให้ดี เพราะชีวิตหลังจากนี้คือตัวเราเองทั้งนั้น พ่อแม่หรือญาติ ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต ความสำเร็จมันทดแทนกันไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราเป็นในสิ่งที่มันไม่ใช่เรา คนอื่นอาจจะมองว่าอาชีพนั้นนี้ดีแล้ว แต่คนทรมานกลับเป็นเรา นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่น้องไม่ต้องกังวลครับ โลกเราเปลี่ยนไปแล้วพอสมควร เราสามารถทำตามความฝันได้แน่นอน ขอแต่เรากล้าที่จะทำครับ


ถ้ามีอาชีพที่ชอบแล้วดี เพราะจะเลือกคณะได้ถูก และน้องจะอยากเรียนในคณะนั้น อยากทำงานในอาชีพนั้นโดยไม่เบื่อเลย


ถ้ายังไม่มีอาชีพที่ชอบ ไม่เป็นไร ให้มองคณะที่เราชอบไว้แล้วศึกษาต่อยอดว่าคณะนั้นสามารถประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง อาชีพไหนที่เราชอบในสายคณะที่เราเรียน ค่อยๆ ก้าวเดินไป


- การสอบ ปลายปีนี้และต้นปีหน้ามีการสอบมากมาย น้องหลายคน พี่เชื่อว่าจะตระเวนสอบเหมือนรุ่นพี่หลายๆ ปี ด้วยเหตุผลที่น้องกลัวว่าจะสอบไม่ติด การตระเวนสอบนั้นมันสำหรับคนที่ไม่มีหมุดครับ เวลาที่น้องเอาไปนั่งสอบ เงินที่น้องเอาไปสอบ น้องเอาไปนั่งอ่านหนังสือซื้อหนังสือดีๆ มาอ่านเพื่อเอาคณะที่เราอยากได้จะดีกว่า เปรียบเทียบกันสองคน คนนึงตระเวนสอบทุกที่ที่เปิดเพราะกลัวไม่มีที่เรียน อีกคนตั้งเป้าไว้แค่คณะที่เราชอบในใจอันดับ 1 2 3 4 พอประกาศผลมา คนที่เขาตั้งในเขาก็ย่อมได้ในคณะที่เขาเลือก แต่เปรียบกับน้องที่ตระเวนสอบ หนังสือก็ไม่ได้แตะ และไม่ได้เตรียมพร้อมเลยที่จะไปสอบแต่ละครั้ง มันก็ไม่แปลกที่จะไม่มีชื่อน้องในการประกาศผลคณะที่น้องชอบ


เพราะฉะนั้น อย่าเขว อย่าเลือกไปสอบหลายๆ ที่มากเกินไปโดยที่เราไม่ได้ชอบคณะนั้นๆ ถ้าอยากลองสนามสอบไม่ว่ากัน แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดี เพราะเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน และอาจทำให้เราไม่พร้อมในการอ่านหนังสือสำหรับการสอบครั้งต่อๆ ไป

แต่ยังไงก็ตามคนที่ชนะทุกสนามสอบได้ ไม่ใช่คนที่เก่งมาก แต่เป็นคนที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอ อ่านหนังสือสม่ำเสมอ เขาถึงพิชิตได้แทบทุกสนามสอบ

- เรื่องเล่าจากรุ่นพี่ รุ่นพี่ที่ตระเวนสอบเป็นยังไงประสบความสำเร็จดีไหม รุ่นพี่บางคนติดหลายคณะ หลายมหาลัยแต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะเอาตัวเองไปทางไหนเพราะไม่รู้ว่าชอบอะไร คิดแต่ว่าเรียนอะไรก็ได้เพราะชอบหมด เรียนได้หมด จริงอยู่ที่เราเรียนได้หมด แต่การที่น้องไม่มีความรักในมัน พอถึงจุดๆ หนึ่งมันจะมีทางตัน ถ้าหากมีอุปสรรคมาหาเรา เราก็จะแก้ได้ยาก อดทนที่จะใช้เวลานานๆ การแก้ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้รักมัน อีกอย่างถ้าน้องไม่ได้รักในคณะ สุดท้ายวันหนึ่งน้องก็ต้องทิ้งคณะ ทิ้งงาน แต่ถ้าน้องรักมันตั้งแต่แรก อุปสรรคแค่ไหนน้องก็ไม่กลัวครับ

มีต่อครับ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 15:21 น. 6

ฝากถึงน้องที่ไม่รู้จะเก่งวิชาอะไร ยังไม่รู้ว่าชอบอะไร ขอฝากไว้ 2 วิชาคือ คณิตและอังกฤษ ทำไมต้องเป็นสองวิชานี้ น้องๆ อย่าลืมว่า GAT PAT 1 ใช้เข้ามหาลัยมากกว่า 80% ของคณะในประเทศไทย อีกอย่างสองวิชานี้เป็นวิชาหากินเพราะเกือบทุกสนามสอบต้องมีสองวิชานี้แน่นอน และสองวิชานี้ยังเป็นจุดอ่อนของเด็กม.หลายคน ถ้าน้องเก่งในวิชาที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ น้องก็จะพุ่งตัวเองไปสู่คณะที่น้องเล็งไว้ได้ไม่ยากเลย

การเตรียมตัว จะเตรียมตัวทันไหม เหลือเวลาอีก 4 เดือน จะหาสิ่งที่ชอบทันไหม ค่อยๆ หาไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ต้องรีบ แต่เวลาที่น้องหาน้องต้องอ่านหนังสือไปด้วยนะ เพื่อเตรียมให้ตัวเองพร้อมในการสอบตลอดเวลา

การอ่านหนังสือ น้องคนไหนที่ขี้เกียจ รู้ว่าตัวเองไม่อยากใช้เวลาทั้งวันในการอ่านหนังสือ น้องก็อ่านหนังสือวันละ 1 บทก็พอ อย่างพี่มี 5 วิชาหลักต้องอ่านก็เป็น 5 บทต่อวัน บางคนถาม พี่มันจะทันหรอแค่วันละ 1 บทเอง มองเผินๆ เหมือนจะอ่านไม่ทันแต่เราอ่านแบบนี้ วันนี้อ่านบทที่ 1 วันต่อไปอ่าน 1 2 วันต่อไป 1 2 3 วันต่อไป 1 2 3 4 นั่นก็คือ วันนี้น้องอ่านไปบทที่ 1 อ่านเสร็จแล้วทำโจทย์ วันต่อไปน้องต้องกลับมาทวนเนื้อหาบทที่ 1 พร้อมกับข้อที่ผิดว่าผิดเพราะอะไร ทวนเสร็จค่อยไปอ่านบทที่ 2 ต่อ วันที่ 3 ก็ทำเหมือนกัน ทำแบบนี้มันคือการทวนพร้อมขึ้นบทใหม่ไปในตัว ทำแบบนี้ยิ่งหลายๆ วันเข้า บทแรกๆ น้องแทบจะไม่ต้องอ่านเลยเพราะน้องจำได้หมดแล้ว แทบจะเปิดผ่านเลยด้วยซ้ำ วิชานึงมี 20 กว่าบทน้องใช้เวลา 1-2 เดือนก็อ่านจบแล้ว ถ้าเริ่มวันนี้ อีก 4 เดือนจะสอบ น้องใช้เวลา 2 เดือนอ่าน อีก 2 เดือนที่เหลือทำโจทย์วันละ 1 พ.ศ. พี่ว่ามัน happy นะเพราะพี่เชื่อว่าพวกเราขี้เกียจ พี่เป็นคนนึงที่ขี้เกียจมาก น้องไม่ต้องอ่านหนักเหมือนที่คนอื่นเขาอ่านก็ได้ น้องสละเวลาวันละ 5-6-7 ชม. มาอ่านหนังสือ วันนึงมี 24 ชม. น้องเหลือเวลาอีก 17-18-19 ชม. ที่จะเอาไปทำอย่างอื่น เช่น เล่มเกม เล่น Facebook IG Twitter เที่ยวกลางคืน ได้สบายครับ ไม่ต้องจมปลักกับหนังสือเรียน ค่อยๆ อ่านไปแบบนี้ดีกว่าไปเร่งเอาตอนจะสอบโดยอ่านวันละเป็น 14-15 ชม. ที่มีแต่ความกดดันเข้ามาว่ากลัวอ่านไม่ทัน แล้วสุดท้ายมันจะไม่ได้อะไร

ขอย้ำ : การอ่านหนังสือแบบนี้สำหรับคนที่ขี้เกียจและไม่อยากใช้เวลาทั้งวันอ่านหนังสือ แต่ถ้าใครอึดอยากอ่านวันละเป็น 10 ชม. ก็ไม่ว่ากัน

*หมายเหตุ วิธีการอ่านหนังสือแบบ 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ เป็นของ อาจารย์อุ๊ (อาจารย์ อุไรวรรณ ศิวะกุลขอขอบคุณอาจารย์ที่ให้คำแนะนำด้วยนะครับ ไม่งั้นผมคงไม่มีโอกาสสอบติดเลยครับ ขอบคุณอาจารย์ครับ

0
BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 15:22 น. 7
ทุกครั้งที่จะไปสอบ อยากฝากเรื่องการทำบุญ นะครับ บางคนอาจไม่เชื่อแต่พี่พูดเลยว่าจริง ยกตัวอย่างคนที่ไม่ได้แพทย์ทั้งๆ ที่เก่งเพราะอะไร คะแนนวิชาอื่น 60-70 หมด แต่คณิต 26 คณิต 28 (ขั้นต่ำ 30) มีมาเยอะนะครับ ทำบุญเพื่อความสบายใจของเรา และก่อนไปสอบ ไปกราบขอขมาคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องอายแล้วครับ ท่านไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน พี่ไม่ได้แช่งแต่พูดความจริง เราไม่สามารถรู้อนาคตได้เพราะงั้น ทำเหอะ อย่าอาย วิธีการขอขมามีในเน็ตไป search ดูได้ พี่ทำแล้วพี่ถึงสอบติดคณะที่หวัง คนที่มีความกตัญญูประสบความสำเร็จทุกคนครับ

เริ่มที่จะเปลี่ยนตัวเองได้แล้วนะครับ ไม่ต้องสนใจว่าตัวน้องนั้นจะเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน ติดยามาก่อน เรียนไม่เก่งมาก่อน สอบไม่ติดมาก่อน ผ่านเรื่องร้ายอะไรมาก็ตาม อยากให้จำไว้ว่า อดีตไม่ได้กำหนดอนาคตแต่ปัจจุบันเพียงอย่างเดียวที่กำหนดอนาคต น้องลองดู Robert Downey Jr. หรือคนที่รับบท Tony Stark ใน Ironman) ในประวัติเขา เขาเคยติดยามาก่อน แต่แล้ววันนึงเขาคิดได้ว่าชีวิตเขามันห่วยมาก มันแย่มาก เขาถึงได้ออกจากเส้นทางนั้นแล้วมาเริ่มใหม่ จนทุกวันนี้เขาได้กลายเป็นนักแสดงที่ทั่วโลกยอมรับ (พี่ไม่ได้จะเอาความหลังเขามาตอกย้ำ แต่อยากจะเอามาแนะให้น้องๆ เห็นว่าชีวิตคนเรามันเปลี่ยนได้ อยู่ที่ความคิดของเรา)

และอยากให้น้องได้ดูคนที่เขาประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้อย่าง Steav Jobs (Apple), Bill Gates (Microsoft), CP, คุณตัน อิชิตัน : พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้จบสูงมากมาย แต่เขารู้ว่าเขารักอะไร เขาชอบที่จะทำอะไร เขาถึงประสบความสำเร็จ หรืออย่าง Mark Zuckerberg (Facebook) ตอนแรกเรียนที่ Havard University แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะทิ้งใบปริญญา แล้วไปเป็น CEO ของ Facebook เต็มตัว ทุกๆ คนที่ยกตัวอย่างมานี้ล้มเหลวเยอะมากมาก่อน แต่สิ่งที่พวกเขามีโดยที่หลายคนไม่มีคือ เขากล้าที่จะลุกในทุกครั้งที่ล้ม เขาล้มมาหลายครั้ง และทุกครั้งที่ล้มเขาลุกขึ้นได้ เขาไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เขาไม่เลิกทำเพราะเขารักที่จะทำในสิ่งนั้นจริงๆ ลองคิดดูว่าถ้าเขาไม่ได้รักในสิ่งนั้นเขาก็คงทิ้งมันไปแล้ว แต่เพราะเขาชอบ เขารัก เขาถึงสามารถอยู่กับมันได้นาน

คนระดับโลกเหล่านี้ไม่ได้ใช้เวลาแค่ 4, 5 หรือ 6 ปีในการประสบความสำเร็จ เขาใช้เวลาเป็น 10 ปีถึงหลาย 10 ปี กว่าจะก้าวมาอยู่ในระดับนี้ แล้วน้องเป็นใครที่จะใช้เวลาเพียงแค่ 4 ปีในมหาวิทยาลัย 5 ปีในโลกของการทำงานแล้วจะบอกว่าเราประสบความสำเร็จ มันเป็นไปไม่ได้เลย แล้วถ้าน้องไม่มีความอดทน น้องไม่รักในสิ่งที่ทำ แล้วน้องจะประสบความสำเร็จได้ยังไง คนที่เขารักเขายังใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะประสบความสำเร็จ แล้วถ้าน้องไม่ได้รัก วันนึงน้องก็ต้องทิ้งคณะ ทิ้งอาชีพที่เราไม่ได้รักไป เราก็จะยิ่งเสียเวลาในชีวิตไปอีก

อย่าท้อ ไม่ว่าน้องจะผ่านการสอบมากี่ครั้ง สอบไม่ติดมาเยอะ หรือตัวน้องเองโดนเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นเพื่อน รุ่นพี่ก็ตาม จากปากใครก็ตาม ว่าทำไมไม่เป็นเหมือนคนนั้น ทำไมไม่เป็นเหมือนรุ่นพี่คนนี้ อยากให้เราเก็บคำพูดเหล่านั้นมาคิดและเป็นแรงผลักดัน ว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จในแบบที่เป็นเราให้ได้ ถ้าสอบไม่ติดเยอะก็เริ่มคิดได้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร เตรียมตัวพร้อมไหม หาปัญหาให้เจอแล้วแก้มันซะ อย่าปล่อยมันค้างคา อย่าเอาปัญหามาตอกย้ำแต่ให้เอามาแก้ไขตัวเอง คนเรามีวิถีทางในการประสบความสำเร็จในชีวิตแตกต่างกันไป ถ้าน้องเดินตามทางที่คนอื่นคิด ทางที่คนอื่นปูไว้ให้ ถึงวันนึงมันต้องถึงทางตัน หรือวันที่อุปสรรคหนักมากมันถาโถมเข้ามาหาน้อง ถ้าน้องไม่ได้รักในตัวคณะ ในตัวอาชีพจริงๆ น้องจะประสบความสำเร็จยากครับ

อย่าดูถูกตัวเอง อย่าดูถูกคนอื่น เด็กที่เคยเกเรก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้าน้องเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิดน้องเองว่าน้องทำได้ ตั้งเป้าแล้ว ปักหมุดแล้ว เก็บวิชาที่ต้องใช้ เตรียมตัวให้พร้อมกับการอ่านหนังสือ ถึงแม้แค่วันละ 1 บทก็ยังดี ถ้าเราล้ม เราต้องลุกให้ได้ อย่าเสียใจนาน รีบหาปัญหาว่าทำไมถึงล้มแล้วแก้ปัญหาซะ เพื่อว่าการลุกครั้งใหม่นี้ปัญหาเดิมจะไม่สามารถทำลายเราได้

-เรื่อง Internet และ Application ต่างๆ นะครับ ถ้าน้องแบ่งเวลาเล่นไม่เป็น ถ้าน้องอ่านหนังสือแล้วน้องยังหยิบมันขึ้นมาเล่น พี่แนะนำให้น้องลบ Application เหล่านี้ทิ้งไปเลยทั้ง Facebook IG Twitter นะครับ ในส่วนของ Facebook นะครับพี่ไม่ได้ลบแค่แอพแต่พี่ลบ Account พี่ทิ้งถาวรไปเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า พี่ไม่สามารถหักห้ามใจได้ แบ่งเวลาเล่นไม่ได้ ก็ตัดไฟแต่ต้นลมซะ แล้วสละเงินค่าโทรศัพท์โทรถามการบ้านเพื่อนเอา ทั้งนี้เพื่อนพี่ชื่อ ปิง ได้บอกเอาไว้ว่า Application เหล่านี้น้องโหลดกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อนใน Facebook น้องเอากลับคืนมาได้ในเวลา 2-3 วัน แต่เวลาที่น้องเสียไป ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อมันกลับคืนมาได้นะครับ

คนเก่งบนโลกนี้มีมากมายแต่เวทีโลกไม่ได้เปิดให้กับคนเก่ง โลกยุคนี้ต้องการคนที่ เก่ง กล้า และมีความชัดเจนในตัวเองว่ารักที่จะทำอะไร Google ได้ตีโจทย์คำว่าความรู้แตกไปแล้ว ความรู้มีอยู่ทุกที่ แต่ประสบการณ์อาจไม่สามารถหาได้ในโลกออนไลน์แห่งนี้

วันนี้คนที่เขาเก่ง กล้า และรู้ว่าตัวเองรักอะไร คนเหล่านี้เขากำลังก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเอง คนเหล่านั้นเขากล้า และชัดเจนแล้วนะครับว่าเขารักที่จะทำอะไร แล้วน้องละ กล้ารึเปล่าที่จะออกไปทำ ออกไปตามหาสิ่งที่น้องรัก สิ่งที่น้องอยากทำจริงๆ พี่ขอฝากไว้แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ

ทิ้งท้าย : ถ้าสิ่งที่พี่พิมพ์วันนี้มันทำให้น้องเปลี่ยนใจจากคณะที่น้องเล็งไว้แสดงว่าน้องไม่ได้รักมันจริงๆ แต่ถ้าน้องอ่านแล้วน้องไม่เปลี่ยนใจจากคณะเดิม แสดงว่าหมุดน้องแน่นมากพอ และน้องจริงใจกับตัวเอง รู้ว่าตัวเองรักที่จะทำอะไร ยังไงพี่ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในแบบของตัวเองนะครับ

จบ
2
ซีซอร์ เดอะ กรีน [COS] 24 พ.ค. 58 เวลา 19:23 น. 11

ขอบคุณมากค่ะ เป็นกระทู้ที่มีคุณค่ามากๆ

ชอบประโยคที่ว่า "เวลาที่น้องเสียไป ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อมันกลับคืนมาได้นะครับ"

รู้สึกจุก 555555


0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาที่เป็นข่าวลือซึ่งไม่เป็นความจริง และก่อให้เกิดการเข้าใจผิด บางครั้งมาจากฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ไม่จริงแล้วคนส่งต่อจนทำให้เข้าใจผิดกันเป็นวงกว้าง

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น