เด็กศิลป์ก็อยากเรียนพยาบาลนะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เด็กศิลป์
5 ส.ค. 58 เวลา 18:57 น.
11,415
views
27 ความคิดเห็น
กระทืบไลค์ยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เห็นด้วยมากๆพี่ก็คนนึงที่อยากเรียนพยาบาลแต่เรียนไม่ได้ไง เรามันเด็กศิลป์ ต้องเข้าใจว่าพื่นฐานเราไม่แน่นเหมือนเด็กวิทย์ แอบเจ็บใจเล็กน้อยเหมือนกัน หากรักในการดูแลคนไข้จริงๆไม่แพ้กับพยาบาลลองสอบผู้ช่วยพยาบาลก็ได้น้อง ตอนนี้พี่ก็เรียนอยู่ สนุกๆ อะไรที่ไม่เคยทำได้ทำหมดจ้า ท้าทายทุกวันทุกชั่วโมงเลยทีเดียว
พี่ค้ะ หนูก็อยากเรียนสายศิลป์ ศิลป์ภาษาเลยด้วยซ้ำ หนูอยากถามว่าพี่สอบยังไงหรอค้ะ รับเกรดเท่าไหร่ สอบอะไรบ้าง แล้วสอบที่ไหนหรอค่ะ?
พี่สอบของ มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี ตรัง ค่ะ ระเบียบการก็อยู่หน้าเว็บของแต่ละมหาลัยเลย มีการรับรองจากสภาการพยาบาลเช่นกัน
-คุณสมบัติผู้สมัคร
1. สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) (สายสามัญ)
หรือเทียบเท่า และวุฒิการศึกษานอกโรงเรียน
2. เป็นหญิงหรือชาย มีสัญชาติไทย อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์และ
ไม่เกิน 30 ปีนับถึงวันปิดรับสมัคร
3. มีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 150 เซนติเมตร น้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า
40 กิโลกรัม
4. มีสุขภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
ไม่ติดสารเสพติดให้โทษ หรือโรคพิษสุราเรื้อรัง และไม่มี
ความพิการหรือผิดปกติ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและ
อาชีพ
5. มีประวัติความประพฤติดี ไม่เคยมีชื่อเสียงเสียหาย ไม่เคยต้อง
โทษในคดีอาญา
6. มีเจตคติที่ดีต่อการช่วยเหลือผู้อื่น และมีบุคลิกภาพเหมาะสมกับอาชีพ
หลักฐานการสมัคร
-รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ ชุดสุภาพ
ขนาด 1 นิ้ว 2 รูป
-สำเนาใบรับรองวุฒิการศึกษา 1 ชุด และสำเนาใบ
แสดงผลการเรียน 1 ชุด
-สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชน
อย่างละ 1 ชุด
-ใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลของรัฐเท่านั้น
(มีอายุไม่เกิน 1 เดือนจนถึงวันสมัครสอบ) 1 ชุด
-หลักฐานอื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียน
สมรส ใบผ่านเกณฑ์ทหาร (ถ้ามี)
น้องลองหาดูนะ มหาวิทยาลัยพี่รับสมัครรุ่นที่แปดไปแล้ว ลองดูว่าจังหวัดอื่นรับสมัครวันไหน ถ้ารักการบริการจริงไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่ได้ สู้ๆจร้า
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี กรุงเทพฯ
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี เชียงใหม่
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี ตรัง
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี นนทบุรี
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี นครศรีธรรมราช
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี นพรัรัตน์วชิระ กรุงเทพฯ
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี พะเยา
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี ราชบุรี
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี สงขลา
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี สุราษฎร์ธานี
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี สุพรรณบุรี
มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนี อุตรดิตถ์
ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นเลยค่ะ ส่วนเรื่องข้อสอบพี่ไม่รู้จริง แล้วแต่ละมหาวิทยาลัยออกค่ะ หนังสือที่พี่อ่านไปไม่ได้ช่วยอะรเลยด้วยซ้ำ ไม่มีที่อ่านเลยก็ว่าได้ ต้องสอบสัมภาษณ์ด้วยนะ
มีอะไรจะปรึกษาก็ไปคุยกันใน ID ก็ได้
ใช่น่าจะลองเปิดโอกาสให้สมัครสอบบ้าง บ้างทีถ้าเด็กสายศิลป์สนใจจริงเขาอาจจะไปเรียนกวดวิชาข้างนอกมาก็ได้ เด็กศิลป์บางคนอาจจะมีพื้นฐานแน่นกว่าเด็กวิทย์บางคนก็ได้
เอ่อ น้องจ้ะ พี่ไม่ได้ดูถูก แต่ถ้าหนูรู้ในความสามารถทางวิทยาศาสตร์ของหนูตั้งแต่ ม. 3 เรื่องมันคงไม่บานปลายจนถึงขนาดนี้หรอกค่ะ
แร้วทำไมคนที่คิดอยากเป็นพยาบาล ทำไมต้องไปเรียนสายศิลป์อ่ะ ทำไมไม่เรียนสายวิทย์ตั้งแต่แรก ก็รู้ว่าเขาไม่รับสายศิลป์เข้าเรียนพยาบาล สายศิลป์ก็เก่งนะ แต่ถ้าคิดว่าจะเรียนพยาบาลแร้ว ควรจะเลือกเรียนสายวิทย์ตั้งแต่ที่เเรกดีกว่า ความคิดส่วนตัว
บางคนเกรดน่าจะเข้าสายวิทย์ไม่ได้มั้งคะ
คือ เกรดไม่ถึง ก็สอบเข้าได้นะครับ ทำไมไม่คิดจะสอบเข้าสายวิทย์ตั้งแต่แรก ถ้ามุ่งมั่นที่จะไปเป็นพยาบาล ???
3-2 คะ คือยกตัวอย่างอย่าง ร.ร. เรานะ เข้าสายอะไรนู้นนี่ตอนให้เลือกสายเขาจะมีใบสายการเรียนและเกรดที่เขากำหนดบอกมาด้วยคะ ถ้าสอบผ่านแต่เกรดไม่ถึงก็ไม่ได้สายนั้นๆที่เลือกไว้คะ แต่ของบางที่อาจจะรับคะ
เราเรียนวิทย์-คณิต แต่ดันอยากเป็นครูภาษาไทย
ที่เรียนมาสูญเปล่า=_= แถมยังสู้เด็กศิลป์ไม่ค่อยได้อีก
ไปเรียนครูสิ เราเรียนวิทย์ถ้าดราจะเป็นครูภาษา เราจะหาทางทำให้ได้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ปัญหา
เหมือนกันเลยยยคือถ้าถามว่าอยากเป็นพยาบาลทำไมไม่เรียนสายวิทย์ตอบเลยว่าพึ่งรู้ว่าอยากเป็นพยาบาลอ่ะ แต่มันสายไปแล้วไงก็ไม่รู้จะทำไงได้แต่สอบของสายศิลป์ไปยังไงก็สู้ๆน้าาาา
#DEK59
ถามข้อนะคะ ถ้าคุณอยากเป็นพยาบาลทำไมไม่เรียนสายวิทย์แต่แรกอ่ะคะ
ของแบบนี้ไม่ได้เปลี่ยนระบบกันง่ายๆหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วที่จะเลือกแผนการเรียน ไม่เถียงค่ะว่าเด็กศิลป์ก็เรียนคณะสายสุขภาพได้ แต่คุณไม่เสียดายสิ่งที่เรียนมาเลยเหรอคะ
ตอนม.ปลายเด็กทุกคนไม่ได้รู้ว่าจะเรียนพยาบาล หรือไม่ได้ชอบตั้งแต่แรก บางคนเขาออาจจะชอบตอนม.5ก็ได้ แล้วทำไมล่ะ? ทำไมสายวิทย์ข้ามมาสอบสายศิลป์ได้แต่สายศิลป์ข้ามสอบสายวิทย์ไม่ได้
แม่หนูก็เรียนสายศิลป์น้ะะ แต่แม่หนูสอบติดพยาบาล แต่มันก็คงมีแค่สมัยก่อน สมัยนี้เขาไม่รับแล้วน้ะสิ
ทำไมถึงไม่เรียนสายวิทย์ตั้งแต่แรกคะ? ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนอื่นที่เขาเรียนสายวิทย์ก็พยายามมามากเหมือนกัน ถ้าเรียนสายศิลป์แล้วเรียนต่อพยาบาลได้คงไม่มีใครมานั่งเครียดกับเคมี ชีว ฟิสิกส์พวกนี้หรอกค่ะ จริงๆคุณน่าจะคิดให้ดีตั้งแต่เลือกสายแล้วค่ะ ชอบทางไหนก็ไปทางนั้น ไม่น่ามาเรียกร้องแบบนี้ เพราะทุกอย่างมันล้วนขึ้นอยู่กับตัวคุณเองทั้งนั้น
เเล้วคิดว่าเด็กศิลป์ที่สอบวิทย์ได้เขาไม่พยายามหรอคะ? เด็กศิลป์เรียนภาษาที่3 หนักกว่าวิทย์ วิทย์ก็เรียนวิทย์หนักกว่าภาษา เด็กวิทย์บางคนเข้าไปเผื่อเลือกทั้งนั้น เเล้วมาเข้าสายศิลป์ทำไม .. ลองมองกลับกันการที่เด็กศิลป์ที่ต้องทำตัวเองให้ดี ก็พยายามเรียนวิทย์อย่างเต็มที่จนสามารถเข้าได้ ทำไมถึงไม่มองจุดๆนี้ล่ะ ไม่เข้าใจ
เห็นด้วยค่ะ เราอยากให้มหาลัยสอบแบบเปิดกว้างกว่านี้ บางคนมีความใฝ่ฝัน อยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล แต่เขาไม่สามารถเข้าสายวิทย์คณิตได้ตั้งแต่ขึ้นม.4 แต่ก็มีความมุ่งมั่นตามความฝัน บางคนเรียนแค่ภาษาก็เหนื่อยแล้ว ต้องไปเรียนพิเศษฟิสิกส์เคมี ชีวะ เพื่อตามฝันที่เขาไม่มีโอกาศเท่าคนที่เริ่มเรียนวิทย์มา ก็น่าจะให้โอกาสบ้าง คนเขาอยากเป็นจริงๆคงไม่เสียเวลาไปนั่งมั่วข้อสอบหรอกค่ะ แค่ค่าสมัครก็เท่าไหร่แล้ว เด็กสายวิทย์บางคนไปทางภาษา ก็เรียนเสริมเอาเพราะมีความมุ่งมั่น สังคมให้โอกาศค่ะ แต่ทำไมโลกปัจจุบันนี้ไม่ค่อยให้โอกาศเด็กภาษา เด็กอาชีวะบ้างล่ะคะ ....คนเรามีความฝันทุกคน....แต่สังคมไม่ให้โอกาศ...กำลังใจและความมุ่งมั่นก็ค่อยๆจางหายไป.... ขอพูดเรื่องอาชีพบ้างนะคะ สำหรับค่านิยมคนเรียนเก่งต้องเป็นหมอ เป็นวิศวะ เพราะค่าตอบแทนสูง...สำหรับคนที่อยากเป็นเพราะเงินเดือน...คุณคิดเอา เงินดี ความสุขหาย มีเงินมากมาย ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร แต่สำหรับคนรักอาชีพเหล่านี้จริงเราขอให้มุ่งมั่นนะคะ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยามลำบาก ส่วนอาชีพครู ค่านิยมที่ว่า เรียนอะไรไม่ได้ก็ครูละกัน หากคุณเรียนจบมาและยึดอาชีพครูจริงๆ คุณต้องแบกรับอนาคตของเด็กๆส่งเขาให้ได้ดี สอนเขาให้เต็มที่ คุณทำได้เราก็ยินดีเพราะเด็กคืออนาคตของชาติ เขาอาจโตไปเป็นนักวิทยาศาสตร์โด่งดังระดับโลก เป็นคุณหมอที่มีฝีมือ เป็นวิศวะกรที่เก่ง ขยันขันแข็ง เป็นดาราสร้างความสุขให้ประชาชน เป็นนักการเมืองผู้บริหารประเทศ เป็นเจ้าของกิจการที่มีความสุขที่สุด หรืออาจเป็นครูผู้สร้างคนให้เป็นคน ครูเป็นอาชีพที่เงินน้อยนะคะหากคุณไม่สอนพิเศษ แต่ถ้าถามถึงความสุข ช่วงเวลาหนึ่งที่คุณเฝ้าอบรมสั่งสอนเด็ก มันทั้งเหนื่อยทั้งหนัก แต่เมื่อเขาไปถึงฝันคุณจะได้รับความสุข คนเป็นครูไม่ใช่แค่ทำชีสหรือให้นักเรียนจดบนกระดานแล้วสอบนะคะ คุณต้องสอนเขาให้เข้าใจในเรื่องทีากำลังสอน สอนระเบียบ สอนวินัย สอนให้เป็นคนดีรับผิดชอบสังคม คนเป็นหมอใช่เก่งแต่เกิด คนเราล้วนต้องฝึกฝนกันทั้งนั้น พยาบาลก็ไม่ใฃ่สบายนะคะ ลำบากมากๆ แต่หมอกัยพยาบาลก็ได้ต่อชีวิตคนอีกสักวินาทีก็คุ้มค่าที่ได้ทำ ทุกอาชีพมีความสำคัญต่อประเทศทั้งนั้น หากยังมองในมุมมองผู้ใหญ่ว่าต้องจำกัดสายการเรียนเพื่อคัดสรรเด็กที่มีคุณภาพล่ะก็ อนาคตประเทศเราอาจได้เพียงคนที่มีศักยภาพพร้อมในอาชีพแต่อาจขาดจรรยาบัน อาจขาดจิตวิญญาณของอาชีพนั้น อาจไร้คุณภาพไปเลยก็ได้ ลองให้โอกาศคนบ้าง อย่างคณะที่รับแต่เด็กสายวิทย์ลองเปิดรอบเด็กศิลป์ไม่ต้องรับมากก็ได้ แต่คุณจะได้เด็กที่มีความพยายามและความมุ่งมั่นเพิ่่มอรกสักคน....
เราว่ากรณีนี้น่าจะให้เด็กคนนั้นยอมเสียเวลาอีก 1 ปีสอบใหม่เข้าสายวิทย์ดีกว่าค่ะ ไม่มีใครอยากให้เกิดความขัดแย้งเรื่องสายการเรียนหรอกนะคะ แต่หน่วยงานแต่ละวิชาชีพเขากำหนดมาแบบนั้น เราเองซึ่งยังอยู่ในวัยเรียนคงไม่สามารถทำอะไรได้มากมาย เด็กสายศิลป์สอบแพทย์ได้ค่ะ แต่มันอาจเกิดปัญหาหลายๆอย่างเมื่อได้เข้าเรียน
ถ้าเขาพยายามมากพอเขาก็สิบได้นี่คะ ใครห้ามสอบคะ?
พูดยากเหมือนกันนะคะประเด็นนี้ เป็นเรื่องของ "โอกาส" และ "ข้อจำกัด" ซึ่งเกี่ยวข้องผลประโยชน์ตัวคนเนาะ ^^
พี่มองว่าที่คณะพยาบาลไม่รับเด็กสายศิลป์เข้าเรียน มันด้วยปัจจัยของวิชาที่เรียนในแต่ละสายที่กำหนดให้เราเรียนแหละ หน่วยกิตวิชาทางวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ สายวิทย์เรียนมากกว่าสายศิลป์แน่นอน เนื้อหาก็ต้องเรียนมากกว่า ลึกกว่าเช่นกัน มันเป็นตัว"การันตี"ระดับนึงว่า เด็กคนนี้ได้ผ่านการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับที่เพียงพอต่อการเข้าศึกษาวิชาชีพพยาบาลนะ เมื่อสอบเข้าแล้วสามารถเรียนต่อได้นะ ซึ่งคนละส่วนกับ"ความรู้"ที่ได้จริงๆ ที่หาจากกวดวิชาก็ได้ อ่านเองก็ได้ เด็กสายศิลป์เก่งกว่าสายวิทย์ก็มี แต่มันไม่มีตัวยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน (คะแนนสอบเข้าก็บอกไม่ได้) ดังนั้นถ้าให้เลือกก็คงเลือกอะไรที่ชัวร์กว่า
สำหรับมุมมองที่ว่าเด็กศิลป์โดนดูถูกนั้นมันเป็นเพราะค่านิยมของสังคมเราที่นิยมส่งเสริมให้ลูกหลานมีการมีงานทำมั่นคง (อาชีพสายวิทย์แน่ๆ) เรียนวิทย์มีทางเลือกให้ในชีวิตเยอะแยะ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม "น้องอย่าดูถูกตัวเองเด็ดขาด" ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใครหรอก >> อย่าได้แคร์คนดูถูกเรา ไม่ได้ว่างไปใส่ใจคนพรรค์นี้ <<
พี่อาจจะมองไม่รอบด้านเท่าไรนัก อาจจะยังไม่เข้าใจน้องๆสายศิลป์เท่าที่ควร ยังไงแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนกันได้ ยิ่งถกเยอะยิ่งเพิ่มพูนปัญญา ^__^
ปล.พี่เป็นเด็กสายวิทย์ค่ะ ปัจจุบันนั้นเรียนคณะสายวิทย์สุขภาพ
ก็อยากเรียนสายศิลป์ไงอยากเก่งภาษา แต่ก็อยากเป็นพยาบาลนะ แล้วทำไมคณะของเด็กสายศิลป์ไม่จำกัดรับเฉพาะสายศิลป์บ้างล่ะ ทำไมไมทำเหมือนสายวิทย์ที่จำกัดรับแค่สายวิทย์อย่างนี้เด็กสายศิลปืก็เสียเปรียบสิ อะไรก็หาว่าเด็กวิทย์เก่งกว่า แต่ที่จริงมันไม่ใช่ไง เด็กศิลป์ก็อาจเก่งกว่าเด็กสายวิทย์นะ บางคนจบวิทย์มาไปสมัครเรียนแพทย์เรียนพยาบาลยังเรียนไม่จบเลย ไม่เหมือนเด็กสายศิลป์ที่เมื่อก่อนยังเปิดรับเรียนพยาบาลเรียนแพทย์อยู่เด็กสายศิลป์กับเรียนจบ ได้อย่างภูมิใจ
อ่านกระทู้ของคุณแล้วเราเกิดคำถามมากมายเลยนะ
1. นิยามของคำว่า "เด็กสายศิลป์ก็มีความสามารถพอๆกับเด็กวิทย์นะ" คืออะไร? มีเกณฑ์อะไรมาเปรียบเทียบว่าเด็กสายศิลป์มีความสามารถพอๆกัน ในเมื่อรายวิชาที่เรียนก็แตกต่างกันแล้วแต่ละสาย (ซึ่งจริงๆมีคาบเกี่ยวกันบ้างแต่ไม่มาก) ไม่ได้จะบอกว่าเด็กสายศิลป์ไม่เก่งนะ เด็กศิลป์หลายๆคนก็ยังมีความสามารถ แต่ความสามารถสายของคุณไม่สามารถเอามาเทียบความสามารถของเด็กสายวิทย์ได้เมื่อมองในแง่ตัววิชาที่ศึกษา
2. คำถามต่อมาคือการที่คุณไปเรียนพิเศษรายวิชาวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ อันนี้ไม่ทราบว่าคุณไปเรียนในช่วงระยะเวลาไหน ถ้าหากคุณบอกว่าก็เรียนมาตั้งแต่ ม.4 นี่ล่ะ เราว่านี่เป็นความคิดที่แปลกประหลาดมากที่ว่าทำไมไม่เรียนสายวิทย์-คณิตแต่แรกล่ะ? และที่สำคัญ เกณฑ์การเข้าคณะพยาบาลศาสตร์ทุกสถาบันมันประกาศมานานมากแล้วไม่ใช่หรือว่าเขารับเฉพาะสายวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ถ้าหากคุณยังดื้อดึงที่จะเรียนสายศิลป์แล้วมาขอความเป็นธรรม อันนี้เป็นความคิดที่ไม่ผ่านนะจ๊ะ
3. คำว่า "สอบติด" ของคุณคืออะไรครับ ถ้าหากคุณสอบติดเพียงเพราะคุณไปมั่ว ไปแถข้อสอบ หรือใช้รายวิชาอื่นๆที่ไม่ใช่รายวิชาวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์โดยตรงเป็นหลักในการทำคะแนนให้สูงมากๆ โปรดพิจารณาอีกครั้งว่าตัวคุณจะนิยามคำว่า "สอบติด" ด้วยสถานการณ์ข้างต้นหรือไม่สำหรับทุกกรณี
4. การที่คุณบอกว่าทำไมเขาไม่ให้โอกาสสายการเรียนของคุณ โปรดอย่าลืมนะว่าการที่คุณไปเรียนในคณะของเขา เขาก็อยากรับแต่เด็กที่มีพื้นฐานมาในระดับที่พอกัน การที่คุณเป็นเพียงเด็กสายศิลป์อาจจะคนเดียว อาจจะทำให้เกณฑ์การประเมินของเขาต้องรวน หรืออย่างแย่คือคุณอาจจะติด F ในรายวิชาทางวิทยาศาสตร์ โปรดระลึกเสมอว่าการเรียนพิเศษในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์ เมื่อเทียบกับรายวิชาในมหาวิทยาลัยมันคนละเรื่อง มันต้องมีการทำปฏิบัติการ ซึ่งเด็กวิทย์มีความคล่องไม้คล่องมือกว่าและอาจารย์รวมถึงเพื่อนๆเขาไม่มาเสียเวลาสอนคุณในเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอกนะครับ ตัวแล็บเองเด็กวิทย์จะคุ้นชิน สรุปผล เข้าใจกระบวนการดีกว่า
5. คณะสายวิทย์ทุกคณะไม่ได้รับแต่เด็กวิทย์คณิตครับ การใช้เหตุผลของคุณนั้นยังไม่ถูกต้อง ยังมี กสพท. ที่ยังรับสายการเรียนของคุณ (ถ้าคุณมีปัญญาสอบเข้าได้) แต่ที่ส่วนมากไม่รับ ก็เพราะเขาไม่อยากแบกรับความเสี่ยง และเชื่อว่าเด็กสายศิลป์ร้อยละ 95 ไม่คิดจะเข้าคณะสายวิทย์อยู่แล้ว จริงๆน่าจะมีเป้าหมายตั้งแต่ก่อนเลือกสายแล้วไม่ใช่หรือว่าอยากเรียนต่ออะไร ซึ่งถ้าคนไม่รู้จะเรียนต่ออะไรหรืออยากเรียนต่อมันทั้งวิทย์ทั้งศิลป์ เขาก็เรียนสายวิทย์กันอยู่แล้ว (วิชาสายภาษาไปเรียนเอาข้างนอกก็ได้ ม.ปลายไมไ่ด้เจาะลึกอะไรเท่าระดับมหาวิทยาลัย) เพื่อนเราหลายคนก็เป็นเด็กวิทย์ ไม่รู้จะเรียนอะไร แต่หลงรักในภาษาญี่ปุ่น ก็ไปเรียนภาษาญี่ปุนเอาข้างนอก ตอนนี้เรียนอยู่อักษรฯ จุฬาฯ
สรุปคือ ตัวคุณไม่หาข้อมูลเองว่าคณะพยาบาลศาสตร์รับแต่แผนกการเรียนวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ซึ่งข้อมูลมันหาได้ง่ายมากๆ กูเกิ้ลก็มี ซึ่งเราก็ให้คำตอบคุณไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมไม่รับสายศิลป์ ถ้าคุณอยากได้คำตอบจริงๆ แนะนำว่าไปถามสภาการพยาบาล ดีกว่ามาเรียกร้องในกระทู้ซึ่งไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้น
ปล. ถ้าพูดแรงไปก็ขออภัย แนะนำตามความเห็นที่ 1 ที่เรียนเป็นผู้ช่วยพยาบาล
โอกาสเป็นสิ่งที่คนต้องไขว่คว้า และเด็กวิทย์เขาไขว่คว้าได้เพราะเขาสร้างโอกาสให้ตัวเองตั้งแต่เลือกเรียน ม.ปลาย
จริงๆมันเป็นประเด็นน่าสนใจที่ถามกันทุกๆปี พี่แนะนำตั้งพันธิปให้นักวิชาการและคนภายนอกมาถกเถียงไปเลย หรือไม่ก็ไปอ่านในเฟสบุ๊ก(ซึ่งมีถ้อยคำหยาบคายแน่นอน) น่าจะมีคนมาแสดงความเห็นเยอะ หลากหลาย และรวดเร็วกว่านี้ค่ะ
อันนี้พี่แนน เอ็นคอนเซ็ปตัวจริงหรือเปล่าคะ?
อยากเป็นพยาบาล ทำไมไม่เรียนสายวิทย์หละ??
หรือเลือกเเล้วสอบไม่ติด (ขนาดห้องสายวิทย์ยังไม่ติดแล้วพยาบาลจะติดหรอ???)
ถึงจะเรียนพิเศษแต่บอกให้เป็นบุญเลยนะครับ ถึงจะเรียนมาเยอะขนาดไหนก็สู้เด็กสายวิทย์ไม่ได้หรอกเพราะว่า การเรียนพิเศษมันคือการเรียนเพิ่มเติมจากในห้องเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น แต่เด็กสายศิลป์ ไม่ได้เรียนฟิสิก เคมี ชีวะมาในห้องจะเวลาไปเรียนพิเศษมันจะเข้าใจขนาดไหนกัน แล้วถึงคุณคิดว่าคุณเรียนพิเศษมาเยอะเเล้ว นานเเล้ว เเล้วพวกเด็กวิทย์ที่เรียนพิเศษด้วยหละ แค่คิดแค่นี้ก็หมดสิทธิ์เเล้วคุณเอ้ยยย ถึงสอบติดนะก็มีน้อยมากกกที่เด็กศิลป์จะติด
ไม่ได้ดูถูกอะไรนะ แต่มองโลกในความเป็นจริง
แต่ถ้าให้ดีก็คิดว่ามันเป็นบทเรียนอันใหญ่หลวงเลยละกัน เวลาจะทำไรจะได้เลือกเดินในทางที่ถูกต้อง
จบ แยก บาย
"ก็ถ้าอยากเรียนพยาบาลแล้วทำไมคุณไม่เลือกสายวิทย์แต่แรก"
ก็เด็กสายวิทย์ที่เลือกคณะสายศิลป์ก็เพราะเพิ่งค้นพบตัวเองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเด็กสายศิลป์จะค้นพบตัวเองหลังจากเข้าม.4บ้างไม่ได้ หรือจะให้เค้าซิ่วเข้าม.4ใหม่อย่างเดียว #ทีมเด็กศิลป์หัวใจวิทย์
เราว่ามันก็ไม่ได้ผิดนะคะ แต่ว่าคุณเองก็ต้องดูข้อกำหนดของเขามาตั้งแต่เนิ่นๆ เรียกได้ว่าควรจะหาข้อมูลหลายๆคณะเลยตั้งแต่ก่อนขึ้น ม.4 เพื่อจะได้ทราบว่าเขารับเด็กสายอะไรบ้าง การที่คุณจะเป็นศิลป์หัวใจวิทย์มันไม่ผิดเลยค่ะ แต่คุณเองก็ต้องศึกษาข้อกำหนดมาก่อนล่วงหน้าเหมือนกัน อย่างกรณีกระทู้นี้ น่าจะเป็นเด็กสายศิลป์ที่ไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาก่อนเลยตั้งแต่ก่อนเข้า ม.4
เพ้อจงเพ้อเจ้อ
คือก็ไม้ผิดหรอกนะที่ออกมาบ่นเเบบนี้ เพราะยังไงทุกปีก็มีเรื่องเเนวๆนี้ตลอด
แต่คือ ทำไมตอนม.4อ่ะ ไม่เลือกเข้าสายวิทย์เเต่เเรกอ่ะ? จะบอกว่าเพิ่งค้นพบตัวเองเหรอ? ง้นก็ควรที่จะเข้าสายวิทย์ให้ได้แต่แรกดิ ไม่ใช่ว่าลงสายศิลป์ไปแล้วเพิ่งรู้ว่าอยากเป็นอะไรเเล้วมางอแง มันใช่เหรอ?
เเล้วที่บอกว่า เรียนมามาก,ความสามารถพอๆกับเด็กวิทย์ เอาอะไรมาวัดเหรอ เด็กวิทย์เรียนเยอะกว่าเเละเนื้อหาเจาะลึกกว่าที่คุณเรียนอีกนะ ถึงจะไปเรียนเพิ่มเอาจากที่เรียนพิเศษ เเต่ยังไงมันก็ต้องมีพื้นฐานมาจากที่ห้องบ้าง ไม่งั้นเรียนให้ตายยังไงมันก็ไม่มีทางรู้เรื่องหรอกไอ่พวกฟิสิก ชีวะ เคมีเนี่ย
งั้นถ้าเรียนเเค่จากที่เรียนพิเศษเเล้วสอบพวกหมอ,พยาบาลได้ เด็กวิทย์คงไม่อดทนเรียนมันไป3ปีหรอกไอ่ฟิสิก เคมี ชีวะเนี่ย เค้าก็ไปเรียนสายศิลป์กันหมดแล้วคุณ :) เค้าทำเพื่ออนาคตกันทั้งนั้นเเหละ
คิดดีๆนะว่าเด็กวิทย์หลายๆคนไม่เคยดูถูกสายศิลป์เลย คุณเองรึเปล่าที่ดูถูกตัวเองเเล้วโยนมาให้เด็กวิทย์? อย่างน้อยก็เราคนนึงล่ะที่ไม่เคยดูถูกสายศิลป์เลย
บางทีอ่าเด็กสายศิลป์อาจจะ สอบไม่ติดสายวิทย์ตั้งแตกแรกไง เลยเลือเรียนวิทย์คณิตไม่ได้. แล้วเพิ่งมาเริ่ม กระตือรือร้นทีหลัง. ก็น่าจะให้โอกาสบ้าง ไม่ควรจะไปซ้ำเติมว่าทำไมเลือกไม่ดีตั้งแต่แรก อะไรประมานี้ ชีวิตของคนเราไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยผิดพลาด
เราว่าเจตนาของคนส่วนมากในกระทู้ไม่ได้มาซ้ำเติม จขกท. หรอกค่ะ แต่บางทีโลกมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด คนเรามันมีผิดพลาดอยู่แล้ว แต่ในความผิดพลาดมันก็ต้องมองความเป็นไปได้ด้วยค่ะ อย่างกรณีนี้ เราว่า จขกท. ไม่หาข้อมูลเองแต่แรกแล้วมากกว่า
แต่เอาจริงๆนะ เรามีเพื่อนสอบสายวิทย์ไม่ติด แต่พี่แกอยากเรียนวิศวะ ตอนที่เรียน ม.4 สายศิลป์เขาก็ขยันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยอมเสียเวลาซิ่ว 1 ปีเพื่อให้ได้เรียนสายที่สอดคล้องกับความต้องการของคณะ เราว่านี่แหละคือสิ่งที่ควรทำมากกว่าดื้อดึงเรียนมันต่อไปจน ม.6 อะไรแบบนั้น
16-1 เห็นด้วย แทนที่จะโวยวาย สู้ไปหาแนวทางดีกว่ามั้ย?
คือ ถ้าวิทย์เก่งจริงจะมาโวยวายทำไม ถ้าเด็กศิลป์เข้าได้ หา? เขาเรียนต่อไปจะติด F ก็เรื่องของเขาสิ ถ้าเขามีปัญญาจบได้ละ ลองมองดีๆ เรารู้ว่าสายศิลป์มันมีข้อจำกัดยังไง เเต่มันไม่ทุกคนป้ะที่เลือกได้ มันใช้เกรดเฉลี่ย ม.ต้น เผลอๆเอาเกรด ม.1 มาใช้ด้วยซ้ำ เล้วที่บอกเด็กวิทย์ไม่ดูถูกสายศิลป์นี่อะไร? ถ้าคุณไม่ดูถูกคุณจะบอกหรอว่าเราเรียนไม่ได้ ฟังอาจดูโง่นะที่พูดเเบบนี้ เเต่มองกลับกัน เด็กสายศิลป์ที่เข้าคณะวิทย์ได้ เขาต้องไปเรียนพิเศษหนักกว่าสายวิทย์ ที่จะเข้าสายศิลป์อีกนะเว้ย เขาเข้าได้ก็ให้เขาเข้าสิ! ถ้าคิดว่าเก่งจริงกลัวอะไร? เหอะ สายศิลป์ก็ต้องเเย่งที่เรียนกับเด็กวิทย์ที่ไม่เคยรู้อนาคตตัวเองเหมือนกันนะ เเต่ทำไงได้อ่ะ อย่ามาขอความแฟร์ดิ พูดเหมือนคนขี้เเพ้ คุณมีโอกาสมากกว่า จะกลัวอะไรล่ะ บอกรายวิชาเยอะกว่า เเต่ก็พูดภาษาที่สามอย่างศิลป์ภาษาไม่ได้ เเน่นอนค่ะ เด็กสายศิลป์ก็สู้ด้านวิทยาศาสตร์ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าใครเข้าได้ก็ให้เขาเข้าเถอะค่ะ
ฟังดูโง่จริงๆแหละค่ะ อย่าว่าเรานะคะ แต่สิ่งที่คุณ "พล่าม" ออกมามีแต่การใช้อารมณ์ ไม่มีเหตุผลสนับสนุนในสิ่งที่คุณเขียนออกมาเลยแม้แต่นิด
ถ้าวิทย์เก่งจริงจะมาโวยวายทำไม ถ้าเด็กศิลป์เข้าได้ หา?
- แล้วถ้าเด็กสายศิลป์เก่งจริงทำไมชอบดราม่าล่ะคะ เห็นมาตั้งนานแล้ว หลายๆกระทู้เลย อย่างเช่น
http://www.dek-d.com/board/view/3516578 นี่ก็หนึ่งแล้วนะ คุณจะกลัวอะไรกับเด็กสายวิทย์ แล้วที่สำคัญ "เด็กวิทย์ไม่ได้กีดกันสายศิลป์ค่ะ" ย่้ำ "เด็กวิทย์ไม่ได้กีดกันสายศิลป์ค่ะ" กรณีกระทู้นี้ ไปถามสภาการพยาบาลโดยตรงดีกว่าไหมคะ มาเรียกร้องในกระทู้แบบไม่มีมูล ถ้าคนเขาจะมาออกความเห็นไม่ตรงพวกคุณก็ไม่ผิด
เรารู้ว่าสายศิลป์มันมีข้อจำกัดยังไง เเต่มันไม่ทุกคนป้ะที่เลือกได้ มันใช้เกรดเฉลี่ย ม.ต้น เผลอๆเอาเกรด ม.1 มาใช้ด้วยซ้ำ
- ก็รู้ว่ามีข้อจำกัดก็ควรต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า เกณฑ์รับเข้าต่อ ม.4 เขาก็ดูเกรดตั้งแต่ ม.1 แล้วหรือเปล่าคะคุณ โปรดอย่าอ้างว่า "เผลอๆ"
เล้วที่บอกเด็กวิทย์ไม่ดูถูกสายศิลป์นี่อะไร? ถ้าคุณไม่ดูถูกคุณจะบอกหรอว่าเราเรียนไม่ได้
- เอ้า ก็พูดความเป็นไปได้ ก็ยังโยงว่าดูถูกอีก คนที่คุณควรด่าคือสภาการพยาบาลโน่นค่ะ ไม่ใช่มาด่าคนที่เขามาแสดงความคิดเห็นอย่าง "ปัญญาชน" ไม่มีใครมาฟันธงนี่คะว่าเรียนไม่ได้ แต่มันต่างกับไปเรียนพิเศษในกวดวิชาโคตรๆค่ะ ย้ำว่า "โคตร"
เด็กสายศิลป์ที่เข้าคณะวิทย์ได้ เขาต้องไปเรียนพิเศษหนักกว่าสายวิทย์ ที่จะเข้าสายศิลป์อีกนะเว้ย เขาเข้าได้ก็ให้เขาเข้าสิ!
- แล้วเด็กสายวิทย์ที่เรียนพิเศษสายวิทย์อีกล่ะ ก็หนักเท่ากันนี่คะ อีกอย่าง ในห้องเรียนเขาเน้นการสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ + การทำปฏิบัติการ หรือคุณจะเถียงคะว่าเด็กสายศิลป์ได้ทำแล็บมันทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา (ไม่รับตัวรายวิชาพื้นฐานนะคะ อันนั้นทำกันทุกสาย)
สายศิลป์ก็ต้องเเย่งที่เรียนกับเด็กวิทย์ที่ไม่เคยรู้อนาคตตัวเองเหมือนกันนะ เเต่ทำไงได้อ่ะ อย่ามาขอความแฟร์ดิ พูดเหมือนคนขี้เเพ้
- คนขี้แพ้คือคุณค่ะ :) โลกมันไม่ได้สวยนี่คะ ปัจจุบันมันเป็นการแข่งขัน จะให้มาเห็นใจทุกคนคงเป็นไปไมไ่ด้หรอกนะคะ
บอกรายวิชาเยอะกว่า เเต่ก็พูดภาษาที่สามอย่างศิลป์ภาษาไม่ได้ เเน่นอนค่ะ เด็กสายศิลป์ก็สู้ด้านวิทยาศาสตร์ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าใครเข้าได้ก็ให้เขาเข้าเถอะค่ะ
- ถ้าไม่นับเด็กสายศิลป์ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศหรือภูมิภาค ส่วนน้อยนะคะที่เห็นว่าพูดภาษาที่สามได้ :) พูดได้นี่พูดแบบไหนคะ พูดแบบทั่วไป เด็กสายวิทย์ก็พูดได้ค่ะ หลายๆโรงเรียนก็มีบรรจุวิชาภาษาที่สามให้เรียนเพิ่ม อย่าว่าแต่พูดได้เลยค่ะ บางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียนอะไรมา เป็นเด็กสายศิลป์ค่ะเลยทราบดี
ใช่ค่ะ พยายามมากพอหรือยังก่อนจะมาว่าเด็กวิทย์ ขยันพอจะทำข้อสอบให้ได้หรือยัง พวกเด็กวิทย์เรียนหนักมาสามปีกว่าจะมาสอบได้ขนาดนี้ แถมเราจะไปเรียนภาษาเพิ่มจนเก่งเท่าคุณคือเราถือว่าพยายามมากกว่าคุณปะ
1. ถ้าวิทย์เก่งจริงจะมาโวยวายทำไม ถ้าเด็กศิลป์เข้าได้ หา?
ตอบ แล้วถ้าศิลป์เก่งจริงจะมาโวยวายทำไมในเมื่อสายวิทย์ก็เข้าคณะศิลป์ได้?
2. เล้วที่บอกเด็กวิทย์ไม่ดูถูกสายศิลป์นี่อะไร? ถ้าคุณไม่ดูถูกคุณจะบอกหรอว่าเราเรียนไม่ได้
ตอบ คำไหนที่บอกว่าดูถูก คุณลองมาเรียนสายวิทย์ไหมล่ะคะ? เข้ามาเรียนดู
จะได้รู้เลยว่ามันเป็นยังไง ถ้าคุณเข้ามาคุณจะรู้เลยว่าทำไมสายวิทย์บอก
ว่าสายศิลป์เรียนไม่ได้
3. เด็กสายศิลป์ที่เข้าคณะวิทย์ได้ เขาต้องไปเรียนพิเศษหนักกว่าสายวิทย์ ที่จะเข้าสายศิลป์อีกนะเว้ย เขาเข้าได้ก็ให้เขาเข้าสิ! ถ้าคิดว่าเก่งจริงกลัวอะไร?
ตอบ ถ้าศิลป์เก่งจริงจะมาพูดทำไมว่าสายวิทย์กันที่?
4.เหอะ สายศิลป์ก็ต้องเเย่งที่เรียนกับเด็กวิทย์ที่ไม่เคยรู้อนาคตตัวเองเหมือนกันนะ เเต่ทำไงได้อ่ะ อย่ามาขอความแฟร์ดิ พูดเหมือนคนขี้เเพ้ คุณมีโอกาสมากกว่า จะกลัวอะไรล่ะ?
ตอบ มีโอกาสมากกว่าก็ใช่ว่าจะสอบได้นี่คะ
5.ถ้าใครเข้าได้ก็ให้เขาเข้าเถอะค่ะ
ตอบ ถ้าเด็กวิทย์เข้าคณะศิลป์คุณก็อย่ามาโวยวายนะคะ
เอาจริงๆนะ เด็กวิทย์มีที่ให้เลือกมากกว่าเด็กสายศิลป์ก็จริงแต่กรุณาดูการทำเกรดด้วยค่ะ ยากมาก!ขอบอก เพราะฉะนั้นบางครั้งเกรดที่ยื่นเข้าก็ไม่ติดคณะสายวิทย์ค่ะ เด็กวิทย์บางคนก็อยากเรียนพยาบาล แต่เกรดไม่ถึง ทำไงได้ เขาก็ต้องเบนสายและหาทางเลือกใหม่ให้ตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนิเทศ(ซึ่งปัจจุบันแล้วเกรดและเกณฑ์การยื่นค่อนข้างสูง)แน่นอนว่า-พวกสายวิทย์ที่ได้เกรดต่ำกว่า3.00เนี่ย! วิศวะ พยาบาล แพทย์ เภสัช อะไรพวกนี้อะนะ ลืมมมมไปได้เลยยย แล้วก็อย่าเข้าใจผิดนะค่ะว่าเด็กวิทย์ส่วนใหญ่ดูถูกคุณมันมีแค่บางส่วนเท่านั้นแหละที่คิดว่าตนเองอยู่สายวิทย์แล้วเหนือกว่า อย่างน้อยก็ฉันคนหนึ่งที่ไม่ไดู้ถูกพวกเด็กศิลป์(ออกจะชื่นชมด้วยซ้ำเพราะฉันชอบภาษาญี่ปุ่น อยากเรียนบ้างแต่แม่ให้เลือกสายวิทย์เพราะความฝันยังไม่นิ่ง) ฉันเข้าใจว่าภาษามันยาก แต่สายการเรียนของเราก็ยากเหมือนกันค่ะ มันยากคนละแบบ เอาจริงๆ สายวิทย์อาจมีโอกาศเลือกได้น้อยกว่าคุณอีก(เนื่องจากเกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด) ทั้งเด็กศิลป์และเด็กวิทย์ได้เปรียบกันคนละด้านค่ะ กรุณาอย่าเอามาเปรียบเทียบกัน
หนึ่งคำถามค่ะ คุณอยากเรียนพยาบาลเพราะอะไร?
ถ้าหากคุณอยากเรียนพยาบาลเพราะอยากช่วยเหลือคนไข้แนะนำให้เลือกเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่รับคณะเด็กศิลป์ค่ะ(รู้สึกจะมีอยู่ ลองหาดูเอา) รับรองได้ว่างานหนับฉิบหายวายวอดเหมือนกัน แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง หากคุณจะเป็นพวกนี้คุณต้องแบกรับความเสี่ยงอีกอย่างค่ะ อย่างเช่นในกรณีที่คุณทำการรักษาคนไข้แล้วเกิดการผิดพลาดอย่างการฉีดยาเข้าผิดเส้นเลือดจนทำให้ผู้ป่วยเกิดพิการหรือตายขึ้นมา คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบค่ะ ถ้าคุณยอมรับเรื่องนี้ได้ก็ลุยเลยค่ะ!ยังพอมีโอกาศอยู่!
ปล.ฉันเองก็กำลังหาคณะที่อยากจะเป็นจริงๆอยู่ อยากเรียนภาษาแต่เกรดยื่นไม่ถึงก็ต้องหาต่อไป T^T
อ่านความคิดเห็นเด็กวิทย์บางคนแล้วแบบ ... = =
อยากถามกลับเหมือนกันนะ แล้วเด็กสายวิทย์มาเข้าคณะของเด็กสายศิลป์ทำไม ?
ในเมื่อเรียนสายวิทย์มา งั้นก็ไปเข้าของสายวิทย์สิคะ
เข้าใจค่ะว่าเรียนเกือบทุกวิชาของสายศิลป์ ต้องเรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อีก
แต่เด็กที่สามารถจะสอบข้อสอบของเด็กสายวิทย์เข้าไปได้เค้าก็ต้องพยายาม ต้องเก่งพอๆกับเด็กวิทย์ ในมหาลัยมันอาจลำบากสำหรับเด็กศิลป์ ใช่ค่ะ ลำบากแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กศิลป์จะเรียนรู้จะทำอะไรไม่ได้เลย คือถ้าเค้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวเค้าก็ตัดสินใจของเค้าเองค่ะ
ถ้าคุณเรียนสายวิทย์มา แล้วเก่งเรื่องพวกนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรหรอกค่ะ คุณได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว เด็กศิลป์ที่เข้าได้เค้าก็ต้องขยัน+เก่งจริงๆ แล้วก็ต้องเหนื่อยพอๆกับเด็กวิทย์นั่นแหละค่ะ
ตัวอย่างเพื่อนของเราที่เข้าคณะสายภาษาคือเพื่อนเราสนใจทางด้านภาษาศาสตร์ค่ะ ซึ่งมันเป็นศาสตร์ที่ไม่มีการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งสองสายเลย มันเป็นศาสตร์ที่คาบเกี่ยวระหว่างวิทย์กับศิลป์ค่ะ เพื่อนเราเลยเรียนสายวิทย์แทนเพื่อเรียนรู้ตัวทักษะทางวิทยาศาสตร์เพือที่จะเอามาต่อยอดในการเรียนระดับปริญญาตรีของสายภาษาศาสตร์นี่แหละค่ะ แล้วทำไมต้องเรียนสายศิลป์ล่ะคะ เด็กสายวิทย์หลายคนก็ไมไ่ด้อยากเข้าเอกภาษาที่สามนะคะ บางคนอยากเข้าเอกภาษาไทย เอกภาษาอังกฤษ หรือเอกเนื้อหาอย่างพวกเอกปรัชญา ประวัติศาสตร์ ซึ่งสายวิทย์มันก็สอนอยู่แล้ว (รร.ที่มาสายศิลป์แยกย่อยออกมาบ้าบออะไรนั่นมันคิดเป็นแค่กี่โรงเรียนกันคะ?) เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กสายวิทย์ที่อยากเข้าคณะสายศิลป์ควรเรียนสายศิลป์ค่ะ เพราะศาสตร์มันคาบเกี่ยวกันมากกว่าที่คุณคิดนะคะ
เข้าใจค่ะ ที่เราเขียนไปอย่างนั้นแค่ประชดค่ะ ก็เหมือนกับที่เด็กวิทย์ถามไงคะ ว่าทำไมเรียนสายศิลป์มาไม่เข้าคณะเกี่ยวกับสายศิลป์ มาเข้าสายวิทย์ทำไม? ทำไมไม่ตัดสินใจแต่ทีแรก ? ถึงจะไม่ได้เรียนวิทย์คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ลึกแบบเด็กสายวิทย์ แต่เด็กศิลป์ที่เข้าไปเรียนได้ สอบได้ เค้าก็ต้องขยันพอๆกับเด็กวิทย์ค่ะ อาจจะเหนื่อยกว่าด้วยซ้ำเพราะไม่ได้เรียนมา ไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนเด็กวิทย์
เอ่อ เราเด็กวิทย์ค่ะ เราขอถามนะคะว่า คุณมีความสามารถมารถพอที่จะสอบ เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ คณิต ได้เท่าเด็กสายวิทย์มั้ย? คุณรู้มั้ย ว่าเขาเรียนมากี่ปี ทำไมทั้งที่รู้ว่าเหนื่อย เค้ายังเลือกเรียน
1.เพื่อสร้างทางเลือกให้ตัวเอง มันผิดหรอที่เค้าจะทำให้ชีวิตตัวเองมีทางเลือกที่ดีกว่า
2.เพื่อจะเรียนคณะเกี่ยวกัยวิทยาศาสตร์
คุณบอกว่าไปเรียนพิเศษเอาก็ได้ แล้วคุณคิดว่าคุณจะใช้เวลานานเท่าไหร่ในการเรียนจนสอบได้เท่าเด็ดวิทย์คะ? อีกอย่าง คุณเคยฝึกภาคปฏิบัติมามั้ยคะ? คุณรู้มั้ยว่าพวกเรียนอะไรมาบ้าง
เรียน เคมี 4ชม
ชีวะ 4 ชม
ฟิสิกส์ 6 ชม
คณิตพื้นฐาน 4ชม
คณิตเพิ่มเติม 6ชม
อังกฤษ5 ชม
ไทย3 ชม
พละ2ชม
สุขะ1ชม
สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม 3ชม
แล้วยังมีเรียนพิเศษอีก บอกตรงๆนะ เราเรียนมาจำได้แค่ H2oแปลว่าน้ำ กับการ +-×÷ เพราะเราเลือกเรียนศิลปะ เราแค่สร้างทางเลือกให้ตัวเอง
เหมือนกันที่ คุณเรียนภาษาที่สาม คุณบอกมันยาก เราไม่เถียง แต่เรามีความอดทนและความสามารถพอที่จะเรียนเหมือนคุณ ถ้างั้นเปิดอาเซียน เราก็ไม่ต้องเรียนภาษาหรอคะ เพราะต้องแย่งงานคุณ คนเราหากเก่งหลายด้านย่อมได้เปรียบปะคะ? แล้วคุณจะมาว่าเขาเอาเปรียยได้ยังไง แล้ววิทย์คณิต มันเป็นอะไรที่ตายตัว หากคุณไม่ชำนาญแล้วไปเรียนพยาบาล ผิดพลาดมาทำคนตาย จะว่ายังไงคะ?
และการที่คุณบอกว่า เรียนภาษาที่สามมาหนักมาก แต่เราไปสอบได้ ถามจริงค่ะ แล้วการที่เราไปเรียนภาษาเพิ่มจากการเรียนปกติจนเก่งเท่าคุณเนี่ย มันคือการเอาเปรียบคุณหรอคะ? เราก็พยายามปะคะ? เราพัฒนาตนเองเพื่อสร้างทางเลือกให้ตัวเองนี่ผิดหรอคะ?
ถ้าเราไร้ความสามารถในด้านภาษาที่สามแล้วเราไปสอบ เค้าจะรับเราหรอคะ และหากคุณมีประสปการณ์ด้านนี้มากกว่าและเขาต้องการคนที่เก่งด้านนี้โดยตรง คุณก็มีสิทธิ์มากกว่าอยู่แล้วปะคะ?
คุณมีความอดทนและพยายามมากพอที่จะมาเรียนวิชาเครียดๆหลายๆวิชานี้มั้ย? หากคุณทำได้ ไม่มีใครไม่เอาคุณหรอกค่ะ บางทีคุณคิดว่าแน่ แต่คุณอาจจะไม่เห็นเด็กวิทย์ของจริงนะคะ ว่าหนักแค่ไหน แล้วเค้าอดทนขนาดไหน แล้วถ้าหากมันสามารถไปเรียนภาษาเพิ่มได้อีก คือมันโคตรคนขนาดไหน
อีกอย่าง สมมุตินะ คุณจะรับพนักงาน หากคนนั้นไม่มีประสปการณ์ตรง คุณจะเลือกมั้ย หากคุณรับมาคุณจะไม่คิดหรอว่าคนคนนั้นจะสร้างความผิดพลาดให้แก่หน่วยงานของคุณมั้ย? สาเหตุนี้เขาจึงเลือกคนที่เรียนมาเฉพาะทาง
เรายังเคยไปสมัครงานใช้ภาษาเลยค่ะ เราพูดไม่เก่งเท่าคนที่เรียนมา เค้าไม่รับ เพราะเค้าต้องกลัวว้าเราจะไม่สามารถปฎิบัติงานนั้นได้ เราเลยไม่ได้งาน และมาศึกษาภาษาให้เก่งเท่าคนที่เรียนมา
แล้วเหมือนการสอบเรียนต่อ คุณไร้ประสปการณ์ เค้าจะรับไปเพื่ออะไรคะ? การไปเรียนมหาลัยคือการต่อยอดการเรียนเฉพาะทางของคุณ
เราอะ ไปสอบศิลปะ สอบไม่ติดค่ะ เพราะไม่เก่งจริง เราจึงต้องไปเรียนพื้นฐาน ไปสร้างประสปการณ์ ต้องซิ่วสองปี กว่าจะสอบติด นี่แหละค่ะ หากเรามีพื้นฐานและประสปการณ์มากพอที่จะสามารถเรียนได้ เขาก็รับเรา
แต่วิทคณิตมันมีแต่วิชาหลักๆที่หนักๆ4วิชา คุณสามารถเรียนและเข้าถึงมั้ยล่ะ จำสูตรได้หมดมั้ย พลังงานจล การเคลื่อนที่ มวลสาร แรงดึง หน่วยไฟฟ้า
หากสามารถเรียนพิเศษแล้วทำข้อสอบได้ก็ทำไปค่ะ เค้าจะรับนะ เพราะเก่งพอที่จะทำคะแนนสอบได้เท่าเด็กวิทย์
แต่พวกที่ไม่มีความพยายามจริงๆแต่ดันสอบไม่ได้แล้วมาโวยวายนี่ เดี๊ยนไม่เข้าใจค่ะ
บางทีหากเราอยากตะได้อะไรเราควรจะเอาจนกว่าจะได้ปะคะ ไปเรียนเพิ่มและไปหาประสปดารณ์ ไปทำอะไรก็ได้เพื่อให้เราสามารถทำให้เขาไว้ใจและรับเราเข้าเรียนได้ หากความพยายามยังน้อยอยู่ก็ถูกที่เขาจะไม่รับ ยิ่งเด็กศิลป์ยิ่งต้องพยายามเรียนหนักกว่าปกติหากจะหันมาเรียนสายวิทย์
แล้ว-เรื่องเกรดไม่ถึงเนี่ย ใครผิดคะ เกรดไม่ถึงจนไม่สามารถเลือกเรียนสายวิทย์ได้ แล้วเด็กที่มันทำเกรดให้ถึงนี่มันทำเพื่ออะไรคะ?หากจะเอาคนเกรดไม่ถึงมาเรียนแทน
คุณยังไม่ทำเกรดให้ดีแล้วจะมาโทษว่าทำให้เรียนสายวิทย์ไม่ได้แบบนี้ก็แย่นะคะ
เห็นด้วยกับที่กล่าวมา แล้วประเด็นสำคัญที่เด็กสายศิลป์ชอบเอามาอ้างว่าทำไมสอบเข้าสายวิทย์ไม่ได้ ฉันเรียนพิเศษมาเยอะเลยนะ บลาๆๆๆ สาเหตุจริงๆมันก็คือ
"หน่วยกิตวิชาวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ของสายศิลป์มันเก็บไม่ได้ตามที่มหาวิทยาลัยและคณะกำหนด"
ย้ำอีกครั้งนะคะ!
"หน่วยกิตวิชาวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ของสายศิลป์มันเก็บไม่ได้ตามที่มหาวิทยาลัยและคณะกำหนด"
หวังว่าเด็กสายศิลป์จะไม่มาดิ้นแบบไร้เหตุผลนะคะ เด็กสายศิลป์ด้วยกันแต่ไม่เข้าข้างพวกเดียวกันที่ไม่มีเหตุผล :)
คนที่เขาอยากจะได้อะไรจริงๆเขาไม่เอาเรื่องแบบนี้มาเป็นข้ออ้าหรอก เสียเวลา เอาเวลาไปหาทางให้เรียนพยาบาลได้ดีกว่ามัเย คนเรียนศิลป์แล้วสอบพยาบาลได้มีเยอะแยะ แค่ต้องพยายามมากกว่าปกติ เพื่อทดแทนให้เทียบเท่าผระสปการณ์ที่เด็กวิทย์เรียนมา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?