[ถาม] มีนักเขียนท่านใดที่เขียนนิยายแล้วอัพลงเด็กดีทันทีเลยบ้างคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
และหลังจากที่เราได้แก้ไขนิยายเรื่องนั้นๆ หรือรีไรท์ใหม่แบบยกเครื่อง เราก็ถูกแนะนำว่าเราสมควรเขียนให้จบก่อน และเก็บรายละเอียดทั้งหมดของเรื่องก่อนที่จะอัพลงเด็กดี
เมื่อเราทำแบบนั้นนิยายของเราจะไม่ดูแย่หรือทำให้ผู้อ่านรู้สึกเสียเวลาที่ต้องมานั่งอ่านนิยายเราแบบดิบๆ อีกต่อไป จากการที่เราเขียนเสร็จปุ๊บก็อัพเดทปั๊บแบบนี้ มันทำให้งานเขียนของเราดูแย่ทั้งๆ ที่มันควรจะดีในสายตาผู้อ่าน
อันที่จริงเราก็สนใจในวิธีการนี้เหมือนกันนะคะ เพราะเราเลิกเห่อเรื่องยอดวิว ยอดโหวต ยอดแฟนคลับ ยอดเม้นท์เสียแล้ว (ยอมรับว่าเมื่อก่อนนี่นั่งนับทุกวัน)
แต่ตอนนี้เรากลับแคร์ผู้อ่านที่จะได้อ่านงานเขียนที่เราพยายามทุ่มสุดตัวแล้วอย่างเต็มที่น่าจะดีกว่า อาจจะเพราะเราเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว หรือไม่ก็มีเป้าหมายอย่างอื่นมาทดแทนน่ะค่ะ
- เราจึงอยากสอบถามว่า มีนักเขียนท่านใดบ้างที่เขียนเสร็จปุ๊บแล้วก็อัพเดทปั๊บ และมาแก้ไขปรับปรุงเอาทีหลังหลังเขียนจบแล้วแบบเราบ้าง และท่านเจอปัญหาแบบเราไหมคะ
- หรือท่านใดมีวิธีการในการเขียนนิยายอัพลงเด็กดีแบบไหนที่ทำให้ผลงานท่านไม่ดิบแบบเราบ้าง แนะนำเราทีนะคะ
*ขอชี้แจงเล็กน้อยว่า เรามีนิสัยที่ต้องทำทีละอย่างจึงจะทำได้ดี ดังนั้นเราเลยนิยมการเขียนให้จบเรื่องก่อนแล้วค่อยมานั่งปรับสำนวน ฉาก บท หรืออื่นๆ เพิ่มเติมลงไปหลังเขียนจบแล้วเสมอน่ะค่ะ*
(ขอบคุณสำเร็จข้อมูลที่มาแชร์และแบ่งปันกันนะคะ เราจะขออ่านและศึกษาเป็นแนวทางในการอัพเดทนิยายลงเด็กดีครั้งถัดไปค่ะ ขอบคุณค่ะ)
45 ความคิดเห็น
เราเป็นง่ะ 555+ คือเขียนแล้วอัพเลยอ่ะ
มีคนแนะนำเหมือนกัน ว่าให้ทำอย่างนั้น คือเขียนให้จบก่อน แต่คือแบบ.... นะ
พูดตรง ๆ คือเราก็อยางลองดูว่าถ้าลงจะมีคนมาตามอ่านไหม มีคนมาชอบไหม ซึ่งมันอาจจะเป็นการเขียนที่ไม่ถูกต้องก็ได้ แล้วทำให้งานเขียนออกมาไม่ดี :(
แต่กับคนอื่นเราไม่รู้ว่าเขามีวิธีการเขียนยังไงนะ แต่เราเป็นพวกด้นสด เราเป็นพวกชอบเอาสิ่งที่เราเจอในแต่ละวันมาปรับให้เป็นนิยาย คือเรามีพลอตในหัวนะ วางพลอตไว้แล้วว่าพระเอกเจอนางเอกตอนนี้ ๆ มีปัญหานี้ ๆ แต่รายละเอียดนี่คือด้นสดมากแล้วพยายามจูนให้มันกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
เออ เราอาจจะไม่ใช่นักเขียนที่ดีจริง ๆ อ่ะ อย่าเอาเราไปเป็นเกณฑ์เลย 555+
ดีใจที่มีสมาชิกดั้นสดเช่นเราค่ะ 555555
เจอพวกกกกก โบกค่าw
เจอพวกเดียวกันแล้ว
พวกเดียวกันค่ะ อ่านแล้วเห็นตัวเองเลย 555
ยกมือขอรับ เขียนแล้วอัพเลย บางทีคำผิดอะไรไม่ทันได้แก้ด้วยซ้ำ กร๊ากกกก
หนมปังไม่ค่อยซีเรียสนะคะ เรื่องอัพลงเว็บ ถือว่าเอางานที่ยังไม่สมบูรณ์ออกมาให้หลายๆคนดูพร้อมๆกัน ช่วยกันแก้ไข ช่วยกันท้วงติงจุดอ่อนจุดผิดพลาด แก้ไขก่อนกลายเป็นต้นฉบับ ซึ่งมีหลายครั้งที่หนมปังอัพแล้ว แต่ลบและเอากลับไปแก้แบบเขียนใหม่เป็นเหตุการณ์ใหม่ทั้งตอน(หรือหลายตอน)เพราะมีนักอ่านมาทักเรื่องข้อเท็จจริงและความไม่สมเหตุสมผลก็มี ซึ่งนักอ่านส่วนมากก็ดูจะเข้าใจนะคะ ไม่ได้ว่าอะไร(หรือว่าแต่หนมปังไม่รู้? 5555)
ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องการเขียน หนมปังเองก็ไม่ได้อิงทฤษฎีอะไรแต่แรก ไม่รู้ว่าทำถูกหรือทำผิด ถ้า จขกท.ถนัดทางไหนก็น่าจะปรับเปลี่ยนวิธีได้ตามชอบนะคะ ^^'
โอ้ว ขอบคุณที่แนะนำมากๆ ค่ะ ^^
ต้องออกตัวเหมือนคุณ Krist ข้างบนว่าอย่าเอาผมเป็นเกณฑ์เหมือนกันนะครับ
หนึ่งคือผมเป็นคนไม่รีไรต์ เรื่องไหนถ้าเขียนจบแล้วผมก็จบเลย ไม่ใช่ถือตัวว่าเก่งอะไรหรอกนะครับ แต่มันขี้เกียจน่ะ ผมเป็นคนเบื่อง่าย ถ้าจบแล้วคือพอใจแล้ว ไปเรื่องอื่นต่อ อะไรแบบนี้
ซึ่งสำหรับผมใช้วิธีนี้ได้ เพราะเขียนนิยายเพื่อเอาสนุกเป็นหลัก อยากขายก็อยากอยู่นะครับ แต่ไม่ได้คาดหวังกับมันมาก (ยังไม่เคยขายได้) ก็เลยไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องว่าต้องรีไรต์ให้เป๊ะ
และผมเป็นคนขี้เหงา ถ้านั่งเขียนคนเดียวไปนานๆ แล้วมันจะเหงาครับ ก็อยากเอามาลงเว็บ เผื่อจะมีเหยื่อเอ๊ยคนใจดีหลงมาอ่าน
แต่ถึงพูดอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากให้งานตัวเองดิบมาก ผมเลยเป็นแบบเขียนไปแก้ไปครับ อย่างวันนี้เขียนบทที่ 1 (สั้นมาก สามหน้า เลยสามารถเขียนจบได้ในวันเดียว) พรุ่งนี้ก่อนเขียนบทที่ 2 ผมก็จะย้อนไปอ่านทวนบทที่ 1 อย่างละเอียด ตรวจเก็บทุกคำ ประโยค ย่อหน้า ปรับแต่งให้เรียบร้อยพอใจ แล้วค่อยไปขึ้นบทที่ 2 พอวันไหนเขียนบทที่ 3 ผมก็จะทวนย้อนต้นอีกไปซักบทสองบท แบบนี้ไปเรื่อยๆ ครับ
เป็นเหตุให้เขียนช้ามาก! (โปรดอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เล่าให้ฟังเฉยๆ)
อ้อ แล้วก่อนลงแต่ละบท ผมก็จะตรวจแก้อีกอย่างน้อยสองรอบ รวมๆ แล้ว บทนึงผมตรวจแก้ไปแค่ห้าหกรอบเท่านั้นเองครับ
ขอตายแป๊บ
คุณพีทเป็นคนเรียบร้อยกว่าเราอีกค่ะ ToT
ใช้วิธีคล้ายๆกันค่ะ เมื่อก่อนตอนมีเวลา จะใช้วิธีอ่านตอนเก่าแก้ไขแล้วลง แล้วแต่งตอนใหม่ 1 ตอน ประมาณ 3 หน้า วันต่อมาก็เอาตอนเมื่อวานมาอ่านแล้วลง แล้วเขียนตอนใหม่เพิ่ม แบบนี้ทำไปเรื่อยๆ ถ้ามีเวลาวันหนึ่งลงได้ 1-3 ตอนเลย
ช่วงนี้ไม่มีเวลา อาศัยด้นสดจนจบไปเรื่องแล้วค่ะ 555+
บอกว่าไม่รีไรต์เพราะขี้เกียจ แต่ที่คุณพีททำนี่ยิ่งกว่ารีไรต์อีกค่ะ นับถือเลย 5555
คุณ vanaya ไม่เรียบร้อยเลยครับ ยุ่งเหยิงมาก อาศัยเอาถึกเข้าว่า ^^"
คุณกันมี่ เหมือนเป๊ะเลยครับ เพียงแต่ของผมหลายรอบหน่อย เพราะไม่ค่อยมั่นใจ
คุณ Demon Doll แบบที่ผมทำนี่มันไม่ต้องใช้ความคิดเยอะครับ แก้จุกจิกเล็กน้อย ไม่ได้แก้ใหญ่ๆ แบบดูความสมเหตุสมผล เปลี่ยนรายละเอียด มันเลยทำง่าย อ่านๆ ลบๆ พิมพ์ๆ เพียงแต่ซ้ำหลายรอบหน่อยเท่านั้นเอ๊ง (สรุปว่าคิดไม่เก่งแต่ถึก)
ต้องขอไปเรียนรู้ฝึกวิชาความถึกเสียแล้วสิค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
อยากเรียนเหมือนกันค่ะ
ปัจจุบันเขียนได้สองหน้านี่แทบสลบ รู้สึกขยาดแบบ...ไม่เอาแล้วฉันไม่อยากเห็นมันอีก อะไรแบบนี้ 555
มันจะดีรึครับ
อาการแหยงผมก็เป็นครับ แต่ผมมีขีดความต้านทานสูง ถ้าเกินเจ็ดรอบจะไม่ไหว ถ้าจบเรื่องแล้ว ปิดเลย เผ่นแน่บ
นี่จะนับว่าคุณพีทเป็นพวกเดียวกันได้มั้ยเนี่ย
คงไม่หรอก คุณพีทตั้งเจ็ดรอบ ของเราแค่รอบเดียวตอนเขียน 5555
//ขออย่าให้แฟนนิยายเรามาเห็นเมนต์นี้เลยเถอะ
ผมว่าจะลดหน่อยดีกว่าครับ เดี๋ยวไม่ได้ลงซะที
เขียนเสร็จ ลงเลยค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา
ลองคิดดูว่าถ้าแต่งนิยายยาวๆ เรื่องหนึ่ง อาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน พอแต่งเสร็จต้องค่อยๆ ทยอยลงเว็บอย่างสม่ำเสมออีก(ลงเร็วไปก็ใช่ว่าจะดีนะ) กว่าจะสร้างฐานคนอ่านมั่นคงๆ บนเว็บได้ก็ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งประมาณ 3-4 เดือน เบ็ดเสร็จรวมเวลาที่เสียไปทั้งหมด 5-7 เดือน
แต่ว่าทั้งสองขั้นตอนข้างบนมันทำควบคู่กันได้ กว่าจะเขียนจบ กว่าจะสร้างฐานแฟนคลับ ทั้งสองอย่างใช้ระยะเวลาพอๆ กัน แล้วทำไมไม่ทำมันไปพร้อมๆ กันเลยล่ะคะ ไม่ง่ายกว่าเหรอ
อ่า เราก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่แนะนำค่ะ
ผม เขียนไปรีไรท์ไป แล้วส่งเลย อ่านบนเว็บอีก แก้ไขเมื่อเจอ ครับ รวดเร็ว สนุก ครับ
อ่า เราก็เคยทำค่ะ มันสนุกนี่ล่ะ
ผมจะตรวจทานเนื้อหาก่อนที่จะลงเว๊ป (ไม่ให้มันดิบมาก) บางครั้งอาจจะลงครั้งละ 25-50% ก่อนด้วย
สำคัญที่สุดคือ ผมจะพกปากกาติดตัวตลอด หลักๆก็ Lamy Al-Star สีน้ำเงิน/ดำ/เทา
เพราะถ้ามีกระบวนการ Epiphany หลอดไฟเด้งสว่างขึ้นมา ผมจะจดเอาไว้ ไม่ว่าตอนนั้นจะอ่านตำรานิยาย หรือหนังสือพิมพ์ ทำงาน ทานข้าว หรือนั่งที่สตาบั๊ค
ทั้งหมดทำให้ผมสามารถปล่อยได้พร้อมกันทีละตอนหรือสองตอน (อนาคตผมอาจจปล่อยสามตอน)
แต่ก็ครับ ทุกคนสามารถ "ขี้โม้" ได้ครับ เรื่องของเรื่อง บางคนอาจจะโม้ว่า :
1 - ชั้นอ่านหนังสือเดือนละ 100 เล่ม ( ผมอ่าน 3-4 เล่มต่อเดือน )
2 - ชั้นมีพล็อตละเอียด เนื้อหาแหวกแนว เนื้อเรื่องของชั้นดีมาก
3 - ชั้นร่างเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ ( ผมล่ะเบื่อพวกนี้ )
4 - ชั้นเขียนจบแน่นอน ชั้นจะจบประมาณเท่านี้ตอน ชั้นจะจบประมาณปีหน้า
แต่ในฐานะ นักเขียนไซไฟ ที่ยึดข้อมูลความจริงเป็นหลัก นิยายของผม
เจ้าชายมาเฟียหัวใจซาตานในไฟรักเสน่ห์หาเศรษฐี จะเขียนออกมาให้ดีที่สุดครับ
อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย... หงายหลัง
อ้าวผิดคน!
(กลับไปหาท่านโครนอสดีกว่า)
นั่นชื่อไทยนิยายผมครับ
มีโฆษณาแฝงอีกแหนะ แหม่
ชื่อนิยายไซไฟ ฉบับภาษาไทยคุณนี่ ตามสมัยนิยมมากค่ะ ฮ่าๆ
แทบไม่ได้แก้ไข เพราะผมวางพล็อตค่อนข้างแน่น ยกเว้นช่วงท้ายๆเรื่องที่ไกลมาเลยไม่ได้วางละเอียด หรือบางครั้งเกิดอยากเปลี่ยนรายละเอียดแล้วต้องแก้ขึ้นมา แต่เรื่องแบบนี้เกิดน้อยครับ
วางพล็อตให้แน่น เขียนให้ได้ตามพล็อต และไม่ต้องรีบเขียน เขียนให้ดีออกมาทีเดียว จะไม่ต้องแก้ครับ (แต่ในแง่คนอ่านจะน้อยลง เพราะต้องใช้เวลาเขียนแต่ละตอนนานขึ้น ลงวันต่อวันสู้คนอื่นไม่ได้แน่นอน)
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ
.ยกมือแบบเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ หนูฮ้าบบบ (เคยโดนด่ามาแล้วด้วย555)
อ่า พวกเดียวกันอีกคนแล้วสินะคะ น้ำตาจะไหล ฮือ
พวกเดียวกัน ถ้างั้นชมกระทู้เราก่อนไหมล่ะ นิยายเรื่องล่าสุดเลยฮะ
http://www.dek-d.com/board/view/3554700/
เขียนแล้วอัพเลยเหมือนกัน เพราะยังไงงานครั้งแรกมันมีจุดผิดพลาดอยู่แล้ว แต่งจบค่อยมารีไรท์แก้งานทีเดียวค่ะ
อ่า เหมือนเราเลยค่ะ เราว่ามันทำให้เราเขียนจบได้จริงๆ อย่างที่ตั้งใจน่ะค่ะ
ผมก็เขียนเสร็จ เช็คสักรอบสองรอบแล้วอัพเลยครับ ก็ทำจบภาคมาหลายเรื่องล่ะ
ผลงานจะดิบไม่ดิบผมว่าอยู่ที่เราตกผลึกในส่วนของการวางโครงเรื่องภาพรวมได้มากแค่ไหนครับ
ถ้าเรื่องมีทิศทาง มีการวางปมและเชื่อมโยงอย่างมีชั้นเชิง สมเหตุสมผลในการกระทำแล้วล่ะก็ ผมว่านิยายเรื่องนั้นๆก็มีความชัดเจนและสมดุลในระดับหนึ่งครับ
ซึ่งเอาจริงๆแล้วถ้าเราเห็นทิศทางและมั่นใจแล้วล่ะก็ จะดั้นสดทั้งแบบนั้นเลยก็ยังไหวครับ หากประสบการณ์เก๋าพอ เหมือนพวกร้องเพลงแหล่ที่คิดสดบนเวที (แต่ว่าถ้ายังไม่ขนาดนั้นก็จดรายละเอียดเป็นลำดับไว้จะดีกว่า)
ส่วนการรีไร้ท์ผมจะทำก็ต่อเมื่อนิยายจบภาคดีแล้วครับ เวลาทำจะได้ทำรวดเดียว เวลาปรับตัดแต่งจะได้ออกมาในทรงเดียวกัน
โอ้ว ขอบคุณที่แนะนำค่ะ เป็นวิธีที่สมควรทำมากๆ แก่มือใหม่หัดเขียนแบบเรา
เราแต่งสดอัพสดค่ะ
อัพทีละนิดเหมือนถ่ายทอดสดเลย55 (นี่คือสิ่งไม่ดีสินะ!!)
ถ้าไม่มีรีดกดดันเราก็ไม่ทำงาน ดังนั้นต้องอัพสด
กว่าจะจบ 1 ตอนก็ สองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
มะ มีรีดเดอร์กดดันด้วย โอ้ว แสดงว่ามีคนติดตามแบบเหนียวแน่นสินะคะ
แต่งสดอัพสดค่ะ ไม่ค่อยได้แต่งดองไว้คือได้เท่าไหร่ก็อัพเท่านั้น นอกจากว่าร่างไว้คร่าวๆ แล้วยังไม่ได้เกลาเท่านั้นที่มีแช่บ้างแต่มักไม่เกินหนึ่งวัน ก็จบมาแล้ว 4 ภาคค่ะ ถ้าไม่อัพผลักดันตัวเองก็มักจะอู้ค่ะ เลยต้องแต่งไปอัพไป แล้วไว้รีไรท์ทีหลัง
อ๋า เราก็เคยเป็นอยู่ช่วงหนึ่งค่ะ ถ้าไม่ได้อัพจะอู้เลยเถิดมากๆ แต่หลังๆมานี้เริ่มอยู่ตัวแล้วค่ะ ฮ่า เก่งจังเลยค่ะเขียนได้ตั้งสี่ภาค
เราจะมาสารภาพว่า ฟิคเรื่องล่าสุดของเราด้นสดมากๆ แบบว่าตอนแต่งแรกๆยังไม่ได้คิดตอนจบเสียด้วยซ้ำ
แบบว่าเราเรียนจิตวิทยาไง แล้วต้องมีการหาเคสเพื่อรายงานวิชาจิตวิทยาครอบครัว แล้วเจอปัญหาครอบครัวเกี่ยวกับการท้องไม่พร้อมเยอะมากอ่ะ รวมทั้งเพื่อนในชั้นเรียนเราก็มีปัญหาแนวนี้ด้วย เลยอารมณ์จุดประกายฉากๆนึงขึ้นมา เรียกว่าไงดี ปิ้งแวบ ละมั้ง เราเลยเริ่มลงมือเขียนเลย เขียนได้แค่สามตอน ก็ลงเว็บซะแล้ว ลงแบบมึนๆนะ เราอารมณ์ฟิคนี้มาไวมาก สรุปว่าผลตอบรับดีระดับนึง กำลังใจก็มา เลยต่อเรื่องไปเรื่อยๆแบบสดๆ จนตอนนี้วางพล็อตสมบูรณ์แล้ว แบบเส้นเรื่องชัดเจนแล้ว ส่วนรายละเอียดเล็กๆจะค่อยๆใส่ไปเรื่อยๆ
เรารู้สึกว่า การด้นสดนี้มันสนุกนะ ถึงแม้จะเสี่ยงก็ตาม เพียงแต่เราควรจะมีเส้นเรื่องชัดเจนๆหน่อยป้องกันไม่ให้ตัวเองออกทะเล
สรุปคือ การด้นสดก็มีข้อดีเรื่องของเนื้อเรื่องที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์(คหสตนะคะ) เพียงแต่ต้องมีเส้นด้วยก็ดี
คล้ายๆซีรีย์เกาหลีอะคะ ที่มีการเขียนบทไปด้วย ถ่ายละครไปด้วย บทเลยค่อนข้างสด เพียงต้องมีความรับชอบสูงมากๆ
อ่า เปรียบได้เห็นภาพเลยค่ะ เรียนจิตวิทยานี่ได้เปลี่ยนด้านการเขียนตัวละครสินะคะ ดีจังเลยค่ะ
เราเลยค่ะ 5555 เราเป็นคนที่เขียนเสร็จปุ๊บแล้วอัพทันที มีเท่าไหร่ก็อัพเท่านั้น ไม่เคยมีตุนไว้เลยค่ะ เวลาจะอัพทีก็นั่งแต่งแล้วก็อัพเลย เราแบ่งอัพเป็นสองครั้งในหนึ่งตอน เพราะถ้าให้เราแต่งจบแล้วลง 100 ทีเดียวเลยเราคงทำไม่ไหว 555 แต่เราก็ไม่เคยโดนบ่นว่าสำนวนไม่โอเคหรืออะไรนะคะ แต่ยอมรับว่าบางครั้งก็ออกทะเลหรือเนื้อเรื่องมันอืดเหมือนกัน 5555 เราจะรอรีไรท์ทีเดียวตอนแต่งจบแล้ว เพราะถ้าเราแต่งไปแก้ไป ล่มแน่นอน เพราะนิยายเรามันต่อกันไปเป็นฉากๆ
แต่เราไม่รู้นะคะว่านิยายของเรามันดิบๆ เหมือนที่จขกท.ว่าหรือเปล่า เพราะเราไม่เข้าใจคำนี้อ่ะค่ะ รบกวนช่วยบอกเราหน่อยได้มั้ยคะว่ามันคืออะไร แล้วเดี๋ยวเราจะกลับมาบอกค่ะว่าของเรามันดิบหรือมันสุก อิอิ
นิยายดิบๆ ในความหมายเราก็ประมาณ สำนวนด้านๆ ทื่อๆ ไม่สลวยน่ะค่ะ ฉากก็ไม่ละเอียด บรรยายตัวละครก็ขาดๆ เกินๆ บทสนทนาบางที่ยังมีสับสนงงๆ อยู่ด้วย
เราจะมารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเขียนไปจนจบแล้วน่ะค่ะ ถึงจะรู้ว่าเออ แย่อะ นิยายเรา ประมาณนี้น่ะค่ะ
ของคุรบัตเตอร์ไฟล อาจจะไม่ดิบแบบเราก็ได้ค่ะ ฮือ
อ่ออออ งี้นี่เอง ถ้างั้นก็คงจะกึ่งดิบกึ่งสุกมั้งคะ 5555 (ไม่อยากมั่นใจร้อยเปอร์ว่าของเราสุกเพราะมันก็ต้องมีผิดพลาดบ้างล่ะเนอะ 555) แต่เราคิดว่าแนวที่เราแต่งมันไม่ค่อยยากด้วยล่ะมั้งคะ คุณ vanaya แต่งแนวแฟนตาซี (หรือเปล่าหว่า) น่าจะแต่งยากกว่าเรา แต่งได้ก็เก่งแล้วล่ะค่ะ เราว่านะ อิอิ
แต่งแฟนตาซีค่ะ ฮา เลยโดนแนะนำมาแบบนั้นน่ะค่ะ ^^
ไม่เคยแต่งสดครับ เพราะเขียนช้ามาก (ฮา)
ถ้าแต่งสด ดิบๆ(?) แล้วยังมีคนตามอ่านก็ไม่น่าจะคิดมากเท่าไร เขาเข้าใจ รับได้และติดตามเอง
แต่ถ้าโดนติบ่อยๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาแล้วว่าดิบเกินไปหรือเปล่า
ส่วนตัว ผมไม่วอรี่เรื่องความดิบ เพราะเคยอ่านหลายเรื่องที่เขียนไปก่อน แล้วค่อยรีไรต์
แต่สำคัญที่ ดิบต้องอ่านรู้เรื่อง ไม่ผิดพลาด นำเสนอเนื้อหาครบถ้วน
ของเรานักอ่านบอกสนุกค่ะ แต่พอมีบางคนที่ได้อ่านแบบรีไรท์หรือปรับปรุงแล้วก็บอกว่า เราสมควรเอาฉบับที่แก้ไขลงให้อ่านจะดีกว่า มันทำให้นิยายเราดูดีมากกว่าน่ะค่ะ เราเลยคิดว่าจะทำแบบที่นักอ่านท่านนั้นลองแนะนำดูน่ะค่ะ
จริงๆ ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ ไม่เอาแบบที่ปรับปรุงแล้วมาลงให้อ่านก็คงไม่มีใครรู้
คุณจะด้นสดในเว็บ แก้แล้วค่อยส่งสำนักพิมพ์ก็ได้ไม่มีใครว่าหรอก
แต่ต่อไปนี้เป็นต้นไป งานเข้าแล้วครับ คนที่อ่านรีไรท์แล้วจะหวังให้คุณแต่งจนสมบูรณ์
แล้วค่อยลงให้อ่าน ถ้าด้นสดอีกคงโดนตำหนิแน่ ใช่ไหมล่ะ
ผมไม่แนะนำให้ด้นสดนะครับ อย่างน้อยควรทวนให้ดีก่อนอย่างน้อยสักหนึ่งรอบ
ของผมด้นสดแบบแทบไม่เช็คสำนวนแล้วอัพเลยครับ เนื่องจากว่าเป็นคนที่ถ้าต้องไปหาข้อมูลที่ถูกต้องมาแต่งมาแก้ มันจะไม่จบที่จุดเดียวมันจะต่อยอดการค้นหายาวออกนอกเหนือจากสิ่งที่ต้องการจริงๆ แล้วก็จะไม่ได้กลับมาแต่งครับ...ถูกล่อลวงได้ง่าย... ฮ่า...
ใช่ค่ะ มันคือใช่เลย ฮ่าๆๆ ความเพลิดเพลินช่างน่ากลัว
ผมเขียน แล้วอัพลงเว็บเลย
ตอนเขียนก็พยายามเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยเอาตอนหลัง แต่ถ้าเก็บมากไปจนทำให้เรื่องไม่เดิน ก็ต้องตัดใจปล่อยๆไป แล้วไปเน้นที่ความคืบหน้าของเนื้อเรื่องแทน
เรื่องพล็อต ผมจะวางแผนไว้ตอนแรกให้ละเอียด เพราะหากผิดพลาดก็จะไม่มีสิทธิ์กลับไปแก้อีกแล้ว และจะไม่ระแวงสงสัยว่าพล็อตแบบที่เขียนไปนี้ดีพอหรือยัง ตอนวางแผนได้ตอบคำถามตัวเองชัดแล้วว่า "ดีที่สุด" ไม่มีพล็อตอะไรดีกว่านี้แล้ว
จึงทำให้แต่งได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหา
เริ่มแรกตอนเขียนนิยาย ผมดันสดทุกวัน ไอเดียโผล่มาในหัวก็ลุยแต่งเลย - - แต่ปัจจุบันทำแบบนั้นไม่ได้ จะต้องผ่านการวางแผนก่อนเสมอ หากพล็อตไม่เคลียร์ ก็จะไม่เขียนอะไรเลย จะต้องทำพล็อตให้เคลียร์ให้ได้จึงจะเริ่มเขียน
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ เราจะนำไปปรับใช้กับงานเขียนของตัวเองค่ะ
จะวางโครงพล็อตหลวมๆ ไว้จนจบเรื่องค่ะ
จากนั้นก็ด้นสดๆ อัพลงสดๆ ไม่มีสต๊อกเหมือนกันค่ะ
ให้ตัวละครที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละค่ะ เป็นคนนำพาสถานการณ์ต่างๆ ไปเองค่ะ
เพียงแต่ก่อนอัพก็จะอ่านซ้ำ ตรวจทานคำผิดสักรอบก่อนค่ะ
แต่ยังไงๆ ก็ยังมีหลุดอยู่บ้างอยู่ดี
ซึ่งคนอ่านเค้าก็ไม่ว่าอะไรนะคะ ช่วยๆ กันจับไก่กันมาบ้าง
และก็เป็นการได้รับฟีดแบคกลับมาด้วยว่าอาจมีบางจุดที่ยังไม่ดีไม่เหมาะ
ไม่ถูกใจยังไง... ก็จะเก็บไว้พิจารณาร่วมในการรีไรท์หลังจากเขียนจบอีกทีค่ะ
แล้วก็จะไม่อ่านคอมเม้นต์ของตอนที่แล้ว ในระหว่างแต่งตอนใหม่นะคะ
เพราะบางเม้นต์นั้นอาจชี้นำอยากให้เป็นอย่างนั้น ตัวละครนั้นทำอย่างนี้...
มันให้เราไขว้เขว้จากจุดยืนเดิมได้ค่ะ ^^
อีกอย่างที่สำคัญสำหรับตัวเอง
การรอแต่งจนจบค่อยลง... กำลังใจมันไม่มาเหมือนมีคนเม้นต์ว่า "รออยู่นะ"
มันไฟล้น พรึบพรับดีค่ะ 5555+
ป.ล. ดีใจที่มีพวกด้นสดเยอะเหมือนกันนะเนี่ย...
อ่า น้ำตาจะไหลมีคนทำแบบเราด้วย ขอบคุณที่แนะนำค่ะ เราก็ไม่อ่านเม้นท์ก่อนเขียนเหมือนกัน ฮ่า
เป็นหนึ่งในคนที่โอ้เอ้ค่ะ
คือยังไม่มีเรื่องไหนที่เราเขียนจบแล้วได้ลงเด็กดีเลยซักเรื่อง แต่ที่อื่นก็ทีบ้างนะ ฮา
อาจจะเพราะในสายตาเรา เด็กดีมีนักอ่านค่อนข้างหลากหลาย เราเลยอยากเกลาให้ชัวร์ก่อนว่ามันโอเค แล้วค่อยเอาลงทีเดียว แล้วจะได้ไม่ให้ผู้อ่านต้องรอ และทำให้เราไม่ต้องดอง เพราะดองเสร็จตั้งแต่ตอนแต่งแล้ว(ฮา)
วิธีที่เราใช้คือเราจะแต่งแค่วันละตอนถึง2ตอนแล้ววันต่อมาก็เอามาอ่านอีกครั้ง หรืออาจจะแต่งเช้าและกลางคืนเอามานั่งอ่าน ก็จะสามารถเกลาภาษาได้ดีระดับนึงคือ ยิ่งทิ้งไว้นานแล้วค่อยกลับมาอ่านยิ่งเกลาได้เยอะ เป็นการRewriteระยะสั้นๆค่ะ บางคนก็บอกว่า ใครจะบ้านั่งอ่านนอยายตัวเองตอนเดิมๆได้ทุกวันวะ คืออาจะเพราะเราชอบอ่านหรือดูหนังซ้ำๆอยู่แล้ว เรื่องนี้เลยไม่มีปัญหากับเราค่ะ ยิ่งแต่งเองเนื้อหาในเรื่องก็ต้องเป็นส่วนที่เราชอบอยู่แล้วแหละนะ
หลังจากเกลาด้วยตัวเองแล้วก็จะส่งเวียนให้เพื่อนซัก2 3คนที่อ่านนิยายแนวเดียวกับที่เราแต่ง เช็คภาษา เช็คคำผิด คือมีความรู้สึกว่าเช็คเองแล้วชอบหาไม่เจออะ (ฮา)
ใช้เวลาค่อนข้างนานเลยค่ะกว่าจะเอามาลงเว็บซักเรื่อง ที่เร็วๆหน่อยก็แค่พวกเรื่องสั้น ถึงตอนนี้ยังไม่มีซักเรื่องมาแปะในเด็กดีเลยค่ะ
เนี่ยแหละเราว่าหลังจากเอ็นแล้วจะแต่งใหญ่ๆซักเรื่องแล้วลงเด็กดีให้ได้เลยค่ะ ยังไง รอชมด้วยนะคะ
โอ้ว ขอบคุณที่แนะนำมากๆ ค่ะ เราจะลองทำตามดูนะคะ เพราะยังไม่เคยเขียนแบบไม่อัพมาก่อนเลย
เขียนแล้วอัพเลยเช่นกันค่ะ คำผิด คำตกคำหล่นก็สดๆเลย คือเราเป็นพวกไม่ชอบเก้บไว้นาน บางทีคิดได้มานิดนึงเขียนปุ๊บอัพเลย แหะๆ แอบนิสัยเสียค่ะ เพราะอัพน้อยๆ แต่อยากจะอัพให้คนอ่านได้ทะยอยอ่านไป ไม่ใช่แต่งเสร็จตอนยาวแล้วอัพตูมทีเดียว
อา บางคนก็มีเวลาน้อยในแต่ละวันด้วยล่ะค่ะ สู้ๆ ค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?