Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จุดเปลี่ยนครั้งที่ 1

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่1 แน่นอนค่ะเราคือเด็กแอด58 ที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อจะแชร์ประสบการณ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเราเมื่อปีที่แล้ว (พอถึงช่วงเดือนนี้ก็นึกถึงตัวเองเมื่อตอนนั้น) ปล. ที่ตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ เพราะการตัดสินใจของเราในครั้งนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปเลยจริงๆค่ะ ขออภัยหากเนื้อหายาวเกินไป 

เริ่มเลยน้าาาาาาาาาาาาา ~

เราทุกคนล้วนมีความฝัน บางคนฝันอยากเป็นหมอ บางคนฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ .. เราก็เช่นเดียวกันค่ะ เรามีความฝันตั้งแต่มัธยมต้นว่าเราอยากเป็นทนายความ เพราะเราจะเกิดความอยากรู้อยากเห็น(ต้องใช้คำนี้จริงๆ) ทุกครั้งที่ได้ดูข่าว ไม่ว่าจะเป็นข่าวเกี่ยวกับอะไรก็ตาม เรามักจะตั้งคำถามทุกครั้งว่า ทำไมต้องตัดสินแบบนี้? .. แล้วถ้าใช้มาตรานั้นตัดสินจะได้ไหม? .. แล้วเขาเอาอะไรมาวัดว่าต้องเป็นแบบนี้ นี่ นั้น นั่น โน้นนนนนนนนน.. เยอะแยะมากมายในหัวเรา บวกกับเราเป็นคนชอบดูหนัง ยิ่งหนังที่มีการสืบสวนสอบสวนแล้วละก็ เรานี่กอหน้าย้อนหลังดูซ้ำไปซ้ำมา บางทีถึงขั้นเอากระดาษมานั่งวาดวิเคราะห์เป็นแผนภูมิ เราเลยคิดว่าเราต้องอยากเป็นทนายความแน่ๆ จากนั้นก็ลุยเลยค่ะ .. 

สถานบันสอนพิเศษไหนที่ว่าดีเราไปเรียนหมดเลยค่ะ เรียนมาตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่2 จนขึ้นมัธยมศึกษาปีที่4 ก็เริ่มสมัครเรียนสถาบันสอนพิเศษเพื่อสอบเข้า คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะ ที่เราเลือกเรียนคือ Themizlaw ค่ะ สอนดีมากจริงๆ เราเรียนมาเรื่อยๆ จนถึงมัธยมศึกษาปีที่6 เอาแล้วค่ะทีนี้... พอขึ้น ม.6 มันก็ต้องมีบ้างแหละค่ะความรู้สึกที่ว่า จะสอบติดอย่างที่ตั้งใจไว้ไหมนะ? แล้วถ้าไม่ติดที่นี่ฉันจะไปที่ไหนล่ะเนี่ย? หวิวแล้วค่ะตอนนั้น เลยหาข้อมูลค่ะ ที่ไหนเปิดสอบเราสมัครหมด คณะไหน มหาวิทยาลัยไหน ที่คะแนนเราถึงเกณฑ์ เรายื่นหมดค่ะ ทั้งรัฐ ทั้งเอกชน จนบางทีไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าคณะนั้นสอนอะไร เรียนเกี่ยวกับอะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลยค่ะเพื่อนๆ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ 

ขออนุญาตพูดถึงการสอบต่างๆที่เราเลือกสอบเพื่อใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยนะคะ ที่เราสอบก็มี GAT PAT IELTS TU-GET แล้วก็ O-NET (บังคับ) ด้วยความที่เราเรียนเอกชนเลยไม่กล้าที่จะสอบแอดมิชชั่นค่ะ เพราะรู้ว่ายังไงคะแนนเราไม่ดีแน่นอน เราเลยทุ่มเทเวลาและพลังงานเกือบทั้งหมดของเรามาให้การ "รับตรง" ค่ะ ที่แรกที่เราสมัครคือ ธุรกิจวิศวกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ค่ะ สำหรับที่นี่.. เราสอบติดค่ะ แต่ก็ยังไม่หยุดเพราะไม่ใช่ที่ที่เราอยากเรียนจริงๆ เลยสมัคร LLB (นิติ อินเตอร์ ธรรมศาสตร์) แต่ก็ต้องอดค่ะเพราะเรามีแต่คะแนน IELTS ซึ่งตั้งแต่ปีเรา(58) ทางคณะก็ไม่รับคะแนน IELTS แล้วค่ะ คะแนน TU-GET เราก็ไม่ถึงเกณฑ์ คะแนน SAT ก็ไม่มี เคว้งมากค่ะตอนนั้น เลยขอทุนมหาวิทยาลัยเอกชน ก็ได้ค่ะ ได้ นิติศาสตร์ ม.กรุงเทพ ค่ะ แต่ก็ยังไม่หยุดอีกนั่นแหละค่ะ จนเปิดสอบ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทลัยธรรมศาสตร์ นี่แหละค่ะคำตอบของหัวใจ คณะในดวงใจ มหาวิทยาลัยในฝัน .. ฉันต้องทำได้สิ! ❤️ จนถึงวันที่ประกาศผลสอบข้อเขียน ผลเป็นยังไงรู้ไหมคะเพื่อนๆ?

......

ใช่ค่ะ เราสอบไม่ติด ไม่ผ่านตั้งแต่ข้อเขียน.. เวลากี่ปีที่ทุ่มเทไป .. สุดท้ายฉันได้อะไรกลับมา? นั่งถามตัวเองว่าฉันทำอะไรพลาดไป? พยายามน้อยไปหรือป่าว? โกรธตัวเองมากค่ะ โมโหตัวเองมาก อายมากด้วย เที่ยวพูดกับใครต่อใครว่าอยากเข้าที่นี่ จะต้องต่อที่นี่ให้ได้ แล้วเป็นยังไงผลสุดท้าย... ร้องไห้อยู่หลายวัน จนคุณแม่เดินเข้ามาถามว่า "ลูกใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร" คุณแม่เราไม่เคยสนใจเรื่องเรียนเราเลยค่ะ หมายถึงท่านให้เราจัดการตัวเองและตัดสินใจเองทุกอย่าง เราทำกิจกรรมอะไร แข่งขันอะไร ไม่ต้องขออนุญาตเลย อยากทำอะไรไปทำเลย แม้แต่สมุดพกก็ไม่เคยอ่าน พอวันนี้คุณแม่เดินเข้ามาถาม คงแปลว่าเราอาการหนักจริงๆ ..

เราส่องกระจกดูตัวเองค่ะ พูดกับตัวเองว่า เราใช้ชีวิตอยู่ไปทำไม? มองตัวเองให้กระจกคนที่เคยยิ้ม คนที่เคยรู้สึกว่าทุกปัญหาทุกความล้มเหลวมันล้วนเป็นเรื่องเล็กๆไปซะหมด คนนั้นหายไปไหน? คนที่ร่าเริงคนที่เคยตลกผู้หญิงที่กวนประสาท หายไปไหนกัน? ทำไมถึงมองเห็นแต่ผู้หญิงที่หงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียตลอดเวลา ทำไมเธอในกระจกถึงดูสิ้นหวังจัง มัวแต่เอาเวลามานั่งเสียใจจนลืมนึกถึงคุณค่าของความล้มเหลว ว่ามันให้บทเรียนอะไรกับเราบ้าง! ... เดี๋ยวนะ "คุณค่า" หรอ เออใช่! คุณค่า! ฉันต้องมีคุณค่าซิ! ใช่.. ฉันใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่อหาคุณค่าในตัวเอง .. แล้วรออะไรอยู่ล่ะ ไปซิ ไปหาคุณค่าของตัวเองให้เจอนะ.. นี่คือสิ่งที่ฉัน(ตะโกน)ออกมาในตอนนั้น! 

"คุณแม่ค้าบบบบ ลูกรู้แล้ว ลูกใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่อหาคุณค่าในตัวเอง" .. "แล้วคุณค่าของลูกคืออะไร" เออนั่นสิ คุณค่าของฉันคืออะไร? อะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า? เรากลับมานั่งคิดทบทวนช่วงเวลาที่เคยผ่านมา ตอนไหนบ้างนะที่เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ตอนที่ได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นหรอ? ไม่นะ ใครๆเขาก็ได้รับรางวัลกัน ตอนที่มีแฟนหรอ? ก็ไม่นะ มันก็แค่ความรู้สึกดีเฉยๆสุดท้ายก็ต้องเลิกกัน .. ย้อนกลับไปอีกนานมาก คุณพ่อเราเสียตั้งแต่ก่อนเราจะเกิดค่ะ คุณแม่เราคลอดเราเสร็จก็ไปแต่งงานใหม่ เราไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่สักครั้ง จะเห็นก็เพียงแค่รูปถ่ายของคุณพ่อ แล้วก็ทราบแค่ชื่อจริง-นามสกุลของคุณแม่ ซึ่งท่านได้ไปแต่งงานใหม่คาดว่าจะเป็นที่ต่างประเทศ เพราะค้นหาชื่อแล้วพบว่าผู้ถือบัตรประชาชนที่เป็นชื่อของแม่เราอายุเพียง29ปีเท่านั้น ในวันที่เราอายุ15ปี ซึ่งพ่อเราเสียชีวิตตอนอายุ39ปี มันยากที่จะเชื่อค่ะ เลยคิดว่าคุณแม่น่าจะไปเปลี่ยนชื่อที่นู่นแล้ว (ถึงตรงนี้เพื่อนๆคงสงสัย.. คือคุณแม่ที่เราอยู่ด้วยตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบันนี้คือคุณย่าของเราค่ะ .. แต่เราเรียกท่านว่าคุณแม่) เราเคยสอบชิงทุนได้ไปแลกเปลี่ยน แต่ก็ต้องพลาดโอกาสนั้นไปค่ะเพราะเราทำหนังสือเดินทางไม่ได้ เพราะคุณย่าไม่ได้จดให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เราขอไม่ลงรายละเอียดถึงความหลังนะคะ เพราะมันจะยาวมาก และจะหลุดไปนอกประเด็นค่ะ 

เอาเป็นว่าพอมาคิดดูดีๆ เราพลาดโอกาสไปมากมายเลยค่ะเพียงเพราะแค่เราไม่มีผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราเคยใช้เรื่องราวของเราในการให้กำลังใจคนอื่น ซึ่งพวกเขายิ้มแล้วบอกว่ารู้สึกดีขึ้นมากหลังจากฟังเรื่องราวของเรา รอยยิ้มเหล่านั้น คำขอบคุณพวกนั้นทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความหมาย รู้สึกว่าชีวิตของเราไม่ได้เลวร้าย สีหน้าที่สดใสขึ้นของพวกเขาทำให้เราไม่สนใจว่าชีวิตของเราเริ่มต้นมาจากตรงไหน สิ่งที่เราต้องสนใจตอนนี้คือปัจจุบันเรากำลังทำอะไร .. รอยยิ้มเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า ...

ใช่แล้วค่ะตอนนั้นเราตอบตัวเองได้ชัดเจนว่า เราใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่อหาคุณค่าในตัวเองแล้วคุณค่าของเราก็คือการได้เป็นเหตุผลที่ทำให้คนอื่นยิ้ม ..   เราไม่รอช้าค่ะ ลุกขึ้นมาเดินหน้าต่อ อะไรก็ได้ที่ทำให้เรายิ้ม เพื่อที่เราจะได้มีพลังไปทำให้คนอื่นยิ้มต่อ สิ่งที่ฉันต้องสนใจตอนนี้คือ การลิขิตชีวิตตัวเองใหม่ .. ในเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัด (เพราะเพื่อนๆหลายคนได้ที่เรียนกันเกือบหมดแล้วค่ะ เราเลยรู้สึกว่าเราเหลือเวลาไม่มากแล้วในการสมัครสอบรับตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆ) 

เราพิมพ์ใน google ว่า "รับตรง 58" เราเจอข้อมูลการสมัครสอบมากมายทั้งที่หมดเขตไปแล้ว และที่ยังเปิดรับสมัครอยู่แต่เราไปสะดุดตากับคณะนึงค่ะ นั้นก็คือ "Global Studies and Social Entrepreneurship (GSSE)" ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอ๊ะ คณะอะไร ฉันก็ติดตามข่าวรับตรงมาตลอดไม่น่ามีคณะไหนที่ฉันพลาดไม่รู้จักไปได้นะ.. เมื่อหาชื่อคณะภาษาไทย ก็ทราบว่าชื่อ "วิทยาลัยโลกคดีศึกษาและการประกอบการสังคม" .. "การประกอบการสังคม" คืออะไร? เราสมัครสอบไปโดยไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร รู้สึกแค่ว่าชื่อคณะนี้แปลกดี แค่นั้นจริงๆค่ะ เวลาผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย5555 ช่วงนั้นเราสอบเสร็จแล้ว เหลือแค่รับวุฒิจบ เราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยสมัครสอบคณะนี้ไป จนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 เราได้รับ E-MAIL จากทางคณะว่าเราได้รอบสอบสัมภาษณ์วันที่ 12 กุมภาพันธ์ .. 

เอาแล้วซวยแล้ว ตรงกับวันรับวุฒิพอดี ทำยังไงดีฉัน วันรับวุฒิก็อยากมาเพราะเป็นงานเดียวที่คุณแม่จะได้มารับรู้ความสำเร็จของลูกทั้งหมดที่เคยทำมา ที่เรียนก็ยังไม่มี.. จะสอบสัมภาษณ์แล้วจะได้ไหม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสอนเกี่ยวกับอะไร เกือบจะตัดสินใจไม่ไปแล้วค่ะ แต่เพื่อนบอกว่าไปเหอะ มีอะไรก็สอบๆไว้ก่อน เลยติดต่อกลับมาที่คณะบอกว่าขอเปลี่ยนวันสอบได้ไหม สรุปว่าได้ค่ะ ได้เปลี่ยนมาสอบวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เหมือนจะเป็นข่าวดีนะคะแต่ไม่เลย เพราะเพื่อนๆ ม.6 ไปค่ายปัจฉิมนิเทศกันวันที่ 14-15-16 กุมภาพันธ์ หมายความว่าเราต้องอดไปค่ายสุดท้ายกับเพื่อนๆค่ะ 

เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ต้องนั่งทำ Portfolio โธ่ชีวิตต้องมานั่งเตรียมสอบในวันเกิดตัวเอง แย่ๆ ไม่ได้ฉลอง ไม่มีเค้ก ไม่มีอะไรทั้งสิ้นในวันนั้น คืนนั้นก็เลยตัดสินใจเปิดอ่านข้อมูลของคณะดูสักหน่อยคร่าวๆ เพราะไหนๆก็จะไปสอบแล้ว ก็จับใจความได้ว่าเป็นคณะที่เพิ่งเปิดใหม่มา1ปี อะไรนะ? 1ปี? ใหม่ไปไหม? (ปัจจุบันเราเป็นรุ่นที่2ค่ะ) ความคิดตอนนั้นคือ เขาก็น่าจะรับทุกคนเพราะคงอยากหาเด็กมาเรียนเยอะๆไว้ก่อน ก็เลยปล่อยเลยค่ะ ไปแบบชิวๆ เช้าวันนั้นเมื่อไปถึงตึกคณะ ตึกคณะเป็นสีๆค่ะ ห้องต่างๆถูกแบ่งตามสีห้องเช่น ห้องGREEN ห้องBLUE เรียกว่าสีสันสดใสค่ะ เป็นตึกเรียนที่สวยจริงๆค่ะ นี่คือสิ่งแรกที่ประทับใจ การสอบรอบแรกเริ่มต้นด้วยการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษสองเรื่องค่ะ ต้องบอกว่าเป็นการเขียนที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดในชีวิตเพราะเราไม่ทราบเลยไงคะว่าคณะนี้สอนอะไร เลยไม่มีส่วนไหนของเรียงความเราที่เกี่ยวข้องอะไรกับคณะนี้เลย ซึ่งข้อสอบอาจจะถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนั้น .. ตอนสายทุกคนก็ขึ้นไปที่ห้อง workshops ค่ะ เพื่อไปทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นการสอบสัมภาษณ์ที่แปลกมาก มีการให้เราเอาเส้นพาสต้าแข็งๆมาต่อกันให้สูงที่สุดแล้วให้เอามาร์ชเมลโล่ไว้บนยอดโดยที่ห้ามล้มลงมา เป็นช่วงที่ทุกคนปล่อยของแบบสุดๆ สรุปวันนั้นทีมเราก็ชนะค่ะ หลังจากนั้นก็พักแล้วกลับมาสอบสัมภาษณ์เดี่ยว ด้วยความที่เราเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาที่หลังเพราะขอเปลี่ยนวันสอบทำให้เราได้สอบเป็นคนสุดท้าย จนทุกคนกลับหมดแล้ว เราเพิ่งจะได้เข้าไปสอบค่ะ พอเข้าไปถึงก็มีอาจารย์สัมภาษณ์ 2 ท่าน สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะเพราะว่าเป็นหลักสูตรนานาชาติ อาจารย์ก็ทักทายและพูดคุย คือรู้สึกเหมือนเป็นการพูดคุยมากกว่าการสอบ อาจารย์ชมว่าเรียงความของเราดีอ่านแล้วอิน แล้วถามเราเรื่องผลงานที่เคยทำ (เขาเรียกเก็บ portfolio ตั้งแต่เช้าที่ลงทะเบียน) สิ่งที่เข้ามาในหัวคือ ที่นี่อ่านเรียงความของเราก่อนที่จะสัมภาษณ์เราต่างจากที่อื่นที่เราเคยไปสอบเพราะเขาไม่ได้เปิดข้อมูลหรือประวัติของเราเลย แต่ที่นี่ผู้สัมภาษณ์ใส่ใจเรามากๆ นี่คือความประทับใจที่2 ค่ะ ระหว่างการสอบก็มีช่วงดราม่าค่ะ เรานี่แหละค่ะร้องไห้ออกมา ตอนพูดคุยกับอาจารย์ คือมันเป็นการสอบที่เป็นตัวของตัวเองมากจริงๆค่ะ 

อ่ออีกเรื่องนึงคือ self-service ค่ะ ที่คณะนี้ มีการขายของแต่ให้บริการตัวเองค่ะคือหยิบเองทอนเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการโดนโกงมากๆค่ะ แต่ก็ถือเป็นการพิสูจน์ใจคนซื้อด้วยว่าคนขายไว้ใจขนาดนี้ คุณกล้าจะโกงเขาจริงๆหรือ? จนวันที่ 18 เราได้รับวิดีโอจากทางคณะ เป็นวิดีโอประกาศผลสัมภาษณ์ค่ะ (วิดีโอน่ารักมากๆ) ก็คือเราสอบติดค่ะ ใจตอนนั้นไม่ได้ดีใจนะคะ มันเป็นความรู้สึกเฉยๆ แต่ก็ตัดสินใจเรียนที่นี่เพราะไม่มีที่เรียนค่ะ เลยไปลองเรียนซัมเมอร์ดู

วันแรกของซัมเมอร์ คุณพระ! มีเด็ก 30 คน 30 คน! น้อยไปนะ.. สรุปคือเขาไม่ได้รับทุกคนอย่างที่เราคิด เขารับเฉพาะคนที่เหมาะสมจริงๆค่ะ ซึ่งพอเรียนๆไปกลับรู้สึกดีที่คนน้อยเพราะมันทำให้เราได้มีส่วนร่วมในห้องอย่างมาก และไม่วุ่นวายด้วยค่ะ ในตึกเรียนมีห้องครัว คือเราอยู่กันเหมือนอยู่บ้าน เหมือนทุกๆวันเรามานั่งคุยงานกันมากกว่ามาเรียน เป็นการ learning by doing จริงๆค่ะ เราได้ออกไปข้างนอกไปลงพื้นที่ เราเรียนเพื่อเป็นผู้ประกอบการที่คำนึงที่ส่วนรวมเพราะสังคมในปัจจุบันการแบ่งกัน การเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ

เราได้คิด Project ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น งานทุกชิ้นที่เราทำกันในห้อง มีเป้าหมายเหมือนกันคือรอยยิ้มของผู้รับ หรือที่เรารู้จักอีกอย่างในนามของธุรกิจ SE Social Enterprise นั้นแหละค่ะ มีการเรียนวิชาความเป็นผู้นำ .. มากมายเลยค่ะ เป็นศาสตร์ที่เราไม่คิดว่าจะมีที่ไหนสอน.. เอาจริงๆเหมือนเรามาดึงศักยภาพของตัวเองค่ะ ยิ่งเรียนยิ่งรู้จักตัวเอง ยิ่งเห็นความสามารถของตัวเอง ยิ่งรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ความประทับใจที่สามเกิดขึ้นเมื่อคืนที่มีระเบิดที่ราชประสงค์ค่ะ คืนนั้นอาจารย์โทรหาพวกเราทีละคนว่าถึงบ้านหรือยังรวมถึงรุ่นพี่ทุกคน คือการกระทำนี้ทำให้เราลบคำว่า "อยู่มหาวิทยาลัยไม่มีครูมาคอยตามนะ" ไปได้เลยค่ะ เพราะเรารู้สึกอบอุ่นมากเมื่ออยู่ที่นี่ พวกเราได้ทำได้คิด ที่คณะนี้ทำให้เรารู้สึกว่าทุกความคิดมีความหมาย .. คณะนี้ตอบคุณค่าของเราจริงๆค่ะ คณะนี้เปลี่ยนเราเป็นอีกคนที่ไม่ได้นึกถึงแต่ตัวเอง คณะนี้ทำให้เรารู้สึกว่าทุกคนมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างที่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอื่นยิ้มได้! 


ที่เล่ามายาวนานมากกกกกกก.. ก็เพื่อจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะคะ ขอให้ทุกคนตั้งใจ หากใครพลาดไปไม่ต้องท้อค่ะ เสียใจได้ค่ะเอาให้เต็มที่ แต่อย่าลืมลุกขึ้นมาแล้วลองมองชีวิตในมุมอื่น ให้เวลาตัวเอง ทบทวนตัวเองค่ะ เพื่อนๆอาจจะเจอตัวเองในอีกมุมที่ไม่เคยรู้จัก ชะตาชีวิตที่เราลิขิตมันเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ แต่เราต้องควบคุมมันให้ได้ค่ะ เมื่อมันพังก็ขีดมันใหม่ อย่ายอมให้มันไหลไปโดยที่เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย.

เนื่องจากมีคนสนใจมากเกินคาดไป 100000000% หากใครอยากคุยส่วนตัวแอดมาได้เลยน้าาาา ยินดีมากๆค่ะ อยากรู้จักทุกคนเลยน้าาาาา ☺️☺️
ID LINE : nainiix

แสดงความคิดเห็น

>

32 ความคิดเห็น

เด็กห้าเก้า 27 ก.ย. 58 เวลา 19:42 น. 1

ดีมากๆ เลยค่ะ
เคยมีความคิดที่ว่าถ้าไม่ติดที่มหาลัยนี้ก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน
ขอบคุณบทความนี้มากๆเลยนะคะ
ได้ข้อคิดอะไรมากเลยค่ะ
เยี่ยม

1
nararan2 27 ก.ย. 58 เวลา 20:09 น. 1-1

ยินดีมากจริงๆค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
นี่กำลังจะเข้าหรือว่าเข้าแล้วคะเนี่ย ?

0
Aoae 27 ก.ย. 58 เวลา 19:57 น. 2

อ่านจนจบเลย เขียนดีมากๆ  
เก่งจริงๆ >0<

เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองแล้วเดินหน้าต่อไป
...นารูโตะสอนข้าพเจ้าเช่นนี้

ยังไงก็สู้ๆนะคะ !!!



1
nararan2 27 ก.ย. 58 เวลา 20:08 น. 2-1

โห่ววววว ขอยคุณมากๆค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

0
nararan2 27 ก.ย. 58 เวลา 20:39 น. 4-1

อ่าววว~ ทำไมดูถูกตัวเองแบบนั้นอ่าาา ?
เราก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ พอพูดได้เฉยๆ อันนี้จริงๆนะ
ทุกวันนี้นั่งเรียนก็เป็นประจำเลยประเภทแบบเอ๋อ แปลไม่ออก
5555555555555 หันไปมองเพื่อนคือเพื่อนฟังรู้เรื่อง ตาวาวมาก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นพรแสวงนะ สู้ๆ สู้ไปด้วยกันน้าาาา
ปล. น่าจะมาเรียนด้วยกันนน TT

0
meena 27 ก.ย. 58 เวลา 20:39 น. 6

หนูอ่านเเล้วหนูอินมากอ่าค่ะ มีกำลังใจในการอ่านหนังสือสอบขึ้นเยอะเลยค่ะ

1
nararan2 27 ก.ย. 58 เวลา 20:40 น. 6-1

จริงป่ะเนี่ยยย ? ขอบคุณมากๆน้าาาา
ตั้งใจอ่านนะคะ เราเป็นกำลังใจให้น้าาา
อยู่ม.ไหนแล้วคนเก่งงง ? :D

0
nararan2 27 ก.ย. 58 เวลา 21:22 น. 7-1

ขอบคุณยิ่งกว่าค่ะที่เข้ามาอ่าน
ยินดีแล้วก็ดีใจมากๆค่ะ :D
เรียนที่ไหนคะเนี่ยยยยยยย ??

0
27 ก.ย. 58 เวลา 22:58 น. 8

อ่านแล้วมีกำลังใจเลยแต่ปัจจุบันชีวิตยังคุมเครือเรื่อยเปื่อยมีปัญหาเรื่องครอบครัวบ่อยจึงยังไม่ค่อยมีเวลาจริงจังกับอนาคตปัจจุบันยังอยู่มอสี่ จขกทตั้งกระทู้มาได้ดีมากเริ่มมีกำลังใจ55555

1
nararan2 27 ก.ย. 58 เวลา 23:17 น. 8-1

โห่วววววดีใจมากๆเลย
ขอบคุณนะคะ :)
เอ่ยยยย สู้ๆดิ เราก็ไม่ได้มีชีวิตที่สวยหรูเหมือนกัน
แล้วชีวิตที่ไม่ได้สวยหรูของเราเนี่ยแหละ เป็นอีกเหตุผลนึง
ที่ทำให้เราตัดสินใจเรียนคณะนี้ มีไรบ่นให้เราฟังได้นะ..

0
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 08:03 น. 9-1

โห่ยยยย. ขอบคุณค่าบบบ :D
จริงอ่อ? อยากเข้าคณะไร? สู้ๆน้าาา ทำให้ได้ ไว้เจอกันที่ ม. จ้า

0
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 08:04 น. 10-1

ยินดีมากๆเลยค่าาา :) ขอบคุณมากๆน้า
ตั้งใจสอบน้า ทำให้ได้ เราเป็นกำลังใจให้ นี่จะต่อที่ไหนเนี่ย ?

0
NATTAJIB 28 ก.ย. 58 เวลา 11:02 น. 11

T-T ขอบคุณพี่มากๆเลยนะคะ อ่านแล้วหนูรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากเลยค่ะ คือหนูเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ ไม่ได้มีด้านไหนที่โดดเด่นหรือพิเศษจริงจังอะไรขึ้นมา สรุปก็คือยังหาตัวเองไม่ค่อยเจอนั่นแหละค่ะ เวลาก็เหลือน้อยเต็มที หนูไม่รู้จะทำยังไงดี เวลามีคนถามว่าเรียนต่อที่ไหน ก็ได้แต่ตอบไปว่าสอบไปเรื่อยๆก่อน หนูเครียดมากเลยค่ะ ถึงภายนอกหนูจะดูเหมือนไม่คิดอะไรก็เถอะ ไม่รู้จะไปพูดระบายกับใครดี กลัวว่าถ้าเล่าให้ฟังแล้วจะได้รับคำพูดที่มันบั่นทอนจิตใจกลับมา ก็เลยได้แต่เก็บไว้คนเดียว แต่พอหนูได้อ่านกระทู้ของพี่แล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณพี่มากจริงๆนะคะ หนูจะต้องทำให้ได้ค่ะ จะต้องหาสิ่งที่เป็นคุณค่าสำหรับหนูให้ได้เลย

4
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 12:08 น. 11-1

เอ่ยยย. ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ยินดีแล้วก็ดีใจมากๆเลยนะ ..
มีอะไรมาบ่นให้เราฟังได้เลยน้าาา มาคุยกัน
สู้ๆ เราเป็นกำลังใจให้ ถ้าอยากคุยส่วนตัวบอกเราน้า

0
NATTAJIB 28 ก.ย. 58 เวลา 12:45 น. 11-2

พี่น่ารักจังเลย หนูมีกำลังใจขึ้นเยอะมากๆเลย ถ้าไม่รบกวนเกินไปหนูขอช่องทางติดต่อที่พี่สะดวกได้มั้ยคะ หนูอยากรู้จักพี่มากๆ เลยค่ะ

0
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 13:00 น. 11-3

ได้เลยยยย ยินดีมากเลยค่ะ
ไลน์ก็ได้ค่ะ id : nainiix น้าาา แอดมาเรารออยู่น้าาา

0
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 12:10 น. 12-1

ขนาดนั้นเลยอ่อ งึ่ยยยยย ดีใจมากๆอ่ะ
สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้นะคะ เราเขินเลยเนี่ย >.<

0
Chunmi_Niel 28 ก.ย. 58 เวลา 12:49 น. 13

เราเองเป็นเด็ก58เหมือนกันค่ะ กำลังจะสอบซิ่วปีนี้รู้สึกท้อมาก พ่อแม่ตั้งความหวังไว้เยอะเลย เพราะพี่ชายเราทำงานเป็นทหารอากาศไปแล้วทั้งๆที่แก่กว่าแค่ปีเดียว แต่เรายังไม่ได้อะไรเลยตั้งแต่หนึ่งปีที่ผ่านมา อ่านบทความนี้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเลยค่ะ

2
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 13:02 น. 13-1

สู้ๆๆๆๆๆน้าาา
เราเป็นกำลังใจให้น้าาาา
จะซิ่วไปไหนเนี่ย? คิดไว้ยัง?

0
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 16:44 น. 14

ขอบคุณทุกคนมากๆน้า ที่แชร์ให้ โหวตให้ แล้วก็ชื่นชอบกระทู้ของเรา คือตกใจมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาอ่านขนาดนี้ ยินดีมากๆที่ได้เป็นส่วนนึงที่ทำให้ทุกคนยิ้ม คำขอบคุณของทุกคนก็เป็นกำลังให้เราเหมือนกันนะ ขอบคุณนะคะ :D ไม่รู้จะขอบคุณทุกคนทางไหนได้หมด ทั้งคนที่แชร์ให้ในเฟสบุ๊ค ในไลน์ แชร์ทั้งกระทู้ในเว็บเด็กดีและเว็บ pantip ทุกคนที่เข้ามากดไลค์ และคอมเม้นท์ให้ ดีใจมากๆเลย. .. ใครอยากคุยอยากปรึกษาอยากเล่าอยากบ่นอยากระบายหรือมีคำถามจะถามเกี่ยวกับคณะเราหรือเรื่องสอบ เป็นการส่วนตัว แอดไลน์เรามาได้เลยน้า ยินดีมากๆค่ะ >.< id : nainiix จะรอน้า อยากรู้จักทุกคนเลยยยยยยย~

0
Ko0009 28 ก.ย. 58 เวลา 18:41 น. 15

ขอบคุณนะครับสำหรับบทความดีๆแบบนี้ อ่านจบทุกย่อหน้าเลยครับ รู้สึกได้กำลังใจอ่านหนังสือเยอะเลย ขอบคุณมากนะครับพี่ ^^เยี่ยม

1
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 18:49 น. 15-1

ขอบคุณมากๆเหมือนกันค่าบบบ
ตั้งใจอ่านหนังสือนะฮ่ะ :D
ขอให้ประสบความสำเร็จน้าาาา
มีไรคุยกับเราได้เลย ยินดีมากๆค่ะ

0
Kaewpada ( นิจนิรันด์กาล ) 28 ก.ย. 58 เวลา 20:19 น. 16

ตอนนี้อยู่ม.4 เป้าหมายเราคืออักษรจุฬาค่ะ ถ้าไม่อังกฤษก็ญี่ปุ่น เราวางแผนชีวิตไว้เส้นเดียวสู่ฝัน ถ้าพลาดเราก็คงล้มเลยจริง ๆ เราพยายามเพิ่มความสามารถตัวเองตลอดเลย เพราะเราเกลียดความเสียใจ เลยไม่อยากเสียใจ เลยต้องพยายาม 

1
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 21:07 น. 16-1

เห่ยยยยย อย่าเพิ่งท้อดิ
สู้ๆก่อน .. รู้ป่าวเรื่องแย่ๆอ่ะจะเกิดขึ้นกับเฉพาะคนที่เข้มแข็งเท่านั้นนะ เพราะไรรู้ป่ะ? เพราะเขารู้ไงว่าเราเข้มแข็งพอที่ผ่านเรื่องแย่ๆเหล่านี้ไปได้ สู้ๆนะ อะไรที่ยังไม่เกิดอย่าเพิ่งไปกลัว มุ่งมั่นตั้งใจทำให้ได้ ถ้าพยายามแล้วมันพลาดก็ช่างมัน เอาใหม่ เดินใหม่ ต้องเอาอดีตมาสอนปัจจุบันแล้วไปอนาคตให้ได้นะคนเก่ง

0
Fujiwara rie 28 ก.ย. 58 เวลา 20:20 น. 17

ขอบคุณมากค่ะพี่ มีกำลังใจขึ้นมากเลย แต่กว่าจะเข้ามหาลัยคงอีกหลายปี แต่ว่าหนูก็จะพยายามให้ได้เหมือนพี่นะคะ 

(เพราะพรุ่งนี้หนูต้องไปสอบเสริมอีก ฮือ T^T)

1
nararan2 28 ก.ย. 58 เวลา 21:08 น. 17-1

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ :D ยินดีมากเลยนะ
สู้ๆ ตั้งใจสอบนะ เราเอาใจช่วยค่าบบ

0
abundant2 28 ก.ย. 58 เวลา 21:49 น. 18

อ่านกระทู้นี้แล้ว ทำให้รู้ว่า จขกท เป็นคนคิดบวกมาก จิตใจก็เข้มแข็งสุดๆ เป็นแบบอย่างที่ดีมากครับ ขอให้ จขกท ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เรียนนะ อ่านแล้วให้ข้อคิดเยอะมากจริงๆ ขอบคุณมากๆครับผม ^^

1
nararan2 29 ก.ย. 58 เวลา 05:32 น. 18-1

หูยยยย สาธุเลยค่าาาา :D
ลอยยยยยยยยแล้วฮ่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ขอบคุณจริงๆค่ะ
คำชมของนายก็เป็นกำลังใจให้เราเหมือนกันนะ
ตุจยอดดดดดดดดดดดดดดดดไปเลยพวก

0
เด็ก59 28 ก.ย. 58 เวลา 21:58 น. 19

พี่คะ..
จากใจเลยนะ เหมือนเค้ากำลังอ่านเรื่องของตัวเองมากๆอะคือสะดุดตั้งแต่อยากเป็นทนายตั้งแต่ม.ต้น ชอบดูข่าวแล้วอยากรู้ว่าเข้าตัดสินยังไง ทำไม อะไรแนวๆนั้นเลยแล้วก็มาปังอีกรอบตรงขึ้นม.4ปุ๊ปเริ่มหาที่เรียนเฉพาะทางคือเน้นวิชากม.แบบบจริงจังแต่ติดตรงที่เค้าอยู่เชียงใหม่ซึ่งโอกาสในการมีที่ติวดีๆมีน้อยมากจนแทบไม่มีเลย เค้าเลยแก้ปัญหาโดยการซื้อหนังสือมาอ่านเองทำโจทย์บ้างนิดๆหน่อยๆพอมีพื้นฐานเพราะเป็นคนชอบเรียนวิชาสังคมอยู่แล้วโดยเฉพาะเรื่องหน้าที่พลเมืองนี่อินสุดค่าา55555 จนตอนนี้เค้าก้าวมาอยู่ในจุดของเด็ก59หรือม.6นั่นเองจสกใจตอนนี้คือยอมรับว่าท้อค่ะท้อมาก.. เพราะช่วงซัมเมอร์ต้นปีที่ผ่านมายอมดรอปซัมเมอร์ของโรงเรียน(บังคับเรียน)ไปติวของสถาบันสอบตรงนิติฯธรรมศาสตร์โดยตรงเลยค่ะซึ่งแน่นอน... Themizlaw อีกเสียงค่าาาา ดีมากจริงๆที่นี่ถึงจะเรียนคอสสดเป็นระยะที่นับๆดูแล้วเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเองค่ะแต่พี่ยูแกสอนดีมากกกจริงๆค่ะ แต่ด้วยความโลภในโอกาสเค้าเลยลงเรียนของthe btsของสอบตรงนิติ ทุกคอร์ส .. ย้ำค่ะ ทุกคอร์ส.. คือเหมือนอยากกอบโกยความรู้ทั้งหมดเท่าที่จะหาได้คือคุณพ่อคุณแม่สนับสนุนทุกอย่างค่ะซึ่งค่าเรียนจากที่เล่าๆ(บ่น)มาแน่นอนว่าค่าเรียนทั้งหมดเอามารวมๆกันแพงกว่าค่าเทอมโรงเรียนอีกคะ5555555แต่ในเมื่อมีคนสนับสนุนแล้วเค้าก็ลุยค่ะเรียนเต็มที่09::00-17:00เป็นเวลาหลายอาทิตย์ก็ยอมรับว่าแรกแอบถอดใจนิดหน่อยเพราะเค้าไปแบบลุยเดี่ยวไปเรียนต่างถิ่นแบบตัวคนเดียวเลย-.- เลยมีอาการเหงาๆบ้างแต่แค่สามวันแรกคะหลังจากนั้นก็เริ่มมีเพื่อนและได้ลองสังเกตุเพื่อนๆที่เรียนในคลาสเดียวกันว่าแต่ละคนเป็นยังไงก็ได้หลายๆสิ่งที่ให้นำกลับเอามาคิดคะ
นั่นคือกลายคนมากที่เก่งกว่าเรา. หลายคนมากที่ตอบคำถามได้ในขณะที่เราเอ๋อ หลายคนมากที่เริ่มมาก่อนเราจนตอนนี้เขาแน่นมากในแต่ละวิชา เลยทำให้รู้สึกแิบท้อหน่อยๆแต่ก็ยังไม่อยากบั่นทอนจิตใจตัวเองคะ ก็พยายามคิดเอามาเป็นแรงผลักดันให้ฮึดสู้ ก็ฮึดได้ช่วงนึงก็เริ่มหลงระเริงไปกับสิ่งแวดล้อม+กับกลับเชียงใหม่พอดีไปเจอเพื่อนก้สนุกสนานเฮฮาจนไม่ได้ทบทวน แน่นอนคะหลังจากนั้นมาความรู้ที่ไปกอบโกยมาค่อยๆเลือนคะเริ่มรู้สึกแย่กับตัวเอง ทำไมฉันขี้เกียจแบบนี้ รู้ตัวแล้วยังไม่รีบกระตือรือร้นอีก จนตอนนี้ก็ยังหงุดหงิดตัวเองที่เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย. ปลายยอดโดมที่เคยชัดเจนตอนนี้กลับเลือนลางไปพร้อมกับความมุ่งมั่นเพียงเพราะปล่อยให้ความเหลวไหลแทรกเข้ามา การที่จะติดรับตรงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆค่ะ ตอนนี้ใจจริงก็อยากมองหาคณะอื่น แต่กับนิติ คือเค้าเดินมุ่งมาทางนนี้เกินครึ่งทางแล้วจะให้ถอดใจคงเป็นไปได้ยาก ยิ่งกับความหวังในตัวเราจากพ่อแม่ที่ทุ่มเทให้มาทั้งหมดอีก.
แตพอได้อ่านกระทู้นี้ มี กำ ลั ง ใ จ ขึ้นเยอะเลยค่ะไม่แน่นะคะปีหน้าอาจเจอเค้าเป็นน้องในคณะก็ได้5555555 พยายามปลอบใจตัวเองอยู่เลยเพ้อเจ้อมายาวเลย ขอบคุณนะคะสำหรับกระทู้ดีๆที่มีกำลังใจแทรกอยู่ในทุกตัวอักษร ขอบคุณจริงๆค่ะ:)

1
nararan2 29 ก.ย. 58 เวลา 05:35 น. 19-1

โอ๊ยยยยยยยย อยากรู้จักคนนี้อ่าาาา >.<
เขินเลย งึ่ยยยยยยย~ สู้ๆน้าาาา
ถ้ามีความฝันก็เดินหน้าไปก่อน ลุยเลยห้ามกลัว!
ถ้ามันจะต้องผิดหวังจริงๆ ก็ขอพยายามให้เต็มที่สักครั้ง!
ขอให้สมหวังนะ ขอให้มีความสุขนะคะ
ถ้าพลาดก็อย่าเศร้านะ เราเป็นกำลังใจให้มากๆเลย
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ขอให้ภูมิใจกับมันนะคนเก่ง

0
mild 28 ก.ย. 58 เวลา 22:19 น. 20

เขียนเก่งมากคะ
อ่านแล้วรู้สึกรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของผู้เขียนมากๆเลย
คือแบบ"ประทับใจ"รักเลย

1
nararan2 29 ก.ย. 58 เวลา 05:35 น. 20-1

ขอบคุณมากๆเลยค่าาาาาาา >.<
ยินดีมากๆเลยยยน้า จุ้บบบบบ

0