Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อัจฉริยะพลิกล๊อค!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ปลุกความเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงในตัวคุณ
 ใครๆก็สามารถเป็นอัจฉริยะได้!!!



ความอัจฉริยะ(genius) คือ ความสามารถของสติปัญญาที่เก่งฉลาดพิเศษกว่าคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งโดยทั่วไปเราจะมองว่าคนที่จะเป็นคนอัจฉริยะนั้นมักจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถคิดคำนวณสมการทางคณิตศาสตร์ชั้นสูงที่คนธรรมดาทั่วไปยากจะเข้าใจได้


 แต่หลักสัจธรรมที่ว่า "สูงสุดสู่สามัญ(simple is the best)" นั้นเป็นความจริงที่ถูกต้องตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ที่จะแสดงว่า อะไรที่ธรรมดาๆพื้นฐานนี่แหละสุดยอดที่สุดแล้ว(สุดยอดแห่งสุดยอดก็คือการกลับคืนสู่ความธรรมดา) ไม่ว่าเราจะไปไกลมากแค่ไหนสุดท้ายเราก็ต้องกลับมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นจุดเดิมที่เราเป็นอยู่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง


 ดังนั้น สติปัญญาธรรมดาๆ(normal intelligence)ของเรานี่แหละ คือ ที่สุดแห่งความอัจฉริยะของเราแล้ว หรือ คนอัจฉริยะสูงสุดแท้จริงก็คือคนที่มีสติปัญญาธรรมดาๆนี่เอง ไม่ต้องฉลาดคิดวิเคราะห์คำณวนด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ชั้นสูงอะไรเลย


 สติปัญญาธรรมดาๆ คือ การคิดนึกธรรมดาๆที่ใช้เหตุผลธรรมดาๆที่เข้าใจง่ายชัดเจนตรงไปตรงมาที่คนธรรมดาทั่วไปทุกคนสามารถคิดนึกเข้าใจได้ โดยเราสามารถทำให้สติปัญญาธรรมดาๆของเรามีประสิทธิภาพสูงสุดมีพลังสูงสุดได้โดยการใช้ สติปัญญาสายกลาง(moderation intelligence) ดังนี้


1.)สติสายกลาง(moderation mindfulness) คือ สติธรรมดาๆ(normal mindfulness)ที่เป็นการตั้งสติเพ่ง จิตธรรมดาๆ(normal mind)ที่เป็นจิตที่กำลังคิดนึกตามปกติธรรมดาอยู่ในตอนนี้ โดยเพ่งตำแหน่งสายกลางทางร่างกาย ที่จะเป็นจุดกึ่งกลางหน้าผาก เป็นบริเวณที่เรารู้สึกว่าเป็นตำแหน่งของร่างกายที่กำลังมีจิตคิดนึกอยู่ เพ่งที่จุดนี้มุ่งตรงสู่จิตก่อน จนสนใจแต่จิตธรรมดาๆล้วนๆที่อยู่เหนือร่างกายเป็นพื้นฐานหลักให้ได้ก่อน แล้วปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายและสิ่งต่างๆในโลก


2.)ปัญญาสายกลาง(moderation wisdom) คือ คำบริกรรมภาวนาธรรมดาๆ(normal recite word)ที่เป็นจิตที่กำลังคิดนึกเป็นการท่องคาถาอย่างสั้นๆง่ายๆเป็นคำ 2 พยางค์สลับกันไปมา(สอดคล้องกับลมหายใจเข้าออก เช่น เกิด-ดับ,....,ฯลฯ,...)ที่เป็นสายกลางพอเหมาะพอดีคงที่สม่ำเสมอไปเรื่อยๆไม่พักที่คำบริกรรมคำใดคำหนึ่งเป็นพิเศษ


 โดย การตั้งสติเพ่งจิตธรรมดาๆจะเป็นการ ทำให้จิตหยุดอยู่นิ่งๆชั่วคราวให้ได้เป็นพื้นฐานก่อน จากนั้นจึงใช้ปัญญาสายกลางที่เป็นการท่องสวดมนต์คำบริกรรมภาวนาธรรมดาๆที่เป็นการทำให้จิตคิดนึกเป็นวงกลมหมุนเวียนสลับไปมาเรื่อยๆอย่างคงที่มั่นคงสม่ำเสมอไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดสิ้นสุดเหมือนกำลังหมุนอย่างปิติสุขสงบเคลื่อนที่อย่างมหัศจรรย์เหนือโลกอยู่(โดยสนใจแต่จิตล้วนๆ) จน จิตหยุดคิดนึกเชิงเส้น(non-linear thinking)ที่จะมีการคิดนึกอยู่ตามปกติก็ไม่ใช่และไม่มีการคิดนึกอะไรเลยก็ไม่ใช่ อันเป็นสภาวะสายกลางที่เหนือการมีอยู่และการไม่มีอยู่ ที่เป็น ความสุขที่แท้จริงสูงสุด(ultimate reality happiness)เหนือโลก ที่จิตจะไม่มีความทุกข์ความเจ็บไม่ดิ้นรนคิดมากอะไรในอดีต,ปัจจุบัน,อนาคตอีก  จิตจะสมดุลในภาวะสมดุลปิติสุขสงบที่สะอาด สว่าง สงบ


 ซึ่งจิตจะเป็นสิ่งที่สร้าง,ดูแลบังคับควบคุม,ทำลายร่างกายได้(จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว) การที่จิตไม่มีความเจ็บไม่คิดนึกเชิงเส้นที่เป็นความเครียดคิดมากวิตกกังวลโน่นนี่ จิตจึงมีสุขภาพดี ย่อมทำให้เกิดร่างกายที่มีสุขภาพดีไม่เจ็บไม่ป่วยไร้โรค สดใสแข็งแรงมีพลังไม่แก่ แล้วก็จะทำให้เกิดชีวิตที่สงบมั่นคงมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สะอาด สว่าง สงบมีอายุยืนยาวมหาศาลต่อไปในที่สุดเอง(ชีวิตเป็นความสัมพันธ์ของจิตและกาย)


นั่นคือ "คนที่อัจฉริยะสูงสุด หรือ คนที่อัจฉริยะแท้จริง ย่อมเป็นคนฉลาดที่สุดที่จะเลือกที่จะมีความคิดที่ดีที่สุด เพื่อให้เกิดเป็นร่างกายที่ดีที่สุดและชีวิตที่ดีที่สุดได้อย่างง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือ การพยายามคิดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้!!!"


คนที่อัจฉริยะที่สุดจึงไม่ใช่คนคิดมากจนเครียดเอาจริงเอาจังกับสิ่งต่างๆในโลก จนทำให้ร่างกายดูแก่ชรา ชีวิตไม่มีความสุขอายุสั้น แต่จะเป็นคนที่มีสติปัญญาสายกลางที่จะทำให้เป็นคนที่คิดน้อย ทำให้ร่างกายดูอ่อนเยาว์เป็นหนุ่มเป็นสาวไม่แก่ ชีวิตมีความสุขปลอดภัยมั่นคงอายุยืนยาวไม่ตายง่ายๆ(คิดมากก็ทุกข์มาก คิดน้อยก็ทุกข์น้อยเป็นธรรมดา)


ดังนั้น จึงไม่มีอะไรให้ต้องทำ(อย่างจริงจัง)ในโลก มากไปกว่า ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายพอเพียงให้เหมาะสมกับเหตุปัจจัยไปวันๆ ใช้ชีวิตแบบเบิกบานอิสระไปวันๆแบบเด็กน้อย(enjoy children life) และ ใช้สติปัญญาสายกลางล้วนๆที่เป็นการเพ่งจิตธรรมดาๆ(กำจัดความคิดเชิงเส้นแบบฉับพลัน)และการท่องคำบริกรรมภาวนา(กำจัดความคิดเชิงเส้นแบบต่อเนื่อง)มุ่งกำจัดความคิดเชิงเส้นที่เป็นความเครียดวิตกกังวลคิดมากของเราที่เป็นเหตุให้เราต้องทุกข์ในทุกวันๆเสียเท่านั้น เพื่อมุ่งสู่ความสุขที่แท้จริงสูงสุดอันเป็นภาวะแห่งความปิติสุขสงบเหนือโลก แล้วชีวิตเราจะหมดปัญหา จะเป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จทุกอย่างตามใจฝันในที่สุดแน่นอน


"หากคุณเป็นคนที่โลกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเป็นคนเก่งคนฉลาดแล้วมันต้องทำให้คุณต้องวางตัวเคร่งขรึมเคร่งเครียดดูจริงจังวิตกกังวลคิดมาก หน้าตาแก่กว่าวัย มีชีวิตที่ไม่มีความสุขมีแต่ปัญหาชีวิตแบบนั้นจงอย่าเป็นดีกว่าเพราะนั่นยังไม่ใช่ที่สุดของอัจฉริยะ จงปลุกความเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงในตัวคุณออกมาโดยการเพิ่มพลังให้สติปัญญาธรรมดาๆของคุณให้ถึงขีดสุด เพื่อเป็นคุณคนใหม่ที่สุขภาพจิตดีสุขภาพกายดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้จริงอย่างคนฉลาดเลือก..."


http://my-real-genius.blogspot.com
 


#อัจฉริยะ #พลิกล็อค

แสดงความคิดเห็น

>