Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประสบการ์ณไปเมืองนอกครั้งแรก ผ่านมุมมองของเด็กอายุ 17

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การไปต่างประเทศครั้งแรก ที่นึกถึงกี่ทีก็เผลอยิ้มตลอดดด อันดับแรกเลย เรายังจำวันที่โรงเรียนประกาศว่าจะมีทัศนศึกษาไปต่างประเทศได้อยู่เลย เช้าอันสดใสวันนั้น เรานั่งดึงหญ้าเล่นไป ฟังครูพูดหน้าเสาธงไป พอได้ยินเท่านั้นแหละ ตาเราลุกวาววว คุณพระ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง 5555 เกริ่นก่อนเลยว่าเราแอบปลื้มประเทศนี้อยู่แล้ว เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรม ระบบการบริหารทรัพยากร วิถีชีวิต และ ภาษาอังกฤษสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญอยู่ไม่ไกลด้วย หลายคนน่าจะเดาออกว่าเราพูดถึงประเทศ สิงคโปร์อยู่นั้นเอง

ระหว่างเดินทาง +

                  

                                                  

       วันแรกเราเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนมาที่สนามบินดอนเมือง หน้าง่วงๆกับเป้บนหลัง ใครจะคิดว่าเราจะไปเจอประสบการ์ณอันยิ่งใหญ่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่ฝันก็สลายเพราะเครื่องดีเลย์ไปประมาณ 2-4 ชม. โถ่ววว 555555 ตัดไปตอนเดินทางเลยแล้วกัน  ตลอดเวลา 2 ชั่วโมง เรานั่งมองวิวที่หน้าต่างมาตลอดทาง ตื่นเต้นมากๆ เห็นน้ำทะเล เห็นป่า เห็นต้นไม้ 555555 ในใจก็คิดว่านี้กำลังบินผ่านมาเลเซียใช่มั้ย? ถึงสิงคโปร์แล้วยัง พอมาถึงสนามบิน เราแฮปปี้มากกก แค่เห็นพนักงานต้อนรับที่เป็นชาวเชื้อสายอินเดีย เราก็มีความสุขแล้ว 555555 เหมือนมีญาติมายืนต้อนรับ ลุงคนนี้เป็นคนสิงคโปร์คนแรกที่เราเจอก็ว่าได้ <3 เราชอบที่คนหลายๆเชื้อชาติอยู่ร่วมกันได้ในประเทศนี้  


         เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาเจอ ตม. คนที่เราเจอเป็นผู้หญิง น่าจะเป็นคนมาเลย์ (เดาจากสำเนียง) เรามองหน้าคุณป้า ตม. แล้วยิ้มให้ มือก็ไปคว้าลูกอมที่มีข้อความฉลอง 50 ปีมากำเล็กๆ (ขากลับเรากำมาเยอะมากก 5555คำถามแรกที่ยิงมาก เราสตั้นไป 10 วิ ... เราอึ้งมาก เราไม่เข้าใจ TTwTT ก่อนหน้านี้เราแอบติ่ง youtuber สิงคโปร์อยู่นานสักพัก จนหูชินกับสำเนียง ทำไมเราฟังไม่ออก แอบเฟล แต่พอเขาพูดอีกทีก็โอเคค เสียงตัว R ชัดมากก รัวลิ้นหนักมากกก คุณพระนี้แหละ นี้แหละ ความออริจินัลลที่เราอยากมาสัมผัส เหมือนขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ตามหามานาน 55555 พอผ่าน ตม. มาได้ เราก็โชว์เอ๋ออีก คือก่อนจะเดินออกไปจากด่านได้ใช่ม่ะ จะมีแผงเล็กๆที่ยื่นออกมากัน (ไม่รู้ว่าเรียกอะไร ขอโทษด้วยค่ะ .___. ) อีนี้ก็ดันๆ เฮ้ย ทำไมไม่ออกว่ะ จริงๆคือ เจ้าหน้าที่เขายังไม่ได้กดให้ 555 ตอนนั้นเราเห็น พี่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังจะเดินมาช่วยแล้ว 555 พอประตูเปิดพี่แกก็ทำหน้าแบบโล่งใจมาก ><  

 

       เรามีบริษัททัวร์คอยกำกับการเดินทางนะคะ ก็ไปตามที่ฮิตๆอย่าง Merlion, Universal Studio และที่อื่นๆ ที่ฮิตๆกัน เราขอไม่ลงรายระเอียดตรงนี้นะคะ เพราะอยากจะแชร์ความรู้สึกที่ไปล้วนๆ 5555




     
          


    

     ใกล้เฆมมากก สวยงามมากก






ลูกอมจากเคาท์เตอร์ ตม. ค่ะ




ภาพการ์ตูนที่สนามบิน น่ารักมาก





+ สำเนียงที่ไม่คุ้นหู?? +

         



         เพื่อนๆร่วมการเดินทางมากับเรา หลายคนมักจะมีปัญหากับการฟังสำเนียงคนที่นี้ไม่ออก แต่กลับกันค่ะ เราเอ็นจอยมาก 5555 ก่อนหน้านี้เราติ่งหนักมากจริงๆ จนสามารถเลียนสำเนียงได้ อาจไม่เหมือน 100 เปอร์เซ็นต์นะคะ แต่ก็เนียนๆใช้ได้อยู่ เราจับจุดได้ว่า คล้ายๆสำเนียงไทยเลยค่ะ คือจะออกเสียงคำชัดๆ ไม่มีเสียงหนักเบา เพียงแต่ต่างกับสำเนียงไทยที่ว่า จะมีกลิ่นอายย ของภาษาแม่เขามาปนด้วย (ภาษาจีน, ภาษาฮินดี้, ภาษามาเลย์) อันนี้คิดเองล้วนๆค่ะ ถูกผิดยังไง ช่วยบอกด้วยนะคะ 5555  ตลอดทริปเราค่อนข้างจะฟังออกแล้วสื่อสารรู้เรื่องค่ะ


       พูดอังกฤษไม่ต้องคิดมากเลยค่ะ  แค่เราจับคำมาผสมๆกัน แค่นี้ก็โอเคแล้ว เขาเข้าใจค่ะ 5555 เราลองแล้ว เหตุการ์ณคือเรากับเพื่อนไปร้าน Candylicious ลูกอมและขนมเยอะมากก สวรรค์มาก แล้วเขาจะขายแบบเป็น ขีด-กิโลด้วยค่ะ คือมีให้ตักใส่ถุงแล้วคิดราคาตามน้ำหนัก สาขาที่เราไปมันมีลูกอมประมาณสองฝั่ง เพื่อนเราก็สงสัยว่าจะตักคละกันได้มั้ย มันก็ถามเราค่ะ แต่เราให้มันไปถามพนักงานเอง แล้วภารกิจลองของก็เริ่มขึ้น 5555 เพื่อนเราไปถามว่า can mix this with that ? ขึ้นเสียงสูงคำสุดท้ายนะคะ ชี้ด้วยค่ะ ทำมือทำไม้ประกอบไปเวลาพูดพนักงานเข้าใจค่ะ เข้าใจแบบยิ่งยวด เข้าใจจนมาคอยแนะนำ และดูแลตลอดการตักลูกอม เรียกได้ว่าตาของเราจดจ้องที่ลูกอมล็อคไหน พนักงานจะอธิบายทันทีว่ามันคืออะไร ทำมาจากอะไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากนะคะ แค่กล้าก็ชนะแล้วค่ะ ประโยคที่เรายกตัวอย่างไปนั้น มันไม่ถูกหลักไวยากรณ์หรอกค่ะ แต่อย่าแคร์ค่ะ มันคือการลองผิดลองถูก และการเรียนรู้ 55555 สู้ค่ะ ! ใครที่ไม่กล้าพูดหรือกลัวพูดผิด ลองเลยค่ะ เราต้องลองถึงจะรู้ค่ะ 

+ อาหารที่ไม่คุ้นเคย +


      

            มาต่อเรื่องของกินค่ะ ใกล้ๆกับที่พักของเรามี 7-11 อยู่ค่ะ แต่ 7-11 ที่นี้ไม่เหมือนไทยเลย อึ้งมากกก ไม่มีกระจกเลย เป็นคูหาเล็กๆ เปิดโล่ง คุณพระ 55555 ไม่เคยเห็นค่ะนี้บอกเลย ของราคาก็โหดมาก ด้วยความที่เราเป็นพวกชอบลองขนมแปลกๆ เราก็ดิ่งไปเลย พอหยิบมาดู .. อ้าวเลย์นำเข้ามาจากไทยนี้หว่า วางลงแล้วเดินปดูแถวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อค่ะ .. อ้าว มาม่าจากไทยนี้หว่า อ่าวข้าวกล่องจากไทยนี้หวา เฮ้ย 5555555555 เฮ้ย 555555555 เราแทบอยากคลานออกมา แต่ก็ได้น้ำแอปเปิ้ลมากินค่ะ มันลดราคาพอดี แต่ก็ยังแพงอยู่ -.- ประมาณ 30-35 บาท ขวดเล็กๆเหมือนโออิชิขวดล่ะ 12 บ้านเราอ่ะค่ะ TTwTT ใครพกน้ำเปล่าได้ พกไปกินเองนะคะ แพงมากค่ะ เราเอาน้ำขวดล่ะ 1.5 ลิตรจากไทยไปด้วยค่ะ ใส่กระเป๋าแล้วโหลดลงใต้ท้องเครื่อง ปรากฏว่าไม่ได้กินเลยค่ะ ทัวร์เขาแจกน้ำเปล่าให้ทุกวันเลย 5555555555555  



                                



     ส่วนมากทัวร์จะพาเราไปกินอาหารจีนค่ะ รสชาติไม่จัดจ้าน ไม่น่าถูกปากสำหรับคนชอบรสจัดๆ เราเก็บกดเรื่องนี้มาก พอถึงวันที่ไป universal เราก็จัดการสั่งอาหารอินเดียมาทานค่ะ เป็น Butter chicken และ Briyani rice มีของหวานด้วยค่ะ เป็นอะไรไม่ทราบเหมือนกัน เราถามเพื่อนแขกดู พวกนางก็ไม่รู้ ของหวานเป็นสีเหลืองๆ อร่อยดีค่ะ หวานๆ ส่วนรสชาติตัวไก่อร่อยมากก ก.ไก่ ล้านตัว รู้สึกดีมากที่อาหารมีรสมีชาติมากระแทกปากเรา 55555 แต่จานนี้ก็ปาไป 200-300 บาท .____.  ข้าว Briyani สวยมากค่ะ เกิดมาไม่เคยเห็นเมล็ดข้าวสวยขนาดนี้ 555 เป็นสีเหลืองและสีส้ม รูปทรงจะโค้งๆ งอๆ คล้ายๆตะขอค่ะ งามมาก เราชอบมาก <3 จบเรื่องกินเท่านี้นะคะ 


หน้าตาไม่ค่อยสวยงามนัก แต่ว่าอร่อยมาก 

 

+ การหลงทางคือการเรียนรู้ +





        เนื่องจากเพื่อนเราอยากไปเดินเล่นห้างแถวโรงแรม ไม่ได้อยู่ใกล้เลยยยย ก็แค่นั่งรถผ่านและอยากกลับไปอีกครั้ง พวกเราสองคนจึงออกเดินทางไปตามหาความฝันค่ะ เราเดินออกจากโรงแรม ตามถนนอันแสนสะอาดไปเรื่อยๆ ที่นี้มีไฟให้ข้ามถนนนะคะ เวลาข้ามรถก็จะหยุดให้ค่ะ น่ารักมากๆ แต่ตอนเราข้าม มี Taxi คันหนึ่งวิ่งผ่าไฟไปแบบเร็วมากเลยค่ะ แค่พริบตาเดียว เราตกใจมาก เลยหลุดด่าไป ด่าเป็นสำเนียงสิงคโปร์ด้วยค่ะ 5555 โชคดีที่ไม่มีใครโดนชนหรือเป็นอะไรไปนะคะ ฮิ้ววว

 

        เรากับเพื่อนเดินมาเรื่อยๆก็พบว่า ฮ่ะ ทำไมไม่เจอว่ะ 5555555 เดินต่อล่ะกัน ประเทศเล็กๆไม่หลงหรอก เราเดินไปจนถึงห้างแหละค่ะ แต่ห้างปิดแล้ว .... TT^TT พอขากลับ .. เราก็หลงค่ะ หลงแบบจริงจัง อยู่ไหนว่ะไม่คุ้นตา TTwTT เราเดินหลงไปเรื่อยๆ พยายามจะหาสถานีรถไฟใต้ดิน เราไปถาม ผญ-ผช ที่กำลังนั่งสูบบุหรี่ (ก่อนหน้านี้เรามีความคิดว่าคนสูบบุหรี่ ไม่น่าเข้าใกล้มากๆ) แต่เราก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเขาสองคนพยายามช่วยมากๆค่ะ เป็นคนมาเลย์ค่ะ เพราะเขาปรึกษากันเป็นภาษามาลายู 55555  


       เราสองคนก็เดินต่อมาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ... แต่คุณพระ ดูผังรถไม่ออก
YYwYY เราเลยไปถามผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งค่ะ เธอใจดีมาก ยืนมือถือให้เราใช้ Google map หาดู น่ารักมากก เราก็เลยตัดสินใจว่า เดินกลับกันเถอะ 555555 เดินไกลมากค่ะบอกเลย ไกลแบบกลับมาขาล้ามากก แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น
     

       เรายังเดินไม่ถึงที่พัก 
T0T เราเดินมาเรื่อยๆ (อีกแล้ว) เจอฝาแฝดสาวแขกคู่หนึ่งค่ะ ปรากฏเขาไม่ใช่คนที่นี้ค่ะ ไม่รู้ทาง แต่ก็แนะนำให้เราไปถามที่ร้านค้าได้เลย ไม่ต้องกังวลนะ ยูไม่หลงหรอก ที่พูดปลอบเพราะว่าหน้าเราเครียดมากค่ะ 55555 เราก็รู้สึกดีมาก น้ำเสียงแบบฟังแล้วอบอุ่น เข้าใจใช่มั้ยคะ >< เราเดินกันมาต่อค่ะ เดินจนมาถึงที่ที่คุ้นตา เอ๊ะ 55555 ซอยโรงแรมนี้หว่า .__. ที่หลงนี้คือเดินอ้อมๆอยู่แถวนั้นแหละค่ะ โอ้ยยย 55555555555555555555555555555555 


     แต่ไม่เสียดายเวลาเลยค่ะ เพราะเราได้เห็นน้ำใจของผู้คนที่นี้มากก TTwTT น่ารักมากค่ะ รู้สึกอบอุ่น คนที่นี้น้ำใจงามนะคะ ถึงจะไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ 

     การเดินทางครั้งนี้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของคนที่นี้ (ไกด์บรรยายให้ฟัง)  และที่สำคัญคือเราได้ลองทำอะไรแปลกๆที่ไม่เคยทำ พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงท้องถิ่นที่เราตั้งใจเลียนแบบมาก และสนุกมากค่ะ เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของช่วงมัธยมเลยก็ว่าได้ เราตื่นเต้นและมีความสุขมากกก 
เราเห็นโลกที่แตกต่างผ่านการเดินทางครั้งนี้ มันทำให้เรารู้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่ไพศาลมาก และประสบการ์ณดีๆรอเราไปเจอเสมอ สุดท้ายอยากฝากให้ทุกคนลองก้าวออกมาจาก ระยะปลอยภัย (comfort zone) ออกไปทำอะไรใหม่ๆ ที่ช่วยให้เราพัฒนาตัวเอง เช่น การเรียนภาษา การเข้าค่าย ฯลฯ เราเชื่อว่าทุกคนจะโตขึ้นและเรียนรู้มากขึ้นจากกิจกรรมเหล่านี้ 

พบกันใหม่กระทู้หน้าค่ะ ^w^

แสดงความคิดเห็น

>