Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

#ปรึกษา #ระบาย ทะเลาะกับแม่บ่อยมากจนเค้าร้องไห้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ใช่ค่ะ เราทำแม่ร้องไห้ มันดูบาปและอกตัญญูมากเลยมั้ยคะ
คือมันเริ่มจากนิสัยเราเองค่ะ ไปปรึกษาเพื่อนมาเพื่อนบอกใครๆก็เป็น แต่เราก็ต้องปรับตัว

คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เราชอบทำนิสัยแบบเวลาแม่หรือพ่อเรียกใช้ตอนกำลังเล่นอะไรอยู่ก็แล้วแต่จะต้องทำหน้าหงุดหงิดแบบรำคาญตลอด แล้วเราก็ต้องไปทำให้เค้าอยู่ดี
ถึงตอนนั้น
จะไม่ได้อยากทำอะไรให้เค้าแต่ก็ทำ เราก็เป็นลุก เราคิดว่าเราแค่ทำนิสัยแค่นั้น

แต่ตอนเด็กๆ เนื่องจากไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเน็ต เราเลยจะเล่นกับแม่
ระบายสีนู่นนี่ตามประสาเด็ก
แต่ตอนนี้เราจะ15ในปีนี้ค่ะ เราเริ่มรู้สึกว่า เรามีมุมมองความคิดเป็นของตัวเอง
เรากำลังเข้าช่วงวัยรุ่น นิสัยเราเลยเปลี่ยนไปค่ะ เพื่อนๆบอกว่า
แต่ก่อนเราเปนคนที่ติดแม่มากกก
ก็จริงค่ะ แต่ก่อนนะอะไรๆก็แม่ แต่ตอนนี้รู้สึกติดเพื่อนมากกว่าค่ะ แล้วก็ชินเป็นนิสัย
ค่อยๆห่างแม่ ซึ่งแม่เราก็คงจะไม่ชินค่ะ เนื่องด้วย

เราติดแม่ แม่ก็ต้องติดเราบ้าง

ใช่เลยค่ะ แม่ติดเรา แม่คิดว่าเราเปลี่ยนไป

เอาจริงๆบ้านเราค่อนข้างหัวโบราณค่ะ จริงๆก็ไม่ได้โบราณหรอก
คือเรามันก็แค่เด็กมัธยมต้น เรื่องความรักมันก็ปกติถูกรึเปล่าคะ
ไม่ถูกหรอก แต่เราก็ดูเป็นว่าคนไหนมาแนวไหน คนไหนที่มาหม้อ

และตอนนี้ก็คุยกับคนหนึ่งอยู่ค่ะ 6-7เดือนแล้วมั้ง
เราให้เค้าพิสูจน์นานมากๆๆ ว่าจริงใจกับเราแค่ไหน อันไหนที่ไม่ใช่
เราก็โกรธยาวแบบไม่สนใจเลยค่ะ

และเราก็ติดที่ได้คุยกับเค้า แต่เกรดเราเพิ่มนะ 3.9X

แม่เห้นเกรดก็รู้สึกว่าแม่จะบ่นเราน้อยลง
เนื่องจากก่อนหน้านี้คิดว่าเราเปลี่ยนไปเพระาคนที่คุยด้วย กลัวเกรดตก

และเราก็พิสูจน์ได้แล้วว่า เราไม่ทิ้งการเรียนแน่ๆ
แล้วทีนี้ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ชายแล้วค่ะ ขึ้นอยู่กับนิสัยเราล้วนๆ

นิสัยใจร้อน เอาแต่ใจ มีอะไรก็ลงแม่ แต่ก็ไม่พาลขนาดนั้นนะ เหวี่ยงค่ะ
แล้วมารู้สึกผิดทีหลังและบาปมากๆ คือรู้แต่ก็ทำอ่ะ

เราปรึกษาทุกคน จบด้วยคำว่า ลองเปลี่ยนนิสัยดู

ใช่ค่ะ เราจะเปลี่ยนนิสัย เราพยายามมา 2 ครั้ง
จริงๆแล้วเราเหวี่ยงกับแม่เพราะเราอึดอัดกับแม่มาตลอดค่ะ
ไม่อยากจะเล่าอะไรให้เค้าฟัง เค้าเคยบอกว่า

"คุยได้ แต่คุยแค่เรื่องเรียนพอ"

แล้วพอเราจะกลับบ้าน จะผ่านย่านคนเดินเยอะๆ เค้าก็ชอบถามว่า
(คือเราจะโทรบอกแม่ตลอดว่ากลับตอนไหนยังไง)

"ทำไมไปทางนัน้ล่ะ ไม่ได้จะไปหาใครนะ"

เหมือนกับแม่คอยระแวงอยู่ตลอดเวลา

ก็คือห่วงนั่นแหละค่ะ เรารู้ทุกอย่างว่าแม่ห่วงขนาดไหน
เพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็ไม่ค่อยโอเท่าไหร่
ลูกของญาติก็มีแต่ที่เสียคนไปเยอะ ไม่มีใครเรียนดีแบบครอบครัวเราค่ะ
แม่เลยไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น

+ สังคมประเทศไทย ที่ไม่เอื้ออำนวย
ทั้งขโมย รถตู้จับเด็ก ซอยเปลี่ยว ฆ่า ข่มขืน ต่างๆนา
ลงข่าวสารพัด แม่เราเลยยิ่งห่วงเข้าไปใหญ่ซึ่งก็ดีแล้วค่ะ

แต่ว่าบางทีเราก็รู้สึกอึดอัด
และในความคิดของเรา เราชอบคิดว่า การคุยกับคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่เห็นหน้า
ไม่ได้ยินเสียง เค้าจะให้คำปรึกษาได้สบายใจมากกว่าที่จะรู้จักเราตรงๆ

แต่เราก็รับคำปรึกษาทุกด้านค่ะ พี่สาว ญาติ เพื่อน คนที่คุย
หรือคนที่ไม่รู้จัก(ที่ไว้ใจได้ และไม่เคยบอกข้อมูลอะไรเลย!!)

และความอึดอัดมันก็มากขึ้นเรื่อยๆจนเราเก็บมาคิดตลอดค่ะ
แต่พอเมื่อวานแม่ร้องไห้ เราก็คิดไปอีกแง่
คิดว่า แม่จะปรึกษาใครได้ล่ะ แม่เหงานะ แม่ต้องเก็บอยู่คนเดียว

แต่เราก็ได้แ่เข้าไปถามวว่า แม่ร้องไห้เพราะหนูหรอ หนูอีกแล้วใช่มั้ย
เป้นห่วงมากค่ะ อยากกอดอยากขอโทษ อยากบอกรัก
แต่เราคิดว่า ถ้าเราทำอย่างที่พูดไม่ได้ เราก็จะยังไม่พูดค่ะ

และแม่ก็บอกกับเราว่า
"ใช่สิ โตแล้วนี่ พูดอะไรไม่ได้แล้วทั้งพี่ทั้งน้อง"

ประโยคนี้จะได้ยินบ่อยๆมาก ด้วยเพราะปฏิกิริยาของเราค่ะ

เราควรปรับปรุงตัวใช่มั้ยคะ เราควรจะไปพูดกับแม่เลยรึเปล่า
เวลาแม่บ่น แม่คงคิดว่าเราเป็นคนที่ผิดแล้ว เราควรรับฟังใช่มัย้คะ
ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ตั้งใจ เราก็ควรอยู่เงียบๆ ไม่ออกอาการใช่มั้ยคะ

สรุปแล้ว ผิดที่เราคนเดียวใช่มั้ยคะ

เราแค่อยากให้แม่เข้าใจเราบ้าง ไม่ได้ไม่อยากให้ปล่อยเลยเถิด
แคอยากให้ฟังเาแล้วบอกว่าเราควรแก้ตรงไหนด้วยความอ่อนโยน
ไม่ใช่ฟังแล้วยึดแต่ความคิดของแม่เท่านั้นเองค่ะ

เราอึดอัดมานานสุกพักแล้วค่ะ ที่รู้สึกว่าการอยู่กับแม่ไม่ค่อยมีความสุขเหมือนแต่ก่อน
เราควรทำยังไงดีคะ

ปล.ขอบคุณนะคะถ้าใครอ่านจนจบ มันยาวมากๆจริงๆ ขอบคุณค่ะ
ปล2.ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ
ปล3.พิมพ์ผิดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ


แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

me.dasie 10 เม.ย. 59 เวลา 19:36 น. 1

ฟังๆดูแล้วเหมือนเป็นวัยต่อต้านมากกว่านะคะ
พอถึงช่วงอายุหนึ่งเราจะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง
อยากลองผิดลองถูก อยากได้รับอิสระ
ต่างจากวัยเด็กที่เชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ทุกอย่าง
คิดอะไรเองไม่ได้  ต้องถาม  ต้องเรียนรู้เอาจากท่าน
ทำให้รำคาญพ่อแม่หรือคำสอนอะไรไปหมด
แต่ในสายตาพ่อแม่  เราก็ยังเด็กอยู่
กว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในสายตาพ่อแม่ก็คง25 มั้งคะ
อีกสิบปี  รอไหวไหม ^_^
ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำได้คือไม่เถียงด้วยอารมณ์
แต่อธิบายด้วยเหตุผลแทนค่ะ  ถ้าอดทนทำได้บ่อยๆ
มันก็เป็นแต้มสะสมให้พ่อแม่เห็นเราโตขึ้นแล้วค่ะ
การที่แม่จะเปลี่ยน  เราก็ต้องเปลี่ยนก่อน
ถ้าใครคนหนึ่งใช้อารมณ์อีกคนก็จะใช้อารมณ์ตาม
แต่ถ้าคนหนึ่งไม่ใช้อารมณ์อีกคนก็จะสงบตามได้
เรื่องนี้ไม่มีผิดไม่ถูก  มีแต่การทำความเข้าใจกันค่ะ
ถามว่าเราเลยวัยนั้นมาแล้วยัง  ก็เลยแล้ว
ถามว่ายังทะเลาะกับพ่อแม่อยู่ไหม  ก็มีบ้าง
ถามว่าแม่ยังหวงห่วงเรามากอยู่ไหม  ก็ยังมีนะ
เพราะในสายตาพ่อแม่ ต่อให้เราอายุ50ปี  เขาก็เห็นเราเป็นเด็กตลอดไป
อยู่ด้วยกันก็ต้องทะเลาะกันแบบนี้แหละค่ะ
เพราะเป็นคนนี่นา  คงจะเลี่ยงมันไม่ได้หรอก

1