(รำลึกความหลัง) คุณเขียนนิยายเรื่องแรกด้วยความรู้สึกอย่างไร
ตั้งกระทู้ใหม่
นิยายเรื่องแรกของคุณ เขียนกันมาอย่างไร ล้มลุกคลุกคลานกันมาแค่ไหน แชร์กันหน่อย
:))
ของผมจำได้ว่าสนุกมาก
สนุกเองคนเดียวนะ 55555 นักอ่านไม่ค่อยสนุกด้วยเท่าไหร่
สนุกที่ได้ดำน้ำเขียน ไม่มีพล็อต ไม่รู้จักแบ่งตอน
ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
รู้แค่จะเขียนบทนำ
แล้วก็เขียน
เขียนแล้วก็เขียนต่อ
จะไปทางไหนก็ไปเลย
ไร้กรอบ เต็มไปด้วยอิสระ
ตื่นเต้นเพราะไม่รู้อนาคตนิยายพอๆ กับนักอ่าน
และออกทะเล 555555
โอ้ทะเลแสนงาม~
ทุกวันนี้ไม่ค่อยว่างเขียนแล้ว แต่จู่ๆ ก็คิดถึงขึ้นมา
เพื่อนๆ ล่ะครับ มีประสบการณ์ครั้งแรกยังไงบ้าง
เล่ากันหน่อยสิ
34 ความคิดเห็น
เริ่มเขียนเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกอยากมีแฟนคลับบ้าง เหมือนที่เราไปเป็นแฟนคลับนักเขียนท่านอื่น บวกกับชอบอ่านเลยอยากมีเรื่องเป็นของตัวเอง ออกแบบพระเอกแซ่บๆ มาลูบมาไล้สนองนี้ด----
เขียนไปเรื่อย ไม่มีพล้อต ออกทะเล แต่สนุกดีที่ได้เริ่มลองทำอะไรใหม่ๆ ได้ระบายมันออกมาเป็นตัวอักษร ก่อนที่ไหดองจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะทุบแตกได้หมดฮะ ;-;
แรงบันดาลใจของไหหมิง 5555555
พี่ยอมใจ
เราควรมีผู้ชายแซ่บๆ เป็นแรงผลักดันค่ะ!
โอ้โห เรื่องแรก 555+
พล็อต = วางแล้วค่ะ ...
บทนำ = ลงเรียบร้อยค่ะ ...
แล้วจบมั้ย = ไม่จบค่ะ อิอิ
ตอนที่ 1 รีไรต์แล้วรีไรต์อีกสุดท้ายปิดตอนหมดเลย เวลาเขียนแล้วออกทะเลเช่นกันค่ะ เลยเขียนเรื่องอื่นดีกว่า แล้วเรื่อวแรกก็ลงไหไปโดยปริยาย จบปิ้ง !!
งานรีไรท์เป็นอะไรที่หินมาก 55555
โหดเ-้ยม บั่นทอนพลังถึงขีดสุด
เรื่องแรก... -0-
จำแทบไม่ได้เลยค่ะ ขุ่นแม่ 555555
เขียนแนวนิยายแจ่มใฝ(?) ลงในเว็บของเขาเลย งุนงงเหมือนกันว่ากำลังเขียนอะไรอยู่ แค่รู้สึกแบบ ฉันจะไม่ทน ฉันจะเขียนมัน
ตัดภาพมาที่หนึ่งสัปดาห์ต่อมา กดลบทิ้งอย่างไม่ไยดี 5555555555555 บลัยส์
ใจร้ายมาก 555 ลบทิ้งได้ลงคอ ลูกคนแรกนะนั่น!
จำแทบไม่ได้ แต่จำได้คร่าวๆว่าตั้งใจมากกก ตอนนั้นยังไม่รุ้จักแต่งลง word ก่อนเลย แบบเขียนใส่ dek-d เอาเลยนี่ล่ะ ย่อนงย่อหน้าติดกันเป็นพรืด อ่านยากสุดๆ //ตอนนั้นเขียนไปได้ไงหวาแล้วก็รู้สึกสนุกอยู่คนเดียวเหมือนกันค่ะ 555555
กว่าจะมีนักอ่านหลงมาสักคนคือพยายามแทบตาย 555
เขียนจบภาคแรกเป็นปี วิวยังอยู่แค่พันเองเอง...
เรื่องแรกของเราเข้าไหดองหลับไหลตลอดกาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่ะ 55555
เขียนไว้หลายเรื่องอยู่นะ แต่จำเรื่องแรกไม่ได้ 5555
กรณีเราคล้ายกับ จขกท. ค่ะ คือเขียนไปเรื่อย พล็อตไม่มี อยากเขียนอะไร เขียน
ต่อมาก็ค่อยๆ อัพเวล มีพล็อต มีโครงโน้นนี่นั่นเข้ามา สุดท้ายก็ล่มเพราะงานที่โรงเรียนรุมเร้า
และเรื่องเหล่านั้นเราก็ไม่เคยให้ใครอ่านเลย ซึ่งรู้สึกโชคดีมากๆ เพราะตอนนี้พอกลับไปอ่านยังอดขำตัวเองไม่ได้
"ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้เพ้อเป็นตุเป็นตะ 5555"
พอโตขึ้นจึงรู้ว่าย่ิงโตยิ่งยุ่ง
เสียดายที่ไม่รีบเขียนไปซะตอนนั้น orz
ออกแนวดาบสองคมนะเราว่า 555
ยิ่งโตยิ่งเขียนได้ดีขึ้น
เพราะเรื่องของประสบการณ์กับวุฒิภาวะ รวมไปถึงคลังสำนวนและคำศัพท์ด้วย
แต่ยิ่งโตยิ่งยุ่งที่ไม่เถียงเลยค่ะ
งานนี่แทบจะดาหน้าเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนเลย ไหนจะปัญหาชีวิตอีกร้อยแปด
ต้องแบ่งเวลาให้ชัดเจนไปเลย แถมแบ่งแล้วจะทำตามได้ไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องแรกก็ตีพิมพ์ในนิตยสารเลยค่ะ แต่อายมาก กลัวพ่อแม่รู้ กลัวเพื่อนรู้ ไม่กล้าใช้ชื่อตัวเอง เอาชื่อพี่ไปรับตังค์แทน แล้วแบ่งตังค์ให้ครึ่งนึงค่าเอาชื่อเค้าไปใช้
โหดม้วกกกก
ก็สนุกมากนะ ของเรามีพล็อต แต่มีแบบ ต้น กลาง จบ มากลวงๆ 55555555 เป็นคนมีพล็อตมาแต่แรก แต่แค่ไม่ได้ใส่ใจจะแต่งมันเฉยๆ แต่งเก็บไว้ในคอม ไม่ได้สนใจลงอะไรหรอก
แต่งแฟนฟิคเป็นเมนหลักมากกว่า ฝีมือที่ได้ก็เลยมาจากแฟนฟิคซะมาก อันนี้ก็แต่งลงอีกบอร์ด ไม่ได้สนใจอยากจะลงเด็กดี 55555
เรื่องปัจจุบันที่แต่ง เลยน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องแรก ลูกคนแรก ที่จริงจังว่าจะอัพแล้วนะ แล้วก็ได้อัพลงเด็กดีมานี่แหละ หลังจากเรื่องที่ผ่านมาคือแต่งเก็บไว้อ่านเองสองสามตอนมาหลายรอบแล้วโล๊ะทิ้ง 5555
ความรู้สึก อืม มันก็คงเหมือนทุกวันนี้ที่เรายังแต่งอยู่ ไม่ว่ายังไง เราก็ยังชอบ ยังสนุกกับมัน บางทีมันอาจจะไม่ดีพร้อม แต่ยังไงก็รัก สนุกทุกครั้งที่ได้แต่งอยู่ดี ^^
ครั้งที่ผมแต่งนิยายไปเพราะอยากแต่ง มันอัดอั้นอยู่ในใจ ตอนนั้นมีปัญหาทุกเรื่องไม่ว่าที่บ้าน
โรงเรียน การบ้าน(?) บลาาๆๆ
แล้วรู้สึกอยากระบายมันออกมา ก็เลยกลายเป็นนิยายเรื่องแรกของผมโดยปริยาย
เป็นโรงเรียนแฟนตาซี
หากสนใจ เอ้ย! เกือบๆไปแล้ว
ความรู้สึกที่ทำให้เขียนนิยายเรื่องแรก...
อยากมีนิยายฮาเร็มหนุ่มเป็นของตัวเอง 55555555+
อยากระบายความใคร่... #ผิด
ปกติจะชอบวาดเป็นเรื่องราว(คล้ายมังงะ)
แต่พอทำงาน มันทำให้มีเวลาน้อยลง
ก็เลยเอาพล็อตเหล่านั้น มาเปลี่ยนเป็นตัวอักษร
ตั้งใจว่าอยากแต่งไว้อ่านเองเล่นๆ
แต่พอคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกให้ลองเอามาลงในเว็บ
ก็ลงแบบ งูๆ ปลาๆ โฆษณาก็ไม่มี บอร์ดก็ไม่เล่น
อารมณ์แบบ ใครไม่ชอบ เราชอบ
ตอนนี้ก็ยังเขียนด้วยฟิลลิ่งแบบนี้นะ
ฟิลเดียวกันเลยค่ะ เดิมเราก็เป็นนักวาด แต่มังงะชาตินี้คงตายก่อนถ้าจะให้จบเป็นเรื่องๆ ไป สุดท้ายเลยตัดใจ เปลี่ยนตัวเองหันมาเขียนนิยายแทน เรื่องแรกก็นะ เขียนไปซะยืดยาว สุดท้ายลบทิ้ง เพราะกลับมาอ่านแล้วทนตัวเองไม่ไหว ตอนนี้เลยพยายามใหม่เขียนเป็นเรื่องที่ 2 ก็ตามเคยอีกอ่ะนะ แต่งๆลบๆ รีไรต์อยู่นั่น จนตอนนี้คนที่ favorites ไว้คงหมั่นไส้ จะอัพไรกันหนักหนา เนื้อหาไม่คืบ ถอนออกไปแล้วตั้งหลายคน
ปล.แอบเข้าไปส่องโปรไฟล์มา ไรต์เก่งจังค่ะ ขอชื่นชม
ขอบคุณค่ะ
:D
นิยายเรื่องแรกของเรามาจากความรู้สึกขัดใจกับนิยายที่อ่านอยู่
ทำไมไม่ได้อย่างใจขนาดนี้ล่ะ เลยแต่งเองมันซะเลย ก็สนุกสนานดี สนุกอยู่คนเดียวรึเปล่าอันนั้นก็ไม่รู้แต่ก็แต่งไปเรื่อยๆ
พล๊อตไม่มีออกทะเลอย่างสนุกสนาน คิดไว้แค่ว่าอยากได้ฉากไหนบ้างแล้วพยายามแต่งให้มันเชื่อมๆกันไป
แถมดันเขียนในยุคแจ่มใสกำลังเริ่มบูมเลย อีโมจิค่อนเต็มนิยายไปหมด
กลับไปอ่านแ้ล้วรู้สึกว่านี่เขียนอะไรลงไป เลยแปะป้ายรีไรท์ไว้
...และป้ายก็ยังแปะอยู่ที่เดิม;w;
มาคิด ๆ ดูสมัยนั้นยังเขียนเรียบเรียงถ้อยคำได้ดีกว่าตอนนี้เสียอีกนะ พอลองนึกย้อนกลับไป จะให้เขียนแบบนั้นอีกก็ทำไม่ได้เสียแล้ว... (แก่ลง)
เขียนไปเรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็จบได้นะ แต่ไม่ยาวค่ะ มีแค่ 9 ตอนเอง แล้วก็มี พระเอกกับนางเอกแค่ 2 คน ฮา...
นึกสนุกค่ะ เห็นมีเวปลงนิยายแต่งเอง ก็อยากลองดูบ้าง
เพราะเป็นคนเพ้อฝันอยู่แล้ว เลยอยากลองเอาเรื่องที่เราอเพ้อฝันถ่ายทอดมาเป็นตัวหนังสือให้คนอื่นได้อ่าน
เรื่องแรกสุดของชีวิต แต่งลงสมุด ไม่ได้ลงเว็บ หรือเผยแพร่ใดๆ
- จับเพื่อนใส่ไปในนิยายทั้งหมด เสมือนเล่นเกมออนไลน์อยู่ด้วยกัน ผจญภัยไปเรื่อยๆ นึกอะไรออกก็เขียน
พล็อตไม่มี มั่วสุดๆ คิดอะไรได้ก็เขียนลงไปเลย แล้วค่อยไปแก้ปัญหาเอาข้างหน้า
คิดถึงนะ เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งโดยไม่คิดอะไรเลย (หัวโล่ง) คิดจะกลับไปเขียนใหม่เหมือนกัน แต่คงต้องรอไปก่อน รอให้กลายเป็นนักเขียนในตำนาน(ที่ไหนก็ได้) อยากลองเอาประสบการณ์ในปัจจุบันไปแต่งนิยายเรื่องแรกอีกสักครั้ง ดูสิจะเป็นยังไง
เรื่องแรกยังอยู่ค่ะ...ค้างอยู่อย่างนั้นแหละ เริ่มเขียนเพราะชอบอ่าน เขียนในสมุดมาก่อนลงในเว็บ แต่เป็นประเภทสมาธิสั้นคือพล็อตผุดตลอดเวลาทำให้อะไรผุดก็จับใส่ๆจนสางไม่ออก
ส่วนเรื่องแรกแต่งแล้วปรินท์ให้น้องอ่าน น้องมันถามนี่นิยายหรือหนังสือประวัติศาสตร์
จำได้ว่าตอนนั้นเขียนเพราะอยากระบายออกมาจากหัว =w=' ก็ไม่รู้ว่าหมาเป้นโรคร้ายแรงอัลไลหรือเปล่าจินตนาการล้นศีรษะเมมโมรี่โอเวอร์โหลดบ่อยๆจนรู้สึกว่าต้องหาทางระบายเลยระบายออกมาเป็นนิยายสั้นๆเขียนเล่นไปงั้นอยู่ 10 ตอนพอหายอึดอัดในหัวแบ้วก็ทิ้งไว้กลางทางกลับไปผจญชีวีต่อ วันหนึ่งนึกครึ้มเข้าไปเปิดดูที่ๆเคยลงไว้ปรากฏว่าโดนคนอ่านทวงรัวๆในช่วงที่ไม่อยู่ล่ะอุ๋งอิ๋ง ลงท้ายก็เลยเอาก็เอาแต่ต่อจนจบไปเรื่องหนึ่งหลังจากนั้นก็มีตามมาอีกเป็นพรวนเรียกว่าช่วงติดลมก็ว่าได้ =w=' เขียนจบไปประมาณ 4-5เรื่อง ลอยแพไปราวๆ4เรื่อง
จากนั้นก็พักยาวๆเพราะต้องฝึกงานบวกติดเกม หลังจากนั้นอาการเก่ากำเริบต้องหาที่ระบายลงท้ายก็กลับมาจับปากกาอีกทีรู้สึกตัวอีกหนก็เขียนเรื่องใหม่ปาไป50กว่าตอนรวมเป้นเล่มได้ประมาณ6เล่มหนาๆของแฮรี่พอตเตอร์ฉบับแปลไทยเบยและปัจจุบันยังคงทู่ซี้หาทางลาสกให้จบให้ได้แต่มันไม่ยอมจบบบ ล่าสุดงอกเรื่องใหม่เพิ่มมาอีเรื่องกะว่าเขียนซัก16ตอนจบกำลังดีไปๆมาเริ่มแตกตอนหนึ่งออกเป็นสองตอนสามตอน ตอนนี้เขียนไป10ตอนยังได้ไม่ถึงเสี้ยวของพล็อตทั้งหมดที่ยัดไว้เบย อุ๋งอิ๋ง TwT พล็อตเยอะไปก็ไม่ดีโอเมก้า ฮรือๆๆ มาบ่นแบ้วจากปายอุ๋งอิ่ง
เรื่องแรกเป็นแนวแจ่มใส
-0- >//< @_@ =,,= T^T *()* (- -v)
เต็มหน้า อ่านไม่รู้เรื่อง
แล้วค่อยๆ วิวัฒนาการเป็น แฟนตาซีรร. > แฟนตาซีดั้งเดิม > เกมออนไลน์ > วาย > รักหวานแหววอีกครั้ง(ไม่เข็ด) > รักแฟนตาซี > ดาร์คแฟนตาซี > ไซไฟ > แฟนตาซีรั่วๆ > วายจีนโบราณ > กำลังภายใน > จีนโบราณ
..ที่ถนัดจริงๆ คือแฟนตาซี แต่สรุปคือเขียนไม่จบสักเรื่อง คิดแล้วก็โกรธแค้นตัวเอง5555
เดินทางมาไกลมาก 555
ไม่ได้เขียนจากความสุขเหมือนหลาย ๆ คน แต่เขียนจากคำสบประมาท อารมณ์ประมาณ หน้าอย่างนายเนี่ยนะ จะเขียนไซไฟ
หลายปีต่อมา ตีพิมพ์ได้ 2 เล่มและกำลังหาทางดันเล่ม 3 ให้จบ
คำสบประมาท เป็นแรงผลักดันชั้นดี มันมีค่ากว่าคำชมครับ คิดดูดี ๆ แล้วคำดูถูกเนี่ย เราจะหาได้ในชีวิตจริงกี่ครั้งกัน ในขณะที่คำชมมันเกิดขึ้นได้บ่อยกว่า ดังนั้นหากเราโดนสบประมาท จงดีใจและสะสมมันมาเป็นพลังเถอะ เราโชคดีกว่าใครแล้ว
เขียนด้วยความรู้สึกอยากเขียน อยากถ่ายทอดเรื่องราวในหัวออกมา อยากให้คนอ่านสนุก
แม้ทุกวันนี้ก็ยังคงเขียนด้วยความรู้สึกเดิมค่ะ ^^
เขียนกี่เรื่องก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเนอะเพราะเราไม่ใช่คนเก่ง ดังนั้น ถ้าได้คอมเมนต์จากคนอ่านว่า "สนุก" จะดีใจมาก เพราะเราไม่หวังให้นิยายเราดีเลิศ ภาษาสละสลวยงดงาม เรารู้ตัวดีว่าทำไม่ได้ เราหวังแค่มีใครสักคนสนุกไปกับนิยายของเราและอยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่องก็พอ ไม่ว่านิยายของเราจะมีคนอ่านหนึ่งคนหรือสิบคนหรือน้อยกว่านั้น (?) เราก็โครตพอใจแล้ว ;w;
นิยายเรื่องแรก
คงต้องเกริ่นยาวไปเลยแหละค่ะ แต่ขอตัดมาก่อนแล้วกัน เขียนสมัยตอนอยู่ป.5 ตอนนั้นไม่รู้จักคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักเด็กดีหรอกว่าคืออะไร แต่ชอบอ่านนิยายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
นิยายเล่มละสิบห้าบาทกองเต็มตู้ที่บ้านเลย อ่านไปก็มีพลอตเดิมๆ และไม่มีที่เก็บ ช่วงนั้นนิยายเช่ากำลังบูม ก็เลยไปหิ้วมาอ่าน แล้วนึกอยากเห็นเนื้อหานิยายเรื่องนึงเป็นภาพ แบบว่าติ่งมากก็เลยลงทุนวาดเอง เหมือนวาดการ์ตูนอะค่ะ ฮ่าๆๆ
สรุปคืออยากเป็นนักเขียนการ์ตูนก่อน แต่ต้องร่างบทหรืออะไรทำนองนี้ก่อนจะวาด ก็เลยชอบที่จะเขียน แล้วช่วงนั้นไปเจอนิยายเรื่องนึง แล้วสายลมก็พัดพา ของสินเวหา ติ่งวายก็แตกค่ะ ก็เลยอยากเขียนนิยายวายมาก
ความรู้สึกแรกจำไม่ค่อยได้ คือตื่นเต้นมั้งคะ แล้วมีไฟอยู่ตลอดเวลา จำได้ว่าเขียนใส่สมุดนี่อาทิตย์หนึ่งหมดเล่มแล้ว ขยันมาก ดึกดื่นก็ยังเปิดไฟเขียน มีความสุขมากที่สามารถใช้ปากกาที่ซื้อมาหมดได้โดยไม่หายไปซะก่อน ฮาๆๆๆ
จากนั้นก็เลิกเขียน เพราะกองนิยายที่เขียนเองเยอะเกินไป อีกทั้งพ่อแม่รู้แล้วสั่งห้าม
แต่พอโตท่านก็เข้าใจ พอมีคอมพิวเตอร์ พอเราสามารถใช้เวลาว่างของเราทำเองได้ ได้เงิน ท่านก็เปิดใจค่ะ
ความรู้สึกตอนนี้ มีบางครั้งที่ความรู้สึกตอนเขียนนิยายครั้งแรกยังเข้ามาในใจนะคะ แต่มันจะมาแวบนึงแล้วก็หายไป แล้วก็ดองอะค่ะ
เจ๊เคยเขียนนิยายลงสมุดนะ
มันเป็นความคลาสสิคที่คนเริ่มแต่งน่าจะมีทุกคน
ตอนนั้นเขียนได้ไม่กี่หน้าหรอก
แต่มีความชิหัยตรง กลับไปอ่าน แล้วอ่านลายมือตัวเองไม่ออก
ลาก่อย...
ปล.ก็ยังดีที่ในสมองยังเมมโมรี่ไว้ เลยรู้แล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเขียน
เป็นเหมือนกันเจ๊ อ่านลายมือตัวเองไม่ออก น้ำตาไหลพราก...
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?