Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เมื่อฉันได้ไปเป็นเด็กเเลกเปลี่ยนที่ Oshkosh, USA ภาค 2

ตั้งกระทู้ใหม่

มาเจอกันอีกเเล้ว สำหรับกระทู้ "เมื่อฉันได้ไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่ Oshkosh, USA" ภาค 2 ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นะคะ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านภาคเเรก คลิกลิงค์นี้ได้เลยน้า http://www.dek-d.com/board/view/3667692/



 หลังจากที่เราได้พักผ่อนช่วงเสาร์-อาทิตย์ กับ Host Family แล้ว ก่อนที่เราจะได้ไปโรงเรียนหนึ่งวันก็รู้สึกตื่นเต้นมากเว้ยยยย! เพราะมันเป็นความฝันของเราเลยที่จะได้ไปโรงเรียน High School แบบเด็กเมกัน (หลังจากที่นั่งดูหนังฝรั่งคนเดียวอยู่ที่บ้าน เเล้วก็มโนเอาเองมานาน 555+) พอตื่นเช้ามาเราก็จะได้ยินเสียงโฮสต์เปิดเพลงเบาๆ พอเดินลงมาก็จะมีอาหารวางอยู่บนโต๊ะครบทั้ง 5 หมู่ (บางครั้งก็ดูเหมือนว่ามันจะเกิน 555) เเล้วโฮสต์มัมก็จะห่อเป็นอาหารที่เราสามารถเลือกเองตามใจชอบ (เค้าจะซื้อไว้ให้เราเต็มตู้เลยถ้าชอบอะไรก็หยิบใส่เข้าไป)



     วันเเรกที่มาโรงเรียน เรายังไม่ได้ขึ้นรถโรงเรียนนะ โฮสต์ Mom จะเป็นคนมาส่งพร้อมกันกับเเคร์ล ซึ่งโรงเรียนก็ไม่ได้ไกลจากบ้านมากเท่าไหร่ นั่งรถมาแป๊ปเดียวถึง ระหว่างมาโรงเรียนก็นั่งร้องเพลงด้วยกันอยู่บนรถกับเเคร์ล มันเป็นอะไรที่สนุกมาก เพราะส่วนตัวก็ชอบร้องเพลงอยู่เเล้ว Mom ก็ถามว่าเราชอบเพลงแบบไหนเราก็บอกเค้าไป Mom บอกว่าอยากฟังเพลงไทยมาก เราก็เปิดเพลง "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" ให้โฮสต์ฟัง คือเค้าชอบกันมากเว้ย! ไอเราก็อดขำไม่ได้ ช่วงนั้นกำลังดังเลยนำเสนอไป โรงเรียนเราก็ไม่ใหญ่มากนะ เพราะมีชั้นเดียวเเต่กว้างมาก ตั้งเเต่เดินมาไม่เคยจำทางได้เลย ต้องตามเพื่อนเอาตลอด โดยเฉพาะเพื่อนฝรั่งจะเดินเร็วมาก (ทั้งๆที่เค้าก็เดินกันปกตินั่นเเหละ-.-)




     ก้าวเเรกที่เข้ามาในโรงเรียน ... คือมันเป็นวันเเรกที่เกร็งเเละตื่นเต้นมาก “ที่นี่คืออเมริกาเหนือ” เพราะฉะนั้นฝรั่งส่วนใหญ่จะผมบลอนด์ตาฟ้า เราก็เป็นคนเอเชียตัวเล็กๆคนนึงที่เดินเข้าไปแล้วถูกเพื่อนๆมอง ซึ่งเราก็เข้าใจก็ยิ้มทักทายตามปกติ เเคร์ลก็เเนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อนๆซึ่งเป็นเด็ก freshman เราก็ต้องเรียนตามเเคร์ล ก็จะมีคาบเรียนวิชา ศิลปะ คณิตฯ การถ่ายภาพ สังคมฯ ประมาณนี้แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเรียนอะไรที่ถนัด เลิกเรียนเวลาเหมือนที่ไทย แต่เรียนชิลมาก แบบสบายๆ อยากทำอะไรก็ทำ กินขนมได้ทุกเวลา หลังๆมาก็เริ่มเอาขนมติดกระเป๋ามาแบ่งเพื่อนๆมากขึ้น 555+



     เพื่อนๆที่นี่น่ารักมาก เฟรนลี่ด้วย เเต่ถ้าเห็นกันช่วงเเรกๆก็จะทำให้เราคิดไปเองว่าพวกเค้าดูหยิ่งๆ แต่พอได้จับกลุ่มคุยกันเเล้วกลับกลายเป็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย พอเราถามเค้ากลับว่าคิดยังไงกลับพวกเรา เค้าก็คิดแบบเดียวกันกับเราเลย ก็ตลกดีนะ เราเลยบอกพวกเค้าไปว่า ก็ในเมื่อพวกเธอไม่ชวนพวกเราคุย เราจะกล้าคุยได้ยังไงหล่ะ 555 คือเรียนสนุกมากเเต่ก็มีบางครั้งที่ออกเเนวเครียดๆเหมือนพวกเรานะ เเต่เเป๊ปเดียวเดี๋ยวก็หาย 555



       คุณครูเเละเพื่อนๆเราจากไทย ก็เอาขนมมาให้เพื่อนๆได้ลองชิม เเละนี่พีคมากคือคุณครูเอามาม่าดิบรสต้มยำมาฝากให้เพื่อนลอง ถึงเผ็ดเเต่ก็พากันกิน 555




     พวกเราทำการเเสดงการละเล่นเเละนำเสนอกับข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยค่อนข้างบ่อยมาก แต่ก็สนุกดีเพราะว่าพวกเราได้สอนเพื่อนๆพูดไทย เเล้วก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะเเยะเต็มไปหมด และนี่ก็เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนๆรุ่น Senior เหมือนกัน 555+



      นี่ก็เป็นวันที่ได้เเสดงให้เพื่อนๆระดับชั้นเดียวกันดูก่อนวันเเสดงที่โรงยิม ก็นับว่าเป็นการฝึกซ้อมการเเสดงไปด้วย





    เเละก็ถึงวันที่เเสดงในโรงยิม เป็นวันที่ตื่นเต้นมากเพราะรู้สึกว่าจะเป็นคาบเรียนที่ใครที่สนใจดูพวกเราจะมากันที่นี่ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆเเละโฮสต์เราด้วย



  ในวันนั้นก็มีคนเยอะอยู่เหมือนกันนะที่เข้ามาดูพวกเรา ที่โรงเรียน Oshkosh พึ่งเปิดรับเรามาเป็นเด็กเเลกเปลี่ยนครั้งเเรกในปีนี้เเละบอกกับพวกเราว่าจะรับเด็กไทยมาอีกในปีหน้าอย่างเเน่นอนก็รู้สึกดีใจมากๆเลยค่ะ 



  ดูจากการนั่งเเล้วจะรู้ได้ทันทีเลยว่า พวกเค้าดูชิวล์กันมากๆ 555 (ถ้าเป็นโรงเรียนเราต้องนั่งเเถวตรง อุ๊บส์!!!)ซึ่งนี่ก็ทำให้เราเห็นข้อต่างค่ะ เพราะไม่ว่าพวกเค้าจะนั่งกันยังไง พวกเค้าก็เงียบได้เหมือนพวกเรา 



   ว่าด้วยเรื่องของทัศนศึกษาเราก็ได้ไปนะ นั่งรถโรงเรียนนานมาก วันนั้นเราถูกเเยกไปเดี่ยวๆเลยกับโฮสต์เราก็เดินดูรอบๆสวนดอกไม้ถ่ายรูปไว้เยอะเเยะเลยเพื่อเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก หลังจากนั้นก็ได้ไปช๊อปปิ้งกับเพื่อนๆของเเคร์ลด้วย



   เราเเวะกินข้าวด้วยกันก่อนเดินช๊อปปิ้ง 5555 ข้าวที่นี่เเพงมากเลยสำหรับเรา จานนึงจะประมาณ 8 ดอลล่าห์กว่าๆหรือถ้าตีเป็นเงินไทยก็จะประมาณ จานละ 280 นี่ยังไม่รวมค่าน้ำนะ วันนั้นโฮสต์เราจ่ายให้เเต่ก็อดสังเกตุราคาไม่ได้ เเต่เราว่าก็คุ้มค่ามากเลยนะเพราะว่าได้เยอะมาก จานใหญ่ด้วย เรากินไม่เคยจะหมดหรอก



      "มาเรียส์เซิล"



        "พวกเราเเวะวิคตอเรียกันด้วยน้าาาา" ช็อปที่นี่ค่อนข้างดีเลยเเหละ คนไม่ค่อยเยอะ พนักงานน่ารักมาก บริการดีแบบสุดๆเลย 




      เเวะซื้อของฝากไปให้เพื่อนๆกับคุณครูที่ไทยด้วย เราเลือกซื้อครีมบำรุงผิวไปให้ เพราะหอมมากกก ระดับ 10!โปรจะค่อนข้างเยอะมากไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้าเเบรนด์ดังๆ เราหิ้วกลับไทยเยอะเเยะเลย 



     หลังจากนั้นพวกเราก็ไปสวนสัตว์กันต่อ มันเป็นวันที่หนาวมาก เเดดก็ไม่มีเหมือนหิมะจะตก เเต่ด้วยความตื่นเต้นเราก็เดินต่อไปได้สบายมาก



    ในเมื่อเรามาเที่ยวกับเด็ก freshman เเล้วทั้งที เมื่อเดินผ่านเจ้านี่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินผ่าน เเลกเหรียญต่อคิวกันอย่างไม่ลังเล 555



 "เด็กผู้หญิงคนนี้เค้าเดินผ่านมาเห็นว่าพวกเรากำลังเล่นกันอยู่ น้องเค้าก็เลยมาเล่นด้วย 555"



วิวจากด้านในเมื่อมองไปด้านนอกค่ะ จะเป็นสนามเด็กเล่น (ถ่ายไม่ติดกระจกเลยดู real ไปหน่อยนะ)



  หลังจากกลับมาจากโรงเรียนโดยปกติของทุกๆวัน โฮสต์เราก็จะทำอาหารให้เราทานค่ะ บางวันก็จะสั่งพิซซ่ามาทานอย่างที่เห็น 



     หรือบางวันก็ออกเเนวภัตตาคาร โฮสต์เเด๊ดเราทำค๊อกเทลเก่งมาก อร่อยด้วยยยย 555



   เเต่ก็มีวันพิเศษอยู่เหมือนกัน ซึ่งเราเป็นคนทำอาหารเย็นให้ทางครอบครัวโฮสต์ทานค่ะ พวกเค้าชอบกันมาก เค้าบอกว่ารสชาติมันถึงใจดี เพราะว่าเค้าชอบทานเผ็ดมากๆเราเลยทำผัดกะเพราให้โฮสต์ได้ลองทานดูค่ะ เเต่ก่อนที่จะได้วัตถุดิบส่วนผสมมาก็ทำเอาเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน เราต้องมีเวลาพอที่จะไปช๊อปที่ร้านข้างนอกได้ พริกชี้ฟ้าก็ไม่มี เลยต้องซื้อพริกอิตาลีเม็ดเท่าบ้านราคา 70 กลับบ้านไป 1 เม็ด(เพราะเม็ดใหญ่มาก) กระเทียมก็มีเเต่เเปลกๆเหมือนกัน ใบกะเพราไม่ต้องพูดถึงค่ะ มีเเต่ใหญ่มาก เราเห็นครั้งเเรกถึงกับตะลึงเลย!



    โฮสต์เเด๊ดเราจะเป็นคนที่น่ารักมากค่ะ ชอบเก็บดอกไม้มาให้วางไว้บนหัวเตียง เค้าจะเทคเเคร์เราดีมากทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นลูกสาวของเค้าอีกคนนึงเลย เป็นคนตลกๆชอบความท้าทาย พาเราไปปีนเขาด้วย!!! โฮสต์มัมเราก็น่ารักเหมือนกันนะ ชอบพาทำอะไรๆที่สนุกๆเริศๆ สไตล์คนเมกัน ชอบชวนเราไปเเช่ทับ กางเต้นท์ ผิงไฟ ซึ่งเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำแบบนี้ซักเท่าไหร่ตอนอยู่เมืองไทย



  ในวันอาทิตย์เราก็จะไปโบสถ์กันค่ะ อย่างวันนั้นก็ไปทำพิซซ่าให้คนไร้บ้านโฮสต์เราซื้อเค้กกับโดนัทไปบริจาคให้คนสูงอายุให้ทานกันเเบบฟรีๆ นึกๆดูเเล้วก็คล้ายๆบ้านเราเวลาทำบุญเลยเนอะ 



  เอาเป็นว่าวันนี้เราจะขอจบไว้เเต่เพียงเท่านี้ก่อนละกันนะคะ  หวังว่าทุกคนอ่านเเล้วเพลิดเพลินสนุกสนานให้ข้อคิดเเละมุมมองของเพื่อนๆได้บ้างนะคะ ถ้ามีอะไรอยากให้ปรับปรุงเเก้ไขก็บอกกันได้เลยนะคะ 


ติดต่อเราได้ที่ Facebook : http://web.facebook.com/suchanan.srimas
 

แสดงความคิดเห็น

>