มาทำความรู้จักอาชีพนี้กันเถอะ (หมอ)
ข้อดี ข้อเสียของอาชีพแพทย์
-โลกทัศน์กว้างเพราะได้พบปะพูดคุยกับคนหลายอาชีพ
-'ท้าทาย' มีปริศนาใหม่มาให้ขบคิดทุกวัน ว่
-เป็นที่พึ่งแก่ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงรวมไปถึงญาติของเพื่อนฝูงยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย
-เห็นสัจธรรม 'กับตา' ตัวเองว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดาจริงๆ
-ทดแทนคุณพ่อแม่ โดยทำให้ท่านมีความสุข เ
-ไปทำอาชีพอื่นเล่นๆแก้เซ็งได้ เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักธุรกิจ เป็นนักลงทุน แต่คนอาชีพอื่นมาเป็นแพทย์ไม่ได้
-ถ้าเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วก็ไม่ต้องใช้ 'นาง' นำหน้า ใช้ 'แพทย์หญิง' แทน
ข้อเสีย
-รักคุด (ไม่ค่อยมีเวลา, ถูกแฟนทิ้งกันบ่อยๆ)
-สุดเลอะ (เสี่ยงต่อการสัมผัสเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ เสมหะ และ 'อ้วก' ของผู้ป่วย)
คุณสมบัติของหมอ
1. เป็นผู้ที่สนและเสียสละต่อเพื่อนมนุษย์ มีมารยาทดี และปรับตัวเข้ากับทุกคนได้
2. มีความสนใจวิทยาการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นอกจากนี้ยังต้องสนใจทางด้านประวัติศาสตร์ วรรณคดี จิตวิทยา ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์
3. มีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ อดทน
4. ซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตน ไม่ใช้ความรู้ทางวิชาการหลอกลวงผู้อื่น
5. มีจิตใจเป็นนักวิทยาศาสตร์ คิดด้วยเหตุผล
6. ช่างสังเกตและละเอียดถี่ถ้วน แต่ต้องฉับไว เพราะช้าอาจหมายถึงชีวิตของผู้ป่วย
7. ต้องไม่รังเกียจต่อสิ่งปฏิกูล เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ นำมูก นำเหลือง อาเจียน เพราะต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปตรวจ
การศึกษาอบรม
ศึกษาหลักสูตรแพทย์ศาสตร์บัณฑิต จากคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตามระเบียบการการของทบวงมหาวิทยาลัย หรือคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ สอบคัดเลือกเอง โดยมีรายละเอียดของคุณสมบัติของผู้สมัคร การสอบข้อเขียน การสอบสัมภาษณ์ การตรวจร่างกาย ตรวจสุขภาพจิตที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน
1. รับราการในโรงพยาบาลของรัฐหรือกระทรวงสาธารณสุข
2. ทำงานในโรงพยาบาลเอกชน
3. เปิดคลีนิกส่วนตัวรักษาโรค หรือตั้งโรงพยาบาลเอกชนของตนเอง
4. ทำงานนอกเวลาในโรงพยาบาลเอกชนทั่วไป หลังจากเลิกงานประจำแล้ว
5. ศึกษาเพิ่มเติมเป็นแพทย์เฉพาะทาง สาขาต่างๆ หรือศึกษาในระดับปริญญาโท-เอก
การเรียนในช่วงมหาวิทยาลัยของหมอ
ปี 1 เรียนสบายๆ คล้ายๆ ม.ปลาย ม.6 แต่เกือบตาย
ปี 4 น้องเล็กระดับคลินิก
ขึ้นปี 4 เริ่มทำงานกะคนไข้แล้ว ซักประวัติมาให้หมด เสร็จแล้วก็เอามาเทียบกะความรู้ที่เราเรียนมา แล้วเค้นออกมาว่าเค้าเป็นโรคอะไรนะ.... เรียนตั้งแต่เช้า เจ็ดโมง จนบางวันโชคดีเลิกเรียนสี่โมงเย็น โชคดีเข้าไปอีกก็เลิกซักสามทุ่ม โชคชั้นที่สองต้องเข้าห้องผ่าตัด ชมฝีมือผ่าตัดของอาจารย์ก็กดเข้าไปครึ่งคืน แล้วแต่โชคของแต่ละวันครับ จบปี 4 ฉันตรวจร่างกายเป็น พอจะบอกได้ว่าคนไข้น่าจะเป็นโรคอะไรบ้าง
ปี 6 ช่วง extern ตายได้เเต่ลาตายไม่ได้
พอปี 6 คราวนี้ใครๆ เค้าก็เรียกเราว่าหมอเต็มปากแล้วเพราะเราต้องสั่งการเองแล้วก็ให้พี่ๆ ที่เค้าจบแล้วหรืออาจารย์ช่วยดูให้อีกทีนึง กลางวันตรวจคนไข้ กลางคืนอยู่เวร นอนตอนไหนไม่มีใครบอกได้ อ่ะโห..พี่หมอคะ พี่หมอขา เท่สุดๆอ่ะ จบซะที 6 ปีอันแสนยาวนาน ออกไปทำงานใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด โชคดีก็ได้ที่สบาย อยู่ในเมือง โชคร้ายหน่อยก็นู่น เข้าป่าเป็นหมอผีไป ทั้งอนามัยมีแต่ ยาแดงกับพารา.รักษาใครได้มั่งก็ม่ายรู้ อยู่เวรคืนเว้นคืน นอนตอนไหนไม่รู้ อยู่ๆ ตีสองตื่นมา คุณหมอหนูจะคลอด แล้วเราจะนอนต่อได้ไงล่ะเนี่ย เอ้า...ทำคลอดกันไป นึกซะว่าฝันไปละกันนะ แล้วก็เป็นแบบนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต...
2 ความคิดเห็น
มาต่อ ยังไม่จบคะ
ศัลยศาสตร์เฉพาะทาง
หมอแต่ละสาขาจะเชี่ยวชาญในสาขาของตัวเอง
แต่กว่าจะเชี่ยวชาญได้ น้องต้องลองมาดูจำนวนปีของการเรียนแต่ละสาขากันครับ
ซึ่งก่อนอื่นน้องจะมาเรียนได้ ต้องจบแพทย์ 6 ปีก่อนแล้วใช้ทุนคืนรัฐตามกำหนดของแต่ละสาขานะครับ
หมอศัลยกรรมทั่วไป เรียน 4 ปี
หมอศัลยกรรมระบบประสาท เรียน 5 ปี
หมอศัลยกรรมหัวใจและหลอดเลือด เรียน 5 ปี
หมอศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ เรียน 4 ปี
หมอศัลยกรรมตกแต่ง เรียน 5 ปี
หมอศัลยกรรมเด็ก เรียน 4 ปี
จะเป็นหมอผ่าตัดได้สักที เรียนกันเป็น 10 ปี
การเรียนหมอผ่าตัดมีข้อแตกต่างกับหมอเหมดตรงที่
สายการผ่าตัดต้องฝึกฝนเป็นทักษะของการทำเด่นกว่าคิด
ถามว่าในห้องผ่าตัดเราทำอะไรบ้าง?
ต้องลองจินตนาการก่อนว่าในห้องผ่าตัดนั้นมีเตียงผ่าตัดตรงกลาง...
มีหมอผ่าตัด ที่เรียกว่ามือหนึ่ง
มีหมอช่วยผ่าตัด ที่เรียกว่ามือสอง
หมอผู้ช่วยคนอื่น ที่เรียกไปตามลำดับคือมือสาม สี่
มีพยาบาลผ่าตัดหรือเรียกกันว่า สครับเนิร์ส
มีพยาบาลนอกวงผ่าตัดที่คอยประสานงานที่เรียกว่า เซอ์คูเลต
และผู้ช่วยอื่นๆ
การผ่าตัดจะถูกลงมีดและตัดสินใจการผ่าตัดโดยหมอผ่าตัดมือหนึ่ง และถูกช่วยเป็นหลักจากหมอผ่าตัดมือสอง ส่วนมืออื่นๆ จะช่วยถืออุปกรณ์หรือยกจับอวัยวะต่างๆ แล้วแต่การผ่าตัด (Operation) ครับ
การผ่าตัดนั้นมีหลายประเภทแล้วแต่การแบ่งนะครับ แต่ถ้าเราแบ่งใหญ่ๆ จะได้การผ่าตัดโรคแบบฉุกเฉินหรือ (Emergency) แบบนัดมาผ่า (Elective) และแม้ว่าชื่อว่าฉุกเฉินก็มีฉุกเฉินหลายระดับนะ
รายได้ของหมอศัลย์
ศัลยแพทย์ทั่วไป
รายได้เฉลี่ยต่อปี : $295,000 หรือ ประมาณ 9,663,632 บาท
ศัลยกรรมตกแต่ง
รายได้เฉลี่ยต่อปี : $321,000 หรือ ประมาณ 10,515,342 บาท
แหล่งอ้างอิง
http://www.kasemrad.co.th/Saraburi/site/services/detail/11
Untitled Document
หัว: ชีวิตการเรียนหมอ 6 ปี
https://www.facebook.com/dreamtobeMDCU/posts/672338139483746
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C
https://sites.google.com/site/sunisasrile/ma-thakhwam-rucak-kan-di-kwa/xachiph-thi-fifan/xachiph-phnakngan-baychi
ขออนุญาตแนะนำว่า ฟังหูไว้หูละกันนะครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?