Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ขอมอบกำลังใจ] ฟัง 3 ข้อคิดดีๆ จากพระราชดำรัสเล่าถึงอาการพระประชวรของในหลวง และคำสอนของสมเด็จย่า เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตต่อไป

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวานไป เราเองคงไม่ต่างจากใครๆ ในประเทศไทยที่รู้สึกช็อค และรู้สึกหดหู่ สูญเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะคะ ตั้งแต่เมื่อคืนเราเห็นหน้าฟีดเฟซบุ๊คของเรามีแต่คนนอนไม่หลับ และหลายคนยังคงทำใจไม่ได้
  
วันนี้เราได้ไล่ย้อนดูรูปภาพต่างๆ คลิปวิดีโอต่างๆ เกี่ยวกับในหลวง ร.9 ซึ่งก็เจออยู่คลิปนึง ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าเป็นงานอะไร แต่มีใจความทั้งหมดคือ พระราชดำรัสเล่าถึงอาการพระประชวรของพระองค์ และคำสอนของสมเด็จย่า เรารู้สึกว่าฟังแล้วได้ข้อคิดดีๆ เลยอยากจะมาตั้งกระทู้นี้เพื่อเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคนค่ะ


อันนี้เราขอถอดข้อความ ที่(ส่วนตัวคิดว่าน่าจะ)เป็นประโยชน์ และให้ข้อคิดดีๆ กับคนไทยทุกคน ที่ยังมีชีวิตอยู่ในการทำประโยชน์ต่อไปให้กับประเทศชาติ มี 3 ประเด็น
** เราไม่ค่อยรู้เรื่องคำราชาศัพท์เท่าไรนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยค่ะ

1. ในหลวงได้พูดถึงการเฝ้าไข้ตอนสมเด็จย่าป่วย เพื่อสร้างกำลังใจให้มีเรี่ยวแรงเสวยอาหาร และดีขึ้นมาตามลำดับ (ก่อนสวรรคต)

"
สมเด็จท่านเคยรับสั่งนานแล้ว อย่างน้อยสิบปี รับสั่งว่า แม่นี่นะเกิดแล้วก็แก่มากแล้ว ตอนนั้นแก่มาก็หมายความว่าแปดสิบกว่า ก็นับว่าแก่ แต่ทูลว่าแก่อย่างนี้ดี ยิ่งแก่ยิ่งดี เพราะว่าลูกหลานนี่นะ ถ้าแม่แก่ พ่อแม่แก่น่ะ เป็นกำลังสำหรับลูกหลาน ว่าเรามีแม่ที่อายุยืน เราก็คงอายุยืนเหมือนกัน มีแม่ที่แข็งแรง เราก็คงแข็งแรงเหมือนกัน ก็เลยทูลว่าแม่ต้องรักษาตัว ทูลว่าแม่ต้องเสวย เพราะตอนนั้นเสวยนิดเดียวบอกว่าอิ่มแล้ว ท่านก็ผอมลงทุกที หมดแรง ก็ไม่หิว แล้วก็แก่แล้ว จะอยู่ทำไม ก็ทูลว่าอยู่สิ เป็นประโยชน์ เป็นกำลังใจสำหรับลูกหลาน และนอกจากนี้ ท่านรับสั่งว่า เวลาไปที่เขื่อน หรือที่ไหนทำให้คนเขาเดือดร้อน ต้องมาเฝ้ากัน บอกว่า ขอรับรองว่าเจ้าหน้าที่เขายินดี เขาเป็นกำลังใจ เขาถึงเรียกท่านว่าสมเด็จย่า ในที่สุดท่านฟัง แล้วเริ่มเสวย ก็แข็งแรงขึ้น"
  
2. สมเด็จย่าบอกในหลวงว่า เมื่อท่านสวรรคตแล้ว อย่าร้องไห้เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ

"และท่านก็เข้าใจแล้วว่าแก่ ยิ่งแก่ยิ่งดี สำหรับแม่ ใครที่เรานับถือ เรารัก แล้วก็ผู้นั้นอายุ แล้วโดยเฉพาะอย่างท่าน ท่านแข็งแรง ท่านรับสั่งท่านอะไรท่านรู้เรื่อง ท่านทำงานอะไรได้ ก็เลยทำให้มีประโยชน์ ท่านมีประโยชน์ เพราะฉะนั้น ที่สวรรคตก็ทำตามที่ท่านรับสั่ง บอกว่าแม่แก่แล้ว จะตายเมื่อไหร่ก็ตาย แล้วตายแล้วห้ามร้องไห้ ไม่ให้ร้องไห้เพราะเป็นของธรรมดา คนเราก็ต้องตาย แต่ว่าตอนหลังนี่ที่เห็นท่านทรุดลงๆ ก็รู้สึกว่าท่านจะอยู่ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ท่านสิ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นก็เป็นของธรรมดา เราก็อาลัยเป็นของธรรมดาเหมือนกัน ฉะนั้น ที่ท่านสิ้น แล้วก็ได้เห็นความรัก ความนับถือ ที่คนทั้งชาติมีต่อท่าน ก็ปลื้มใจ ปลื้มใจว่ามีแม่ที่คนรัก ที่ถือว่าท่านเป็นสมเด็จย่า ซึ่งก็แปลกดีเหมือนกัน ถ้าใครต่อใครเรียกก็สมเด็จย่า คนที่เรียกสมเด็จย่าก็เป็นหลานๆ ของเรา เป็นหลานเพราะว่าท่านเป็นแม่ และท่านเป็นย่าของคนทั่วๆ ไป และเป็นสมเด็จย่าของลูกๆ ที่อยู่ข้างหลังนี่ ฉะนั้นเราก็เป็นญาติกันทั้งหมดแล้ว"


3. แม้สิ้นสมเด็จย่าแล้ว แต่คุณงามความดีที่ทำมาย่อมเป็นประโยชน์
 
"แต่ยังไงก็ตาม ทุกคนก็รู้สึกว่ามีความอาลัย และทำให้ประชาชนทั้งชาติได้มีโอกาสแสดง เป็นประโยชน์ จะว่าครั้งสุดท้ายของท่าน ที่จริงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะท่านยังเป็นประโยชน์ต่อไปชั่วกาลนิรันดร์ แต่ว่าเป็นประโยชน์เพราะว่าชาวต่างประเทศทุกชาติทุกภาษาเมื่อมาเห็นว่าเมืองไทยมีเหตุการณ์เช่นนี้ แบบนี้ และการแสดงคารวะบุคคลที่ควรคารวะ ต่างประเทศแม้จะไม่ชอบเมืองไทย เขาก็ต้องชอบ เขาจะต้องบอกว่าเมืองไทยนี่มีอะไรแปลก แล้วก็เมืองไทยนี่แปลกจริงๆ ที่มีสภาพอย่างนี้ ฉะนั้น ถือว่าท่านที่มานั่งอยู่ที่นี่ ก็มีคนหน้าเก่าบ้างหน้าใหม่บ้าง แต่ก็มานั่งอย่างมีจิตใจอย่างที่เคยพูดมาปีที่แล้ว เมื่อสองปี เมื่อสามปี เมื่อสี่ปี คือ คนไทยมีความรู้สึกที่แตกต่างกับหลายประเทศ..."

สุดท้ายนี้เราขอแสดงความไว้อาลัย และเป็นกำลังใจให้คนไทยที่กำลังโศกเศร้า ให้ใช้พระราชดำรัสของในหลวงเป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิตต่อไปนะคะ 

(
ฟังเต็มๆ ได้ที่คลิปนี้เลยค่ะ)
เครดิต : haiichannel 
 

แสดงความคิดเห็น

>