Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

“หญิงรักหญิง” ความรักต้องห้ามในราชสำนักสยาม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
     “ครั้นพระองค์ทรงพลิกพระกายกลับ       
หมายว่าพระบรรทมหลับสนิทนิ่ง

 ก็สมจิตคิดไว้ใจประวิง                              
 ก็คลานชิงกันขยับดับเทียนชัย
 เข้าชุลมุนวุ่นวายปลายพระบาท                
ก็คิดคาดเอาว่าหาเห็นไม่
 จึ่งกระทำเอาแต่อำเภอใจ                          
ด้วยแสงไฟมืดมิดไม่มีโพลง
 กระซุบกระซิบซุ่มกายปลายพระบาท        
อุตลุดอุดจาดทำอาจโถง
 เอาเพลาะหอมกรอมหุ้มกันคลุมโปง          
จึ่งตรัสเรียกว่าคุณโม่งแต่นั้นมา”
                               (ส่วนหนึ่งจากเพลงยาว หม่อมเป็ดสวรรค์ ของ “คุณสุวรรณ”)

...   บทความที่อิฉันจะพูดถึงในครั้งนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักต้องห้ามในราชสำนัก ซึ่ง ณ ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด..กับเรื่องราวของ หญิงรักหญิง

     คู่ครองชายหญิง ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ..แต่สำหรับราชสำนักฝ่ายในเป็นอันรู้ดีกันว่า มีแต่สตรีเพศเท่านั้น สตรีเพศล้วนแล้วแต่มีหลากหลายฐานะ หลายนันดรศักดิ์ การมีคู่ครองของชาววังในราชสำนักฝ่ายในจะแตกต่างไปจากชาวบ้านนอกรั้วกำแพงวังอย่างมากนัก ดังจะเห็นได้จาก พระมเหสี เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม แม้กระทั่งสนมนางใน ก็ล้วนที่จะยินยอมคลานเข่าพร้อมใจถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียว

              "ภาพเขียนฝาผนัง วัดคงคาราม จ.ราชบุรี  อายุกว่า 200 ปี (ภาพวาดปรับปรุงใหม่)"

     สตรีกลุ่มหนึ่ง พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร รวมถึงข้าหลวงน้อยใหญ่ในตำหนักต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่มีข้อห้ามใดๆในการครองคู่  แต่ก็มีขนบธรรมเนียมมิให้ชาววังนอกลู่นอกทาง ถึงอย่างไรก็ตามรูปแบบความรักเหล่านนั้นก็ไม่อาจจะฝืนอิทธิพลทางธรรมชาติ ที่แม้จะถูกเก็บไว้ลึกเพียงไหน สักวันก็ต้องสำแดงความต้องการออกมาอยู่ดี

...  ซึ่งแน่นอน ดั่งที่อิฉันจะบอกดังต่อไปนี้ว่า “ความรัก เมื่อถูกกีดกั้นด้วยสังคมและขนบธรรมเนียมประเพณี ทำให้ไม่มีผู้ใดใคร่จะมีโอกาสพบปะเพศตรงข้าม ความรักนั้นจึงมอบให้กับเพศเดียวกัน”  สิ่งนี้ถูกเรียกว่า “เล่นสวาท” หรือ “เล่นเพื่อน”

“เล่นเพื่อน”ในราชสำนักสยาม คลุมโปงกันปลายพระบาทเจ้านาย                    "ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดคงคาราม เข้าใจว่าถูกลงโทษฐานเล่นเพื่อน"

    “เล่นเพื่อน” จึงเป็น “การปลดปล่อย” ของสาวชาววังที่ไม่มีทางออก เป็นเรื่องที่ซุบซิบกันมานาน และอื้อฉาวในรัชกาลที่ 3 เมื่อคุณสุวรรณ กวีเอกในสมัยนั้นผู้ประพันธ์เรื่อง พระมเหลเถไถ ซึ่งถวายตัวรับใช้อยู่ในตำหนักพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ได้แต่งเพลงยาวเรื่อง “หม่อมเป็ดสวรรค์” นำพฤติกรรมหม่อมห้ามสองคนในตำหนักมาบรรยาย (ไม่ได้นินทานะ เพราะรับรู้กันทั่ววัง)

                                        
                        "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิลาส กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ"
 
     หม่อมห้ามทั้งสองที่กล่าวถึงนามว่า “หม่อมสุด” และ “หม่อมขำ” หม่อมสุดได้เข้ามารับราชการในวังหลวงก่อน ประจำอยู่ที่ตำหนักของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ต่อมาจึงชวนหม่อมขำซึ่งสนิทสนมกันเป็นพิเศษ มารับราชการร่วมตำหนักด้วยอีกคน

     หม่อมขำ นั้นชอบผัดหน้าทาแป้ง ขัดผิวฉวีวรรณ มีกริยาชดช้อย อ้อยอิ่ง เดินโยกย้ายส่ายสะโพกตลอดเวลา คุณสุวรรณจึงตั้งฉายาไว้ว่า “ฝ่าพระบาทจึงพระราชทาน ยกจากห้ามขึ้นเป็นจอม เรียก หม่อมเป็ด”
ส่วนทีเด็ดของเรื่องนี้มันอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ  ก็คือที่มาและสาเหตุที่หม่อมสุดได้พระราชทานฉายาว่า “คุณโม่ง”

     ทั้งสองต้องนอน อยู่ปลายพระบาทของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ หม่อมสุดนั้นเป็นคนมีการศึกษา อ่านหนังสือได้คล่อง จึงรับหน้าที่อ่านกาพย์กลอนถวายก่อนบรรทม ซึ่งขอคัดเพลงยาวที่คุณสุวรรณบรรยายไว้ส่วนหนึ่งดังนี้
     “หนังสือไทยอ่านคล่องทำนองชาย       
                                      รู้จักทำกาพย์กลอนอักษรสาร                                         
สำหรับอ่านพระราชนิพนธ์ถวาย           
หนังสือตกอ่านแต้มไม่แย้มพรา

อ่านอยู่ปลายพระแท่นบรรทมใน          
แต่ปากอ่านใจคิดขนิษฐ์เป็ด
มิใคร่จะเสร็จสิ้นสุดสมุดได้                  
จนล่วงมัชฌิมยามสองย่ำฆ้องชัย
จะหยุดไว้ก็เกรงพระอาชญ                
 หม่อมเป็ดน้อยค่อยเตือนให้เพื่อนนอน
เฝ้าเคืองค้อนแค้นขัดสะบัดหน้า           
ยังไม่ทรงพระบรรทมตรมอุรา
แต่ชายตาดูพักตร์พยักกัน                  
เห็นพระองค์ทรงนิ่งไม่ติงกาย
เตือนก็ชายดึงต่วนให้ป่วนปั่น             
                                              หับสมุดหยุดยั้งฟังสำคัญ                                                            
ด้วยกระสันเสียวซ่านรำคาญใจ          
พระแกล้งทรงพระกรรสะจะให้รู้
ว่าตื่นพระบรรทมอยู่หาหลับไม่           
คุณโม่งก็ชะงากกระดากใจ
ก็แข็งจิตอ่านไปใจประวิง                    
ครั้นพระองค์ทรงพลิกพระกายกลับ
หมายว่าพระบรรทมหลับสนิทนิ่ง        
ก็สมจิตคิดไว้ใจประวิง
ก็คลานชิงกันขยับดับเทียนชัย          
เข้าชุลมุนวุ่นวายปลายพระบาท
ก็คิดคาดเอาว่าหาเห็นไม่                  
 จึ่งกระทำเอาแต่อำเภอใจ
ด้วยแสงไฟมืดมิดไม่มีโพลง                
กระซุบกระซิบซุ่มกายปลายพระบาท
อุตลุดอุดจาดทำอาจโถง                    
เอาเพลาะหอมกรอมหุ้มกันคลุมโปง  

จึ่งตรัสเรียกว่า คุณโม่ง แต่นั้นมา"

ที่หม่อมสุดได้ชื่อว่า “คุณโม่ง” ก็เพราะคลุมโปงเล่นอุตลุดกับ “หม่อมเป็ด” ที่ปลายพระบาทนี่เอง

    นับแต่วันนั้นมา คุณสุวรรณ ก็เอาเรื่อง “หม่อมเป็ดสวรรค์” มาเล่ากันเป็นเรื่องขบขันกันในรั้วในวัง ไม่ใช่เรื่องตำหนิติเตียนแต่อย่างใด...อิฉันเป็นหม่อมเป็ดต้องอับอายมากกว่าขบขันเป็นแน่ คุณโม่งนะคุณโม่ง




     เป็นอย่างไรกันบ้างเจ้าคะ กับเรื่องราวของหม่อมเป็ดสวรรค์ ยังมีอีกนะเจ้าคะ ท่านกวีเอกสุนทรภู่ได้ประพันธ์ เอาไว้ถึงแม่ม่ายที่มีใจรักหญิง ใน “นิราศพระประธม” ว่า

“สงสารแต่แม่ม่ายสายสวาท
       นอนอนาถหนาวน่าน้ำตาไหล
       อ่านหนังสือหรือว่าน้องจะลองไน
       เสียดายใจจางจืดไม่ยืดยาว
       แม้นยอมใจให้สัตย์จะนัดน้อง
       ไปร่วมห้องหายม่ายทั้งหายหนาว
       นี่หลงเพื่อนเหมือนเคี้ยวข้าวเหนียวลาว
       ลืมข้าวเจ้าเจ้าประคุณที่คุ้นเคย”

 
แสดงว่าผู้หญิงที่เคยลิ้มรสผู้ชายมาแล้ว ก็ยังมาติดใจรักหญิงด้วยกัน ไม่ใช่ถูกกดดันอย่างหม่อมห้ามนางใน อูยย อิฉันขนลุกขนชัน
     
      โดยปกติแล้วพฤติกรรมเล่นเพื่อนจะกระทำกันอย่างซ่อนเร้นปิดบัง แต่เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ในหมู่สาวๆ ชาววัง แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงทราบ ดังปรากฏหลักฐานในพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่โปรดพระราชทานพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ มีข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...

"...พ่อขอเสียเป็นอันขาดทีเดียว คิดถึงคำพ่อให้มากนักหนา อย่าเล่นเพื่อนกับใครเลย มีผัวมีเถิด แต่อย่าให้ปอกลอกเอาทรัพย์ของเจ้าไปได้..."


    แสดงให้เห็นว่า การมีความรักต่อกันของสตรีเพศเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่ดูจะไม่เหมาะสมและน่ารังเกียจกว่าการมีสามีเป็นตัวเป็นตน แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวอื้อฉาวของสาวชาววังที่เกิดขึ้นเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว ปัจจุบันสังคมบ้านเราเปิดกว้างขึ้นอย่างมาก ความหลากหลายทางเพศก็ต่างเป็นที่ยอมรับ จึงไม่แปลกที่เห็นหญิงรักหญิง และชายรักชาย ดั่งทุกวันนี้....

     วันนี้อิฉันลาไปก่อนนะมังคะ เสด็จทูลเรียกอิฉันแล้ว..คราวหน้าเรามาดูเรื่องราวความรักฉบับ Y กันบ้าง...

ติดตามเรื่องราวความรัก "ชายรักชาย" ได้ที่ : https://www.dek-d.com/board/view/3697464

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : 
http://board.postjung.com/696640.html
http://www.sapaan.org/article/34.html 
  






 
 
 
 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

April MB 25 ต.ค. 59 เวลา 17:48 น. 1

เคยดูในรายการ แฟนพันธุ์แท้เหมือนกันค่ะ พระมเหเถไถ ตอนแรกงงชื่อต่างๆมากๆ5555555

1
Mina 26 ต.ค. 59 เวลา 00:42 น. 2

เคยอ่านเรื่องของหม่อมเป็ดอยู่เจ้าค่ะ จะผิดไหมที่ดิฉันจะรู้สึกดี...

1
อิฉันชื่อพลอย 26 ต.ค. 59 เวลา 09:06 น. 2-1

คุณพระ!! ไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ 55555 อย่างที่อิฉันบอก เราฝืนอิทธิพลธรรมชาติไม่ได้ ปล่อยมันไป อย่างที่เป็นนน

0