Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"ชายรักชาย" ความรักในราชสำนักสยามที่มิอาจเปิดเผย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
         สืบเนื่องจากกระทู้ “หญิงรักหญิง ความรักต้องห้ามในราชสำนัก” จากคราวที่แล้ว

(อ่านได้ที่ :https://www.dek-d.com/board/view/3696236/)  วันนี้อิฉันมาตามสัญญา กับความรักที่มิอาจเปิดเผยและผิดกลไลธรรมชาติ อย่าง “ชายรักชาย” กันบ้างดีกว่า มีข้อแม้นะคะ อิฉันอยากให้ผู้อ่านมองในเชิงประวัติศาสตร์ หาได้แต่คิดว่าเป็นการเปิดโปงหรือรื้อฟื้นเลยนะมังค่ะ...




 



         อย่างที่บอกว่า ความรักมีหลากหลายรูปแบบ โดยปกติแล้วชายรักหญิง หญิงรักชายก็มีให้เห็นโดยทั่วไป แต่หญิงรักหญิง และ ชายรักชายนั้น เป็นความรักที่มิอาจฝืนต่ออิทธิพลของธรรมชาติได้เลย มันเป็นเรื่องของรสนิยมและหัวใจล้วนๆ ถึงแม้จะปิดกั้นไว้เพียงใดก็ตาม ความลับนั้นก็ย่อมที่จะสำแดงออกมาอยู่ดี



       ชายรักชาย หรือ เรียกว่า “การเล่นสวาท” นั้นถือว่าเป็นการผิดขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมา หากเป็นในราชสำนัก พระบรมวงศานุวงศ์ หรือข้าราชบริพาร ชายชาตรีทั้งหลาย ก็มีนางสนมให้เลือกสรรหน้าตากันมากมาย แต่เหตุใดถึง มีความรักอันผิดธรรมชาติแบบที่ไม่รู้ตัวนั้น อันเกิดจากรสนิยมส่วนตัว หรือ การเล่นกันสนุกๆ แต่เกิดการติดอกติดใจกันไปเลยก็ได้ ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยความที่ยุคสมัย ผู้ชายเป็นใหญ่ เรื่อง ชายรักชาย จึงไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่มากนัก



      ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 มีเรื่องราวของ หม่อมไกรสร ผู้ที่ถูกตราหน้าในเรื่อง “เล่นสวาท” และ “กบฏ” หม่อมไกรสรเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกกับเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ทรงมีความรู้ทางด้านพุทธศาสนาอย่างดีเยี่ยม เหนือกว่าพระบรมวงศานุวงศ์อื่น ๆ"ด้วยเหตุนี้รัชกาลที่ 2 จึงทรงสถาปนาเป็น กรมหมื่นรักษรณเรศร กำกับกรมสังฆการี ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ทรงกำกับกรมวังและอธิบดีกรมพระคชบาลต่อจาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐา



     พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ก็ให้ความเกรงอกเกรงใจ หนึ่งนั้นเพราะเป็นอา และยังเป็นพี่เลี้ยงทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่รัชกาลก่อน หนึ่งก็เพราะเป็นผู้วางแผนพลิกโผให้พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์



     แต่หม่อมไกรสร หรือถือพระอิสริยยศในขณะนั้นคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษรณเรศ มาเสียคนเอาตอนท้าย พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ของ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) บันทึกว่า "เพราะด้วยอ้ายพวกละครชักพาให้เสียคน..." รับสินบน ตัดสินคดีไม่ยุติธรรม คิดการใหญ่จะเป็นเจ้าแผ่นดิน...







      เมื่อสอบสวนเป็นความสัตย์ทุกประการแล้ว ก็ทรงให้ถอดอิสริยยศเป็นสามัญชน เรียก "หม่อมไกรสร" แล้วให้ สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ เพื่อขจัดเสี้ยนหนามแก่ราชบัลลังก์



      ประเด็นที่อิฉันจะนำมเล่าในวันนี้ ก็คือ อีกหนึ่งประเด็นตามที่ได้จั่วหัวเอาไว้  คือประเด็นหนึ่งที่ติดตรากลางหน้าผากท่าน มาเอ่ยถึง “หม่อมไกรสรหรือพระองค์เจ้าไกรสร” หลายคนคงนึกถึง พฤติกรรม “เล่นสวาท” กับพวกคณะละครที่ทรงตั้งไว้



#

                                               "ละครนอก ใช้ผู้ชายแสดงทั้งหมด"



     สมัยนั้น “ละครใน” คือ ละครสำหรับเล่นในราชสำนัก ต่างที่รู้กันดีว่าในวังมีแต่ตรี ละครนี้จึงมีแต่ สตรีแสดงทั้งหมด ส่วน “ละครนอก” นั้นเป็นการแสดงละครของชายชาตรีล้วน ตัวนางก็จับชายมาแต่งหญิง ตามบทบาทของเรื่อง



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เล่นสวาท                                             "คณะละครนอก ในอดีต"



     ว่ากันว่า คณะละครนอกของพระองค์เจ้าไกรสรนั้น เลื่องลือว่านายละครคณะนี้ หน้ตาดี คมสัน  อีกทั้งพระองค์เจ้าไกรสรยังเปย์ข้าวของเงินทองให้คณะละครอย่างล้นหลาม คณะละครนี้จึงแต่งตัวกันหรูหรา นุ่งผ้าราคาแพง เครื่องประดับงามตา จนหาคณะไหนเปรียบ กระทั่งยอมให้พวกนายละครแต่งกายเป็นหญิงออกงานประเพณีต่างๆ "เจ้าพวกละครห่มแพรสีทับทิมใส่แหวนเพชรแทนหม่อมห้าม" 



#

          "นายละคร นุ่งห่มเยี่ยงสตรีเพื่อการแสดง และเพื่อออกงานประเพณี"



      พระองค์เจ้าไกรสร ทรงหลงใหลกับนายละครในคณะของพระองค์ ถึงกับขนาดนอนค้างอ้างแรมไม่กลับเวียงวัง หลับนอนกับสนมนางในของพระองค์บ้างเลย



    พฤติกรรมของพระองค์เจ้าไกรสรในขณะนั้น ก็ต่างเป็นที่ซุบซิบลือเลื่องกันในหมู่ชาวบ้าน ไม่เป็นอันปกปิดเพราะท่านไม่ได้ “แอบ” ตัวเองแต่อย่างไร ท่านมีรสนิยมอย่างไร ก็ต่างแสดงออกมาให้เห็น เหตุผลหนึ่งก็เพราะว่า ท่านนักเลงพอ สองนั้นก็เพราะท่านมีอำนาจบารมี ไม่มีผู้ใดกล้าแตะ แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ให้ความเกรงอกเกรงใจ จึงไม่ต้องเรียกร้องให้สังคมยอมรับเหมือนในยุคต่อๆ มา



     ดังจะเห็นใน พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ สำนวน เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค)



     "ทรงขัดเคืองกรมหลวงรักษรณเรศรว่า ทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงให้เป็นผู้ใหญ่ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยต่างพระเนตรพระกรรณก็ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรมกดขี่หักหาญถ้อยความผิด ๆ อย่างนี้คงมีหลายเรื่องมาแล้ว เพราะด้วยอ้ายพวกละครชักพาให้เสียคน

จึงให้ตระลาการค้นหาความอื่นต่อไปให้ได้ความว่า กรมหลวงรักษรณเรศรชำระความของราษฎรมิได้เป็นยุติธรรม ด้วยพวกละครรับสินบนทั้งฝ่ายโจทก์ฝ่ายจำเลยแล้วก็คงหักเอาชนะจงได้…



…ตั้งแต่เล่นละครเข้าแล้ว ก็ไม่ได้บรรทมข้างในด้วยหม่อมห้ามเลย บรรทมอยู่แต่ที่เก๋งข้างท้องพระโรงด้วยพวกละคร

จึงรับสั่งให้เอาพวกละครมาแยกย้ายกันไต่ถาม ได้ความสมกันว่าเป็นสวาทไม่ถึงชำเรา แต่เอามือเจ้าละครและมือท่านกำคุยหฐานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกันเป็นแต่เท่านั้น…



…ก็มีผู้มาพูดว่าทั้งผู้ชายผู้หญิง ข้างผู้ชายนั้นก็กรมขุนรามอิศเรศเป็นต้น จนกระทั่งมหาดเล็กเด็กชา ฝ่ายผู้หญิงเมียของตัวที่ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดก็มาเล่าให้เขาฟังออกเซ็งแซ่ไป ว่าตัวไม่อินังขังข้อกับลูกเมีย มาหลงรักอ้ายคนโขนคนละคร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงทราบ ครั้นจะห้ามปรามว่ากล่าวให้รู้สึกตัวเสียว่า ทำดังนี้ไม่งามไม่ดีความก็จะอื้ออึงไป เหมือนจะแกล้งประจานให้ญาติได้ความอัปยศ




     แล้วทรงพระราชดำริว่า แต่ก่อนกรมหลวงเทพพลภักดิ์ก็ประพฤติการไม่อยู่กับลูกเมียเหมือนกันนี้ สมเด็จพระบรมวงศาธิราชซึ่งเป็นผู้ใหญ่ก็ทรงทราบทุกพระองค์ ก็หาได้ว่ากล่าวกรมหลวงเทพพลภักดิ์ประการใดไม่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมิได้เอาพระทัยเป็นพระราชธุระ"



      มีบันทึกไว้ในหนังสือพิมพ์จดหมายเหตุ สยามประเภท ว่า นายละครคนโปรดของท่านคือ นายขุนทอง (อิเหนา) รองลงมาคือ นายแย้ม (บุษบา) ทั้งสองคนได้รับการชุบเลี้ยงให้อยู่ดีกินดีเป็นพิเศษ (สายเปย์ก็มา)



#                                             "ตัวอย่าง การสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ "



      ถึงอย่างไรก็ตาม การประหารชีวิตครั้งนี้บางกระแสระบุว่าเป็นเหตุผลด้านการเมืองว่าเป็นผู้มักใหญ่ใฝ่สูง มากกว่าพฤติกรรมรักร่วมเพศที่เป็นอยู่ ทั้งนี้กรมหลวงเทพพลภักดี ซึ่งเป็นพี่ ชายของกรมหลวงรักษรณเรศร ก็เป็นผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศโดยไม่อยู่กินกับลูกเมียเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่ถูกตำหนิหรือลงโทษแต่ประการใด อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมรักร่วมเพศก็เป็นประเด็นที่มีการกล่าวขานอย่างกว้างในสมัยดังกล่าว



ในบันทึกนี้ มีความน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือการเล่นสวาทในขณะนั้น เป็นเพียง "เอามือเจ้าละครและมือท่านกำคุยหฐานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกัน" มิได้พิลึกพิลั่นถึงขั้น "หญิงยังอาย" อย่างทุกวันนี้หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งอิฉันก็สุดจะบรรยานะมังคะ  (หัวเราะแบบปิดปาก)



      เมื่อครั้นรัชสมัยรัชกาลที่ 5 บ้านเมืองมีความทันสมัยมากขึ้น มีการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในสยาม ได้มีการออกกฎหมายที่พาดพิงถึงพฤติกรรมรัก ร่วมเพศเช่นเดียวกัน เนื่องจากพระองค์เสด็จไปเยีอนประเทศยุโรปหลายประเทศจึงได้รับแนวคิดเกี่ยวกับกฎหมายของตะวันตกเข้ามาใช้ในสังคมไทยในหลายๆ เรื่อง "ผู้ใดกระทำชำเราผิดธรรมดามนุษย์ ด้วยชายก็ดี หญิงก็ดี หรือกระทำ ชำเราด้วยสัตว์เดียรฉานก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด ต้องรวางโทษติดคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป จนถึง 3 ปี แลให้ปรับตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไปถึง 500 บาทด้วยอิกโสด 1" อันแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยได้เกิดมีพฤติกรรมรักร่วมเพศมากขึ้นจนกลายเป็นปัญหาจึงมีการลงโทษเพื่อให้เลิกการกระทำนั้น หรืออีกนัยยะหนึ่ง ต้องการให้ประเทศชาติมีกฎหมายที่มีความศิวิไลซ์เท่าเทียมกับต่างประเทศ แม้ว่าประชาชนยังไม่มีประสบการณ์หรือมีความเข้าใจในพฤติกรรมรักร่วมเพศมาก นัก โดยถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีงามสำหรับสังคมไทยสมัยนั้น



    ไม่ว่าจะยุคสมัยนั้นความรักอันมิอาจฝืนอิทธิพลทางธรรมชาติเช่นนี้ก็มีให้เห็นตลอด ไม่ว่าจะปกปิด หรือเปิดเผย แต่เหตุการณ์ของ หม่อมไกรสร ในครั้งนี้ ได้ถูกฝังลึกและเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับ ชายรักชายได้อีกในแง่หนึ่ง ซึ่งดวงวิญญาณพระองค์ท่านคงยิ้มแก้มปริ เมื่อยุคปัจจุบันนี้ “ชายรักชาย” ได้รับการยอมรับแบบออกหน้าออกตา บางครั้งก็เกิดควรด้วยซ้ำใช่ไหมเจ้าคะ.....



    เรื่องราวของชายรักชายยังไม่จบ ก้าวเข้าถึงรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 ซึ่งมีการก่อตั้ง “เสือป่า” และ โรงเรียนนายร้อย ชายล้วน นี่สิ น่าสนใจไม่น้อย แค่คิดก็จินตนาการขั้นสูงสุดไปแล้วค่ะ

     

      ไว้มีโอกาส อิฉันจะค้นหามาเล่าสู่กันฟังนะเจ้าคะ



ขอขอบคุณที่มา : 

http://www.madmenwriter.com/No20/bthkhwam_phises.html



 

แสดงความคิดเห็น

>

19 ความคิดเห็น

Mina 26 ต.ค. 59 เวลา 00:39 น. 2

ชอบอ่านเกร็ดประวัติศาสตร์แบบนี้ค่ะ เป็นความรู้มาก ค่ะขอบคุณนะคะ

1
คุณหญิงอุ่น 26 ต.ค. 59 เวลา 09:41 น. 4
เอามือเจ้าละครและมือท่านกำคุยหฐานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกันเป็นแต่เท่านั้น… เห็นภาพเลยมังคะ...พูดไม่ออก
1
My Little Blue Bird 26 ต.ค. 59 เวลา 10:14 น. 5

ได้อ่านทีแรกก็งง แปลยังไม่ออกเลยมาอ่านอีกรอบ ที่นี้ชัดเจนเลยค่าา ภาพชัดขึ้นมาในหัวเลย555

1
skydog_2542 26 ต.ค. 59 เวลา 21:41 น. 7

ทำไมคำให้การท่านจึงได้ปรากฏภาพขึ้นมาในหัวของอิฉันได้รึเจ้าคะ
  ถึงแม้ว่าสิ่งที่ท่านทำจะเป็นแค่เพียงการเอามือเจ้าละครและมือท่านกำคุยหฐานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกันเป็นแต่เท่านั้น

0
Y bloody 27 ต.ค. 59 เวลา 08:45 น. 8

ตอนแรกอ่านแล้วงงๆอ่ะ คุยหฐาน คือ???? สุดท้าย
แจ่มแจ้งเจ้าค่ะ //หาทิชชูแป๊บ
พูดไม่ออก

0
Mayuklam 27 ต.ค. 59 เวลา 13:17 น. 10

หม่อมไกรสร เป็นต้นราชสกุล "พึ่งบุญ ณ อยุธยา" ราชสกุลสายรัชกาลที่1

หม่อมไกรสรเป็นต้นราชสกุล พึ่งบุญ ได้รับพระราชทานเป็นลำดับที่ 3 ในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่แปลกกว่าราชสกุลอื่นตรงที่จะนำพระนามของต้นสกุลมาตั้งออกพระนาม ส่วนราชสกุล "พึ่งบุญ" กลับไม่ใช้พระนามของพระองค์เจ้าไกรสร หม่อมไกรสรมีหม่อมหลายท่านแต่ไม่ปรากฏนาม มีพระบุตรทั้งหมด 11 องค์ เดิมมียศเป็น หม่อมเจ้า ที่ต่อมาถูกลดเป็น หม่อม ทั้งหมด
(อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3)

0
homophobic isgay 27 ต.ค. 59 เวลา 17:58 น. 12

ระมัดระวังการใช้คำพูดหน่อยนะคะ เหยียดเพศค่อนข้างมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ คุณอาจจะเขียนเพลินสนุกปากไป จนลืมคิดถึงจิตใจคนกลุ่มที่คุณว่า"ผิดธรรมชาติ" ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ให้เกียรติกันบ้างก็ดีค่ะ นี่ยุค2016แล้ว กลั่นกรองซักนิดก่อนจะโพสท์

2
อิฉันชื่อพลอย 27 ต.ค. 59 เวลา 19:59 น. 12-1

กราบเจ้าค่ะคุณหญิง อิฉันก็เป็น เพศที่สามตามที่คุณหญิงเอ่ยถึงเหมือนกันเจ้าค่ะ 'ผิดธรรมชาติ' ก็หาใช่คำรุนแรงไม่ ลองควรดูดีๆ อิฉันไม่ได้มีเจตนาเหยียดใรเพศสภาพเหมือนต้นเองเลยค่ะ.กราบผู้อ่านที้ไม้ได้คิดอะไร และกราบขอโทษท่านผู้อ่านที่คิดว่า 'ผิดธรรมชาติ' คือการเหยียดเพศนพเจ้าคะ เยี่ยม

0
สวัสดิภาพ 28 ต.ค. 59 เวลา 18:21 น. 12-2

ผมว่ามันเหยียด นะครับ ทางที่ดีหากเขียนให้เหมาะกว่านี้ ก็น่ารักกว่านะครับ

คนอ่านมีหลากหลายครับ ดังนั้นคนเขียนต้องสื่อให้เหมาะสม และให้ผู้อ่านเข้าใจว่าไม่เหยียด เพราะที่อ่านมามีบางส่วนที่ผมเอง ผู้อ่านคนนึงเห็นว่า เหยียดครับ

ดังนั้นหากผู้เขียนควรยอมรับข้อคิดเห็น และคิดหลายๆด้านกับสิ่งที่เขียนนะครับ

ส่วนตัวแล้วชอบผู้เขียนที่มีทักษะการเล่าทีดีครับ ขอชม

0
ลบเม้นเราไมอะ 28 ต.ค. 59 เวลา 08:55 น. 14

ลบเม้นทำไมคะ เจ้าของกระทู้ลบหรือแอดมินลบคะ ไม่ว่าใครก็ตามขอบอกเลยว่าใจแคบมาก ความคิดเห็นที่ไม่อวยไม่เข้าข้างหรือคิดต่างนี่ถึงกับต้องลบเลยเหรอคะ
เราแค่บอกว่าคำพูดของจขกท เ ห ยี ย ด เ พ ศ เองค่ะ
เ ห ยี ย ด เ พ ศ มากๆ ไม่ให้เกียรติกลุ่มเพศทางเลือกเลย เม้นเราไม่ได้มีคำหยาบคายซักคำ แค่อยากให้จขกทระวังการใช้คำพูดกว่านี้ ถึงกับต้องลบเลยเหรอคะ แย่มากๆค่ะ

1
มะลิ 28 ต.ค. 59 เวลา 11:16 น. 15

อยากทราบ เรื่อง เสือป่า” และ โรงเรียนนายร้อย ชายล้วน ครับ มีให้อ่านหรือยัง ขอบคุณครับ

0
Ffffff 28 ต.ค. 59 เวลา 13:34 น. 16

รออ่สนเสื่อป่าอยู่นะ แค่เกริ่นๆมานี่คิดไปไกลแล้วเจ้าค่ะ อิฉันนี้ฟินเลยเลยค่ะ
รักเลย

0