Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นักเขียนพูดน้อย?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ถ้าจะบอกว่านักเขียนทุกคนพูดน้อย มันก็คงจะไม่ใช่เรื่อง
แต่ถ้าบอกว่า.....
นักเขียนส่วนใหญ่พูดน้อย 
นักเขียนส่วนใหญ่ชอบอยู่เพียงลำพัง
นักเขียนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วชอบเอามาเขียน
นักเขียนสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ
ความน่าจะเป็นไปได้สูงหรือต่ำครับ ว่างๆจะได้เอาไปทายไฮโล!!! 5555 

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

หมาป่าน้อยผู้น่ารัก 6 ธ.ค. 59 เวลา 18:42 น. 1-2

ที่เห็นกดติดตาม 80 กว่าคนนั่น ความจริงแล้วมีอ่านแค่ 15 คน ส่วนที่เหลือ ไม่แน่ใจว่าติดธุระไม่ว่างอ่านหรือเลิกใช้ไอดีของเด็กดีไปแล้ว เห็นเช่นนั้นมาเกือบ 2 ปีแล้ว

0
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 13:58 น. 2
นักเขียนส่วนใหญ่พูดน้อย : เป็นคนพูดมากค่ะ ชอบเล่นมุก แม้จะแป๊กก็เล่นต่อไป TwT 
นักเขียนส่วนใหญ่ชอบอยู่เพียงลำพัง : อยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนชอบกวนค่ะ คิดอะไรไม่ออกค่ะ 555
นักเขียนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วชอบเอามาเขียน : เป็นค่ะ คิดไปเรื่อย เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ยังเอามาทำให้มันเป็นเรื่องได้ =A=
นักเขียนสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ : ไม่ค่ะ ส่วนตัวตัวไม่สามารถเปลี่ยนจากขี้เกียจให้เป็นความขยันได้ค่ะ TwT
ความน่าจะเป็นไปได้สูงหรือต่ำครับ ว่างๆจะได้เอาไปทายไฮโล!!! : สำหรับเราเป็นไปได้ว่าบ้าค่ะ เอาไปแทงยังก็ไม่ถูก TwT
5
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 14:32 น. 2-2

จริงๆ ค่ะ นักเขียนพูดน้อยคงไม่เยอะเท่าไหร่มั้ง 555555

0
number 9 6 ธ.ค. 59 เวลา 21:31 น. 2-3

5555 ชอบเล่นมุกแป้ก กับ กวนตีนชาวบ้านเหมือนเราเลย

0
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 21:47 น. 2-4

แป้กแบบซึ่งๆหน้าด้วยนะ เก่าแค่ไหนก็จะเล่น 555555

0
White Frangipani 6 ธ.ค. 59 เวลา 15:54 น. 3

สวัสดีค่ะ

กระทู้นี้...เป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ  เป็นการบ่นๆ เป็นการระบาย เป็นการพูดลอยๆ หรือว่าเป็นการ...เป็นอะไรก็ไม่รู้เน้อ...

โอเคช่วยๆต่อๆให้ค่ะ...

"ถ้าจะบอกว่านักเขียนทุกคนพูดน้อย มันก็คงจะไม่ใช่เรื่อง"...จริงแล้วเรื่องนี้...จะทำให้เป็นเรื่อง...ก็ได้นะคะ  คนเรานะคะสามารถทำทุกอย่างให้เป็นเรื่อง...หรือไม่เป็นเรื่องได้...อยู่แล้วค่ะ...คนเรานะเก่งค่ะ คนมีความสารถจริงๆนะคะ


แต่ถ้าบอกว่า.....


"นักเขียนส่วนใหญ่พูดน้อย"...ในความเป็นจริงนักเขียนมีอยู่มากมายค่ะ บางคนอาจจะเป็นคนที่พูดน้อย... หรือบางคนพูดมาก...เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้เป็นปรกติธรรมดา เพราะเราทุกคนมีความแตกต่าง...เป็นธรรมชาติค่ะ


"นักเขียนส่วนใหญ่ชอบอยู่เพียงลำพัง"...เคสนี้ก็เช่นกัน...คงมีนักเขียนทั้งชอบความสันโดษ(เพราะเขาชอบความสงบ) และบางคนชอบความบันเทิงเริงใจด้วยการอยู่ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย เอ่ย ไม่ใช่ ท่ามกลางสังคมเทิดเทิง(เพราะเขาอาจจะขี้เหงา หรือเดียวดาย) เพราะความแตกต่างมีอยู่จริงนั้นเองค่ะ

"นักเขียนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วชอบเอามาเขียน"...55555   ข้อนี้อ่านแล้วขนลุก ไนท์แมร์ จำได้ว่าตั้งแต่เด็กๆไม่อนุญาตให้เขียนนิยายเพราะเหตุนี้...ถูกยื่นคำขาดว่า...ไม่นะ...ไม่อนุญาต...เพราะหลายคนเกรงว่า...เราจะคิดไปเรื่อยเปื่อยนั้นเอง...การคิดไปเรื่อยเปื่อยเป็นอันตรายถูกกำชับมากๆๆค่ะ  สงสัยกลัวเราจะกลับบ้านไม่ถูก555 (ตรงนี้ตอบมานอกประเด็น...เพราะคำว่าเรื่อยเปื่อยนั้นเป็นอะไรที่เคยสั่งสอนว่าน่ากลัวค่ะ ขออภัย)

ตอบเคสนี้ใหม่ให้ตรงๆประเด็นดีกว่านะคะ

"นักเขียนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วชอบเอามาเขียน"...ข้อนี้แท้จริงอยากตอบว่า...มีความเข้าใจว่า...หากที่จะชอบคิดติดเรื่อยเปื่อย...นิยายคงไม่เป็นนิยายได้อย่างแน่นอนค่ะ แท้จริงนักเขียนมีจินตนาการนั้นถึงจะถูก(มีจินตนาการคือ...ต้องมีที่มาที่ไปด้วย...คือความคิดที่สร้างสรรค์นั้นต้องไม่เรื่อยเปื่อย...ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวความคิดดำดิน ออกทะเล..ขึ้นบกไปต่อ...เข้าป่าดงดิบ ออกไม่ได้ค่ะ)...เข้าใจแบบนั้นนะคะ ต้องมีจินตนาการที่มีเหตุมีผลด้วยไม่อย่างนั้นนิยาย...ออกทะเล ไม่สมเหตุไม่สมผล

เรื่อยเปื่อย...


เรื่อยเปื่อย

ว. เรื่อย ๆ ไปโดยไม่มีจุดหมาย เช่น พูดเรื่อยเปื่อย เดินเรื่อยเปื่อย.

http://dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-royal-institute/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2

เรื่อยเปื่อย...เป็นอาการที่ไม่ดีเนอะ...เป็นนักเขียนที่ดี...เรื่อยเปื่อยไม่ได้น๊าาาา

...หากเป็นแบบนั้นคงจะเรียกว่านักเขียนไม่ได้ หรือเป็นนักเขียนไม่ได้อย่างแน่ๆค่ะ (ตอบแบบนี้ใช่หรือเปล่าอ่า...คือเข้าใจแบบนี้ค่ะ กำลังหัดเขียน หัดจินตนาการอยู่เช่นกันค่ะ)


"นักเขีย
นสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ"...เขาทั้งหลายทำได้จริงหรือ...ไม่ทราบมาก่อนค่ะ...หากนักเขียนมีความสามารถทำได้แบบนั้นจริงนะคะ...ปาฎิหารย์...แล๊วววว หากเป็นเรื่องจริงนะคะจะต้องตั้งใจเป็นนักเขียนแล้วหล่ะเรา...เพียงนั่งๆจินตนาการไป(เรื่อยเปื่อย) ก็จะสามารถเปลี่ยนใบไม้ให้เป็นเงินได้สินะ5555 เพียงแค่นี้คงสะบายหล่ะชาตินี้...

"ความน่าจะเป็นไปได้สูงหรือต่ำครับ ว่างๆจะได้เอาไปทายไฮโล!!! 5555"...การพนันนี่นะติดแล้ว...เป็นแบบนี้หล่ะ... อันตรายนะคะ อะไรๆก็จะสามารถนำไปพนันได้แบบนี้หล่ะฮื้ออ เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมบอร์ด(เหล่านักเขียน) ก็นำไปพนันได้(น่ากลัวฮื้อ)...พยายามเลิกๆก็จะดีนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ

หากแต่จะตอบให้ตรงประเด็น คือ...ความน่าจะเป็นได้...หรือ...เป็นไปไม่ได้...นั้นก็สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ...เพราะทุกอย่างไม่แน่นอนค่ะ...ความจริงมันเป็นแบบนี้...ที่เป็นความแน่นอน...ค่ะ
 
ที่ตอบมานี้...ถูก(ใจ) หรือผิด(ใจ) เจ้าของกระทู้...หรือไม่...อย่างไร...ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ

แต่ก็ตั้งใจช่วยตอบ...ค่ะ






11
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 18:02 น. 3-1

เป็นคนชอบคิดเรื่อยเปื่อนก่อนเอามาเขียนนิยายจริงๆ นะคะ แลดูเหมือนคนไม่ดีไปเลยแฮะ ;-; 55555 เรานี่นั่งคิดไปเรื่อย คิดๆๆๆ อยู่นั่นล่ะ สุดท้ายมันก็มักจะออกมาเป็นตอนในที่สุด T^T

0
White Frangipani 6 ธ.ค. 59 เวลา 18:52 น. 3-2

สวัสดีค่ะ

"เป็นคนชอบคิดเรื่อยเปื่อนก่อนเอามาเขียนนิยายจริงๆ นะคะ แลดูเหมือนคนไม่ดีไปเลยแฮะ ;-; "...คุณหมายถึงความรู้สึกที่เกิดจากเม้นต์ของดิฉันหรือคะ...หากใช่นะคะ อย่ารู้สึกแบบนั้นไปเลยน๊า...คือมิได้ตั้งใจค่ะ

แท้จริง ความหมายของคำว่าเรื่อยเปื่อยนั้นไม่ใช่ความหมายของ...การเป็นคนที่ไม่ดี...(คือไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลยค่ะ)นะคะ แต่เป็นความหมายที่ไม่ดีต่อจิตใจของรู้มีอาการเอง เพราะมันจะเสียเวลา มันจะเข้าป่าเข้ารก ออกทะเล ออ้มโลก ใช้เวลาเดินทางนานไป คือมันจะไปเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดมุ่งหมายเท่านั้นเองค่ะ

"55555 เรานี่นั่งคิดไปเรื่อย คิดๆๆๆ อยู่นั่นล่ะ สุดท้ายมันก็มักจะออกมาเป็นตอนในที่สุด T^T"...แสดงว่า...คุณเป็นนักเขียนที่มีจิตนาการที่ดี ชัดเจน แก่กล้าค่ะ คุณสามารถนำเรือเข้าฝั่งได้ เอ่ยไม่ใช่ และก็สามารถจิตนาการจบเป็นตอนได้ในที่สุด

คิดแล้ว...จะช้าอยู่ใย(นะเรา..คุกเข้าสิ๊^ ^)

ว่าแล้วคุกเข่า...ขอตัวเป็นศิษย์เลยค่ะ

คือว่ากำลังหัดเขียนนิยายค่ะ แต่มีความขี้เกียจเป็นใหญ่ อยู่เหนือจิตใจค่ะตอนนี้(ระวังจะติดเชื้อด้วยนะคะ555) ใจมันไม่อยากเขียนนิยายน๊าาา...คุณพอจะมีวิธีแนะนำให้หนีรอด หรือหลุดพ้นจากความขี้เกียจนี้บ้างไหมคะ...เอาหล่ะมาถึงตรงนี้คุยๆไปเรื่อยเปื่อย...ประเด็นเริ่มจะออกนอกกระทู้...แล้วนะคะ5555 มีอาการ... เรื่อยเปื่อยหล่ะ (แบบนี้หล่ะอาการเรื่อยเปื่อยนี้ไม่ดีเนาะ ฮื้ออ)

ดึงๆกลับมา...สิ๊ ดึงๆๆๆๆ 55555

ขอเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ^__^


สู้สู้

0
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 19:09 น. 3-3

ขอบคุณจ้า ความขี้เกียจทางนี้ก็มีเหมือนกันค่ะ อาจจะเป็นวิธีที่ไม่เหมือนใครแต่เราใช้วิธีกระตุ้นอารมณ์ชั่ววูบค่ะ เหมือนโรคจิตนิดเลยอ่ะ

ชั่ววูบนี่ไม่แน่ใจว่าหมายความว่ายังไงบ้าง แต่เราเอาตามความเข้าใจเราเองนะ ชั่ววูบของเราคือ 'การกระทำที่ขาดสติ' ค่ะ เรากระตุ้นอารมณ์นั้นออกมา ของเราออกมาง่ายมากเพราะเป็นมานานแล้ว

ความรู้สึกว่ากำลังวูบของเราคือความ 'อยากรู้' ค่ะ อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง ไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างเช่น 'ถ้าโดดตึก4ชั้นจะรู้สึกยังไงนะ' แล้วก็เกือบทำ อันรายนิดๆ ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้

เราเลยเปลี่ยนมาเป็น 'ถ้าเขียนจบจะรู้สึกยังไงนะ มันจะน่าดีใจแค่ไหน พ่อแม่จะชมเราไหม ฯลฯ' กระตุ้นค่ะ ใส่ไฟเข้าไปเรื่อยๆ พอถึงจุดๆ หนึ่ง เราจะรู้สึกฟินแล้วเขิน

จากนั้นก็จะเขียนใส่อารมณ์อย่างบ้าคลั่ง อยู่ในอารมณ์นี้คิดเรื่อยเปื่อยไปก็สามารถนำมาร้อยเรียงให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ค่ะ

ดูเหมือนคนบ้าเลยอ่ะ หรือเราต้องพบแพทย์จริงๆ ;-; ควบคุมตัวเองได้ดีเยี่ยม แล้วเอามันมาใช้ประโยชน์คงไม่ว่าเราใช่ไหม? T^T เปื่อยมาเยอะแล้ว ลากเรากลับที...

*หัดเขียนเหมือนกันค่ะ ไม่ได้เก่งมากแต่ก้พอแนะนำได้ แหะๆ^^

เอ๊ะ ไม่ว่านี่มันสกิลมโนจิตขั้นสูงเหรอคะ? เอ๋ หรือเป็นสกิลผสมผสานกัน!=A=

0
White Frangipani 6 ธ.ค. 59 เวลา 19:55 น. 3-4

สองมือเท้าคาง อ่านๆๆๆ คำแนะนำแล๊วน๊าค๊าาา

อ่านกลับไปกลับมาหลายๆรอบด้วยค่ะ อ่านแล้วก็รู้กลัวขนหัวลุกเลยอ่าาาา

คำบอกเล่านี้...มีทั้งต้อง..ขาดสติชั่ววูบ...ต้องมีความอยาก...อยากรู้อยากเห็นไปหมดเลยด้วย...นั้นคือความมากมายที่จะต้องรู้ อ่านแล้วก็เหนื่อยค่ะ(ยิ่งขี้เกียจอยู่ด้วยฮื้อ)

...มีการกระตุ้น...ต้องใส่ไฟ...ด้วย...ต้องบ้าคลั่ง...ด้วย..ในที่สุดเป็นคล้ายคนบ้า...เลยแบบนั้นนะคะ

...อ่านๆๆๆๆ แลัวคิดทบทวน ทบทวน...คุณพ่อคุณแม่ค๊าาาาช่วยลูกด้วย(น่ากลัวมากมายเลย หลงตัวตะโกนเสียงหลงเลยฮื้อ)...คำเตือนของท่านทั้งหลายนั้นเป็นความจริง...ประจักษ์แล้วเราในวันนี้ ฮื้ออออ ท่านทั้งหลายเคยบอกมาก่อนว่า...การเป็นนักเขียนเสี่ยงที่จะเป็นแบบที่คุณบอกเล่ามานี้ค่ะ

ท่านทั้งหลายรู้ได้อย่างไรกัน...

ทั้งหมดนี้เป็นความจริงหรือนี่...เป็นคำบอกเล่าที่จริงหรือว่าล้อเล่นน๊าาาา น่ากลั๊ว ฮื้ออ

แต่แม้จะน่ากลัวเพียงไรคงจะต้องทำใจ(เพราะรักที่จะเขียน เป็นอะไรก็ยอม)...หรือเป็นกรรม...ที่จะต้องเกิดมาเพื่อ...เป็นนักเขียน...ที่มาต้องมีอาการต่างๆนี้ในชีวิตนี้...ฮื้อออ สงสัยเป็นกรรมเวรจริงด้วยสิมั้งเราใครห้ามก็ไม่ฟังด้วย ใจนะคะอยากเป็นนักเขียน...จะพยายามทำใจยอมรับอาการต่างๆนั้นให้ได้ค่ะ

คำแนะนำเพื่อต่อสู้...กับความขี้เกียจ...เช่นที่คุณเล่ามานี้นะคะ โอเคเชื่อฟังค่ะ หากรอดตายหรือหนีออกจากโรงพยาบาลบ้ามาได้ก็คงได้เป็นนักเขียนสินะ...

แต่...มีอีกเรื่องค่ะ...ที่น่ากลัวมากอีกด้วย...สำหรับการเป็นนักเขียน หรือผู้ผลิตความบันเทิงจากตัวอักษร...นี้นะคะ

นั้นคือมาวันนี้ ยุคสมัยที่มีโจรขโมยเหล่ามิฉาชีพชุกชุม...ซึ่งขโมยสิ่งเหล่านี้ก็มีมาก เป็นอีกหนึ่งเคสที่ไม่อยากนำนิยายลงเน็ต หรือลงเว็บค่ะ กลัวถูกขโมยไปแปลเพื่อตักตวงผลประโยชน์ กลัวถูกแอ๊บ(แบ๊ว)ดูดไปด้วยค่ะ เป็นคนขี้ขลาดด้วยค่ะ คือกลัว และขยาดไปหมดหล่ะค่ะ

นี้อีกปัญหาที่กัดกินความรู้สึกที่อยากเป็นนักเขียนให้กร่อนและสั่นคลอน++++++กับความขี้เกียจเดิมๆที่มีอยู่ด้วยนะคะ...เรื่องเขียนนิยาย(และนำมาลงเน็ต)มาวันนี้ไม่มีพลัง หรือกำลังใจที่จะคิดค่ะ ปัญหานี้แก้อย่างไรคะ คุณพอจะแนะนำได้ไหมคะ

หากเขาก็อปไปไม่เสียดายนะ ในใจนั้นแต่กลัวเขาจะนำไปปลอมแปลงให้ผิดจากจุดมุ่งหมายของเราเองนั้นค่ะที่กลัวมากๆ

คุยๆๆไปเรื่อยเปื่อย...แล้วน๊่าาาา นักเรียนหัดเขียน กับคนเขียนที่บอกว่าตนเองนั้นไม่เก่งช่วยๆกันพากระทู้ออกทะเลเล๊ย5555(เจ้าของกระทู้มาเห็นเข้าจะว่าอย่างไรนะ...อยากรู้จังเลย...)

รอๆฟังคำตอบ...เพื่อที่จะนำไปเป็นกำลังใจค่ะ 6__6


เยี่ยม

0
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 20:37 น. 3-5

ความจริงก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นค่ะ เราอาจจะพิมพ์จนดูน่ากลัวไป มันเหมือนต่อมอารมณ์ที่เราควบคุมได้น่ะค่ะ
ปกติสิ่งในร่างกายเราจะควบคุมมันไม่ได้ใช่ไหมคะ? โดยเฉพาะต่อมกับฮอร์โมนต่างๆ แต่เมื่อหลายปีก่อนที่เริ่มสนใจแล้วเขียนอย่างบ้าคลั่ง(คลั่งไคล้)

ทั้งเขียนทั้งพิมพ์แต่ผลตอบรับกับครอบครัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรืออะไรนี่ล่ะเราจำไม่ค่อยได้ เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น เทียบกับนิยายแล้วน่าจะเป็น 'จุดพีค' ค่ะ เหมือนโลกทั้งใบพลิกกลับด้านไปเลย

เคยแบบยิ้มทั้งๆ ที่ใจมันร้องไห้ไหมคะ? ตอนนั้นเราในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่อยากที่จะเลิกเขียนแต่ก็ต้องพยายามยิ้มให้ครอบครัว ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอทำไปสักพักมันก็เริ่มจับจุดได้ค่ะ

เรา 'สามารถหลอกได้แม้แต่ตัวเอง' เหมือนหลอกตัวเองน่ะค่ะ เราสามารถสั่งให้ตัวเองเจ็บปวด มีความสุข มุ่งมั่นได้ค่ะ สั่งได้เหมือนอาหารตามสั่งเลยล่ะ

เคสแบบนี้ไม่รู้คุณหมอมีรึเปล่า 5555 เราก็ใช้ชีวิตอย่างปกตินะ

ส่วนเรื่องกลัวโดนดูด สำหรับเรามีสองวิธีคือทำใจตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเราเอามาเผยแพร่ในเว็บมันจะเป็นสาธารณะทันที มีสิทธิ์เสี่ยงเอาไปอยู่แล้ว

อย่างที่สองคือ ปลงค่ะ เรานอยด์จนไม่รู้จะนอยด์ยังไงแล้ว สงสารรีดเดอร์ที่รออยู่ สรุปคือเราจะลงต่อไปค่ะ

เราแต่งเพราะเราอยากแต่ง อยากสร้างโลกของเราขึ้นในนิยายด้วยใจจริง เจอแบบนี้ก็นอยด์ได้แปบเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ในโลกของเรายังมีคนรอเราอยู่ คิดแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ

สำหรับเราแล้วเราจะอโหสิค่ะ ไม่เอาเรื่องอะไร อีกไม่นานกรรมจะตามทันเอง เราไม่อยากเป็นเจ้ากรรมนายเวรของใครหรอกนะ 5555

มีอะไรถามได้เลยนะคะ จะช่วยแนะนำอย่างเต็มที่ วิธีของเราอาจจะไม่ดีก็อย่าลืมใช้วิธีอื่นด้วยนะ! ^^

สู้ๆจ้า!

ของขวัญ

0
White Frangipani 6 ธ.ค. 59 เวลา 23:00 น. 3-6

อ่านๆคำบอกเล่าเรื่องราวประวัติการเป็นนักเขียนของคุณแล้ว...ศรัทธา...เลยค่ะ
คุณได้ผ่านๆอะไรๆมามากมายจริงนะคะนี่

หากเป็นดิฉันคงต้องตายเผาไหม้เป็นผงธุลีไปนานแล้วค่ะ เป็นคนอ่อนแอค่ะ

การที่จะเป็นนักเขียนได้ต้องผ่านๆอะไรๆมากมายแบบนี้...เห็นทีความฝันที่จะเขียนนี้มีอันเลือนลางไปละมั้งเราฮื้อออ

"เคยแบบยิ้มทั้งๆ ที่ใจมันร้องไห้ไหมคะ?"...ไม่เคยค่ะ เคยแต่เมื่ออยากร้องก็ปล่อยให้ตัวเองร้องออกมาเลยค่ะ ขี้แยมากด้วยค่ะ ร้องไห้บ่อยๆเลยด้วย

และเมื่ออยากยิ้มก็ปล่อยให้ตัวเองยิ้มออกมาค่ะ รู้สึกดีเบาสบายที่เป็นได้อย่างนั้นค่ะ ไม่เคยที่มีความจำเป็นที่จะต้อง...สวนอารมณ์หรือความรู้สึกของตนเองค่ะ...เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะเป็นนักเขียนไม่ได้แน่เลยสินะ ฮื้อออ

"เรา 'สามารถหลอกได้แม้แต่ตัวเอง' เหมือนหลอกตัวเองน่ะค่ะ เราสามารถสั่งให้ตัวเองเจ็บปวด มีความสุข มุ่งมั่นได้ค่ะ สั่งได้เหมือนอาหารตามสั่งเลยล่ะ"...55555 เป็นวิธีที่ดูจะไม่ง่ายสำหรับหลายๆคนนะคะนี่ คงต้องมีพรสวรรค์ด้วยแน่ๆจึงจะสามารถทำได้

แต่ เชื่อเรื่องจิตใต้สำนึกที่แกร่งหรือผ่านการฝึกฝนในการใช้พลัง...ค่ะ เชื่อพลังจิตของคนเรานี้แท้จริงคือตัวขับเคลื่อนการดำรงไปของเราค่ะ มันต้องการอะไรเราก็จะทำเช่่นนั้น แต่ต้องผ่านการฝึกมาอย่างแน่วแน่ชํ่าชองจริงนะคะ เรื่องนี้เชื่อ เชื่อว่าจิตใต้สำนึกที่ถูกฝึกฝน...ที่มันตื่นตัว...มาอย่างดีมันสามารถควบคุมจิตสำนึก และจิตใจได้...นั้นเป็นธรรมชาติของมันค่ะ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ)

แต่เรื่องหลอกตัวเองนี้คงทำไม่ได้ค่ะ คงจะทรมานน่าดู...เพียงแค่คิดก็ผวา เคยเห็นๆหลายๆคนซึ่งมีความจำเป็นต้องเป็นแบบนั้นค่ะ น่าสงสารมากเลย มาถึงตรงนี้จะร้องหรือจะหัวเราะดีนะนี่...เมื่อหลอกตัวเองไม่ได้...แล้วจะเป็นนักเขียนได้หรือนี่เรา ฮื้ออออ

หลอกตัวเอง...หลอกสั่งได้ราวอาหารตามสั้งเลยหรือคะ5555 คุณเก่งมากเลยค่ะ คงจะไม่ใช่เรื่องที่ใครๆทำได้ง่ายๆอย่างแน่นอนเลย

อ่านประสบการณ์ของคุณแล้ว...ทำให้ได้รู้ว่า...การเป็นนักเขียนั้นเป็นอะไร...ที่น่ากลัวพอสมควรเลยค่ะ


เราแต่งเพราะเราอยากแต่ง อยากสร้างโลกของเราขึ้นในนิยายด้วยใจจริง เจอแบบนี้ก็นอยด์ได้แปบเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ในโลกของเรายังมีคนรอเราอยู่ คิดแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ"...เป็นอะไรที่น่าจะหนักและเหนื่อยมากเลยค่ะเมื่ออ่านแล้วนะ...การเป็นนักเขียน...เป็นเช่นนี้นี้เอง...

ปัญหาอีกมากมายที่จะติดจามมาเมื่อนิายถูกส่งออกสู่เว็บหรือเน็ต...มีการขโมยก็อป ขโมยแปล แอบดูด...เป็นนักเขียนนี้แท้จริงเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสนะคะ

อ่านๆคำบอกเล่าแล้วก็อยากบอกคุณว่า...ขอเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ

เจ้าของเม้นต์นี้เป็นเพียงนักเรียนหัดเขียน...สิ่งที่จะทำได้ในขณะนี้คงได้เพียงหัดๆเขียนๆ...สนุกๆเพลิดเพลินไปวันๆเท่านั้นค่ะ

หากในวันหนึ่ง...ที่จะสามารถมีอารมณ์ที่จะเขียนได้จริงจังจะเข้ามาขอคำปรึกษาจากคุณค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

เป็นกำลังใจค่ะ...แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับการตอบรับยาวๆนี้ด้วยค่ะ


สู้สู้

0
Devilinlove. 7 ธ.ค. 59 เวลา 06:48 น. 3-7

อ้ายยยย >< ไม่ได้น่ากลัวน้าา การเป็นจะนักเขียนแค่ต้องสตรอง ต้องแข็งแกร่งมากๆ เท่านั้นเองค่ะ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะ ใครก็เป็นนักเขียนได้ทั้งนั้นแหละค่ะ ขึ้นอยูที่ว่ามีใจรักที่จะเขียนรึเปล่า

ความสามารถแปลกๆ ของเราใช่ว่าใครจะทำได้ ทำเรามันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเป็นพวกขาดความอบอุ่นขนานหนักน่ะค่ะ พ่อแม่ไปทำงานที่อื่นแล้วให้เราอยู่กับยาย

เราไม่อยากให้เป็นห่วงก็เลยยิ้มมาตลอดค่ะ ถึงจุดพีคก็ควบคุมมันได้พอดี ทางนี้ก็หัดมาหลายปีแต่ไม่เคยจบสักที ห่วงตัวะลครค่ะ ไม่อยากให้จบ อ่านแต่เทคนิคมา

"หากในวันหนึ่ง...ที่จะสามารถมีอารมณ์ที่จะเขียนได้จริงจังจะเข้ามาขอคำปรึกษาจากคุณค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ" จ้าเราจะแอดเพื่อนไว้น้า~ >< สู้ๆ เช่นกัน

0
Kara Yuta 8 ธ.ค. 59 เวลา 17:30 น. 3-8

White Frangipani
"นักเขียนสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ" ขอนี้ทุกๆคนคงเข้าใจผิดพี่สาว ผมหมายถึงในงานเขียนของนักเขียนท่านนั้นครับ เช่น ในความเป็นจริงมนุษย์บินไม่ได้ แต่ผมสามารถที่จะแต่งนิยายที่เกี่ยวกับให้มนุษย์บินได้

"ความน่าจะเป็นไปได้สูงหรือต่ำครับ ว่างๆจะได้เอาไปทายไฮโล!!! 5555"...การพนันนี่นะติดแล้ว...เป็นแบบนี้หล่ะ... อันตรายนะคะ อะไรๆก็จะสามารถนำไปพนันได้แบบนี้หล่ะฮื้ออ เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมบอร์ด(เหล่านักเขียน) ก็นำไปพนันได้(น่ากลัวฮื้อ)...พยายามเลิกๆก็จะดีนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ
จริงผมเล่นไฮโลไม่เป็นครับ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากลอง 5555

Devilinlove.
ผมอ่านของคุณแล้ว ผมชอบตรงนี้มากเลยครับ...
ความรู้สึกว่ากำลังวูบของเราคือความ 'อยากรู้' ค่ะ อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง ไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างเช่น 'ถ้าโดดตึก4ชั้นจะรู้สึกยังไงนะ' แล้วก็เกือบทำ อันรายนิดๆ ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้
เราเลยเปลี่ยนมาเป็น 'ถ้าเขียนจบจะรู้สึกยังไงนะ มันจะน่าดีใจแค่ไหน พ่อแม่จะชมเราไหม ฯลฯ' กระตุ้นค่ะ ใส่ไฟเข้าไปเรื่อยๆ พอถึงจุดๆ หนึ่ง เราจะรู้สึกฟินแล้วเขิน

0
Devilinlove. 9 ธ.ค. 59 เวลา 08:55 น. 3-9

ดีใจจัง 555 ปกติเป็นคนที่พูดแล้วจะไม่มีใครเข้าใจน่ะคะ อย่าว่าชอบเลย งงในสิ่งที่เราพูดอีกต่างหาก
เหอะเหอะ

0
Kara Yuta 9 ธ.ค. 59 เวลา 10:35 น. 3-10

ผมก็มักจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องครับ อาจเป็นเพราะเวลาผมพูดผมชอบคิดไปเองว่าเขาคนนั้นที่ผมพูดด้วยเขาคงเข้าในสิ่งที่ผมพูด...
มีอยู่ครั้งหนึ่งน้องทักผมว่า "พูดอะไรเนี่ย ให้ไปเอาอะไร ไม่บอกแล้วจะรู้ได้ไง" ถ้าเขาไม่พูดแบบนี้ ผมก็คงจะยังไม่เข้าใจตัวเองว่า ผมพูดอะไรผิดไป ทำไมเขาไม่รู้ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด กับไอแค่ให้ไปเอาไม้กวาด(สมมุตินะครับ) แต่ผมดันไม่บอกเขาว่าให้ไปเอาไม้กวาด แต่ผมดันบอกเขาว่า "ไปเอาไอนั้นให้หน่อย" ใครจะไปเข้าใจว่า ไอนั้น คืออะไรใช่ไหมละครับ แต่ผมก็ว่าเขาน่าจะเข้าใจนะว่าผมให้ไปเอาอะไรเพราะพื้นกำลังเลอะ พื้นกำลังเลอะก็ต้องมากวาดให้สะอาดถูกไหมครับ(นี่คิดสิ่งที่ผมคิด) แต่เขาไม่ได้คิดเหมือนที่ผมคิดเขาเลยไม่เข้าใจว่า ไอนั้น ที่ผมหมายถึงมันคืออะไร
หลายต่อหลายครั้ง เวลาผมพูดผมมัจะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกหรือตรงเกิดไป ทำให้ผู้ฟัง ฟังแล้วรู้สึกงงๆหรือรู้สึกว่าแรงเกินไป เช่น เมื่อไม่นานมานี่เอง อ. เขาจัด trip จะไปหัวหินกัน แต่ปีผมคุยกันแล้วไม่ไป พอเรียนวิชาเขา เขาถาม ผมก็ตอบเขาไปว่า "ไม่ไป เพราะ รู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป" แค่นั้นแหล่ะครับ ก็ปิดคดี 5555 เขามาบอกผมทีหลังว่า ไม่ควรพูดแบบนั้นเพราะมันตรงเกินไป ผมก็ได้แค่ ครับๆๆๆๆ...
ผมเองแข็งกระด้าง ตรงไปตรงมาตั้งแต่เด็ก เพราะผมคิดว่า การพูดไปตรงๆเลย จะทำเข้าใจง่ายกว่าการพูดแบบอ้อมๆ มันทั้งเสียเวลาและเข้าใจยาก แล้วอีกอย่างผมจะไม่เสียเวลาไปพูดคุยกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ผมจะเดินไปหาคนที่เป็นตัวปัญหาและผมก็จะพูดกับเขาตรงๆไปเลย(แต่เรื่องนั้นต้องเกี่ยวข้องกับผมด้วยนะ ถ้าไม่เกี่ยวผมก็ไม่ยุ่ง) okay ผมยอมรับว่าการพูดอะไรไปตรงๆ มีความเสี่ยงสูง ที่เขาจะโกรธ จะเกลียดเรา เรื่องนี้ผมยอมรับสภาพได้ ก็ถ้าเราพูดไปตรงซะขนาดนั้น ถ้าเขายังไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ เราคงต้องหยุดเองเพราะมันเสียเวลาว่าไหมครับ แถมยังต้องมีศัตรูเพิ่มอีก ตายๆๆๆ
ผมนอกเรื่องซะแล้ว!!!! 5555
กลับเข้าเรื่องเดิมครับ....มี อ. ท่านหนึ่งบอกผมว่า เวลาผม post อะไรใน Facebook กับเวลาผมพูดมันต่างกันมาก มันเกิดจาก การคิดไตร่ตรอง มีสติ สังเกตได้ว่า ผมจะ post อะไร ผมจะคิดไตร่ตรองก่อน post เสมอ แต่เวลาพูดเหมือนไม่ได้คิด ไม่มีสติ ไม่มีลำดับขั้นตอนการวางแผนที่จะพูด เลยทำให้เวลาพูดออกมา คนอื่นฟังไม่รู้เรื่อง อืม...ผมคิดๆไปก็เหมือนกับที่ อ. ท่านนั้นบอกผม

0
Devilinlove. 9 ธ.ค. 59 เวลา 10:42 น. 3-11

ต่างกับเราเลยนะเนี่ย ทางนี้เป็นแบบถ้าจะเรียกอะไรต้องระบุเจาะจงเพราะรู้ว่ามันไม่เข้าใจ เราก็เป็นพวกไม่สนใจอยู่แล้วอ่ะ

ประมาณพื้นเลอะแบบจขกท. แม่บอก 'ไปเอานั่นมา' แบบนี้คือถ้าไม่ชี้ว่าเอาอะไรเราก็จะถามว่าตกลงจะเอาอะไรเพราะเราไม่ได้สังเกตตรงพื้นที่มันเลอะ ง่ายๆ คือ ไม่ได้สนใจพื้นเลยมากกว่า เลอะได้เลอะไป 555555

ส่วนพล็อตนี่...ไม่ค่อยกล้าวางค่ะ ไม่อยากรับรู้ว่าอะไรจะเกิดภายในนิยาย แต่มันก็จำเป็นตรงวางอยู่ดีร้องไห้หนักมาก 555555
ฮือฮือ

0
666BLACK666 6 ธ.ค. 59 เวลา 18:34 น. 4

อันนี้คือตัวเราเองน่ะนะ

พูดน้อย: ในแต่ละวันก็แทบนับคำได้เลยทีเดียว ไม่ค่อยพูดหรอก อาจเป็นเพราะเรียบเรียงคำพูดแล้วมันวกวน (ไม่เหมือนเขียน) หรือไม่กล้าพูด หรือคนรอบข้างดูพูดแต่เรื่องไร้สาระ พอเราพูดก็ไม่ค่อยจะมาเข้าใจ หรืออะไรก็ช่าง อย่างไรก็ตาม ไม่ชอบพูด
ชอบอยู่เพียงลำพัง: เราชอบหาที่สงบ ๆ อยู่ ที่ที่ไม่มีคนเยอะ แต่ในปัจจุบันทำไม่ค่อยได้ เพราะพวกเพื่อนจะติดสอยห้อยตาม เป็นอะไรของพวกเขาก็ไม่รู้ แต่การมีเพื่อนแบบนี้ก็ดี ฟังเขาคุยกัน ไม่เหงา
ชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วเอามาเขียน: คิดเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ได้เอามาเขียนเสียทุกเรื่อง
เปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ: ไม่หรอก แต่ใส่สีตีไข่ลงในพล็อตทื่อ ๆ ให้มันดูมีสีสันนั้นทำได้อยู่แล้ว
3
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 19:15 น. 4-1

ของเราจะพูดมากใส่คนที่สนิทน่ะค่ะ แต่ถ้าไม่สนิทก็จะเงียบ..เงียบ..เงียบใส่อย่างเดียว ฟังพวกเขาพูดกัน เป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง 55555 นอกจากบอกชื่อแล้ว พูดอย่างอื่นก็วกไปวกมา ในหัวพยายามเรียบเรียง อยากพูดเท่ๆ เหมือนในนิยายค่ะ 55555 ลิ้นพัน

0
666BLACK666 6 ธ.ค. 59 เวลา 19:42 น. 4-2

เหมือนกันเละนะ เป็นผู้ฟังมากกว่าเพราะพูดมันยากกว่าเขียน

0
Devilinlove. 6 ธ.ค. 59 เวลา 20:43 น. 4-3

ควมจริงเราแค่เรียงคำพุดไม่ถูกอ่ะ ลืมว่าต้องใช้ภาษาแบบไหน คือแบบเผลอใช้ภาษาที่ตัวเองเขียนมาพูดแล้วแบบคนอื่นหัวเราะงี้ จากนั้นก็ไม่ค่อยกล้าพุดเพราะกลัวหลุดอีกเลย ==

ปล. เป็นคนชอบอ่านที่ตัวเองเขียนแบบออกเสียงแล้วค่อยลงน่ะค่ะ มันเลยติด

0
คหสต.!! 6 ธ.ค. 59 เวลา 19:08 น. 5

หัวข้อกระทู้ "นักเขียนพูดน้อย" รวมทั้งเนื้อหาภายในกระทู้ทั้งหมดนี้ ผมไม่เห็นด้วยแม้แต่ข้อเดียว
เพราะมนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสาขาอาชีพใด ๆ ล้วนประกอบด้วยผู้คนหลากหลายบุคลิกทั้ง
สิ้น ซึ่งพฤติกรรมของมนูษย์นั้นมีความซับซ้อนที่หลากหลาย เกินกว่าเพียงคำจำกัดความหรืออิทธิ
พลของอาชีพ จะสามารถหล่อหลอมพฤติกรรม ของผู้คนในอาชีพนั้น ๆให้เป็นไปในวิถีเดียวกันทั้ง
หมดได้..
..

โดยเฉพาะข้อความที่ว่า"นักเขียนสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้เสมอ" ทว่าแท้
จริงแล้วนักเขียนไม่ใช่เทพเจ้า หากแต่เป็นเพียงผู้มีความสามารถ หรือผู้พึงเพียรพยายามเรียง
ร้อยจินตนาการ ให้เสมือนจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างอรรถรสให้เกิดแก่ผู้อ่าน อย่างมีเหตุและ
ผลซึ่งแม้ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องสร้างขึ้นจากความเชื่อ หรือมุมมองส่วนตัวก็ตาม โดยต้อง
พยายามให้ทุกเนื้อหามีเหตุนำผล มีผลรองรับเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ควรเขียนอย่างเลื่อนลอยไร้
เหตุผลครับ..

ทว่ายังมีนักเขียนอีกมากมาย ซึ่งขีดเขียนเพียงสิ่งที่อยากเขียน แม้บางครั้งกระทั่งตัวผู้เขียนเอง
ก็สามารถรู้สึกได้ด้วยตนเอง ว่าไม่สมบูรณ์เพียงพอ แต่อาจไม่สามารถเสาะหาหรือขี้เกียจ เสาะ
หาข้อมูลมาเติมแต่งให้สมบูรณ์ ซึ่งข้อความนี้เพียงข้อเดียว ก็มีความผิดพลาดที่ซ้ำซ้อนถึงสอง
ประการแล้ว หนึ่งนักเขียนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ไม่จริง ให้เป็นเรื่องจริงได้แน่นอน..

สองไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลหรือคำจำกัดความของอาชีพ เพียงประการประการเดียว ไม่สามารถจะ
เป็นเบ้าหลอมพฤติกรรมของมนุษย์ ให้เป็นเช่นเดียวกันหรือแม้แต่จะสามารถ ใช้คำว่าส่วนมาก
ได้ เพราะพฤติกรรมของมนุษยํนั้น ถูกหล่อหลอมจากสิ่งต่างๆมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่เกิดขึ้นจากสิ่ง
ใดสิ่งหนึ่งเท่านั้นครับ..

1
Kara Yuta 8 ธ.ค. 59 เวลา 17:37 น. 5-1

เยี่ยมเลยครับ อ่านแล้วไม่มีผิดเลย
มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่เชื่อถือไม่ได้ที่สุด เพราะอะไร เพราะมนุษย์มีได้ทุกอารมณ์และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถูกมั้ยครับ

0
คุณพีทคุง พิธันดร 7 ธ.ค. 59 เวลา 02:09 น. 7

สมัยก่อนยุคอินเตอร์เน็ตอาจจะใช่นะครับ แต่สมัยนี้ ผมว่าไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะการ "เขียน" มันเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ คนที่มีบุคลิกหลายๆ แบบ ก็หันมาสนใจการเขียนกันมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะคนที่เก็บตัวหรือพูดน้อยเท่านั้นครับ

0
HyoNeal 8 ธ.ค. 59 เวลา 19:32 น. 8
นักเขียนส่วนใหญ่พูดน้อย 
ตอบ มันคือเหตุผลหลักที่ชอบเขียนมากกว่าพูดค่ะ คืออยากจะพูดอยากจะเตือนแต่ไม่ค่อยมีคนฟัง แต่พอมันเกิดขึ้นจริงก็มาโทษเราไม่บอก สรุปเราผิดใช่ไหม ฮาๆ

นักเขียนส่วนใหญ่ชอบอยู่เพียงลำพัง
ตอบ ไม่ได้อยู่ลำพังค่ะ ก็มีเพื่อน มีครอบครัว ว่างๆก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง

นักเขียนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วชอบเอามาเขียน
ตอบ พอพูดน้อยมันก็เลยชอบคิด คิดไปมันทุกเรื่อง แต่จะลงมือทำจริงๆหรือเปล่าก็อีกเรื่อง

นักเขียนสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ
ตอบ ก็อาจจะมีบ้าง แต่ถ้ามองความเป็นจริง โลกความจริงบางอย่างมหัศจรรย์กว่าเยอะ ยิ่งเรื่องของความรัก
สรุปก็คือ แล้วแต่คนค่ะ เพราะต่างคนต่างใจ :D
0
AMEOHGU 9 ธ.ค. 59 เวลา 20:06 น. 10

คงเป็นบางคนที่จะพูดน้อย...อย่างผมก็ไม่ได้พูดน้อยนะ....แต่ผมไม่มีความกล้าที่จะพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จัก....และผมแสดงออกไม่เก่ง....มีอะไรก็ระบายไปกับนิยายจนหมด.....ไม่รู้ว่าคนอื่นๆเหมือนผมไหม?....แต่นี่ละตัวผม!

0
Nomapol 9 ธ.ค. 59 เวลา 21:53 น. 11

ก็ตามชื่อแหละครับ ก็นักเขียนนิ ก็ต้องเขียนมากกว่าพูดอยู่แล้ว (การทำงาน)

ถ้าในสายบันเทิง ก็คืออยู่เบื้องหลัง(เขียนบทหนัง ละคร ) ให้ดารา นักแสดง 

อาจจะเพราะนิสัยเฉพาะตัวของนักเขียนเกือบทุกคนด้วยครับ คือจะเป็นคนที่ชอบดู ฟัง สังเกต สิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากกว่า

ชอบอ่านทั้งนิยาย หนังสือ ความรู้รอบตัวด้วยนะครับ เลยไม่ค่อยจะตามใคร หรือมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงครับ

จึงเป็นเหตุให้คนอื่นมองเราว่าพูดน้อย ซึ่งจริง ๆ อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ครับ


0
Melody warty 9 ธ.ค. 59 เวลา 23:46 น. 12

นักเขียนส่วนใหญ่พูดน้อย=โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่555
นักเขียนส่วนใหญ่ชอบอยู่เพียงลำพัง=ของชอบเลย555 แต่ไม่ได้อยากอยู่คนเดียวเท่าไหร่แต่มันไม่มีใครเข้าใจตรรกะ วิธีคิด วิธีแก้ปัญหาของเราจนมีเพื่อนน้อยมากกกก
นักเขียนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วชอบเอามาเขียน=ถูกที่สุด นั่งทำข้อสอบแก้สมการหาแรงได้พล็อตนิยายเฉย
นักเขียนสามารถเปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ=ก็เป็นไปได้ในโลกของฉัน เอ้าสรรเสริญฉันซะนักอ่าน555

2
Kara Yuta 10 ธ.ค. 59 เวลา 02:26 น. 12-1

55555 เขียนดีๆครับ เขียนมาให้อ่านบ่อยๆนะ (แบบนี้เรียกว่าสรรเสริญเปล่าครับ)
รักเลย

0