Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว : แอ่วเชียงใหม่ ... ไปเที่ยวไร่การแฟโครงการหลวงแม่หลอด - นอนดูทะเลดาวที่ดอยม่อนเงาะ Ep.1

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
     ลมหนาวมาแล้ว มองปฏิทินมีช่วงวันหยุดยาวอยู่ ไม่อยากรอช้า หนีกรุงไปสัมผัสอากาศหนาว ๆ ที่เชียงใหม่ดีกว่า ว่าแล้วก็จับรถไฟไปแอ่วเมืองเหนือกันเลยดีกว่าค่า ><
 

ปู๊น ปู๊น รถไฟจะออกแล้วจ้าาาา ... คิดจะนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ เตรียมใจไว้เลย นั่งกันยาว ๆ 12 ชั่วโมง!!! 
 
     นั่งรถไฟไปเพลิน ๆ ก็ลองหาข้อมูลดูว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี และต้องบอกเลยว่าถ้าไม่นับสถานที่เที่ยวฮิต ๆ ที่เป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวชอบไปแล้ว เชียงใหม่ยังเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีโครงการหลวงซ่อนตัวอยู่เยอะมาก และมีโครงการหลวงหลายที่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะเน้นเที่ยวตามที่ที่เป็นที่นิยม มีคนไปถ่ายรูปและรีวิวบ่อย ๆ อย่างเช่น ศูนย์พัฒนาโครงหลวง หนองหอย-ม่อนแจ่ม ... แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก ได้สัมผัสกับธรรมชาติ บรรยากาศดี ๆ พี่เหมี่ยวแนะนำว่าให้ลองไปเที่ยวโครงการหลวงที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวดูค่ะ อย่างโครงการหลวงที่พี่เหมี่ยวจะพาไปเที่ยวกันในทริปนี้ต้องบอกเลยว่า เงียบสงบ บรรยากาศดี และที่สำคัญใครที่ได้มาที่นี่จะได้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟพร้อมกับชิมกาแฟหอมกรุ่นรสชาติดีด้วยล่ะค่ะ ที่นี่เลยค่ะ "สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด" รับรองว่าถ้าได้มาแล้วจะต้องหลงรักแน่นอนค่ะ
 
ก่อนไปถึงสถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด พี่เหมี่ยวแอบแวะร้านโครงการหลวงที่ด้านหลัง มช บอกเลยฟินมาก
โลเคชั่นร้านสวยมาก แอบช้อปผลิตภัณฑ์โครงการหลวงติดไม้ติดมือไปนิดหน่อย พอกรุบกริบ ><






ถึงสถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอดแล้ว!! ... บรรยากาศดีมาก นักท่องเที่ยวน้อย ไม่ต้องแย่งกันเที่ยว เย่!!

 



สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด ... บรรยากาศสุดฟินท่ามกลางไร่กาแฟ ไปแล้วไม่อยากกลับเลยล่ะ :)

     สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด ตั้งอยู่ที่ บ้านแม่หลอดเหนือ ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ. เชียงใหม่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีพื้นที่ 60 ไร่ ครอบคลุม 4 หมู่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนพื้นถิ่นเหนือ และชาวไทยภูเขาเผ่าปกาเกอะญอ ที่นี่ตั้งอยู่บนความสูง 680 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง งานหลักของที่นี่ก็คือวิจัยกาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์ผสม 28 สายพันธุ์ แค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ แล้ว บวกกับบรรยากาศโดยรอบที่เป็นแปลงเพาะพันธุ์กาแฟ ขอบอกเลยค่ะว่าฟินจริงอะไรจริง นอกจากจะวิจัยกาแฟแล้ว ที่นี่ก็ยังมีการวิจัยพืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรหายากอีกหลายชนิด เพื่อให้ปลูกร่วมในแปลงกาแฟ และยังเป็นแหล่งวิชาการสำหรับนำไปส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับประชาชนด้วยค่ะ สำหรับหน่วยงานหรือผู้ที่สนใจอยากได้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟก็สามารถเข้ามาเที่ยวชมแปลงปลูกและขอคำแนะนำจากพี่ ๆ เจ้าหน้าที่โครงการได้เลยค่ะ

อยากตามมาเที่ยว ... ตามแผนที่มาเลยจ้า ไม่หลงแน่นอน พี่เหมี่ยวคอนเฟิร์ม

 
>> เส้นทางของกาแฟจากโครงการหลวง ... กาแฟของในหลวง ร. 9
 

ตัวอย่าง ผลกาแฟสด > กาแฟกะลา > สารกาแฟ > กาแฟคั่ว

 
     ระหว่างเดินเที่ยวชมไปตามแปลงปลูกกาแฟอาราบิก้าเพลิน ๆ พี่เจ้าหน้าที่วิจัยประจำสถานีฯ ก็ได้เล่าถึงประวัติที่มาที่ไปของสถานีวิจัย พร้อมกับได้เล่าถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับวงการกาแฟไทย ด้วยว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2517 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ ตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่เชียงใหม่ และเสด็จออกเยี่ยมเยียนราษฎรรวมถึงชาวเขาเผ่าต่างๆ โดยในการทรงเยี่ยมเยียนชาวเขาครั้งนี้ หลังจากเสด็จด้วยรถยนต์พระที่นั่งทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่าม้งที่บ้านขุนกลาง ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง แล้วพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เพื่อทรงเยี่ยมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่บ้านอังกาน้อย และเสด็จไปทอดพระเนตรไร่กาแฟที่ชาวกะเหรี่ยงปลูกไว้ ซึ่งที่ไร่กาแฟนั้นมีต้นกาแฟให้ได้ทอดพระเนตรเพียง 2-3 ต้นเท่านั้น!! 


ความสมบูรณ์ของกาแฟในแปลงทดลองที่สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด ... ดูสิคะผลกาแฟสีแดงสวยเชียว

     โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ตรัสถึงวัตถุประสงค์ในการเสด็จไปทอดพระเนตรต้นกาแฟว่า  “เรามาเพื่อให้ชาวบ้านเห็นความสำคัญ” พระองค์ต้องการให้ชาวเขาหันมาเห็นความสำคัญของการปลูกกาแฟ แทนการปลูกฝิ่น และต้องการให้การปลูกกาแฟนั้นพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งปรากฎว่าในปีต่อ ๆ มา ชาวกะเหรี่ยงก็ได้หันมาปลูกและขายกาแฟซึ่งมีรายได้สูงกว่าการขายฝิ่น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบรรดาชาวเขาก็ได้ร่วมมือกันกับภาครัฐเริ่มต้นปลูกและพัฒนาเมล็ดกาแฟกันอย่างจริงจัง ทางโครงการหลวงจึงได้เข้ามาส่งเสริมการปลูกกาแฟและนำวิธีการดูแลรักษาและเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม


ผลกาแฟสด ๆ มี 2 สี คือ สีแดง กับ สีเหลือง ...


"กาแฟกะลา" หลายคนอาจงงว่าคืออะไรนะ? 
กาแฟกะลา คือ เมล็ดกาแฟแห้ง ที่ได้จากผลกาแฟสุกที่เอาส่วนของผนัง ผลชั้นนอกหรือเปลือกชั้นนอก และผนังผลชั้นกลางหรือเนื้อออก แต่ยังคงมีผนังผลชั้นใน หรือเปลือกชั้นใน หรือที่เรียกว่า กะลา ติดอยู่ ด้วยสาเหตุนี้เค้าก็เลยเรียกกว่ากาแฟกะลานั่นเอง


กาแฟสาร หรือที่เรียกทั่วไปว่า กาแฟเมล็ดเมล็ดกาแฟแห้ง ที่ได้จากผลกาแฟสุก ที่เอาส่วนเปลือก ได้แก่ผนังผลชั้นนอก หรือ เปลือกนอก ผนังผลชั้นกลาง หรือ เนื้อ และ ผนังผลชั้นใน หรือ เปลือกชั้นใน 
หรือที่เรียกว่า กะลา ออกแล้ว
... หลายคนอาจจะงงว่า กาแฟกะลา กับ กาแฟสาร (หรือสารกาแฟ) แตกต่างกันยังไง อธิบายแบบเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ ถ้าเปรียบเมล็ดกาแฟเป็นข้าว กาแฟกะลาคือข้าวเปลือก ข้าวที่เอาเปลือกออกแล้วเรียกว่าข้าวสาร 
กาแฟกะลาที่ขัดเปลือกออกหมดแล้วจึงเรียกกาแฟสาร นั่นเองค่ะ ...

กาแฟไทยอร่อยไม่แพ้ใครนะจ๊ะขอบอก ... แค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้ว ><

     ปัจจุบันโครงการหลวงผลิตกาแฟ โดยการรับซื้อกาแฟอาราบิก้าจากเกษตรกรในพื้นที่ส่งเสริมของมูลนิธิโครงการหลวง 20 แห่ง โดยรับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยกว่า 2,000 ราย ในรูปแบบกาแฟกะลา (กาแฟที่ปอกเปลือกสีแดงหรือเหลืองออกเหลือแต่เมล็ดและเปลือกหุ้มเมล็ด) ปีละ 250 – 300 ตัน และจำหน่ายต่อในรูปแบบกาแฟเมล็ด (กาแฟดิบ) ให้แก่อุตสาหกรรมแปรรูปกาแฟ และ จำหน่ายในรูปกาแฟคั่วภายใต้ชื่อ "กาแฟดอยคำ" ... และนี่จึงเป็นที่มาของกาแฟอาราบิก้าโครงการหลวง "กาแฟของในหลวงรัชกาลที่ 9" นั่นเองค่ะ

 
>> แหล่งความรู้เรื่องกาแฟชั้นดี คอฟฟี่เลิฟเวอร์ห้ามพลาด
 

อ่านตอนแรกถึงกับสะดุ้ง ลูกผสมชั่วที่ 3!!  อะไรคือชั่วที่ 3 ...
พี่เจ้าหน้าที่วิจัยอธิบายให้ฟังว่า คำว่า "ชั่ว" ในทางการวิจัยใช้กับการสืบทอดทางพันธุกรรม ถ้าเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ คำว่า "ชั่วที่ มีความหมาย = รุ่นที่" นั่นเองค่ะ

 

     อย่างที่บอกนั่นล่ะค่ะว่า ที่นี่เน้นวิจัยกาแฟอาราบิก้า ดังนั้นที่นี่จะมีแปลงคัดเลือกและทดสอบต้นกาแฟอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ ... แต่ละแปลงก็จะมีป้ายแนะนำกาแฟแต่ละรุ่นติดอยู่ โดยกาแฟอาราบิก้ารุ่นแรกที่นำเข้ามาในประเทศไทยนั้นมาจากประเทศโปรตุเกส จนในตอนนี้มีทั้งหมด 6 รุ่นแล้ว ซึ่งในการเพาะปลูกกาแฟนั้นก็มีรายละเอียดต่าง ๆ มากมายกว่าจะมาเป็นกาแฟหอม ๆ ในเราได้ดื่มกัน ทั้งความสมบูรณ์ของดิน สภาพอากาศ หรือแม้กระทั่งพืชที่ปลูกแซมเพื่อให้ร่มเงา ทุกอย่างล้วนมีผลต่อคุณภาพของเมล็ดกาแฟทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ




 

     ... ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่พี่เหมี่ยวได้เห็นผลกาแฟสด ๆ ที่อยู่บนต้นกาแฟ พี่เจ้าหน้าที่วิจัยประจำสถานีฯ พาเราไปดูทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพาเข้าไปดูแปลงเพาะกล้า การปลูก การดูแลรักษาต้นกาแฟให้สมบูรณ์เพื่อให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ จนกระทั่งการเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกจากต้น และนำเข้าไปสู่กระบวนการผลิตเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟคั่วหอมกรุ่นคุณภาพดี การได้มาเที่ยวที่นี่ทำให้พี่เหมี่ยวได้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟเยอะเลยล่ะค่ะ ...


แปลงเพาะต้นกล้ากาแฟ


โชคดีไปเจอตอนที่ แม่อุ๊ย กำลังเก็บผลกาแฟพอดี บอกเลยว่าโปรมาก เก็บแป๊ปเดียวได้เต็มตระกร้าแล้ว


ฝีมือของแม่อุ๊ย ... จริง ๆ อยากลองเก็บดูบ้างเหมือนกัน แต่กลัวทำผลผลิตเค้าเสียดาย ยืนดูเฉย ๆ ก็แล้วกัน


นี่คือเมล็ดกาแฟที่ได้จากการสีเปลือกแล้ว ... หลังจากนี้ต้องนำกาแฟไปแช่น้ำอีกหนึ่งรอบ แยกเมล็ดที่ลอยน้ำทิ้งไป ส่วนเมล็ดที่จมน้ำก็จะนำมาหมักจนเมือกเปื่อย และนำไปขัดเมือกออก แช่น้ำเพื่อกำจัดของเสียจากการหมัก นำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำ และนำไปตากแดดอีก 7-10 วัน จึงจะได้กาแฟกะลาคุณภาพดีค่ะ


นี่ไง นำมาตากแดดแบบนี้ ... กว่าจะได้กาแฟกะลานี่ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะคะเนี่ย



กาแฟกะลา หน้าตาเป็นแบบนี้ เหมือนถั่วเลยเน๊อะ

 
>> โครงการหลวงแม่หลอด ไม่ได้มีดีแค่กาแฟ
 

ไม่ได้มีแต่ต้นกาแฟนะจ๊ะ ที่นี่ยังมีแปลงเพาะปลูกผักเมืองหนาวด้วย ...

 

     นอกจากที่สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอดจะเน้นการวิจัยเรื่องกาแฟอาราบิก้าแล้ว ก็ยังมีการทดลองปลูกพืชอื่น ๆ อีกด้วยล่ะค่ะ อย่างเช่น กระวาน , ซุกินีเหลือง , ฟักจานบิน , ออริกาโน่ ,ไชร์ , มะเขือม่วง , พริกไทย ฯลฯ ใครที่ชอบศึกษาเรื่องพืชผักแปลก ๆ ต้องชอบที่นี่แน่นอนเลยค่ะ เพราะเราสามารถเดินชมพืชผักเหล่านี้ได้ตามเรือนเพาะปลูกเลย แต่ต้องระวังนิดนึงนะคะ อย่าทำให้พืชผักได้รับความกระทบกระเทือน ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสียนะคะ ^^ 
 
มะเขือม่วงลูกใหญ่ไซส์เบิ้ม น่ากินมาก 


นี่ไม่ใช่ใบกระเพรานะตัวเธอ ... สิ่งนี้คือ ออริกาโน่ เห็นแล้วหิวพิซซ่าเลย 5555+


กุยช่ายขาว ... กลิ่นไม่เหม็นเหมือนกุยช่ายทั่วไป


นี่คือต้นกล้วยนวลค่ะ ... เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกันนะคะเนี่ย


มองเผิน ๆ นึกว่าต้นขนุน ... แต่ไม่ใช่นะจ๊ะ นี่คือต้นกาแฟลิเบอริก้า เป็นกาแฟที่นิยมกินกันทางแอฟริกาค่ะ


ผลของกาแฟ
ลิเบอริก้า มีขนาดใหญ่กว่าเหรียญบาทอีกนะคะเนี่ย!!
 

     เดินชมต้นไม้ใบหญ้ากันมาเยอะแล้วชักจะหิว ได้เวลาไปหาอร่อย ๆ ใส่ท้องแล้วล่ะคะ ... มาไร่กาแฟทั้งที จะไม่กินกาแฟก็คงเรียกว่ามาไม่ถึงไร่กาแฟสินะคะ ต้องบอกเลยว่าเครื่องดื่มทั้งชาและกาแฟที่นี่อร่อยมากกกก (กอไก่ล้านตัว) อธิบายรสชาติได้ด้วยคำว่า "ละมุน" ทั้งหอม หวานกำลังดี ยิ่งได้กินกับขนมพื้นบ้านอย่างตะโก้ กับขนมหน้าไหม้ บอกเลยว่ามื้อนี้กินลืมอ้วน กินสู้ตาย กินลืมไปเลยว่าเคยไดเอท >< ... หรือถ้าใครที่อยากกินเป็นอาหารคาวที่นี่ก็มีให้บริการนะคะ ต้องบอกเลยว่ามาโครงการหลวงทั้งที ห้ามพลาดอาหารเมนูผักด้วยประการทั้งปวง เพราะผักที่นี่สด ปลอดสารพิษ หวาน กรอบ อร่อย ชิมแล้วจะติดใจ ขนาดคนไม่ชอบกินผักอย่างพี่เหมี่ยวยังกินซะเรียบเลย ... บรรยากาศดี เครื่องดื่มดี อาหารอร่อย แฮปปี้มาก พูดเลย


ทริปนี้ชิมทั้งกาแฟ ทั้งชาเลย ฟินมากอะไรมาก


บ้านดินน่ารัก ๆ กลางไร่กาแฟ


บ้านเล็กในป่าใหญ่ :)


ใครสนใจอยากมาพักที่นี่ สามารถติดต่อได้เลยจ้า


กำลังถ่ายรูปเล่น บังเอิญเจอน้องด้วง


     และสำหรับใครที่มาแล้วติดใจบรรยากาศที่นี่ นอกจากมาเที่ยวชมหาความรู้เกี่ยวกับกาแฟและพันธุ์พืชต่าง ๆ แล้ว สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอดยังมีบ้านพักสำหรับเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ เป็นบ้านพักแบบเอเฟรม และบ้านพักรับรอง หรือถ้าใครอยากได้บรรยากาศแบบ-ปิ้งหน่อย ที่นี่ก็มีบริการพื้นที่กางเต้นท์ด้วยค่ะ นอกจากเที่ยวชมบริเวณสถานีวิจัยฯ แล้ว ห่างจากสถานีวิจัยเพียง 1 กม. จะมี "น้ำตกหมอกฟ้า" (หรือ น้ำตกตาดหมอก) เป็นน้ำตกความสูงประมาณ 50 เมตร ที่เมื่อน้ำตกลงมากระทบแผ่นหินด้านล่างจะทำให้เกิดละอองไอน้ำจำนวนมากดูคล้ายกับสายหมอก นอกจากนี้ก็ยังมี น้ำตกตาดเจียงฮาย เป็นน้ำตกขนาดเล็ก และน้ำตกตาดผาลาด น้ำตกที่มีความสวยงามเป็นลานหินกว้างมีน้ำไหลผ่านเหมาะสำหรับการลงเล่นน้ำ สัมผัสบรรยากาศสดชื่อเย็นสบาย
 
     เต็มอิ่มกับบรรยากาศดี ๆ ที่สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอดกันไปแล้ว สถานีต่อไปพี่เหมี่ยวจะพาทุกคนขึ้นดอยไปนอนชมทะเลดาว ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ดอยม่อนเงาะ กันค่ะ บรรยากาศจะดีแค่ไหนรอติดตามชมกันได้เลยค่ะ ^^

แสดงความคิดเห็น

>